|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ?
โรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ?
หอบหืด..ที่เกิดขึ้นจากจิตใจ ไม่ใช่โรค
“ฮัลโหล” “ป้องเหรอลูก น้องอาการไม่ดีอีกแล้วลูก เมื่อเช้าก็เห็นดีๆอยู่ เห็นง่วนจัดเก็บข้าวของ ก็พวกของขวัญงานแต่งของเราที่ยังหลงๆอยู่นั่นแหละ พอเที่ยงแม่ให้เด็กไปตามมาทานกลางวัน เด็กมันก็หน้าตื่นมาบอกว่าคุณษิมีอาการอีกแล้ว แม่ขึ้นไปดูก็เห็นหอบตัวโยน บอกแม่ว่าพ่นยาไปหลายโดส กินยาที่หมอมิตรให้มาทาน ครบทุกอย่างแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย นี่ก็รอดูอาการตั้งเกือบสองชั่วโมงแล้วนะ ป้องมารับน้องไปร.พเลยดีไหมลูก” เสียงคุณนารีละล่ำละลักมาทางโทรศัพท์ ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวซึ่งจะว่าไปแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองหรือสาม
ตั้งแต่รู้จักกัน มาอักษิกาภรรยาหมาดๆของเขามีอาการหอบหืดเช่นนี้เป็นประจำ เฉลี่ยแล้วปีหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้า หกครั้ง นับเฉพาะที่หนักๆ เขาเองซึ่งเป็นแพทย์อยู่ ร.พ แห่งหนึ่ง แต่เป็นแพทย์รักษาเด็กซึ่งมีอาการทั่วไปต้องวิ่งวุ่นไปกับโรค ที่รักษายากเย็นนี้เป็นประจำ เขาฝากฝังเธอกับอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ หมอมิตร ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา เป็นหมอที่มีความรู้และเก่งมาก เฝ้าพยายามเยียวยารักษาอาการหอบของอักษิกาภรรยาของเขาอย่างเต็มที่ แต่อาการของเธอก็ยังไม่หายขาด กลับมีมาอย่างต่อเนื่องโดยหาสาเหตุหลักๆไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้มีการแพ้อะไร ทั้งขนแมวซึ่งไม่ได้เลี้ยงไว้ในบ้าน เกสรดอกไม้ อาหาร อากาศ เหล่านี้ไม่ใช่ต้นเหตุอย่างแน่นอน อีกทั้งไม่ใช่จากพันธุกรรมด้วย เนื่องจากได้มีการสืบค้นประวัติ ทั้งจากด้านบิดาและมารดา ไม่มีญาติฝ่ายไหนเป็นโรคนี้แม้แต่คนเดียว แล้วเหตุใดกันเล่าจึงทำให้เธอเกิดอาการที่เรียกกันว่า หืดจับ สม่ำเสมอ เขา เฝ้าแต่คร่ำคิดแต่ตอนนี้เขาต้องทำให้คุณนารีแม่ยายของเขา ซึ่งขณะนี้อายุอยู่ในราว 50 ปีสงบอกสงบใจเหมือนกับที่เคยทำทุกครั้ง เพราะเธอไม่มีใคร คุณเอนก สามีของเธอ ซึ่งเป็นพ่อของอักษิกาก็ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่อักษิกายังเล็กๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาแต่งงาน เขาจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของภรรยา เพราะบ้านนี้ไม่มีผู้ชายให้อุ่นใจเลยสักคน เด็กแป๋วเป็นเด็กรับใช้เพียงคนเดียวในบ้าน คุณนารีเป็นคนขยัน มักชอบทำโน่นทำนี่ด้วยตัวเองเป็นประจำ แม้แต่การจ่ายตลาดเพื่อมาทำอาหารเลี้ยงคนในบ้าน เธอออกจะเคร่งครัดกับเรื่องต่างๆพอสมควร แต่ก็เป็นแม่ที่รักลูกมากเช่นกัน
“คุณ แม่ใจเย็นๆนะครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” เขาบอกคุณนารี ก่อนจะเร่งรุดไปแจ้งเจ้าหน้าที่และพยาบาลถึงการจะมาพบแพทย์ของภรรยา ซึ่งอาจจะต้องแอดมิด
ขณะนั้นอักษิกากำลังนั่งซบหน้าอยู่กับหัว เตียง ไม่สามารถลงนอนตามปกติได้ เนื่องจากอาการหอบที่รุนแรงขึ้นทุกที กำลังบีบรัดให้เธอหายใจได้อย่างยากลำบาก อันที่จริงเธอก็คุ้นเคยกับโรคนี้ดีตั้งแต่เธอยังเล็กๆ มันทรมานเธอมาตลอดชีวิต ใครที่ไม่ได้เป็นไม่มีทางรู้หรอกว่ามันทารุณแค่ไหน บางครั้งเธอคิดอยากเอาศรีษะกระแทกหัวเตียงแรงๆ ให้มันตายๆไปเลยด้วยซ้ำ เสียงหวีดหวิวดังขึ้นทุกครั้งที่เธอหายใจ หลอดลมของเธอคงหดตัวจนอากาศผ่านเข้าสู่ปอดได้ยากเย็น มันยิ่งทำให้เธอตกใจ และวิตกกังวล ไม่เฉพาะแต่เธอเท่านั้น บุคคลใกล้ชิดที่เฝ้าดูอาการซึ่งก็คือคุณแม่ของเธอรวมทั้งเด็กแป๋ว ต่างก็นั่งหน้าซีด อกสั่นขวัญหายตามๆกัน “แม่โทรเรียกป้องแล้วละลูก อีกเดี๋ยวคงมาถึงไม่ต้องตกใจนะ”
คุณนารีบอกเธอให้ไม่ตกใจ แต่ตัวเองผุดลุกผุดนั่งไม่อยู่สุขจน เธอนึกขำทั้งๆที่ตัวเองกำลังจะหมดแรง หรือโรคนี้มันไม่มีทางรักษาให้หายจริงๆ หมอมิตรยังจนปัญญาเลยนี่นา เธอเคยอ่านในหนังสือเกี่ยวกับโรคนี้มาบ้าง มีบทหนึ่งที่กล่าวถึงการเกิดของโรคว่าอาจเกิดจากจิตใจ ซึ่งเธอก็ยังไม่เข้าใจว่าเธอจะเข้าข่ายนี้ได้หรือไม่ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเธอไม่เคยหงุดหงิด หรือรำคาญใจหนักๆ จนน่าจะเป็นสาเหตุแห่งโรคได้ อีกทั้งเธอมีอาการตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆด้วยซ้ำ เด็กๆไม่น่ามีอะไรทำให้หงุดหงิดจนเกิดอาการอย่างนี้ได้เลยนี่นา
มีต่อ
##############
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 13:02:53 น. |
|
3 comments
|
Counter : 313 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กาลามัง IP: 172.31.60.49, 203.155.220.236 วันที่: 20 ธันวาคม 2554 เวลา:11:25:34 น. |
|
|
|
|
|
|