Takkub
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2560
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 กรกฏาคม 2560
 
All Blogs
 

เลนส์เก่า เล่าใหม่ #6 Olympus G.Zuiko Auto-S 40mm 1.4 PenF ตัวเจ็บ



สวัสดีครับวันนี้เราจะมาพูดถึงเลนส์เก่าของ Olympus อีกตัวนึง นั่นก็คือ Pen F 40mm 1.4 ซึ่งเป็นเลนส์ใน System แรกของ Olympus ก่อนที่จะหยุดการพัฒนาและมาพัฒนา OM แทน ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ผมขอเล่าเรื่องประวัติของ PenF สักนิดหน่อยเพื่อจะได้มีที่มาที่ไป จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้ก็คืออยากให้เป็นฐานข้อมูลที่อัพเดทที่สุด สำหรับคนที่ต้องการ ผมเสียเวลากับการหาข้อมูลมาพอสมควร คนที่เจอกระทู้นี้จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนผม
หวังว่าผู้อ่านคงจะได้ประโยชน์จากกระทู้นี้ไม่มากก็น้อยนะครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ
[ข้อมูลส่วนใหญ่ได้จากค้นหาและเรียบเรียงใหม่โดยผมเอง โดยจะมีลิ้งค์ข้อมูลอ้างอิง หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ขออนุญาตคัดลอกโดยไม่ได้บอกกล่าวกับเจ้าของบทความนะครับ]

Olympus ในยุคแรกๆนั้นได้ผลิตกล้องฟิลม์ Half frame ออกมาในซีรีย์ PEN โดยการออกแบบของ  Mr.Yoshihisa Maitani ผู้มีคุณานุปการกับบริษัท OLYMPUS มากมาย และเป็นโปรเจคแรกๆที่  Mr.Yoshihisa Maitani
ได้ทำขึ้น โดยที่เป้าหมายนั่นก็คือ โครงการทำกล้องถ่ายรูปราคาถูก โดยกำหนดให้ราคาไม่เกิน 6000 Yen ต้องจินตนาการนะครับว่าสมัยนั้นกล้องถ่ายรูปก็แพงพอๆกับกล้องดิจิทัลสมัยนี้ละครับ เงินเดือนเริ่มของพวกจบ ป.ตรี ก็ประมาณ 10,000 Yen +- กล้องถูกสุดในสายการผลิตของOlympus ขณะนั้น 23,000 Yen ครับ แต่นี่คือจุดเรี่มของ กล้องPen ตำนานแรกทีMaitani เติมแต่งให้กับ Olympus 
[Half Format ในความเข้าใจของผมนั่นก็คือ ปกติฟิลม์ทั่วไปถ่ายได้ 36 ภาพ แต่

กล้อง Half Frame นั้นใช้ฟิลม์ปกติแต่สามารถถ่ายภาพได้อีกเท่านึงเป็น 72 ภาพ เหมือนกับเอาฟิลม์ปกติมาแบ่งครึ่งทำให้ถ่ายได้จำนวนภาพมากขึ้นนั่นคือข้อดี ข้อจำกัดคือภาพจะเล็กลงขยายได้น้อยลง คุณภาพจะสู้แบบ Full Frame ไม่ได้ ในยุคนึงที่กล้อง Halfframe ได้รับความนิยม และเป็น Format ที่มีให้เห็นได้ในหลายยี่ห้อครับ ไม่ใช่แค่ Olympus เท่านั้น]


ในเดือนตุลาคม 1959 Pen วางตลาดและขายอย่างถล่มทลาย แนวคิดการออกแบบของ Maitani ได้รับการพิสูจน์เป็นครั้งแรก


หลังจากวางตลาดกล้อง Pen ตัวแรก ในปลายปี 1959 Maitani ก็ได้ถูกมอบหมายให้พัฒนา Pen อีกหลาย Version ทั้งที่ยังตรงตามแนวคิดเดิมของเขาคือกล้องสำรองสำหรับผู้ใช้Leica และ แนวคิดเอาใจตลาดคือเน้นการใช้ง่าย ผู้หญิงใช้ได้ด้วยตัวเอง มาดูใบปิดโฆษณาของPenกัน

ลองดูภาพของกล้องแต่ละรุ่นกันครับ
Pen35 PenW

Pen D ครับ ชุด Pen D นี่จะหรูหน่อยตามที่Maitaniจะให้เป็นกล้องสำรองของคนใช้Leica พวกชุดหรูของบริษัทOlympusนี่ lens จะสว่างๆ อย่างสองตัวนี้ก็ f1.9


Pen EE กล้องชุดPen นี่บ้านเราเรียกกล้องปัญญาอ่อนนะครับ เพราะมันถ่ายง่ายมากๆ รูปก็สวย

และในปี ปี 1963 กล้อง Half frame format (18x24) Single lens Reflex Camera / The Pen-F ก็ได้เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ Pen เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้แต่ PenF สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว


ดูขนาดความเล็กของกล้องและเลนส์สิครับ


ในยุคที่ญี่ปุ่นได้ชื่อเสียงที่เลวว่าเป็นนักก๊อปปี้ บุคคลที่คิดย้อนกระแสและมีแนวคิดเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้น่าศึกษานะครับ ในงานPhotokina ปี 1963 ก็มีบริษัทที่คิดเช่นนี้ครับLeitz แห่งเยอรมันนี เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุว่าปกติ Leica มักจะเป็นเป้าหมายในการก๊อปปี้แต่หลังจากวิศวกรของLeitzเข้าชม (มาจับผิดนั่นแหละ) Pen-F และทดสอบด้วยตัวเองกว่าสองชั่วโมง ก็ถึงกับเปล่งอุทานว่า "Excellent!" ครั้งนี้ตัวMaitani เองถือว่าเป็นความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งของเขาที่ได้รับการยอมรับจาก บริษัทที่เขาเองนับถือในความเป็นOriginal

นอกจากคำชม บรรดาวิศวกรของLeitz ก็หมายตา Maitani และ Olympus เป็นพิเศษ ไม่ใช่ในฐานะนักก๊อปปี้ แต่เป็นบริษัทคู่แข่งที่มีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นมาทัดเทียมกัน [อยากให้มีในบ้านเราเมืองเราบ้าง..] Maitani สร้างตำนานให้บริษัทไปสองตำนานแล้วนะครับ ภาพวางคู่กันระหว่าง Pen-1959,Pen-F-1963


รุ่นทั้งหมดของ Pen-F Series
1963 Pen-F
1966 Pen-FT
1966 Pen-FT Black
1966 Pen-FTV
1968 Pen-F Microscope
1969 Pen-FT Microscope

เลนส์ระยะต่างๆ [ไม่นับที่นักล่าช้างเอางานะครับ ^_^]


Pen ปิดสายการผลิตลงเมื่อปี 1970 และก็เปิดสายการผลิตและตำนานบทใหม่นั่นคือ OM System นั่นเองรายละเอียดสามารถหาอ่านได้จากส่วนอ้างอิงของน้ากว้างใหญ่ และ กระทู้เลนส์เก่าเล่าใหม่#2ของผมได้ครับ 

ส่วนเลนส์ตัวที่ผมจะพูดถึงคือตัวนี้เองครับ มาดูหน้าตากัน Olympus PenF 40mm 1.4 เลนส์ตัวนี้มีการเคลือบสาร ทอเรี่ยมมาที่ชิ้นเลนส์ด้วย นั่นคือสารกัมมันตรังสี นิยมใช้กันในยุคนึง เพื่อลดอาการขอบเขียวขอบม่วง หลีกเลี่ยงการสัมผัสที่ชิ้นเลนส์โดยตรงจะดีที่สุดครับ โฉมหน้ารวมฝาปิดเลนส์ F Gothic ตัวนี้แค่เห็นรู้สึกว่ามีเสน่ห์บางอย่างบอกไม่ถูก




เม้าท์เป็นเม้าท์เฉพาะของ PenF


ระยะเข้าใกล้ สามารถเข้าใกล้ได้มากสุดอยู่ที่ 0.35 Ft [ฟุต] หรือ 1.5 Mt[เมตร]


พอปรับเลนส์มาที่ระยะ Infinity เลนส์จะหดสั้นลงที่สุด


วงแหวนปรับรูรับแสงอยู่ด้านบน ส่วนวงแหวนโฟกัสอยู่ด้านล่าง F ไม่คลิกทำให้สามารถใช้ค่าที่อยู่ก่ำๆกึ่งๆของแต่ละ F ได้


สิ่งที่แปลกคือ เวลาเราประกบเลนส์เข้ากับกล้องมันจะสลับกับกล้องฟิลม์ตรงที่ ค่ารูรับแสงต่างๆจะไปอยู่ด้านล่าง แต่จะมีตัวเลขเป็นไกด์ให้ปรับจะอยู่ด้านบน แทนค่าที่ 0 = 1.4 1 = 2.8 ต้องกะๆเอา [แต่ในกล้องฟิลม์ PenF ค่าปรับรูรับแสงจะอยู่ด้านบน ตัวเลขไกด์เหล่านี้จะอยู่ด้านล่าง]






ปกติจะเป็นแบบนี้ แต่พอใส่ผ่าน Adaptor มันจะสลับกัน


มาดูใบเบลดรูรับแสงกัน เปิดกว้างสุดเป็นกลมๆ หรี่มาเป็นห้าเหลี่ยมปลายมนๆ
เปิดที่ 1.4


เปิดที่ 2.8


เปิดที่ 4


เปิดที่ 16


ตัวเลนส์มีขนาดเล็กมาก เทียบกับ Panasonic 12-32 ซึ่งเป็นเลนส์คิตที่เล็กมากๆขนาดๆพอๆกัน


หากใส่อแดพเตอร์ก็จะยาวกว่ากันนิดหน่อย


เลนส์มันมีความหล่ออยู่ในตัวเองมากๆ ประกบบอดี้ใดๆก็ดูดี อย่างบอกไม่ถูก มีความน่าหลงใหลบางอย่างซ่อนอยู่ภาพใต้ F Gothic เลนส์นายแบบชัดๆ














กลับมาเข้าที่เนื้อหาสาระกันต่อ เลนส์ตัวนี้ถ้าใส่ FF จะติดขอบดำพอสมควร แต่ถ้าใส่ใน Apsc หรือ M43 จะไม่ติดขอบดำ โบเก้บน FF จะวนๆนิดนึง ส่วนบน M43 ลองดูจากในภาพประกอบได้ครับ
เปิดที่ 1.4








เปิดที่ 2.8




เนื่องจากว่าเลนส์ตัวนี้เคลือบชิ้นเลนส์แบบ Single Coat เมื่อย้อนแสงจะมีแฟลรอยู่พอสมควร








มาดูภาพตัวอย่างที่ได้จากเลนส์ตัวนี้กันครับ ภาพไม่ได้แต่งนะครับหลังกล้องมาย่อใส่ลายน้ำเท่านั้น
*ผมถ่ายด้วยกล้อง Olympus OMD EM1 , OMD EM5 และ Panasonic GX7 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ m4/3 ภาพจากเลนส์ตัวเดียวกันนี้หากถ่ายด้วยกล้องที่เซนเซอร์ต่างขนาดกันไปเช่น APSC หรือ FullFrame  อาจจะได้ลักษณะโบเก้ที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ เรียกว่าต่างเซนเซอร์โบเก้ไม่เหมือนกัน แต่โทนของภาพจะเคียงกันครับ*

ในพื้นที่แสงน้อย สามารถเก็บรายละเอียดส่วนมืดได้ดีมาก




สีสันจะเข้มๆคนละสไตล์กับเลนส์ตระกูล OM 




โฟกัสได้ใกล้มากๆ


















ลองมาดูภาพบุคคลดูบ้าง ส่วนมากจะเปิดกว้างสุดสลับกับ F2 เลนส์ตัวนี้ที่ F แรกคมพอสมควรมีฟุ้งบางนิดๆ แต่จะฟุ้งน้อยกว่า OM 50 1.4 มากเรียกได้ว่าพึ่งพากันได้ตั้งแต่ F แรก และให้ Skintone สวยงามถูกใจ ผบ. ถ่ายภาพบุคคลนี่น่าจะถูกใจสาวๆมากพอสมควร




















เลนส์เก่าๆมักจะออกแบบมาเน้นให้ถ่ายภาพสีได้สีสันสมจริงและถ่ายขาวได้ดีระดับนึง เลนส์ตัวนี้ก็เช่นกัน ถ่ายภาพขาวดำได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว
























ถ่ายไปเรื่อยล่ะครับ












คลิบบ่นๆ


ทริกในการปรับวงแหวนรูรับแสง ตามคำแนะนำจากน้า sodabanlu ใน Pantip


ข้อดีที่ผมเจอ
- คมตั้งแต่ F แรก ที่ 1.4 มีฟุ้งนิดๆ แต่ไม่มากเท่าเลนส์ OM 50 1.4  แต่มีคนลือว่า 38mm 1.8 ที่ F - แรกจะคมกว่าตัวนี้ แน่ล่ะ 1.8 นี่นา
- สีสันเข้มสวย แต่ไม่หวาน ให้ Skintone สวยมากๆ
- เลนส์เก็บ Detail ส่วนมืดได้ดี ส่วนตัวคิดว่าทำได้ดีกว่า OM เสียอีก
- ถ่าย Close Focus ได้ดีมากๆ เข้าใกล้แบบได้มาก
- ถ่ายขาวดำได้สวยงาม เพราะเป็น SingleCoat โดยมากเลนส์ Single Coat มักจะถ่ายขาวดำได้ดี และได้สีสมจริงๆ
- F ไม่คลิก ทำให้สามารถใช้ F ก่ำๆกึ่งๆของแต่ละค่าได้ ซึ่งส่วนตัวชอบใช้ค่าเหล่านี้มากๆ
- ระยะ 40mm ใช้บน M43 กลับไม่อึดอัด หากเทียบกับเลนส์ Auto Focus 45mm 1.8 ของ Olympus เอง เจ้าตัว 45 กลับอึดอัดมากกว่า 40 เยอะเลย ไม่น่าเชื่อต่างกันแค่ 5mm ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากเลยทีเดียว [อาจจะเป็นเพราะความสามารถในการ Close Focus ด้วย]

ข้อจำกัด
- ใส่ Fullframe ติดขอบดำ
- ฝาหลังแพง แบบไม่มีเหตุมีผล


สรุป เป็นเลนส์ระยะใกล้ๆ Normal ที่ดีอีกตัวนึง ให้สีสันที่เข้ม สีตรง ในขณะเดียวกันก็สามารถถ่ายขาวดำได้ดี เลนส์ SingleCoat มักจะมีแฟลรรบกวนมากพอสมควรเมื่อต้องถ่ายภาพย้อนแสง แต่ปัญหาเหล่านี้แก้ไดเด้วยการใช้ Hood ไม่ก็โยกหลบมุมเสีย เป็นเลนส์ที่มีขนาดเล็กมาก พอพกพาง่ายถ่ายไม่อึดอัด 

หวังว่าข้อมูลส่วนนี้คงจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจเลนส์ตัวนี้อยู่ ลากันเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ
[อย่าลืมกด Like&Share Page Hudlenklong และกด Subscribe Youtube ด้วยนะครับ ]
========================================================
Facebook: ***
Subscribe Youtube: ***
Main Blog:




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2560
0 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2560 21:26:46 น.
Counter : 2919 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


takkub
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




就算千里万里
一路千难万险
吾心坚定不移
向前不愿放弃.

jiu suan qian li wan li แม้หนทางจะยาวไกลเป็นหมื่นพันลี้
yi lu qian nan wan xian หรือจะมีขวากหนามภัยพาลใดๆ
wu xin jian ding bu yi ใจข้ายังยืนหยัดไม่เปลี่ยนไป
xiang qian bu yuan fang qi และจะไม่มีวันยอมเลิกรา

ไว้เตือนสติตัวเอง
จงระวังความคิด เพราะมันจะกลายเป็นคำพูด
จงระวังคำพูด เพราะมันจะกลายเป็นการกระทำ
จงระวังการกระทำ เพราะมันจะกลายเป็นเป็นอุปนิสัย
จงระวังอุปนิสัย เพราะมันจะกลายเป็นโชคชะตา




Friends' blogs
[Add takkub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.