space
space
space
 
สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
27 สิงหาคม 2565
space
space
space

ลักษณะของเด็ก Gen Z ที่ชอบความสะดวกรวดเร็ว

ปัจจุบันโลกได้พัฒนามากขึ้น ความสะดวกสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างได้มาอย่างง่ายดาย ทำให้ ลักษณะของเด็ก Gen Z ที่ชอบความรวดเร็ว หลายคนกำลังประสบปัญหาในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่อง ความอดทน การพัฒนาทักษะการดำรงค์ชีวิต ทักษะหนึ่ง คือ ทักษะการเข้าสังคม การรอคอย จีงเป็นหนึ่งในทักษะการเข้าสังคมที่ลูกน้อยต้องรับมือ

ลักษณะของเด็ก Gen Z

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เกิมมาพร้อมสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี มีลักษณะนิสัยที่ ชอบความสะดวกรวดเร็ว ไม่ชอบการรอคอย ใจร้อน และมีความอดทนต่ำ ซึ่งหากปล่อยพฤติกรรมเช่นนี้เอาไว้เฉยๆ ย่อมส่งผลเสียในระยาวอย่างแน่นอน ในการจะแก้ไขพฤติกรรมของลูก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องร่วมกันสร้างทิศทาง และเป้าหมายในการสอนลูก ให้รู้จักการรอคอย เพราะเด็กที่ขาดความอดทน ไม่รู้จักรอคอย จะตัวเองเป็นศูนย์กลาง เคยชินกับการที่อยากได้อะไรต้องได้ทันที มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ก็ไม่สามารถอดทนทำให้สำเร็จได้

ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเลี้ยงดู ที่ตามใจมากจนเกินไป หรือขัดใจมากจนเกินไป ทำให้เด็กมีพฤติกรรมในการจะเอาชนะ จนเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งไม่เป็นพฤติกรรมที่ยอมรับของคนในสังคม คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกรู้จักการรอคอย เพราะถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการเข้าสังคมของเด็กในอนาคต

วิธีการเลี้ยงลูกให้รับมือกับการรอคอย

การฝึกลูกให้สามารถรอคอย อะไรได้นานมากขึ้น สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ได้

  1. การไม่ตอบสนองในทันทีที่เด็กต้องการ ควรบอกให้รู้ว่าเมื่อรอแล้วอีกซักครู่ก็จะได้ เพื่อเป็นการค่อยๆ ปลูกฝังว่า ให้เขาได้รู้ว่าไม่จำเป็นต้องได้อะไรในทันที ทุกครั้งเสมอไป
  2. การบอกจุดสิ้นสุดของการรอคอยให้ชัดเจน เช่น “ถ้าอยากกินขนม ต้องกินข้าวให้เสร็จก่อน” เพื่อให้การอดทนรอคอยมีจุดสิ้นสุด ไม่ใช่การรอแบบไม่มีจุดหมาย เช่น บอกลูกว่า “เดี๋ยวก่อน” หรือ “รอแป๊บนึง” เด็กจะไม่เข้าใจว่าต้องรอถึงเมื่อใด
  3. การช่วยลดความรู้สึกกระวนกระวายใจให้เด็กเมื่อต้องรอ หากลูกเริ่มมีท่าทีหงุดหงิด โมโห หรือกระวนกระวายเวลาที่ต้องรอคอยในเวลานานๆ อย่าดุหรือตำหนิ เพราะจะกลายเป็นการกระตุ้นความว้าวุ่นใจของเขาให้มากยิ่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยลดความรู้สึกกระวนกระวายใจลงให้ได้ เช่น ชวนทำอย่างอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือ ถ้าเบี่ยงเบนไม่สำเร็จ ก็จำเป็นต้องใจแข็งและใช้การปลอบใจลูกที่กำลังหงุดหงิดให้รู้สึกผ่อนคลายแทน
  4. การหากิจกรรมที่ต้องใช้ความอดทนทำด้วยกัน เช่น การวาดภาพ การต่อบล็อกไม้ ต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอ ทำสิ่งประดิษฐ์ ฯลฯ เพราะเป็นจากฝึกความอดทนที่ดีแล้ว ยังเป็นการฝึกสมาธิให้ลูกได้อีกด้วย
  5. การฝึกให้เด็กรู้จักรอคอย เช่น ให้ไปเล่นร่วมกับเด็กอื่นๆ ที่ต้องมีการเข้าคิว พาลูกต่อแถวในการรเข้าใช้บริการในร้านอาหาร เข้าคิวเวลาออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือรอคิวในการชำระค่าสินค้า โดยชี้ให้เด็กเห็นว่าทุกคนต่างก็ต้องรอเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
  6. การแสดงความชื่นชม เมื่อเด้กๆสามารถรอจนถึงจุดสิ้นสุด ได้โดยไม่อาละวาดหรืองอแง ด้วยคำพูด ท่าทาง สีหน้า น้ำเสียง การให้คำชื่นชมแก่ลูกที่รู้จักการรอคอย จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เขาสามารถรอคอยในครั้งต่อไป จะส่งผลดีต่อความรู้สึกของลูก และเป็นการสร้างแรงจูงใจในการรออย่างถูกวิธี

เด็กแต่ละคนนั้นมีพื้นฐานของครอบครัวที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้ลักษณะนิสัยต่างๆของเด็กแต่ละคน มีความแตกต่างกัน การฝึกให้รู้จักรับมือกับสถานการณ์ทางสังคมต่างๆของลูก จึงต้องเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับนิสัยส่วนตัว และสภาพสิ่งแวดล้อมของเด็กด้วย และที่สำคัญ คนที่จะทำให้เด็กหนึ่งคนโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เป็นคนที่มีคุณภาพต่อสังคม คือ พ่อแม่ และ ครอบครัว

อ่านบทความดีๆ จากทาง โรงเรียนบ้านพัฒนา 2 ได้ที่ นานาสาระ




Create Date : 27 สิงหาคม 2565
Last Update : 27 สิงหาคม 2565 16:25:50 น. 0 comments
Counter : 338 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 7167747
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 7167747's blog to your web]
space
space
space
space
space