บล๊อกที่จะเขียนวันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากความเรียงในหนังสือของพี่สิงห์ (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) เรื่อง 'ชีวิตภาคทฤษฎี' ชื่อเรื่อง ดอกบัวมีสามเหล่ากับอีกหนึ่งดอกเรื่องมีอยู่ว่า บุญยีเป็นคนโดดเด่นในหลายด้าน เขามีความพยายาม ตั้งใจและใส่ใจในการทำสิ่งต่างๆยิ่งกว่าใคร อีกทั้งเขายังมีความเฉลียวฉลาดกว่าคนอื่น แต่เขาก็เป็นคนถ่อมตน เขาพยายามหาจุดอ่อนของตัวเอง และพัฒนาตัวเองตลอด อีกทั้งเขายังผลักดัน สนับสนุนให้คนอื่นรอบข้างได้พัฒนาด้วย แต่ลึกๆแล้วเขาก็เป็นคนที่ต้องการความรัก ต้องการเพื่อน ฯลฯในอีกด้านหนึ่ง เขาถูกมอว่าเป็นคนน่ารังเกียจ ชอบทำตัวเด่น ทำตัวข่มคนอื่น และถูกมองว่าดูถูกคนอื่นโดยการที่เขาชอบถามเพื่อนว่า 'เข้าใจรึเปล่า' 'ให้เราช่วยอะไรไหม' อีกทั้งเขายังเป็นคนขวางโลกที่ใครๆเข้าไม่ถึง"บุญยีผู้สมควรจะมีความสุข ตอนนี้อยู่ด้วยความพึงพอใจในตนเองเพียงเท่านั้นเหตุใดบุญยีผู้สมควรจะมีความสุขกลับไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก ไม่มีคนเชื่อใจ เหตุใดเขาไร้ซึ่งความสุข ..."พระพุทธเจ้าอาจมองข้ามไปว่า 'บัวที่อยู่เหนือน้ำมักขึ้นอยู่อย่างเดียวดายเสมอ'........................พออ่านแล้วฉันนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ ชีวิตที่เปลี่ยวเหงาของคนเรามันมีต้นกำเนิดมากจากความ'แตกต่าง' อย่างนั้นหรือ ท่ามกลางสังคมภายนอกที่ยกย่องคนเก่ง แต่สภาพจิตใจของคนในสังคมกลับตกต่ำทำร้ายคนที่มีความสามารถ ฉันเชื่อว่าคนที่มีความต่าง มีมุมมองของตนเอง จำนวนไม่น้อยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพราะการมองของคนในสังคมมันจากที่จะเข้าใจและถกเถียงกันในประเด็นนี้ แต่ฉันเชื่อว่าสังคมที่พัฒนานั้น ต้องพัฒนาไปพร้อมๆกับจิตใจของคน หากผู้ใดที่เรียกตัวเองว่าเป็นอนาคตของชาติ เป็นนักพัฒนา แต่หากจิตใจปิดกั้น ไม่เปิดรับ สังคมก็คงพัฒนาได้เพียงในกรอบแคบๆของแต่ละคนและนั่นอาจเป็นสาเหตุของความอาการไร้ซึ่งความสุข...'ในตัวฉันเอง'
สร้างกริตเตอร์
การที่เราได้อยู่อย่างพอเพียงและเพียงพอก็น่าจะสุขแล้วนะคะคุณทิพย์