Welcome To ทองหลาง Bloggang ว่างๆ ก็แวะเข้ามา...ยินดีต้อนรับจ้า

ตอนที่ 2


2

 

“ว่าไงนะ...ไม่ถูกใจเลยรึ”น้ำเสียงที่ถามฟังดูก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์นัก กับความเพียรพยายามที่ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ

“ค่ะคุณแม่...ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย”นพมาศเอ่ยกับคุณแม่สามี ในระหว่างการจิบชามื้อว่าง

“เอาใจยากซะจริงเจ้าหลานคนนี้...หาผู้หญิงจากตระกูลดีๆ มาให้ดูตัวจะหมดประเทศอยู่แล้ว ยังไม่ยอมตกลงปลงใจกับใครสักคนหรือฉันต้องใช้มาตรการโบราณ” คุณหญิงกัลยาหมายความถึงมาตรการคลุมถุงชนที่นางพยายามหลีกเลี่ยงทั้ง ๆ ที่อยากใช้มาตรการนี้ใจแทบขาด

“อย่าเชียวนะคะคุณแม่...”นพมาศรีบห้ามหน้าตื่น “กว่าเราจะเรียกตัวตาเดี่ยวกลับมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย...ดิฉันไม่อยากเสี่ยงเสียลูกไปอีก...”

“ฉันรู้อยู่หรอกว่าควรทำอะไร ระดับไหน แต่ถ้ามันจำเป็นต้องเสี่ยง ก็ต้องยอมเสี่ยง” ดวงตาฝ้าฟางหลบลงมองถ้วยชาตรงหน้า ปิดกั้นความนึกคิดที่คู่สนทนาพยายามจะอ่านมันเพื่อประเมินสถานการณ์

“บางทีที่ไม่สำเร็จอาจเป็นเพราะเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตความเป็นส่วนตัวของตาเดี่ยวจนเกินไป...เราลองใช้วิธีใหม่ดูคราวนี้อาจจะได้ผลก็ได้นะคะ”นพมาศเสนอความคิดใหม่

“วิธีใหม่?”

“ใช่ค่ะ”

“ยังไง?”

“ให้อิสระในการเลือกคู่ครอง...”

“ไม่ได้!...”

ถ้วยชาถูกวางกระแทกพื้นโต๊ะเสียงดังจนนพมาศสะดุ้ง แต่ก็ยังฝืนทำใจดีสู้เสือต่อไปอีก “ลองดูหน่อยเถอะค่ะ...ไม่เช่นนั้นอนาคตต่อไปข้างหน้านรานุรักษ์อาจไม่มีผู้สืบทอนสายตรง”

“แล้วถ้าเกิดตาเดี่ยวไปคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาจะทำยังไง...เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ามาตรฐานสะใภ้ของตระกูลนรานุรักษ์อยู่ในระดับไหนแม้ฐานะไม่ร่ำรวยเทียบเท่า แต่ความมีหน้าตาในสังคมจะต้องไม่ด้อย”

“เอ่อ...ดิฉันหมายถึง เราเป็นฝ่ายหาตัวว่าที่เจ้าสาว แต่เราจะไม่ต้องเข้าไปร่วมในการดูตัว ปล่อยอิสระให้หนุ่มสาวพินิจพิเคราะห์ทำความรู้จักกันเองบางที...การที่ตาเดี่ยวไม่เลือกใครเลย อาจเป็นเพราะเก้อเขินที่จะแสดงความต้องการ เรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ยังไงก็ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่” นพมาศพยายามอธิบายเท่าที่สังเกตทั้งสีหน้าและท่าทางของแม่สามีก็คงพอจะมีความหวังว่าท่านจะเห็นด้วยกับความคิดของนาง

“ก็ได้...แต่...จะไปหาลูกสาวบ้านไหนมาให้ตาเดี่ยวเลือกล่ะ...หมดแล้วนะตามรายชื่อที่มีในมือ”

“ถ้าคุณแม่ไม่รังเกียจเรื่องฐานะดิฉันพอจะมีให้คุณแม่พิจารณาอยู่อีกคน...”

“บอกแล้วไงว่าสิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงความมีหน้าตาในสังคมเท่านั้น...เรื่องเงินทอง ความร่ำรวย พวกนี้ฉันมีเยอะอยู่แล้ว...ว่าแต่ลูกสาวใครที่เธอพูดถึง”สีหน้าหญิงชราดูดีขึ้นมาก แม้จะรักษาระดับความเคร่งขรึมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นก็เถอะ

“ลูกสาวเพื่อนที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยมีชื่อของดิฉันเองค่ะ สามีของเธอเป็นถึงศาสตราจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีคนนับหน้าถือตาอยู่ไม่น้อย”

“ก็ดีนี่...ถือว่ามีคุณสมบัติผ่านมาตรฐาน...ว่าแต่...ลูกสาวเขาอายุเท่าไหร่หน้าตาเป็นยังไง แล้วทำงานอะไร”

“อายุราว ๆ ยี่สิบห้าค่ะ หน้าตาสะสวยทำงานอยู่บริษัทท่องเที่ยว” นพมาศหยุดมองคุณแม่สามีเพื่อหยั่งความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายเมื่อยังเห็นความเรียบเฉยของสีหน้า นางจึงเอ่ยต่อ “บังเอิญว่าบริษัทท่องเที่ยวแห่งนั้น เป็นบริษัทที่เรามีหุ้นถืออยู่ค่อนข้างมากทีเดียว”


“ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่หากตาเดี่ยวถูกใจไม่ขัดข้อง เราก็จะได้สะใภ้ที่รู้เรื่องธุรกิจของสามีไม่ใช่นั่งหายใจเป็นกาฝากไปวันๆ เอาเป็นว่า เรื่องนี้ฉันให้เธอจัดการ...”

“ได้ค่ะคุณแม่...การนัดหมายฝ่ายนั้นตามแบบที่เราเสนอไม่น่าจะมีปัญหา”

“ทำไปตามสมควรเถอะ...เฮ้อ...เรื่องหาคู่ให้ตาเดี่ยวฉันเองก็เหนื่อยเต็มทนถือโอกาสหยุดพักผ่อนชั่วคราวก็น่าจะดี”

เมื่อประมุขของบ้านเห็นพร้องต้องกันนพมาศก็คลายกังวล อย่างน้อยก็มีความหวังที่จะได้ลูกสะใภ้จากครอบครัวที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน เมื่อเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน การปรับตัวเข้าหากันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

“ได้ค่ะ...ดิฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด”

“หวังว่าครั้งนี้คงสำเร็จนะ”คุณหญิงกัลยาเอ่ยด้วยความหวังทั้งหมดที่มีอยู่ในใจ...ความหวังที่นางจะได้เห็นทายาทตัวน้อยๆ ของตระกูลนรานุรักษ์ ก่อนที่นางจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายลง

“ดิฉันจะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ”

 
บรรยากาศในวันทำงานยามเช้า ทั้งสดใสและเคร่งขรึม เมื่อคนทำงานต่างก้มหน้าก้มตาทำงานในมือของตนให้เสร็จทันตามเวลาที่กำหนด

กาแฟในถ้วยกระดาษร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นถูกวางลงตรงที่ว่างบนโต๊ะทำงานของอาโปที่กำลังสาละวนอยู่กับกองเอกสารตรงหน้าเธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของกาแฟ ด้วยอาการตกใจ

“นี่ของคุณครับ”

เสียงทุ้ม ๆของผู้จัดการหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น ทำให้อาโปต้องหันไปมองเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ พอเห็นว่าทุกคนมีกาแฟถ้วยกระดาษลักษณะเดียวกัน เธอก็ค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“อยากเลี้ยงกาแฟทุกคนน่ะครับ”วสันต์ให้คำอธิบายสั้น ๆ

“ขอบคุณค่ะ”

“ตั้งใจทำงานนะครับ” เขายิ้มรับคำขอบคุณนั้นก่อนจะปลีกตัวเดินกลับเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปอย่างเงียบๆ

“คนอะไรหล่อได้หล่อดีหล่อไม่มีเผื่อแผ่ให้ใครเลยจริงๆ” ไอรดาเพ้อพก เมื่อเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้เพื่อน “น่าอิจฉานะ...ได้รับกาแฟจากมือผู้จัดการโดยตรงเชียว”

“อิจฉาอะไร...แกก็ได้ไม่ใช่เหรอ”อาโปเหลือบมองถ้วยกาแฟในมือเพื่อน ก่อนจะหันไปให้ความสนใจงานตรงหน้าต่อ

“ก็ไม่ได้กาแฟกับมืออย่างแกนี่นา”

“มันต่างกันตรงไหน”

“ตรงที่ผู้จัดการสุดหล่อกำลังให้ความสนใจแกเป็นพิเศษน่ะสิ” ไอรดาเอ่ย

“พูดไปเรื่อย...”

“จริงๆ...แกลองคิดดูสิ ถ้าคุณวสันต์ไม่สนใจแก แล้วเขาจะลงทุนถือกาแฟมาให้แกเองกับมือเชียวเหรอ อย่างฉันที่นั่งทำงานอยู่ข้างแก แท้ๆ ยังได้รับแจกจากพนักงานคนอื่น”

“อาจเพราะฉันเป็นพนักงานคนแรกที่เขารู้จัก เขาก็เลยให้ความรู้สึกสนิทใจกว่าคนอื่นๆ” อาโปกล่าวแก้

“อืม...ก็อาจเป็นไปได้” ไอรดาพยักหน้ายอมรับด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะมีอีกคำถามที่อยากรู้ไม่แพ้คำถามอื่น“แกไม่ชอบผู้จัดการเหรอ”

“ก็เฉย...”

“หล่อออกปานนั้น แกยังบอกว่าเฉย ๆ ถามจริง...ต่อมรับความหล่อของแกชำรุดหรือเพราะสายตาแกผิดปกติ”ไม่พูดเปล่า มือขาวๆ ก็ถูกยกขึ้นโบกผ่านหน้าเพื่อนไปมา ทดสอบสภาวะการมองเห็น

“ฉันสบายดี สายตาฉันก็ไม่มีปัญหา...แต่ตอนนี้งานตรงหน้ามันยุ่งซะจนไม่มีเวลาสนใจความหล่อของใคร”อาโปตอบ เมื่อปัดมือเพื่อนพ้นไป เธอก็ก้มดูข้อมูลลูกค้าตรงหน้าต่อ

“แล้วถ้าสมมุติว่าผู้จัดการเกิดสนใจแกขึ้นจริงๆ ล่ะ...จะว่ายังไง” ใบหน้าทะเล้นยื่นเข้าไปถามใกล้หู

“ก็ไม่ว่ายังไงหรอก...มันแค่เรื่องสมมุติ”

“เฮ้อ...แกนี่นะ...เป็นฉันหน่อยไม่ได้!”

มือจับปากกาที่กำลังจะบันทึกข้อความลงบนกระดาษมีอันชะงัก...ก่อนจะหันมาให้ความสนใจเพื่อนสายตาค้นคว้าหารอยพิรุธที่อาจจะมีปะปนอยู่ในสีหน้าและแววตานั้น

“ดูเหมือนแกจะให้ความสนใจผู้จัดการมากกว่าปกตินะ...นี่กำลังคิดอะไรอยู่...อย่าบอกนะว่าแกกำลังตกหลุมรัก...”

“เฮ้ย...เปล่าซักหน่อย” ไอรดารีบปฏิเสธพัลวัน

“ถ้าเปล่าก็รีบทำงานเข้าสิยะ มัวเพ้อเจ้ออยู่ได้...อาทิตย์หน้าจะมีทัวร์จากยุโรปเข้ามาจัดเตรียมโรงแรมที่พัก เอาไว้พร้อมหรือยัง” อาโปไม่คิดจะใส่ใจความเพ้อฝันของเพื่อนแม้แต่น้อยถึงผู้จัดการคนใหม่จะอัธยาศัยดีแค่ไหน หัวหน้าก็คือเจ้านาย งานไม่เดินพนักงานตัวเล็ก ๆ อย่างเธอก็ย่อมมีสิทธิ์ถูกหมายหัวแป๊กเงินเดือน

“ส่วนของฉันเสร็จไปตั้งนานแล้ว”ไอรดาเอ่ย

“แน่ใจ?...”

“ก็ได้ๆ ทำงานๆ” ไอรดาเลื่อนเก้าอี้กลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะมองไปยังห้องทำงานของผู้จัดการทว่าเมื่อเห็นคนที่กำลังส่งสายตาพิฆาตมาจากโต๊ะเลขานุการที่ตั้งอยู่หน้าห้องนั้น ก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับหมดอารมณ์ฝัน

แม้มีงานกองอยู่ตรงหน้า ทว่าความคิดยังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่งาน ไอรดารู้ดีถึงความฝันของเพื่อนรัก เพราะความฝันนั่น เธอจึงอยากให้อาโปมีความรัก ได้แต่งงาน ความฝันของอาโปเรื่องการย้ายไปทำงานต่างประเทศจะได้ถูกล้มเลิก เธอกับอาโปจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนว่าความหล่อของผู้จัดการไม่มีอิทธิพลพอที่จะทำลายกำแพงหัวใจของอาโปได้เลยซักนิดอาโปยังคงเฉยเมยเป็นพวกความรู้สึกช้า เป็นเธอซะอีกที่เกิดอาการหวั่นไหวเมื่อได้พูดคุยหรือสบตากับท่านผู้จัดการแม้ในยามเผลอ

อาการสั่นของโทรศัพท์ที่ถูกตั้งระบบเอาไว้ดึงความคิดเฟ้อฝันที่ล่องลอยออกทะเลไปไกลของไอรดา ให้กลับมาสู่สภาวะความเป็นจริง นิ้วเรียวคว้าเครื่องสื่อสารขนาดจิ๋วขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอก่อนจะกดรับสัญญาณ

“สวัสดีค่ะแม่...โทรมาตอนนี้มีอะไรหรือเปล่า...หรือว่าจะเดินทางกลับก่อนกำหนด” ไอรดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์กับมารดาที่เดินทางไปศึกษาดูงานยังต่างประเทศกับบิดา

“มีกำหนดจะอยู่ต่ออีกสัปดาห์หรือคะ...ไม่เป็นไรค่ะไอซ์อยู่ได้...แค่มีของฝากมาฝากไอซ์เยอะหน่อยก็พอ”ยิ้มให้กับความห่วงใยของมารดาที่แม้เวลานี้เธออายุย่างเข้ายี่สิบห้าแล้ว ก็ยังได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากเด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ด

“อากาศที่โน่นเป็นยังไงบ้างคะ...คงไม่ร้อนเหมือนที่นี่สินะ...ดีจัง...รู้อย่างนี้เขียนใบลาติดตามไปเที่ยวด้วยก็ดี...แหะๆๆ...รู้ค่ะว่าช้าไปซะแล้ว...”รอยยิ้มแหยๆ ปรากฏบนใบหน้า ก่อนจะเปลี่ยนไปอีกแบบ “ค่ะไอซ์สบายดี มีความสุขไม่ได้หนีเที่ยวที่ไหนเลย เป็นเด็กดีเลิกงานกลับบ้านตรงเวลาไม่เชื่อถามอาโปดูได้” สีหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม แปรเปลี่ยนมาเป็นจริงจัง

“รู้ค่ะว่าต้องทำอะไรเชื่อใจลูกสาวคนนี้เถอะ...ไม่ทำให้แม่ผิดหวังแน่นอน” แววตาเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่ดึงดูดให้สายตาคมกล้าคู่หนึ่งเพ่งมองด้วยความพลั้งเผลอ เมื่อบังเอิญเงยหน้ามองผ่านผนังกระจกออกมาเห็นเข้าพอดี
วสันต์ถึงกับลูบปลายคาง เมื่อสายตาไม่อาจละไปจากใบหน้าพนักงานสาวที่ยังไม่ทันได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร เขารู้สึกทึ่งกับสีหน้าแววตาของเธอที่เปลี่ยนแปลงไปได้หลายรูปแบบราวฤดูกาลที่แปรปรวน รอยยิ้มของเธอทำให้เขายากจะถอนสายตาออกห่าง อากัปกิริยาง่ายๆ เหล่านั้นดูน่ารัก ให้ความรู้สึกสบายตาสำหรับคนแอบมองได้ไม่น้อย ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าเขาจะมองข้ามการทำความรู้จักกับพนักงานคนนี้ ทั้งๆ ที่เธอเป็นเพื่อนที่ดูก็รู้ว่าสนิทสนมไม่น้อยกับอาโป...ผู้หญิงที่เป็นความประทับใจแรกในสถานที่ทำงานแรกของเขา

“หือ...” จู่ๆ หัวใจของเขาก็ชาวูบเมื่อเห็นสีหน้าชนิดหนึ่งปรากฏขึ้น ความกังวลใจ ความไม่สบอารมณ์ ความโกรธ และอื่นๆ ที่แม้จะอ่านออกไม่หมด แต่โดยรวมแล้วมันดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเธอยังยิ้มหัวอย่างมีความสุขอยู่แท้ๆ

แล้ววสันต์ก็ต้องรีบหลบเปลือกตาลงมองแฟ้มงานในมือเมื่ออีกฝ่ายหันมองมา สายตาเหมือนเจาะผ่านผนังกระจกเข้าสบตากับเขาอย่างจัง...

วสันต์ค่อยๆ เหล่ตาขึ้นมอง...จึงเห็นเธอคนนั้น เลื่อนเก้าอี้ไปประชิดอาโป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจ...จริงๆ แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องหลบสายตาเธอก็ได้ ทว่าห่วงความรู้สึกอีกฝ่าย กลัวเธอไม่สบายใจ อาจจะคิดไปว่าการมองของเขาคือการจับผิด

“แย่แล้ว...ทำยังไงดีล่ะอาโป...ตายแน่ๆ งานนี้ฉันตายแน่ๆ” ไอรดาโวยวายขึ้น แม้บังคับเสียงไม่ให้ดัง แต่ด้วยสีหน้าท่าทางของเธอที่เลื่อนเก้าอี้ที่มีล้อหมุนเข้าหาเพื่อนรักที่กำลังตั้งใจทำงานก็ดึงดูดความสนใจของพนักงานคนอื่นได้ทีเดียว

“อะไรของแกอีกล่ะยัยไอซ์...งานวันนี้ของฉันจะเสร็จไหมเนี่ย”ทั้งถามทั้งบ่น แต่ก็ยังอุตส่าห์พักยกงานหันมาให้ความสนใจเพื่อนที่กำลังทำหน้าจะเป็นจะตาย

ไอรดามองซ้ายมองขวา เห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นกำลังจ้องมองอยู่ เธอจึงต้องโน้นหน้าเข้าไปชิดติ่งหูเพื่อนกระซิบเบาๆ ถึงปัญหาที่จู่ๆ ก็ต้องมาเผชิญอย่างไม่ได้ตั้งตัว เรื่องแบบนี้จะไปป่าวประกาศก็ใช่ที่

“หา! ว่าไงนะ...แกถูกนัด...อุ๊บ...” ประโยคหลังถูกปิดกั้นด้วยมือนุ่มๆ ของเพื่อนที่ตะปบปิดปากเอาไว้ได้ทัน

“เงียบๆ สิ เรื่องน่าอายแบบนี้ เดี๋ยวคนอื่นก็รู้กันหมดหรอก”ไอรดาดุ สีหน้ายังเคร่งเครียดไม่จาง

“เอายังไงดีล่ะแก...ช่วยฉันคิดที”

อาโปมองเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกแล้วก็ถอนหายใจ...ทว่าตอนนี้ เธอยังไม่อาจแสดงความคิดเห็นอะไรได้มากไปกว่า... “เลิกงานแล้วค่อยว่ากัน...แกรีบทำงานของแกให้เสร็จ...ก่อนที่คุณไพลินจะมาเฉ่งหัวแก...โน่นไงเดินมาโน่นแล้ว”

“ว่าไง...บริษัทจ้างมาทำงานนะยะไม่ได้จ้างมาคุย...อาทิตย์หน้าทัวร์จะเข้าตั้งหลายที่ เตรียมพร้อมกันหรือยัง โรงแรมที่พัก ทั้งเชียงใหม่ ทั้งภูเก็ต ประสานทางโน้นให้เรียบร้อย อย่าให้เกิดปัญหาเชียว”

น้ำเสียงของไพลิน...ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ที่ควบตำแหน่งเลขานุการชั่วคราวดังพอที่จะทำให้พนักงานหลายคนหดคอเก็บตัวเงียบกริบ

“คุณไอรดา!”

“คะ...ค่ะ...”เพราะเสียงดังแกมท่าวางอำนาจ รวมทั้งสายตาพิฆาตคู่นั้นของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวถึงกับใจสั่นตอบรับแทบไม่ทัน

“มีทัวร์ชุดใหม่จากญี่ปุ่นจะเข้าประเทศต้นเดือนหน้า...คุณช่วยไปรับงานแล้วก็จัดการติดต่อแต่ละฝ่ายให้เรียบร้อยอย่าให้มีปัญหาเหมือนคราวที่แล้วล่ะ...เข้าใจมั้ย”

ไอรลดานึกไปถึงปัญหาความบกพร่องของเธอเรื่องการติดต่อไกด์นำเที่ยวของคณะทัวร์พิเศษจากอังกฤษที่เธอลืมตรวจสอบ จึงไม่รู้ว่าไกด์ที่มีอยู่ติดงานทุกคน งานคราวนั้นเธอเกือบซวย โชคยังดีที่ได้อาโปมารับหน้าที่เป็นไกด์ทดแทน และจากกรณีนั้นเธอจึงถูกนางมารลี้มกโช้วเพ่งเล็งหมายหัว“รับประกันได้เลยค่ะ...ครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย...”

“ดี...รีบไปทำงานได้แล้ว”สั่งเสร็จนางมารกวาดมองพนักงานทุกคนด้วยสายตาคมดุ ยิ่งกว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของเธอ

“ไว้เลิกงานค่อยคุยกัน...ตอนนี้รีบทำงานให้เสร็จก่อนเถอะ”อาโปเอ่ย...

“แกต้องช่วยฉันนะ...รับปากสิ”

“เออน่ะ...จะช่วยเท่าที่จะช่วยได้ล่ะ”

“ไม่เอา...ต้องช่วยให้ได้สิ”คนเจ้าปัญหายังคงดึงดัน

“เออๆ...ต้องช่วยได้แน่นอน...พอใจหรือยัง”

เมื่อเพื่อนรับปากไอรดาก็ค่อยผ่อนคลายความรู้สึกกังวลลงไปได้ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็ยังดีกว่าตอนได้รับข่าวจากมารดาเป็นไหนๆ
 

ณ ห้องทำงานรองประธานบริหารบริษัทสาขาใหญ่ของเครือนรานุรักษ์ห้องทำงานที่เน้นความเงียบสงบ เรียบง่าย มีของตกแต่งห้องน้อยชิ้น ได้แก่ภาพเขียนรูปภูเขาสูงตระหง่านท่ามกลางป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์และแจกันดอกไม้ประดิษฐ์ที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกส่วนเฟอนิเจอร์อย่างอื่นจะเป็นตู้เอกสาร ชั้นหนังสือ และเครื่องปรับอากาศอันถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่เกี่ยวกับรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะและเปิดออกกว้างพอจะให้ถวิล ที่ยืนอยู่หน้าประตูเดินผ่านเข้ามาได้ ทันทีที่ได้รับอนุญาตด้วยท่าทางพินอบพิเทาเคารพเป็นที่สุด

“มีเรื่องอะไรด่วนหรือเปล่า”เสียงทุ้ม

“นายแม่ส่งกำหนดการดูตัวครั้งใหม่มาให้นายน้อยครับ”

ปากกาที่กำลังจะจดอะไรบางอย่างลงในแฟ้มงานมีอันต้องชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่เจ้าของจะเริ่มบังคับให้มันทำงานไปอย่างปกติ
“วางเอาไว้ แล้วกลับไปบอกนายแม่นะว่า ถ้าไม่มีธุระเร่งด่วน ฉันจะไปตามกำหนด” ชายหนุ่มเอ่ย

น้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งบอกอารมณ์ ความรู้สึกเช่นเคย...ถวิลได้แต่ถอนหายใจเบาๆ บุคคลภายนอกคงมองว่านายน้อยของเขานั้นช่างเป็นชายหนุ่มที่เรียบง่าย เชื่อฟัง และตามใจผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยขัดหรือคัดค้าน แต่ใครจะรู้ดีไปกว่าเขาหรือคนในครอบครัวผู้ได้สัมผัสใกล้ชิดว่า นี่แหละตัวอย่างของเป็นคนดื้อเงียบขนานแท้ ท่านเคารพความคิดเห็นของตนเองมากกว่าที่จะถูกชักจูงไปตามกระแส...

ดูจากการเลือกคู่...นายน้อยไม่เคยเอ่ยปากปฏิเสธหรือแสดงอาการรำคาญ ในการจัดหาคู่ของนายท่านและนายแม่...ผู้หญิงนับสิบนับร้อยที่มีรูปร่าง หน้าตาฐานะทางสังคมเลิศเลอเสมอกัน ไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คนล้วนไร้การตอบสนองทั้งสิ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าหากนายน้อยไม่ต้องการ...คำตอบก็คือไม่ต้องการ...ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปได้

“ครับนายน้อย...” ถวิลวางซองเอกสารไว้บนโต๊ะตามคำสั่ง ก่อนจะถอยออกมายืนในระยะห่างพอเหมาะ

“มีอะไรอีกหรือ” แม้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ผู้เป็นนายก็รู้ว่าคนใกล้ชิดยังไม่ขยับออกจากห้องตามคำสั่ง

“คือว่า...คราวนี้นายท่านกับนายแม่จะไม่ไปด้วยนะครับ ท่านเปิดโอกาสให้นายน้อยทำความรู้จักกับฝ่ายนั้นก่อนซักระยะแล้วท่านค่อยจะขอคำตอบทีหลัง”

คำบอกเล่าของถวิลทำเอาคนฟังถึงกับเลิกคิ้วคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ชายหนุ่มหมุนปากกาในมือไปมาสองสามรอบก่อนจะเอนหลังพิงเบาะนุ่ม “คราวจะมาไม้ไหนอีกล่ะ...”เขาพูดกับตัวเอง ทว่าคนที่ได้ยินกลับไม่เข้าใจ

“ไม่ทราบครับ...แต่ผมว่านี่ถือเป็นเรื่องดีเชียวนะครับ”

“อืม...เข้าใจแล้ว...ไปบอกนายแม่เถอะฉันไม่ขัดข้อง”

“ครับ...” ถวิลรับคำเขาโค้งคำนับอย่างสวยงามก่อนเดินออกไปจากห้องทำงานของเจ้านายอย่างเงียบเชียบ

พอพ้นร่างคนสนิทชลธิศค่อยหยิบซองเอกสารฉบับนั้นมาเปิด ภายในมีรูปถ่ายหญิงสาวหน้าตาสะสวยแนบมาพร้อมเนื้อหาที่ระบุอยู่หน้ากระดาษอย่างละเอียดครบถ้วนซะยิ่งกว่าทะเบียนราษฎร์ ทำให้ชายหนุ่มอดยิ้มขบขันไม่ได้ เมื่อนึกไปถึงสินค้าที่วางขายผ่านออนไลน์ มันดูไม่แตกต่างกันเท่าไหร่เลยจริงๆ
“ชื่อ ไอรดา...อายุ 25...พ่อแม่เป็นอาจารย์

มหาวิทยาลัย...สถานที่นัดพบ...”

ชลธิศถอนหายใจเฮือกใหญ่...เมื่ออ่านไปถึงสถานที่นัดพบ...เอาเถอะ...อย่างน้อยก็นัดดูตัวในภัตตาคารอาหารซีฟู๊ดบรรยากาศญี่ปุ่นที่เขาโปรดปราน...นานแล้วที่ไปได้กินอาหารทะเลแบบนี้ ก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศในการกินข้าวกลางวันก็แล้วกัน...


 

 




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2559
1 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2563 20:33:58 น.
Counter : 1073 Pageviews.

 

ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 25 สิงหาคม 2560 15:38:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นิยายฝันหวาน
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เชิญอ่านนิยายสนุกๆ สไตล์นิยายฝันหวาน



Writer By tonglang
: Copyright © 1999-2008
ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที


Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2559
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 พฤษภาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นิยายฝันหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.