<<
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
16 กรกฏาคม 2554

ออกจากงานได้แล้วก็สบายใจ คนต่อไปจะไปก็ระวังไว้เถอะ [Maldives]^^"

หลังจากไปผจญ"ภัย" ที่มัลดีฟส์มาปีนิดๆ ในที่สุดก็ได้กลับบ้านซะทีค่ะ

ขอบอกก่อนว่าไม่ใช่ว่างานที่มัลดีฟส์ทุกที่จะไม่ดีเหมือนที่จขบ.เจอนะ
ตาดีได้ตาร้ายเสีย

แต่อย่างไรซะ ก็ขอบอกไว้ก่อนว่าที่ทำงานคุณๆถ้ามาทำงานที่รีสอร์ต จะมีแค่1รีสอร์ตเท่านั้นบนเกาะ
ถ้าสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรต่างๆมีให้ไม่ครบ ก็ต้องทนกันไป
เพื่อนเล่าให้ฟังว่าที่ๆเค้าเคยอยู่มา ไ่ม่มีเครื่องซักผ้าให้ด้วยซ้ำ วันหยุดต้องมานั่งซักมือ

นั่นคือตัวอย่าง

ความบัดซบของงานเรา เกิดจากบริษัทค่ะ
เรามันบ้าเองแหละ บ้าบิ่นมาทำงานกับบริษัทอินเดีย
(ตอนนี้ขอบอกว่าค่าจ้างสูงแค่ไหนก็ไม่เอาแล้ว ถ้าใครจะไปทำก็จะขอห้ามเลย)
เวลาทำงานเราทำให้เต็มที่ แต่อะไรๆมันก็ไม่มีให้พร้อม ปรินเตอร์ขอไปก็ไม่เคยได้
แต่จะเอาเอกสารนั้นนี้ปรินท์เดี๋ยวนี้ สแกนเดี๋ยวนั้น ฯลฯ
ต้องบากหน้าไปรบกวนร้านข้างๆหรือออฟฟิศของรีสอร์ต

นั่นก็ตัวอย่าง

แต่ที่ร้ายที่สุดที่เรากับเพื่อนเจอมาก็คือ ตอนจะให้ทำงานเนี่ย โน่นก็ได้ นี่ก็ได้
เดี๋ยวจะเพิ่มเงินเดือนให้นะ จะให้วันหยุดอย่างงั้นอย่างงี้
ตอนเดือนเม.ย. ถึงเดือนมิ.ย. เราถึงอยู่ต่อ ทั้งๆที่จริงๆอยากจะกลับตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว
เหมือนมันหลอกเรา เพราะพอไปเซ็ทอัพอีกร้านนึง มันบอกจะมีคนใหม่มาทำงานด้วย แต่ก็ไม่มี มีเราอยู่คนเดียว ทำมันทุกอย่าง
รอไปเป็นเดือนก็ไม่มีคนใหม่มา มันบอกว่าโดนแคนเซิลนาทีสุดท้าย (บอกตรงๆว่ากังขาตั้งแต่ได้ยินครั้งแรก ก็มันไม่น่าเชื่อนะ ไม่รู้สิ)
มันต้องเสียเวลาหาคนใหม่
ส่วนเราก็ทวงสัญญาอันใหม่ไปสิ รอ รอ รอ ไม่เคยได้เห็น มันบอกบริษัทสำหรับร้านใหม่มันแยกออกมา อะไรๆ ก็ไม่เสร็จ ต้องรอ

นอกจากที่ต้องคอยทวงเงินเดือนเป็นปกติแล้วยังต้องมาทวงสัญญางานอีก
สัญญาณไฟแดงเตื่อนบนหัวเลยทีเดียว

ดีที่ใครๆก็บอกว่าให้คิดให้ดี ถ้าทำแล้วไม่สบายใจก็อย่าทำเลย

เราเลยบอกมันว่าสิ้นเดือนพ.ค.นี่เราไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยจะกลับไปเกาะเก่าก่อน แล้วจะกลับบ้านกลางเดือนมิ.ย.
ถ้ามันไม่ออกตั๋วให้เราจะออกเอง
มันเลยจัดการมา แต่จนวันสุดท้ายก่อนเดินทางมันยังจะพยายามรั้งเราไว้อีก บอกว่าคนใหม่จะมาอีกสองสามวันให้เราอยู่รอ
แน่นอนเราบอกว่าไม่ได้ ชั้นรอมาจะสองเดือนแล้ว อยู่กับคำโกหกของบ.
และพอดีว่าเพื่อนเราที่เกาะเก่า ได้กลับบ้าน เหมือนเราตอนครบสามเดือนตอนนั้นเพราะ business visaหมด

แน่นอนว่ามันไม่พอใจที่เพื่อนเราไม่ทำงานด้วยต่อ แต่คนที่ฮ่องกงที่ติดต่อกับเพื่อนเราเค้าให้เงื่อนไงมันเองนี่ บอกว่าถ้าลองทำสามเดือนแล้วไม่ชอบก็ไม่ต่อได้ มาตอนนี้มันทำเหมือนไม่พอใจ(หัวหน้าฝ่ายเซลส์ที่ดูแลพวกเราโดยตรง)
แล้วยังไงน่ะเหรอ
มันก็ได้ทีโกงเงินเดือนเดือนสุดท้ายของเพื่อนเรา
โทรไปตาม อีเมล์ไปตามกับใครก็ไม่มีใครรับ หรือติดต่อกลับ

(เรื่องจริงเลยไม่ได้โม้ เดี๋ยวจะลงชื่อเบอร์โทร อะไรไว้ เผื่อใครกำลังจะตกหลุมพลางคนต่อไปจะได้ระวังไว้)

แน่นอนว่าของเราก็โดนโกงด้วย
ทั้งๆที่ก่อนกลับเราจัดการทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย
นับของเช็คทุกอย่างตรวจได้
(รู้งี้เอาของมันไปโยนทิ้งน้ำ หรือเอากลับมาขายเป็นเงินเดือนเราก็ดี)
วันก่อนเขียนอีเมล์ไปทวงมัน แน่นอนว่ามันไม่ติดต่อกลับ
และตอนนี้ลบเราออกจากระบบเมล์ของบริษัทแล้ว (ล๊อคอินเช็คเมล์บ.ไม่ได้แล้วล่ะ)

สมควรไปใส่กระโปรงมาก

ตอนแรกคิดว่าเรื่องการจัดการห่วยๆนี่เป็นเพราะไอหัวหน้าเซลส์ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าของบ.เนี่ยรู้เห็นเป็นใจถือหางมันด้วยหรือเปล่า

มันถึงได้ทำได้ซะขนาดนี้

มันที่เราพูดถึงหลักๆก็คือ Paras Karani ถ้าเอาชื่อนี้ไปเสิร์ชเฟซบุ๊คก็เจอหน้ามันเลย
มันเคยมาทำชีกอกับเราด้วยตอนที่เจอกันครั้งแรก
ปกติไม่เคยเจอ ตอนรับทำงานก็คุยผ่านโทรศัพท์ไง
มาเจอครั้งแรกตอนเพื่อนอินเดียที่ทำงานด้วยกัน หมดสัญญาและจะกลับบ้าน
คืนแรกมามันก็นอนค้างห้องเพื่อนคนนั้น (ผู้ชาย)
พอเพื่อนเรากลับวันรุ่งขึ้นมันพยายามจะชวนเราคุยลามปามไปจนเรื่องอย่างว่า
ทั้งๆที่เราบอกมันว่าเรามีแฟนแล้ว มันก็ยังถามว่าทำไม ไม่ชอบคนอินเดียเหรอ ทำไมไม่สนใจ
มันพยายามชวนขึ้นห้องตลอดบ่ายนั้น เริ่มต้นจากบอกว่าอยากไปดูห้องไหม
(ห้องเก่าเพื่อนที่กลับไปแล้ว และเราบอกว่าเราจะย้ายไปห้องนั้น)

เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราอดทนได้ขนาดนั้น
(คิดๆดูตอนนั้นคงเป็นเพราะว่าเรายังไม่หมดสัญญา ไม่รู้จะทำยังไงได้)
พยายามปฏิเสธมันอย่างสุภาพเป็นร้อยๆครั้งได้
มันก็ชวนขึ้นห้องอยู่อย่างนั้น มันพูดแบบว่า island life ก็แบบนี้แหละ ใครๆก็มั่วกัน
(คือถ้าให้มั่วกับแก ชั้นไปมั่วกับแฟนไม่ดีกว่าเหรอไง)
มันยังหามุกหลอกเด็กมาอีก บอกว่า คิดว่าจะทำอะไรงั้นเหรอ ไม่ทำหรอก แค่ไปรีแลกซ์นอนดูทีวี เปิดประตูทิ้งไว้ก็ได้
นี่มันคงคิดว่าคนอื่นโง่ๆเหมือนเด็กสามขวบมั้งเนี่ย - -"

วันนั้นเลยอาศัยช่วงที่มันเดินไปคุยกับGM เราเลยปิดร้านพักตอนกลางวันแล้วกลับไปห้องเรา มันโทรมาก็ไม่รับ ไปเจอมันอีกทีตอนมันจะเดินทางกลับเลยทีเดียว

ไม่มีอะไรจะบรรยายการพบกันครั้งแรกได้ดีไปกว่า "ขยะแขยง" อ่ะ
แต่มันช่วยให้เราตัดสินใจกลับบ้านได้เด็ดขาดมากขึ้น ตอนแรกยังลังเล

ตอนที่เราจะกลับบ้านตอนเดือนเมษา เจ้าของบริษัทที่ชื่อ Nirav Bhansali ก็โทรมาเกลี้ยกล่อมเรื่องต่อสัญญานั่นแหละ บอกว่าเธอทำงานดียังงั้นยังงี้ อยากได้ทำงานต่อ ชั้นรู้ว่าเธอมีเรื่องเข้าใจผิดกับปาราสแต่ชั้นอยากให้เธอทำงานต่อ บลา บลา บลา

เงินเดือนเพิ่มตัวเดียวแท้ๆที่ทำให้อยากอยู่ต่อ
(แต่แน่นอนว่าในที่สุดก็ไม่ไหวนะ บ.กากๆ)

เพื่อนเราที่โดนโกงเงินเดือน เค้าเคยได้เมล์คุยกับคนไทยอีกคนที่มาทำที่เกาะใหม่แทนเราเมื่อต้นเดือนที่แล้ว (ชื่อเอ๋)
(เราทิ้งเมล์ ทิ้งเบอร์โทรไว้ให้แต่เค้าไม่สนใจจะโทรมา เราก็..อืมมนะ แล้วแต่ละกัน)
บอกเค้าว่าบ.นี้ไม่ดีนะ แต่เค้าก็ไม่สนใจฟังน่ะ บอกว่าเค้าเข้าใจนะ เรื่องเงินเดือนเลทเอยอะไรเอย ฯลฯ เค้าเซลฟ์มาก เราก็คงต้องปล่อยเค้าใช่มั๊ย

ได้ยินล่าสุดก็คือเค้าบ่นเรื่องไม่มีวันหยุด(บอกแล้วไงล่ะ)
แล้วก็ได้ย้ายมาเกาะเก่าเกาะแรกที่เราเคยอยู่แล้ว(เซนทารา)

ส่วนเกาะใหม่ ร้านใหญ่ที่เราไปเซ็ทอัพก็มีคนฟิลิปปินส์สามคนมาทำแทน

โชคดีแล้วกันนะ

ตัวเรากับเพื่อนก็ถือซะว่าตัวเองคงมีกรรมอะไรมา 555
ทำให้ต้องไปผจญอะไรแบบนั้นด้วยกัน (ของเราโดยรวมกับเรื่องเพื่อนในรีสอร์ต เรื่องอื่นโอเคนะที่โน่น ได้เจอคนดีๆหลายคน ได้แฟนด้วย อิอิ
มีเรื่องบ.เรื่องเดียวจริงๆที่ทำให้ลำบากใจ)

ตอนนี้ก็หลุดพ้นแล้ว ถือซะว่าเป็นประสบการณ์


ยังไงฝากท้ายไว้
ถ้าใครหางานเมืองนอกแล้วได้ติดต่อกับชื่อประมาณนี้
Paras Karani +919819196565 +912240981000
Nirav +919867221133
ClassicDiamondsIndia
ArmaanSDW
Essence Boutique
Arrav Hong Kong
ก็พึงระวังไว้นะคะ



Create Date : 16 กรกฎาคม 2554
Last Update : 30 กรกฎาคม 2554 15:26:50 น. 1 comments
Counter : 12095 Pageviews.  

 
https://www.facebook.com/paraskarani

นี่ไง เจอแระ !


โดย: เห็นใจค่ะ (Sun[B]at[h]e ) วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:11:08:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

azur
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Thanks to the things that happened..
Now Im sober from the love that blinded me
I was blind.
But not anymore.


Thanks to my friends here and there.
I survived because your love <3

Now back in Dark Mode
(*_*)> Yosh!

Watch out bad girls! ! !
[Add azur's blog to your web]