กางแผนที่ แบกเป้พาลูกเที่ยว บันทึกการเดินทางเที่ยวเอง แบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบประหยัดและมีความสุข หลงบ้างมั่วบ้างแต่ก็สนุกดังคำกล่าวในหนังสือ Lonely Planet เคยบอกไว้ว่า " หากไม่มีปาฏิหาริย์บังเกิด ก็จงเป็นปาฏิหาริย์นั้นเสียเอง "
|
|||||||||||||
เที่ยวเอง เวียงจันทน์ รอบ14: ตอน1 สงกรานต์เมืองลาว 2011 วัดเซียงควน วัดสีเมือง ณ เวียงจันทน์ เที่ยวเอง เวียงจันทน์ รอบ14: Day1 : 13 เม.ย.2555 การเดินทางครั้งนี้ วางแผนในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์หลายวัน หลังจากเหนื่อยกับคนไข้และภารกิจก่อนวันหยุดยาวในการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ที่ประเทศไทยแล้ว ได้เวลาที่เราจะได้พักผ่อน ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการในเมืองลาวสักที ที่พักในเวียงจันทน์จองล่วงหน้าผ่านagoda โดยเลือกพักโรงแรมตามโซนที่จะเดินเที่ยว แบ่งเป็นสองโซน คือ โซนที่สอง ฟากริมแม่น้ำโขง เลือกโรงแรมที่จะเดินริมโขงได้ ใกล้วัดองค์ตื้อ วัดอินแปง วัดมีไซ วัดหายโสก เป็นฟากเมืองโบราณมีร้านอาหารเก๋ๆ หลังจากนั้น วางแผน โดยกางแผนที่ กำหนดจุดที่จะเดินเที่ยวในแต่ละวัน ที่เที่ยว ที่กิน กำหนดคร่าวๆเพราะมีลูกๆไปด้วย ครั้งนี้เราจะเดินเที่ยวเองไม่ให้รถตู้พาขับส่งแบบเช้าเย็นกลับเหมือนทุกครั้ง คุณแม่ต้องวางแผนให้ดี เด็กๆจะได้ไม่เหนื่อย ค่ะ การเดินเที่ยววัดหรือสถานที่สำคัญ ควรอ่านประวัติศาสตร์ของแต่ละวัดมาก่อน เพราะเมื่อเราได้เข้าไปแต่ละวัดจะรู้ว่าวัดนี้มีความเป็นมาหรือเรื่องราวในประวัติศาสาตร์อย่างไร ไม่เช่นนั้นเข้าไปไม่รู้จะดูอะไร เที่ยวแป๊บๆก็จะเบื่อ ที่ลาวมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย โดยเฉพาะ การสู้รบในอดีตกับไทย วัดแต่ละวัดในลาวล้วนผ่านการสงครามมาทั้งสิ้น ------------------------------------------------------------------------------------ เราเริ่มต้น สงกรานต์ในเมืองลาว เช้าวันที่13 เมษายน 2555 ในลาว เริ่มต้นสงกรานต์เหมือนในไทย ปีนี้ตรงกับวันที่13-14-15 เม.ย.55 เรียก งานบุญปีใหม่ วัดดังๆที่นิยมในลาวคือ วัดสีเมือง วัดสีสะเกด วัองค์ตื้อ วัดอินแปง แต่วัดอื่นๆก็จัดงานบุญปีใหม่เช่นกันทุกวัด ครั้งนี้เรานัดรถจากเจ้าประจำ ให้มารับที่ฝั่งด่านไทย เพราะเกรงว่าคนจะแน่น แต่ผิดคาดด่านลาว โล่งมาก อ้ายบุญเฮียง ที่คอยจองรถ ให้บริการในทุกครั้ง วันนี้มาขับรถให้เอง เราเหมารถตู้เล็กเพราะมากันแค่4คน 13 April 2012 8.50 น รถมารับที่ด่านไทย ผ่านด่านลาวคนน้อยผิดปกติ แต่เมื่อวานด่านเกือบแตก
ป้ายนี้อยู่ที่ฝั่งไทยค่ะ
อ้ายบุญเฮียงขอแวะเติมน้ำมันก่อน เพราะข้ามไปไทยสาย เลยไม่ได้เติมที่ฝั่งไทย น้ำมันลาวแพงกว่าไทยค่ะเพราะนำเข้าจากไทย ดีเซล ลิตรละ10,000กีบ เกือบ40บาท อัตราแลกเปลี่ยนในการซื้อของวันนี้ 1บาทแลกได้255กีบ วิธีคิดเงินลาวเป็นบาทง่ายๆ เงินกีบ ตัด0สามตัวแล้วคูณ4 จะได้เป็นเงินไทย
9.30 น วัดเซียงควน อยู่ห่างจากด่านลาวประมาณ7กม. ถ้าจะเที่ยวให้แวะที่นี่ก่อนเข้าเมือง เพราะเลี้ยวไปคนละทาง ระยะทางขรุขระ ฝุ่นตลบ สองข้างทางฝุ่นเต็มไปหมด ทางเข้าวัดเซียงควนมีแม่หญิงลาวนั่งเก็บค่าเข้า ค่าเข้าชมคนละ 5000กีบ เด็กฟรี ค่ากล้อง 3000กีบ
สองทางเข้า มีของกินขายเต็มไปหมด น่าจะเป็นแค่ช่วงสงกรานต์นี้ที่คึกคัก มีเปิดเพลงเสียงดังลั่น แดดร้อนมาก ขนมครก ขายอันละ300กีบ ขนมครกที่นี่ข้างนอกแข็งมาก เหมือนขนมทอดอื่นๆที่ค่อนข้างแข็ง สงสัยใส่แป้งเยอะ
อันนี้อร่อย แต่วันนี้แข็งไปหน่อย ถ้าจะให้อร่อยต้องไปกินที่พระธาตุหลวงมีอยู่เจ้า อร่อยมาก ไม้ละ10บาท
วัดเชียงควน ที่ตั้ง: อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ห่างจากตัวนครหลวงเวียงจันทน์ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร บนถนนท่าเดื่อ และอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ปีที่สร้าง: พ.ศ.2501 เวลาเปิด: 08.00 น. – 17.00 น. ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม: เสียค่าธรรมเนียม 5,000 กีบ/คน
วัดเชียงควน ภายในมีสวนพระพุทธรูปในศาสนาพุทธและเทวรูปในศาสนาฮินดู รูปลักษณะสวยงามแปลกตา เช่นเดียวกับที่ฝั่งหนองคายของไทย นาย บุญเหลือ สุริทัต ได้สร้างสวนพระแห่งนี้ขึ้น (ผู้สร้างศาลาแก้วกู่ จ.หนองคายค่ะ) โดยนำหลักคำสอนของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูมารวมเข้าไว้ด้วยกัน จนเป็นที่ศรัทธาและเลื่อมใสของชาวลาวและชาวไทยทางภาคอีสาน ภายในสวนพระที่วัดเชียงควนแห่งนี้มี พระวิษณุ พระศิวะ พระพุทธรูป และรูปปั้นแปลกๆ อีกมากมาย เมื่อรวมเข้ากับอาคารทรงฟักทองขนาดใหญ่ยิ่งทำให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น อาคารฟักทองประกอบด้วย 3 ชั้น แทนสวรรค์ โลกมนุษย์ และนรก ชั้นบนสุดมีบันไดเวียนเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์บริเวณวัดเชียงควน สวนสวย และทิวทัศน์บรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้อย่างชัดเจน ภายในกว้างประมาณ1ใน5ของศาลาแก้วกู่ จ.หนองคายค่ะ เดินนิดเดียวก็หมดแล้วค่ะ วันนี้จุดชมวิวปิด ไม่ให้ขึ้นชมค่ะ มีการจัดงานด้านล่างแทน
พระนอน คุ้นตากันดีในภาพโปสการ์ด
พระองค์เล็กหน้าพระนอน
คุณแม่กับพี่แทนไท น้องกองทัพ
ช่วยด้วยย ถูกจระเข้งับแล้วก๊าบบ
ภายในเซียงควนมีรูปปั้นทางพุทธศาสนามากมาย รูปปั้นนี้คล้ายคน อ่านประวัติไม่ออก เลือนลางมาก
มองไปยังริมฝั่งโขง ฝั่งตรงข้ามแนวเดียวกันเป็นที่ตั้งศาลาแก้วกู่ ผู้สร้างคนเดียวกันค่ะ น้ำโขงยามแล้งแห้งขอด
แดดแรงมาก เด็กๆเริ่มเหนื่อย ออกไปหาน้ำกินกันดีกว่า
ก่อนกลับแวะซื้อโปสการ์ดที่ระลึก ได้ภาพพระธาตุหลวงโบราณมาหลายภาพ ราคาภาพละ2000กีบ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก ถ้ามาเที่ยวอย่าลืมแวะซื้อของที่ระลึกที่นี่ค่ะ แต่เราดูๆแล้วน่าจะไม่มีอะไรที่จะซื้อแล้ว เพราะสินค้าคล้ายเดิมกับที่ซื้อจากตลาดเช้า ยกเว้น โปสการ์ดโบราณ เห็นที่นี่ที่เดียว ซื้อเลยค่ะไม่แพง หายากด้วย -----------------------------------------------------------------------------------เรานั่งรถกลับมาทางเดิม เส้นทางกลับมาสู่ด่านลาว ที่ต่อไปที่จะแวะคือ วัดสีเมือง เพราะเราจะแวะไหว้พระเสร็จแล้วจะเลยไปหาอาหารเที่ยงกินริมโขงค่ะ ระยะทางจากด่านเข้าเวียงจันทน์ประมาณ 22กม. ระหว่างทางจากวัดเซียงควนเข้าเวียงจันทน์ เราผ่านวัดบ้านท่าเดื่อ ที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์ใหญ่หันหน้าเข้าสู่ประเทศไทย ถ้าใครเคยไปนั่งทานอาหารริมโขงในร้านค้าท่าเสด็จ มองข้ามน้ำโขง จะเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สร้างมาได้ไม่นาน มองเห็นลิบๆจากฝั่งไทย เรายังเคยพูดกับเด็กๆเลยว่า คุณแม่อยากไปวัดที่สร้างพระพุทธรูปองค๋นี้จังเลย วันนี้ เป็นโอกาสดี เลยบอกอ้ายบุญเฮียงคนขับรถให้แวะวัดนี้ด้วย
วัดที่สอง วัดสีรัดตะนารามท่าเดื่อ หรือ วัดท่าเดื่อ
ภายในมีสิมและพระพุทธรูปปางต่างๆ เป็นพระประจำวัน แต่บรรยากาศเงียบมาก มองไปไม่เห็นพระหรือใครๆเลย นึกในใจหรือเป็นวัดร้าง มองเข้าไปเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ
มองเข้าไปในสิม มีฝุ่นเต็มไปหมด ไม่แน่ใจวัดร้างหรือไม่
มองข้ามไปยังฝั่งโขง เห็นพระพุทธรูปไทยลิบๆ ตั้งหันหน้าเข้าหากัน
ศาลาเหมือนมีคนอยู่ข้างใน
วัดนี้ได้แค่แวะแต่ไม่ได้ทำบุญ บรรยากาศเงียบ คงจะเป็นช่วงบ่ายที่น่าจะคึกคัก เเล้วเราก็จากลา เพื่อไปยังวัดต่อไป -------------------------------------------------------------------------------------
Wat Si Muang / Simuong - วัดศรีเมืองสถานที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ ที่อยู่ / Address : Thanon Settathirat, Ban Simuang, Muang Sisatthanak, Vientiane, Laos
วัดศรีเมือง (สีเมือง) ตั้งอยู่บนถนนเชษฐาธิราช ทางทิศตะวันออกของสถานทูตฝรั่งเศส เป็นวัดแห่งหนึ่งในนครเวียงจันทน์ที่มีประชาชนลาวเดินทางไปสักการะบูชาเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน ภายในวัดศรีเมืองเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์ วัดศรีเมืองสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2106 (ค.ศ. 1563) โดยเหล่าเสนาอำมาตย์ของพระเจ้าไชยเชษฐาธราชได้ลงความเห็นให้สร้างวัดศรีเมือง ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาถูกกองทัพสยามทำลายลงในปี พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) และสร้างวัดศรีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) ภายในวัดศรีเมืองมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วน ซึ่งชาวลาวเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ด้านหน้าบริเวณตรงข้ามประตูทางเข้าวัดศรีเมืองมีร้านจำหน่ายดอกไม้ ธูป เทียน และร้านจำหน่ายผลไม้ให้บริการทางภายในอุโบสถจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ในห้องด้านหน้าจะเงียบๆ และจะมีพระอยู่หนึ่งองค์คอยอวยพรให้ ในขณะที่ห้องด้านหลังจะมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยพระพุทธรูป
วันนี้เราจอดรถตู้ไว้ด้านนอกแล้วเดินเข้าไป ปกติจะให้รถเข้าไปจอดในวัน แต่วันนี้มีงานบุญสงกรานต์ ของขายเต็มหน้าวัด บรรยากาศคึกคัก
ในงานบุญ ที่วัดสีเมือง นิยมนำต้นเทียนไปไหว้สักการะ ต้นเทียนทำจากเทียนแผ่นบางๆนำมาประกอบกับต้นกล้วย ใส่ในกระป๋องที่มีทราย นำไปไหว้สักการะในวัดสีเมือง ที่วัดอื่นไม่เคยเห็นมีต้นเทียน นอกจากวัดสีเมืองค่ะ ปกติจะมีขายที่ประตูทางเข้าทั้งสองด้าน มีต้นเล็กประมาณ20-30บาท วันนี้เห็นแต่ต้นใหญ่เบิ้ม
ในการเข้าไหว้ที่วัดสีเมือง ปกติไม่เก็บค่าเข้านะคะ เป็นเหมือนวัดทั่วไปของเราที่มีพระสงฆ์ให้ศีลให้พร พรมน้ำมนต์ เมื่อมีเทศกาลทางศาสนา วัดนี้จะมีการประกอบพิธีเหมือนวัดของไทยค่ะ บุญปีใหม่ลาว ชาวลาวจะหิ้วถังน้ำเล็กๆจุ่มกิ่งใบไม้และประพรมน้ำลงบนพระพุทธรูป เป็นการสรงน้ำพระพุทธรุปและให้พระให้ศีลให้พรผูกข้อมือ เป็นศิริมงคลแก่ชีวิต
ห้องข้างในค่ะ วันนี้มีชาวลาวนำน้ำมาประพรมพระพุทธรูป สังเกตุผู้สูงอายุจะนุ่งซิ่นอย่างสวยงาม แต่สาวสมัยใหม่จะแต่งตัวแบบคนเมืองใส่ชุดแฟชั่นตามสมัย คนขับรถพูดตลกว่า แต่งตัวหลุดจากดาราหน๋อยเดียว
ออกไปข้างนอก มีสรงน้ำพระโดยรดน้ำจากรางพญานาค นำจะไหลลงไปสู่พระพุทธรูป ชาวบ้านจะนิยมรองน้ำที่ไหลจากใต้พระพุทธรูปมาลูบหัวลูบหน้าเป็นศิริมงคล
เด็กน่อย คนนี้ ลงไปนั่งให้น้ำจากพระพุทธรูปอาบตัวเลย ท่าจะได้บุญหลายน๊อ
ในวัดมีถ่ายรูปรับภาพได้ทันที วันนี้มีพ่อค้าหลายเจ้า ได้อุดหนุนด้วยวันนี้
หลักเมืองภายนอก เป็นหลักเมืองโบราณ มีนกเฝ้าอยูสองตัวไม่ยอมหนีไปไหน
น้องแทนไทตากล้องน้อยกำลังส่องนก
ในวัดมีการขายน้ำสรงพระ พ่อค้าน้อยย้อมหัวสีทอง เป็นแฟชั่นฮิตของเด็กน้อยลาวช่วงสงกรานต์
สังเกตุเห็นควายกระดาษ น่าจะเกี่ยวข้องกับรูปนางสงกรานต์ขี่หลังควายที่เห็นเป็นป้ายส.ค.ส.ในวัดทุกวัด
ข้างหลักเมืองมีพระพุทธรูปประจำวัน ชาวบ้านมาสรงน้ำไม่ขาดสาย
ก่อนกลับถ่ายรูปกับพระฤาษี
ตอนนี้11โมงกว่าแล้ว เด็กๆหิวข้าว ขอหม่ำอาหารเที่ยงก่อนนะครับ เจอกันในบล็อคหน้าครับ
|
momarmy
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?] เทคนิคการแพทย์ที่มีฝัน รักการเดินทาง เขียนบันทึกการท่องเที่ยว และรักการถ่ายภาพลูกชายเป็นชีวิตจิตใจ มีความสุขทุกครั้งที่ได้เก็บกระเป๋า สะพายกล้องออกเดินทาง รักอิสระชอบวางแผนและเดินทางท่องเที่ยวเอง มีความฝันอยากพาผู้คนไปท่องเที่ยวให้มีความสุข บันทึกการเดินทางในบล็อคนี้คือการบันทึกวันเวลาแห่งความสุขเก็บไว้ และยินดีแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในการท่องเที่ยวด้วยตัวเองให้กับผู้ที่มีความฝันเหมือนกัน Group Blog
All Blog
Link |
||||||||||||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
|||||||||||||
สงกรานต์ปีนี้ เปลี่ยนบรรยากาศการเล่นน้ำจากเมืองไทย ไปสู่เมืองลาว 
