Nikko
 ทริปไปนิกโกะของเราเริ่มต้นที่สถานีโตเกียว โดยจะนั่งชินคันเซนขบวน Yamabiko/Tsubasa จาก Tokyo ไป Utsunomiya แล้วก็เปลี่ยนเป็นขบวน JR Nikko line ไปที่นิกโกะ  ที่สถานีโตเกียว มีร้านขาย Ekiben หรือ ข้าวกล่องในสถานีรถไฟ ชื่อดังอยู่ในสถานี (Eki = สถานีรถไฟ, Ben = เบนโตะหรือข้าวกล่อง) ร้านนี้มีชื่อว่าร้าน Bentoya Matsuri เป็นร้านขายข้าวกล่องที่รวบรวม ekiben จากทั่วญี่ปุ่นมีให้เลือกมากกว่าร้อยชนิด รูปข้าวกล่องที่แสดงอยู่ใน display หน้าร้าน  ซื้อเบนโตะเสร็จ ก็เดินไปรอขึ้นรถที่ชานชาลาหมายเลข 21 รอขึ้นขบวน Yamabiko/Tsubasa เที่ยว 8:08  รถไฟชินคันเซนจาก Tokyo ไปที่ Utsunomiya เที่ยวนี้มี 2 ขบวนพ่วงกัน คือ ขบวน Tsubasa พ่วงกันกับขบวน Yamabiko จะไปแยกกันที่ Fukushima โดยที่ขบวน Tsubasa แยกไป Yamagata ส่วนขบวน Yamabiko วิ่งตรงไป Sendai ประมาณ 9 โมงเช้าก็เดินทางมาถึงสถานี Utsunomiya รูปขบวนชินกันเซนที่เรานั่งมา  จากชานชาลาก็ลากกระเป๋าเดินลงมาข้างล่าง เดินตามป้าย Nikko line ป้ายชัดเจน รับรองไม่หลง แต่อย่าโอ้เอ้นะครับ มีเวลาเปลี่ยนขบวนประมาณ 10 นาที ถ้าตกรถจะต้องรออีกนาน  นั่งขบวน Nikko line มาอีกสักพักใหญ่ ประมาณ 10 โมงเช้าก็เดินทางถึงสถานี JR Nikko มาถึงก็จัดการเอากระเป๋าฝากล๊อกเกอร์หน้าสถานีแล้วมารอ shuttle bus ของ Edo Wonderland ตอน 10:05  รถมาส่งที่หน้าทางเข้า เอโดะวันเดอร์แลนด์ หรือ เอโดะมุระ ที่จำลองเมืองในสมัยเอโดะ โดยจำลองบรรยากาศในสมัยนั้นมาได้อย่างลงตัวทั้งสภาพแวดล้อม บ้านเรือน ร้านค้า ท้องถนนและการแต่งกายของผู้คนที่ราวกับย้อนยุคไปเมื่อ 200 กว่าปีก่อน ซื้อบัตรผ่านประตูแล้วก็เข้าไปกันเลย  ก่อนเข้าเมือง ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ดูว่าหน้าตาเหมือนกับรูปในหมายจับหรือเปล่า  บรรยากาศเมืองจำลองสมัยเอโดะ มีร้านขายของ ขายอาหารต่างๆ  การแสดงการต่อสู้ของนินจาที่เวทีกลางแจ้งกลางหมู่บ้าน  การแสดงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมในอดีตในโรงละครซึ่งจะมีการแสดงเป็นรอบๆ นอกจากนี้ก็มีการแสดงต่อสู้ของนินจาที่โรงละครนินจาด้วย แต่การแสดงบรรยากาศมืดมาก เลยไม่มีรูปมาให้เพื่อนๆดู  เดินอยู่ใน เอโดะวันเดอร์แลนด์ จนถึง 4 โมงเย็น ไม่ได้นั่ง shuttle bus กลับมาเพราะรถหมดตั้งแต่บ่าย 2 โมง นั่งรถเมล์ไปที่สถานี Kinugawa-onsen แล้วต่อรถไฟกลับมาที่นิกโกะ  เดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่ JR Nikko แล้วไปที่โรงแรม Viva Nikko วันรุ่งขึ้น อาหารเช้าที่โรงแรม เนื่องจากสถานที่จำกัด ทางที่พักก็เลยนัดเวลาให้มาทานกันเป็นรอบๆ อันที่เป็นไข่ทำเป็นชิ้นรูปร่างเหมือนพิซซ่าเรียกว่าอะไรไม่รู้อะ แต่ว่าอร่อยมากครับ รูปหน้าตาอาหารและบรรยากาศที่บริเวณส่วนรับประทานอาหาร  หลังอาหารเช้า เราเช็คเอาท์แล้วก็ขอฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม เดินมากันที่หน้าสถานี Tobu Nikko ซื้อ pass เฉพาะโดยสารรถบัสท่องเที่ยวในโซนมรดกโลก (World Heritage Bus Pass) 1 วัน ราคา ผู้ใหญ่ ¥500 เด็ก ¥250 แล้วก็มารอขึ้นรถที่ป้ายรถหน้าสถานี เพื่อที่จะไปเดินเที่ยวชมมรดกโลกที่นิกโกะกัน  ที่แรกที่แวะไปก็ที่ วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple) วิหารหลังใหญ่ Sanbutsu do ภายในวัดรินโนจิ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2191 เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทองสูงองค์ละแปดเมตร 3 องค์คือ - เจ้าแม่กวนอิมพันกร (Thousandhanded Kannon) - พระอมิตพุทธ (Amida Buddha) - พุทธรูปม้าอยู่กลางพระนลาต (Horse headed Kannon) ช่วงที่ไปวิหารนี้กำลังถูกบูรณะโดยการสร้างอาคารชั่วคราวครอบไว้ แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเข้าไปชมภายในได้  ภายในพระวิหารไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ก็เดินดูและสักการะพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในภายใน มีทางเดินให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูการบูรณะซ่อมแซมได้ วิธีการบูรณะนั้น เขาสร้างอาคารชั่วคราวครอบไว้แล้วค่อยๆรื้อชิ้นส่วนออกมาสำรวจ เมื่อทำการซ่อมแซมแล้วก็ประกอบกลับเข้าไปใหม่ให้เหมือนเดิม  ออกจากพระวิหารหลังใหญ่ก็เดินชมรอบๆ ศาลา Dai Goma do (Holy Fire Temple) เป็นหอสวดมนต์ ด้านหน้ามีเรื่องรางของขลัง ไว้ให้บูชากลับบ้าน  เดินต่อไปทางศาลเจ้าโทโชกุ สร้างโดยโชกุนรุ่นที่ 3 ของตระกูลอิเอยะสุ เป็นสถาปัตยกรรมชั้นเยี่ยมของช่างฝีมือที่แสดงถึงการผสมผสานของสถาปัตยกรรมระหว่างพุทธและชินโต  เมื่อเดินผ่านเสาโทริอิหน้าทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุเข้าไป ก็จะพบกับเจดีย์ 5 ชั้น มีลวดลายภาพแกะสลักสัตว์ใน 12 จักรราศีตามปฏิทินจีนประดับเอาไว้ทั้งสี่ด้าน  จากเจดีย์ 5 ชั้น เดินเข้าไปอีกหน่อย เดินขึ้นบันไดผ่านประตูเข้าไป  เมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไป จะเห็นเสาโคมหิน เหล็กและสำริด ตั้งเรียงรายอยู่บนลานหิน เสาโคมพวกนี้พวกไดเมียวสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับดวงวิญญาณของท่านโชกุน  ที่ศาลาไม้หลังเก่าใกล้ๆกันนั้นมี รูปแกะสลักลิง 3 ตัว (Three Monkeys) ในอิริยาบถปิดหู ปิดปาก ปิดตา ซึ่งเป็นหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนา และรอบ ๆ ศาลาหลังนี้ ยังมีรูปแกะสลักเจ้าลิงสามตัวนี้ในอิริยาบถอื่น ๆอีก  รูปแกะสลักลิง 3 ตัว  ถัดมาอีกหน่อยก็พบกับ ประตูโยเมมง (Yomeimon Gate) เป็นประตูใหญ่ทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ ประตูนี้ผลงานศิลปะแกะสลักไม้อันวิจิตรและหลากหลายประดับไว้บนซุ้มประตู แต่ช่วงที่ไปซุ้มประตูกำลังบูรณะซ่อมแซมอยู่ครับ เลยอดชมความงามของซุ้มประตูนี้  กำแพงด้านข้างทั้งสองด้านของประตูโยเมมงก็มีผลงานแกะสลักที่วิจิตรอลังการไม่แพ้กัน  เดินผ่านประตูโยเมมงที่กำลังบูรณะอยู่เข้าไปข้างในก็เจอซุ้มประตูอีกหลังนึง ประตูคารามง (Karamon Gate) เป็นประตูชั้นในก่อนถึงอาคารศาลเจ้าโทโชกุ ภาพแกะสลักและภาพวาดสีขาวสลับบนซุ้มประตูนั้นเป็นศิลปะแบบจีน จีงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ประตูจีน ภายในศาลาของศาลเจ้าโทโชกุนั้นไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพเลยไม่มีภาพให้ดูครับ  ทางด้านขวามือจากประตูใหญ่เป็นทางขึ้นสู่สานท่านโชกุน อิเอะยาสุ บนขื่อซุ้มประตูทางขึ้นสุสานจะมีภาพแกะสลักแมวหลับ (Sleeping Cat) ที่มีชื่อเสียงดังไม่แพ้ลิงสามตัว ผลงานของศิลปิน ฮิโดริ จินโกโร่  จากภาพแกะสลักแมวหลับ มีบันไดเดินขึ้นเขาสู่สุสานที่ฝังร่างของโชกุนอิเอะยาสุ โทกุกาว่า บางช่วงเป็นทางลาดขึ้นเขา บางช่วงก็ต้องเดินขึ้นบันได เดินถึงข้างบนมีเก้าอี้ให้นั่งพัก ก็นั่งหอบกันอยู่พักนึง  สุสานที่ฝังร่างของโชกุนอิเอะยาสุ โทกุกาว่า ผู้ก่อตั้งเมืองเอโดะให้เป็นเมืองหลวงใหม่ (โตเกียว)  กลับออกมาผ่านซุ้มประตูใหญ่โยเมมง ทางด้านขวามือมีศาลายาคุชิโด (Yakushi-do) บนเพดานมีภาพวาดขนาดใหญ่เป็นรูป มังกรร่ำไห้ (Roaring Dragon) ผลงานของช่างฝีมือนามว่า นัมบุ คาตายามะ (Nampu Katayama) ข้างในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพครับ  นั่งรถต่อไปลงที่ป้าย Shinkyo มาชมสะพานซินเคียว เป็นสะพานโค้งสีแดง ทอดข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya River) สร้างจากไม้โดยมีเสาหินรองรับน้ำหนัก ได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่สวยงามอีกแห่งของบรรดาสะพานไม้โบราณในญี่ปุ่น สะพานนี้มีตำนานว่าเทพเจ้าสร้างขึ้นจากงู 2 ตัว เพื่อให้นักบวชสามารถข้ามแม่น้ำขึ้นไปบำเพ็ญเพียรบนภูเขาได้  จากสะพานซินเคียว ก็ต่อรถกลับไปที่หน้าสถานีรถไฟ หน้าตารถ World Heritage Bus ของ Tobu  เอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วก็เดินไปสถานี JR Nikko ขึ้นรถ Nikko line ไปต่อชินกันเซนที่ Utsunomiya กลับไปโตเกียว 
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2557 1:24:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 5833 Pageviews. |
|
 |
|