cyber_aum
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




<*center><*/center>
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cyber_aum's blog to your web]
Links
 

 
Japan Trip Day#2~Ichiran Ramen & Osu Kannon

มาต่อกันอีกภาค...แต่สัญญาว่าจะไม่เป็นมหากาพย์อย่างแน่นอน(นะแม่เคท ฮาาา แซวกันเองแระ)

เพียงแต่ว่าภาพเยอะ..เรื่องราวประทับใจมากมาย เลยอยากเก็บไว้ในไดอารี่ซักหน่อยอ่ะเนอะ

นานน๊านนน จะได้เที่ยวที
(จริงๆ รายละเอียดอยากเก็บไว้มากกว่านี้ แต่กลัวคนอ่านจะเบื่อกันไปซะก่อน....แฮร่!!)


ต่อจากไดอารี่ตอนที่แล้ว..ที่เราไปเที่ยว Nagoya Castle กันเรียบร้อย ชาร์ทพลังเตรียมออกลุยกันต่อ

จากปราสาท..เป้าหมายต่อไปของเราคือความภูมิใจของป๊า
เพราะว่าอยากมามากกกก

ก่อนมา..สถานที่นี้เป็นที่แรกที่ป่าป๊าเอ่ยปากว่า


หาข้อมูลให้หน่อยสิว่าที่เมือง Nagoya นี้มีร้านนี้หรือเปล่า?
(เป็นที่เดียวที่เตรียมก่อน VISA Approved อ่ะนะ นอกนั้นไฟรนก้นสุดๆ 55)


นั่นได้แก่ร้านราเม็นอันเลื่องชื่อ "
Ichiran Ramen" หรือที่เค้าเรียกกันว่า "ราเม็นข้อสอบ"

ป่าป๊าบอกว่าจริงๆร้านแล้วเค้าเป็นร้านราเม็นชื่อดังในเมือง
Fukuoka นอกจากดังที่เมืองนี้ยังเป็นร้านดังใน
ญี่ปุ่นเลย....
Wowww
ขนาดนั้นเลย !!!

หาเส้นทางการเดินทางแล้ว..ปาดเหงื่อเล็กน้อย เพราะลงจาก Subway แล้ว ยังต้องเดินอีกไกล

เรียกว่าทริปนี้ไม่ใช่มองร้านทางผ่านกินเพราะเข้าใจว่าที่ญีปุ่น 99% อาหารเค้าอร่อยสุดๆ

แต่ป่าป๊าดั้นมีเป้าหมายร้านในดวงใจ และมีความพยายาม(เป็นอย่างมาก)ที่จะดั้นด้นไปกิน Confused

จนบางทีต้องบอกป่าป๊าว่าเอาร้านแถวนี้ก็ได้ ฮา...
(ทริปกินขนานแท้เหมือนที่มีคนแซว....555)

เมื่อป่าป๊ามีความตั้งใจ...งั้นเราต้องแบกสังขารอันเริ่มจะเหนื่อยล้า
ไปฝากท้องไว้ร้านนี้ซักหน่อยแล้ววววว


...Ichiran Ramen...




 การเดินทาง: จาก Nagoya Castle
เราก็นั่ง Meijo Line (สายสีม่วง) ไปลงสถานี Yaba-cho ได้เลย

ขึ้นมาจาก Subway ทางห้าง
Matsuzakaya South เดินมุ่งหน้าไปทาง Matsuzakaya
North
แล้วเลี้ยวซ้าย

จาก
Maysuzakaya เดินไปทาง Nagoya Park
ข้ามไป 3 แยก (ผ่านร้าน Loft ใหญ่ๆ) ร้านจะอยู่ด้านขวาค่ะ


++ฝากแผนที่ไว้ด้วย เพราะเดินยากเหมือนกัน++




ร้านนี้นอกจากความอร่อย
เอกลักษณ์ของเส้นราเม็งแบบกลมๆเล็กๆอันเหนียวนุ่มแล้ว


ยังมีความแปลกของการกิน
จนเป็นที่มาของชื่อร้านแบบที่คนไทยเรียกกันว่า
ราเม็งข้อสอบ

จะเป็นข้อสอบได้ไง...เด๋วเรามาดูกันค่ะ


...


 เดินเข้าร้านไปแวร๊บบบบเหลือบไปมองที่ว่างกันก่อน...จะเห็นได้ว่ามันเป็นแถวๆ
ล๊อคๆ





แล้วก็หันมากดราเม็งกันค่ะ
ราเม็งที่นี่มีเส้นแบบเดียว กลมๆ เส้นเล็กหน่อย เหนียวนุ่ม


ราคาต่อ
1 ชามก็ 790Y ค่ะ
และที่ขึ้นชื่อคือไข่ยางมะตูมอยากกินๆๆหยอดไปอีก
100Y

หรือถ้าใครอยากจะเพิ่มเส้น ก็เพิ่มได้ เลือกปริมาณเส้นที่จะเพิ่มได้ ประมาณ 160Y ++





หยอดเหรียญ กดสั่งกันเรียบร้อย ก็จะได้บัตรออกมาแบบเน๊....


++2 ใบนี้คือราเม็นกับไข่ยางมะตูมของอุ๋มเอง++

(แต่อย่าดูของพี่แมน ว่ามีกี่ใบนะ อย่างเพียบบบบ 55)




 จากนั้นเราก็เดินเข้าห้องสอบกันค่ะ...ไอ้ที่เราเห็นเป็นล๊อคๆๆๆๆ ตรงเครื่องที่แสดงที่ว่างนั่นเอง

เหมือนมาเลือกตั้งซะไม่มี 55 เลือกในสุดจะได้ไม่เกะกะใครเพราะว่ามีเด็กหลับอีก 1 คร่อกสบายอยู่บนตัก


++อุ๋มอยู่ท่านี้ป่าป๊าเลยรับหน้าที่เป็นตากล้องรูปในร้านนี้ทั้งหมด++


เข้ามาประจำที่สอบก็จะเห็นข้อสอบวางเตรียมพร้อมไว้ให้ที่ห้องสอบแร้น

แต่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เราสามารถ
request กระดาษข้อสอบ
version inter ภาษาอังกฤษกันได้


++เบลอๆๆ++


ข้อสอบนี้ขอบอกว่า ..............
ห้ามลอก
!! คำตอบใครคำตอบมัน



เลือกกันได้เลยว่าจะเอาเส้นนุ่มแค่ไหน
น้ำซุปค้นแบบไหน มันแค่ไหน เผ็ดแค่ไหน ใส่ไม่ใส่อะไรฯลฯ


ทำข้อสอบเสร็จ
ก็กดเรียกคุณครูมาเก็บข้อสอบไปตรวจกันเลยค่ะ กดปุ่มสีแดงนี่เลย


แล้วก็ส่งข้อสอบพร้อมบัตรที่เราไปกดมาเลยค่ะเป็นการ
แสดงว่าช๊านเสียตังค์แล้ว

จากนั้นก็นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ


++กดโลด++


ระหว่างนั่งรอเราก็มองซ้ายยยย มองขวา
มีแก้วน้ำอยู่ด้านบนกับก๊อกเน๊...กดน้ำทานกันได้โลด


++สะอาด ไว้ใจได้จ้า++



จากนั้น..ไข่ต้มยางมะตูมก็ถูกเสริฟไว้ตรงหน้า
แต่ว่าเนื่องจากอุ้มฟี่ที่หลับคร่อกตั้งแต่ร้าน
casio ใกล้ๆ

ป่าป๊าเลยเอาไปปลอกให้ ที่นี่เค้ามี
manual การปลอกไข่แนบมาด้วยเลยไม่ได้ถ่ายเลยจ้า

เห็นแล้วนึกถึงหน้าท่านโน๊ตอุมดมขึ้นมาทันที ญี่ปุ่นเค้ามีที่มาที่ไป มีประวัติ 5555

ถ้าเป็นคนไทยคงแบบว่า เฮ้ย..กลัวปลอกไม่เป็นละงายยย แต่ที่นี่เค้าใส่ใจ..

กร๊ากก ลอกเดี่ยว 8 มารุย แต่อ่านไม่ออกน้าว่าที่เขียนยุบยิบอีกด้านนั้น คือประวัติไข่ยางมะตูมละป่าวง่า

อาจจะมีประวัติมากว่า 1000 ปีแล้วก็ได้ LOLLOL


++ไข่มาแย้ว++


วิธีเค้าคือ..ต้องตอกไข่ตรงกลาง
แล้วฉีกเปลือกไข่ออกเป็นแนวยาวก่อน แล้วเอาเปลือกด้านหัวท้ายออก


อื่ม...ถ้าไม่ปลอกแบบเน๊..จะไม่อร่อยป่ะคร้า
5555


ซักพักเดียว..ราเม็งของเราก็มาเสริฟตรงหน้านี่แล้วววว
ฮี้ววววววววววว
!!

เสิรฟเสร็จปิดม่านไม้ด้านหน้าโลด
ใครจะซดยังไง ดังยังไง ก็ไม่ต้องสน

แต่คนที่นั่งถัดไป 3 ที่นี่ซดจนดังมาดึงที่นั่งเค้าเรย เหอๆๆ

++ซักชามมั๊ยเอ่ย++



แว๊บบแรกเลยที่มองลงไปในชามราเม็น
Chaasyu
ของเค้าไม่มันเรียกพี่เหมือนราเม็งแถวบ้านเรา


ปกติบ้านเรา
love love กัน Bankara
Ramen มากก แต่แบบว่า chaasyu ที่นี่น่าหม่ำกว่าอีกกกก


ทันทีที่ซดน้ำซุปเข้าปาก อื่มมม
หวานนน หอมมมมม น่าลิ้มลองจริงๆ


เส้นก็เหนียวนุ่ม
รสชาติเผ็ดกำลังดีที่เลือกเอาไว้จัดได้ตามที่ทำข้อสอบไว้เลย


ซดซรวบๆๆ อร่อยๆๆๆ
กินเสร็จเด็กน้อยตื่นมาพอดี
5555 รู้เวลาจริง

เห็นเส้นราเม็งตาวาวว
เพราะโทรฟี่ได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ ชอบกินราเม็งเหมือนเพ่แมน
มากกก

เลยกินเส้นราเม็งกับซดน้ำซุป
หมูไข่ไม่ยอมกิน แม่หละกลุ้ม..เส้นอร่อยเกินเป็นอันอิ่มแปล้


ที่นี่ถ้าสังเกตจะมีที่แขวนเสื้อด้านหลังยาวเป็นแถว
ตอนแรกก็สงสัยว่าอากาศก็เย้นเย็นนนทำไมถึงต้องถอดโค๊ทกัน


ก็มาถึงบางอ้อตอนราเม็นเข้าปากนี่แหละค่ะ !!


น้ำซุปอุ่นๆ
ทำให้เหงื่อไหลไคลย้อยกันไปเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้เค้าเลยถอดโค๊ทกันอ่ะนะ
55

อิ่มท้องเสร็จกันหมดพ่อแม่ลูกแล้ว....เดินกลับออกไปข้างนอก อ้าว!! มีห้องสอบรวมนี่

กร๊ากกก..ตอนแรกไม่รู้ ไม่งั้นโทรฟี่คงจะได้นั่งกินสบายๆกว่านี้ แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกันเนอะ


++นั่งสบาย แต่มีห้องเดียวน้า++



เดินเล่นกันแถวนี้นิดหน่อย
(จริงๆมันต้องเดินไกลลลกลับไป Subway อ่ะแฮร่)

มีทั้ง
Loft ร้านนาฬิกา Casio (แต่อย่าเข้าไปเลยย
เพราะมาน
made in Thailand
55)
Nagoya Parkฯลฯ

และห้าง
Matsuzakaya เหมือนเป็นห้างแบรนด์ ไฮโซๆหน่อย (หรือเพราะเดินดูแค่ 2 ชั้นก็มะรู้น้า)


++ย่านนี้++


++Loft ใหญ่เหมือนกันแต่ไม่ได้แวะเลย++



เพลินตาเพลินใจแบบไม่เสียตังค์กันแล้วก็ลง Subway โลดดดด
เพราะอิ่มท้องแล้วเราต้องไปหาอะไรชมให้อิ่มตาสมกับมาเที่ยวซะหน่อย เป้าหมายต่อไปของเราที่พลาดไม่ได้..ได้แก่

..Osu Kannon..




การเดินทาง : จากสถานี Yaba-cho ของ Sunway สาย Meijo Line (สายสีม่วง)

เราเลือกไปลงที่สถานี Kamimaezu เพื่อต่อรถไฟสาย Tsurumai Line (สายสีฟ้า) ไปยังสถานี Osu Kannon
(Exit 2)
หรือ..

ถ้ามาจาก Nagoya Station ขึ้น Higashiyama Line (สายสีเหลือง) มาลงสถานี Fushimi

เพื่อต่อ
สาย Tsurumai Line (สายสีฟ้า) ไปยังสถานี Osu Kannon ได้เช่นเดียวกันค่ะ




ขึ้นมาก็มองป้ายบอกทางที่สะพานลอย (เพราะตรงอื่นมองไม่เห็นป้ายเลย อิอิ) เดินไปซัก 100 เมตรก็ถึงวัดแล้ว
วัดเจ้าแม่กวนอิมโอสึ(Osu Kannon) เป็นวัดที่่โชกุน Tokugawa Ieyasu ย้ายมาจากหมู่บ้านโอสึก ในจังหวัดกิฟุ เมื่อปี 1612

ที่นี่มีสักการะเจ้าแม่กวนอิม และเห็นว่าขอลูกได้ด้วยนะคะ..พี่แมนเลยออกห่างเลย กร๊ากกก


++Osu Kannon++








เดินมาในวัด เห็นภาพครอบครัวมาพักผ่อน หนุ่มสาวก็มาสักการะเจ้าแม่กวนอิมกันค่ะ






ด้านประตูของวัดมีคนพับนกมาแขวนเอาไว้ด้วย ทำให้นึกถึงตำนาน "ซาดาโกะ"

เด็กน้อยชาวญี่ปุ่นที่ราดชีวิตจากการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เมืองฮิโรชิม่า

คนญี่ปุ่นจึงพับนก 1000 ตัวเพื่อให้เทพเจ้าประทานพรให้คนป่วยมีสุขภาพแข็งแรง




ที่ลานวัดแห่งนี้จะมีตลาดนัดและการแสดงทุกวันที่ 18 และ 28 ของเดือนค่ะ ซึ่งเราก็มาไม่ตรงอ่ะน้า แฮร่..
แต่ไม่ต้องกลัวค่ะว่ามาไม่ตรงวันที่ 18 หรือ 28 จะมีอะไรให้ได้เที่ยว(แบบเสียตัง)กันละป่าว
เพราะส่วนใหญ่คนที่มา Osu Kannon ก็จะตั้งใจมาแหล่ง Shopping สำคัญอีกที่
ที่ตั้งอยู่ด้านหลังวัดนี้ด้วยค่ะ แหล่ง Shopping นี้ก็มี่ชื่อเหมือนชื่อวัดเลยเค้าเรียกว่า ย่าน Osu






ย่านนี้เป็นแหล่งขายของ Brandname มือสอง(อันสุดแสนจะใหม่กิ๊ก) กระเป๋า นาฬิกา หาได้ที่นี่

ไปลูบๆ ส่องๆ แล้ว อื่มมมมใหม่มาก (แบบเก่าก็มีถูกลงตามสภาพ) พี่แมนบอกว่าสาวๆญี่ปุ่นเค้าให้หนุ่มๆซื้อให้แล้วก็เอามาขาย

มีทั้งแบบที่ไม่ใช้ หรือใช้แล้วครั้งสองครั้ง พี่ใน Flight ได้ Chanel มาใบนึง ราคากระแทกใจมาก

ส่งตาวิ๊งๆๆๆ ไปที่ป่าป๊า ฮีหลับตาปี๊..กร๊ากกกก
นอกจากของแบรนด์เนม (ซึ่งก็ไม่ได้ติดมือติดไม้กลับมาซักชิ้นหละนะ 55) ก็มีเสื้อผ้าเก่า ชุดแต่งงานยังมี




กิโมโน ยูกาตะ หรือแม้แต่ของเล่นของเด็กๆก็มีหลายร้าน ทั้งมือ 1 มือ 2

ราคาถูกกว่าเมืองไทย แต่เนื่องด้วยว่าแถวนี้ชาวต่างชาติก็อยู่แยะป่าวไม่รู้ ราคาก็จะสูงกว่าอีกที่ๆอุ๋มไปอยู่มาก

บางชิ้นแพงกว่า 1000Y ++ เลยทีเดียวหละ..เพราะฉะนั้นอดใจไปช๊อปของเล่นเย็นนี้กับฟี่ละกันนะ


++เดินเพลิน++


++บิวท์เด็กให้สนใจ PoPo ไปหลายรอบ แต่เธอก็มองและเมิน++



เนื่องจากวันนี้โทรฟี่เก่งมาก เดินเก่งมากอ่ะนะคะ...และก็เหนื่อยมากด้วย

แม่เลยให้รางวัลเด็กดี ให้เลือกของเล่น 1 ชิ้น ซึ่งยุแล้วยุอีกในชิ้นที่แม่หมายปอง

แต่โทรฟี่ก็เลือกในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ราคาไม่แพง 1000Y เอง และชิ้นไม่ใหญ่มากแต่เธอชอบมาก


นอกจากของใช้ พวกของกิน ของพื้นบ้าน ของ Otop แบบเมืองไทย แถวนี้ก็มีนะ

เรียกว่าซื้อพวกของฝาก ของขวัญ ของแจก แถวนี้ก็สามารถละลายทรัพย์ได้เลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้....เราเลยเดินกันแค่ถนน 1 เส้นเท่านั้น เพราะไม่งั้นจะไม่ได้ไปเที่ยวที่ต่อไป(กลัวเสียเงินมากกว่า ฮา)





อ่ะ..ว่าแต่ก่อนจะไปเที่ยวอีกที่ พากิน และพาช๊อปปิ้งของเล่น เครื่องสำอางค์กัน

ขอพักหายใจอีกแว๊บบบ แล้วมาต่อไดหน้าน้า...จบวันนี้ในไดหน้าแน่นอนนนนน
จบไดนี้ด้วยเด็กที่บ้าน....บะบุยค่ะ


LOLLOLLOL







Free TextEditor


Create Date : 01 กรกฎาคม 2554
Last Update : 20 กันยายน 2554 8:55:36 น. 0 comments
Counter : 1548 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.