Group Blog |
I owed you an apology, brother. คนเราจะเห็นน้ำใจกันจริงๆก็ตอนลำบากนี่แหละ ในจำนวนหนุ่มๆทั้งหลายที่เข้ามาขายขนมจีบเนี่ย เราก็รู้แหละว่าส่วนมากก็พวกหมาหยอกไก่แทบทั้งนั้น ซึ่งเราก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะจริงจังอะไรอยู่แล้ว แต่ถึงคราวต้องการแรงงานจากหนุ่มๆ ตอนจะย้ายบ้านเนี่ย อุตส่าห์ป่าวประกาศไปทั่วว่าจะย้ายบ้าน อยากได้คนช่วยขนของ แต่ละนายรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่พอถึงวันจริง โทรมาบอกไม่ว่างกันทั้งนั้น ซึ่งบางส่วนก็อาจจะไม่ว่างจริงๆน่ะแหละ อีกบางส่วนอาจจะเมาค้างยังไม่ตื่น รูมเมทคนใหม่ก็ยังไม่กลับมาจากไปเยี่ยมบ้านตอนปิดเทอม กำลังหนักใจว่าสงสัยต้องได้เสียเงินจ้างรถขนของแน่ๆ ทั้งที่จริงๆของก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอก แต่มันก็ขนคนเดียวขึ้นรถไฟไม่หมดน่ะ แต่แล้วก็มีอัศวินขี่ big bike มาช่วยพอดี!! แถมเป็นคนที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมาด้วย เพราะไม่ได้บอกแต่เค้ารู้จากเพื่อนอีกทีว่าเราจะย้ายบ้าน ถึงใจจะแอบหมั่นไส้ในความเท่ห์ของ big bike และเสียงดังเรียกสายตาชาวบ้าน แต่ก็ประหลาดใจสุดๆเหมือนกัน แต่จะเอามาทำไมยะ big bike เนี่ย ขนของก็ไม่ได้ ให้ซ้อนก็ไม่กล้าด้วยอะ น่ากลัว สอบถามได้ความว่า พี่แกเพิ่งเลิกงานจากกะดึกที่อีก suburb นึง ก็บึ่งมานี่เลย โห...นาทีนั้นมัน...ซึ้งอะ... นาทีนั้นเข้าใจเลยว่าการอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แล้วก็ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง แล้วมีคนหยิบยื่นน้ำใจให้เนี่ย...มันทำให้เราโคตรซาบซึ้งเลย เจมี่ คือชื่อของอัศวินขี่ม้าเหล็กคนนั้น รู้จักกันในผับน่ะแหละ คืนนั้นเที่ยวกันแค่สองสาว เพราะอีกสองสาวแยกตัวไปมีแฟนเรียบร้อยแล้ว ส่วนคุณพี่เจมี่เนี่ยมาคนเดียว เสื้อยืดรัดติ้ว กล้ามกางมาเชียว แถมดูนิ่งๆไม่สนใจใคร ตอนนั้นเรามี stereotype ในหัวว่าพวกเล่นกล้าม หน้าตาดีๆ ใส่เสื้อยืดรัดติ้วเนี่ย เก้งชัวร์ๆ เรากำลังถูกเพื่อนสาวสอนเต้นอยู่ เพราะอีป้าอย่างชั้นที่เพิ่งหัดเที่ยวตอนใกล้สามสิบเนี่ย เต้นไม่เป็นค่ะ ตัวแข็งเก้งก้างมากๆ ยืนผงกหัวมันทุกเพลงน่ะ ได้แค่นั้นแหละ เราก็ถูกเพื่อนประกบหลังสอนให้ส่ายสะโพก อีตาเจมี่ที่เผอิญอยู่โต๊ะใกล้กันก็ยืนมองอมยิ้มอยู่นั่น ด้วยความที่ดีกรีของLกฮกำลังได้ที่ เอ๊ะ นังเก้งนี่มาจ้องอะไรยะ เลยปากกล้าถามไปว่า 'What r u staring at? What's so funny'? พี่แกก็หัวเราะแล้วเดินมาหา 'You going to hurt yourself dancing like that. You need to be relax..loosen up a bit' ว่าแล้วพี่แกก็มายืนประกบหลังแทนที่เพื่อนสาว 'May I?' หนอย มือแตะเอวแล้วจะมาถามทำไมยะ แล้วพี่แกก็สอนเต้น ยักแย่ยักยันกันอยู่พักนึง เค้าก็ถอดใจหัวเราะแล้วส่ายหัวบอกว่า 'you are hopeless' ชิ ก็คนมันไม่เป็นจริงๆนี่หน่า แล้วพี่แกก็แยกไปซื้อเครื่องดื่ม กลับมาอีกทีเรากำลังถูกล้อมด้วยแก๊งค์เด็กจีน ตอนแรกก็เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงมาชวนคุย แล้วก็ชวนไปนั่งที่โต๊ะพวกเค้าด้วยกัน เรามองตามมือไป....มีแต่ผู้ชายทั้งโต๊ะตั้งห้าหกคน....น่ากลัวว่ะค่ะ... หันกลับมามองหน้าเพื่อน แล้วเลยไปสบตาเข้ากะคุณพี่เก้งสุดหล่อพอดี นี่ล่ะวะ ทางชิ่งของกรู....อย่างน้อยกล้ามพี่เก้งก็น่าจะพอทำให้บรรดาอาตี๋เกรงใจมั่งแหละ ว่าแล้วเลยบอกอาหมวยไปว่าเรามากะเพื่อน แล้วก็ทำท่าบุ้ยบ้ายไปทางพี่เก้ง พวกอาตี๋ที่โต๊ะก็ส่งภาษาจีนโล้งเล้งไรมาไม่รู้ เราเลยจับมือเพื่อนแล้วก็ถือโอกาสเค้ากำลังส่งภาษากัน รีบจ้ำไปหาพี่เก้งทันที 'May I join u?..it's getting too crowded over there' เค้าก็คงพอเดาสถานการณ์ออก ก็พยักหน้ายิ้มๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ต่างคนต่างยืนเงียบกันอยู่นานพอสมควร ด้วยเสียงดังและเหนื่อยเกินกว่าจะตะเบ็งคุยกัน จนกระทั่งพี่เก้งทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน 'I'm Jamie..what's your name?' แหม่ เสียมารยาทจังแฮะเรา มาขอเกาะโต๊ะเค้า แต่ไม่ชวนคุยไม่แนะนำตัวเอง จนเจ้าของโต๊ะเค้าต้องเอ่ยปากก่อน ก็แนะนำตัวกันไป ว่าเราชื่ออะไรกัน ก็คำถามทั่วๆไปสำหรับคนเพิ่งรู้จักกัน มาจากไหน มาทำอะไรที่เมืองนี้ ฯลฯ ก็พอดีโทรศัพท์เราสั่นเพราะมีข้อความเข้า เลยหยิบขึ้นมาเปิดดู พอดูเสร็จกำลังจะเก็บ เจมี่ก็พูดว่า 'Can I see your phone?' ด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากก็ส่งโทรศัพท์ให้ดู พี่แกก็จัดการจิ้มเบอร์ตัวเองแล้วกดโทรออกอย่างไว ในขณะที่เรากำลังยืนงงอยู่เลย เฮ้ย ทำไรอะ พี่แกก็ยิ้มกว้างส่งโทรศัพท์กลับมาให้ 'Now I got your number...Can I call you sometime?' เหวอค่ะเหวอ.....นี่ชั้นโดนหลอกเอาเบอร์มือถือไปใช่มั้ย...นี่เค้ากำลังจีบชั้นเหรอ? ตกลงพี่ไม่ใช่เกย์หรอกเหรอ?! งงอะ หน้าชั้นมันคงเอ๋อขนาด...ไม่รู้อ้าปากหวอด้วยรึเปล่า เค้าถึงได้เงยหน้าหัวเราะใหญ่เลย ยัง...นังป้ายังเอ๋อไม่พอ ปากไวโพล่งไปว่า 'Are you hitting on me? I thought you are gay!!' หลุดปากออกไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง ปากไวกว่าสมองจริงๆเลยชั้นนี่ พูดไปได้ไงโคตรเสียมารยาทเลย แต่เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังหัวเราะไม่หยุด 'I can assure you I'm not gay, wanna prove?' หนอย อีตาบ้า อย่าท้านะเฟ้ย....จะส่งน้องเทยไปช่วยพิสูจน์ หลังจากชั้นหายเหวอ แล้วเค้าหยุดหัวเราะได้ อะไรไม่รู้ทำให้ชั้นพูดออกไปว่า 'I don't think you gonna call...you would probably forget my name the next day' เค้าจ้องตาแล้วตอบมาว่า 'I promise I will call' โว้ววว อีตานี่สีตาแปลกดีแฮะ จะว่าฟ้าก็ดูจางๆ มันออกฟ้าๆอมเทา 'Btw,It's already the next day. It's 4 in the morning now' แว๊กกก....มิน่ายัยสองสาวรูมเมทถึงได้ส่งข้อความมาถามว่าเมื่อไหร่จะกลับ มันจะเช้าแล้วนี่เอง |
ยืมแม่มาเล่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |