บรรยากาศข้างในชินคันเซ็นรุ่น N700 นั่งสถานีเดียว 15 นาที ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ ¥2,810 เด็ก ¥1,400
มาถึงแล้วครับ Kyoto station
ลากกระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามเลยครับที่เกียวโตเราจะพักกันที่ Kyoto Tower Hotel
เอากระเป๋าไปเก็บเรียบร้อยแล้วข้ามกลับมาที่สถานี Kyoto ใหม่เข้าไปซื้อตั๋วรถไฟ JR ไป Arashiyama จะไปนั่งรถไฟ Romantic train
การเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ไปที่สถานี Umahori ค่าโดยสารผู้ใหญ่ ¥320 เด็ก ¥160
แล้วเดินมาขึ้นขบวน Romantic train ที่สถานี Torokko Kameoka ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ ¥620 เด็ก ¥310
ในรูปกำลังรอขึ้น Sagano Romantic Train ที่สถานี Torokko Kameoka
รถไฟวิ่งเลียบแม่น้ำ Hozugawa
นักท่องเที่ยวบางคนก็ใช้วิธีล่องเรือตามแม่น้ำ Hozugawa ลงไป
นั่ง Romantic train มาลงกันที่สถานี Torokko Arashiyama
แล้วพากันเดินผ่านป่าไผ่เข้ามาในตัวเมือง Arashiyama
มาตรงสะพาน Togetsukyo
วิวแม่น้ำ
เดินเล่นใน Arashiyama สักพักนึง ก็มาขึ้นรถราง Randen ที่สถานี Arashiyama
ตัวสถานีตกแต่งไฟไว้อย่างสวยงาม
นั่งมาป้ายเดียวก็ลงที่สถานี Randen saga แล้วเดินต่อไปที่ JR Sagaarashiyama ต่อรถไฟ JR กลับไป Kyoto
มื้อเย็นเราอยากไปลองชิม Kaiseki ในเกียวโตก็เลยไปเดินย่าน Gion
แวะเข้าไปร้านนี้
Kaiseki
ทานเสร็จก็กลับที่พัก
วันรุ่งขึ้นตอนเช้าจากสถานี Kyoto นั่งรถไฟสาย nara line ไปที่สถานี Inari
เดินออกจากสถานีก็ถึงทางเข้าศาลเจ้า Fushimi Inari เลยครับ
เดินชมอุโมงค์เสาโทริอิ
เสร็จจากศาลเจ้า Fushimi Inari ก็กลับไปสถานี Kyoto ใหม่ จัดการซื้อ Kyoto Sightseeing One-day Pass ที่ Tourist Info. ในสถานี Kyoto
ราคา Pass ผู้ใหญ่ ¥1,200 เด็ก ¥600 ใช้ได้ทั้งรถเมล์ และ subway
แผนผังเส้นทางเดินรถเมล์ / แผนผังตำแหน่งป้ายรถเมล์ตามจุดท่องเที่ยวสำคัญ
ที่เที่ยวจุดต่อไปคือปราสาททอง วัด Kinkakuji
การเดินทาง : นั่ง subway สาย Karasuma จากสถานี Kyoto ไปที่สถานี Kitaoji แล้วมีทางเดินเชื่อมไปที่ Bus Terminal ต่อรถเมล์สาย 205 ไปลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เดินเข้ามาหน่อยนึงก็ถึงหน้าทางเข้าวัด Kinkakuji
มุมมหาชน
เสร็จจากวัด Kinkakuji ก็จะไปที่วัดน้ำใส หรือ วัด Kiyomizudera กันต่อแต่เกรงว่าถ้านั่งรถเมล์ไปจากหน้าวัด Kinkakuji จะเสียเวลาอยู่บนรถเมล์นานเกินไปรึเปล่าก็เลยจะกลับไปตั้งต้นที่สถานี Kyoto
ก็เดินทางย้อนกลับทางเดิมละครับนั่งรถเมล์สาย 205 ไป Bus Terminal แล้วต่อ subway จาก Kitaoji ไปที่สถานี Kyoto
จากหน้าสถานี Kyoto นั่งสาย 206 ไปลงที่ป้าย Kiyomizu-michi แล้วเดินขึ้นไปบนวัด Kiyomizudera
รูปทางเดินขึ้นไปที่วัด Kiyomizudera
ซุ้มประตูหน้าวัด Kiyomizudera ส่วนที่เป็นเจดีย์กำลังซ่อมแซม
ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ ¥300 เด็ก ¥200
ทางขึ้นศาลเจ้า Jishu
ศาลาหลังใหญ่
น้ำตก Otowa ไหลออกมาเป็นสามสาย เชื่อกันว่าดื่มน้ำนี้จะทำให้ สุขภาพดี, อายุยืนยาว, และสติปัญญาดี
ออกจากวัด Kiyomizudera ก็เดินแวะร้านข้างทางเรื่อยลงมาแล้วก็ต่อรถกลับมาที่สถานี Kyoto
เสร็จภาระกิจวันนี้แล้ว ก็ได้รู้ข่าวว่าป้ายกูลิโกะเวอร์ชั่นใหม่ได้ติดตั้งเสร็จแล้วก็เกิดอยากจะไปดู เลยยอมลงทุนนั่งรถไฟกลับมา Osaka เพื่อมาถ่ายรูปกับป้ายอันใหม่
ค่ารถไฟ JR ต่อ subway จาก Kyoto มา Namba ราคาเที่ยวละ ¥800
ก็เลยได้เห็นป้ายกูลิโกะรุ่นที่หก
มื้อเย็นเลยลองชิมเนื้อย่างกันดู
วันสุดท้ายของทริป ตอนเช้าก็ช๊อปปิ้งเก็บตกกันแถวรอบโรงแรมที่พักบ่ายโมงก็เตรียมตัวลากกระเป๋ากันไปที่สถานี Kyoto เข้าไปซื้อ JR Kansai Area Pass แบบ 1 วัน
ราคาผู้ใหญ่ ¥2,060 เด็ก ¥1,030
เพื่อจะใช้นั่ง Kansai-airport Express HARUKA no.27 ตอนบ่ายสองโมงกว่าๆไปสนามบินใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงสนามบิน