ตี๋หล่อมีเสน่ห์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่คนๆหนึ่งที่ชอบดูหนัง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้อัพเดตข้อมูลอะไรเพิ่มแล้วนะครับ


Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ตี๋หล่อมีเสน่ห์'s blog to your web]
Links
 

 
ความทรงจำดีๆกับภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องจากเทศกาลหนังเม๊กซิโก Mexico Film Festival 2006

เกริ่นนำกันหน่อย

เทศกาลหนังเม๊กซิโกที่จัดขึ้นที่โรงหนังลิโด้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 2 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2549 มีภาพยนตร์เข้าร่วมฉายทั้งหมด 3 เรื่องคือ No one writes to the Colonel To Love Too Much และ Snakes and Ladders เพียงวันละรอบเท่านั้นคือ 6 โมงครึ่งช่วงเย็น สำหรับเรื่อง No one writes to the Colonel จะฉายสองรอบคือ วันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์ครับ ส่วนหนังอีก 2 เรื่องคือ To Love Too Much ฉายในวันศุกร์ และ Snakes and Ladders ฉายในวันเสาร์

บรรยากาศโดยรวมของหนังถือว่า คึกคักดีครับเพราะเจ้าหน้าที่คนตรวจตั๋วลิโด้ก็แต่งชุดคาวบอยสีเหลืองพร้อมหมวกเม๊กซิกันมายืนตรวจตั๋วกันทีเดียว ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ก็มีคนเข้ามาห้อมล้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนานดี สังเกตได้ว่า ชาวต่างชาติที่พูดภาษาสเปนมารวมพลในงานนี้กันครึกครื้น (รวมทั้งคนไทยที่เข้าชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ด้วย)

พูดคุยหนังทั้ง 3 เรื่องที่ได้ดูมา

ผมได้ดูภาพยนตร์มาทั้งหมด 3 เรื่องครับจากเทศกาลหนังเม๊กซิโกครั้งนี้ งั้นเรามาดูกันว่า ผมได้ดูอะไรกันมาบ้าง หมายเหตุ ข้อความที่ผมเขียนไม่ได้ตีความลึกซึ้งอะไรมากและมีการเปิดเผยเนื้อหาของหนังด้วยนะครับ (แต่ไม่ใช่จุดหักมุมแรงๆของหนัง)

***ความหมายของคะแนน***
8.0/10 คะแนน - รู้สึกดีและประทับใจใน "หลายๆอย่าง" ของหนังเรื่องนั้น คุ้มค่าทั้งเงินและเวลา (ดีใจที่ได้ดู...ในความรู้สึกผมนะ) ถ้าคะแนนมากกกว่านั้น...ก็รู้สึกดีและประทับใจขึ้นไปอีก
7.0/10 คะแนน - หนังมี "อะไรบางอย่าง" ที่ทำให้ผมรู้สึกชอบขึ้นมา ถ้าคะแนนมากกว่านั้น...ก็ชอบขึ้นไปอีก
6.0/10 คะแนน - พอใจระดับนึงครับ ถ้าคะแนนมากกว่านั้น...ก็พอใจขึ้นไปอีก
5.0/10 คะแนน - รู้สึกเฉยๆ ถ้าคะแนนมากกว่านั้น...ก็รู้สึกดีขึ้นไปอีกหน่อย
4.0/10 คะแนน - หนังมี "อะไรบางอย่าง" ควรปรับปรุง ถ้าคะแนนมากกว่านั้น...ก็ปรับปรุงน้อยลงไปอีกหน่อย
3.5/10 คะแนน - หนังมีอะไร "หลายอย่าง" ที่ควรปรับปรุง และถ้ายิ่งคะแนนต่ำลงไปมากๆ...ก็ยิ่งรู้สึกว่า ควรปรับปรุงมากขึ้นไปอีก





El Coronel no tiene quien le escriba (No one writes to the Colonel) ปี 2542

★★★★★★★★★★ 8.0/10

"แม้หนังเดินเรื่องเรื่อยๆไปบ้าง แต่ข้อดีในหนัง 4 อย่างที่ผมเห็น คือ การแสดงของดารานำชายหญิง การถ่ายภาพสถานที่ไม่สวยให้งามได้ แสงอาทิตย์ตกที่ท่าเรือ และ ไก่ชน"

เรื่องย่อ ชายแก่คนหนึ่ง โคโลเนล (เฟอร์นานโด้ ลูฮาน) ที่เฝ้ารอจดหมายงินบำนาญของเขาทุกวันศุกร์จากรัฐบาลมากว่า 27 ปีโดยที่ไม่ทำอะไรเพิ่มเติมเลย...นอกจากรอ และไม่มีทีท่าว่า จดหมายจะมาหาเขา ขณะเดียวกันโลล่า ภรรยาของเขา (มาริซา ปาเรเดส) ก็ยังเศร้าไม่หายกับการตายของลูกชาย แถมจำต้องทนอยู่กับความคิดสามีเธอ (ทั้งที่ไม่เห็นด้วย) นับวัน...นับวัน ของกินและเงินก็เริ่มหมด สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือ ไก่ชน...

นักแสดงนำทั้งสองที่เล่นในเรื่อง เฟอร์นานโด้ ลูฮาน ในบทชายแก่ โคโลเนล และ มาริซา ปาเรเดส ในบทหญิงแก่ โลล่า คือพลังของหนังอย่างแท้จริง
- ฝ่ายชายเล่นแสดงเป็นชายแก่ที่เฝ้ารอเงินบำนาญจากสงครามผ่านทางจดหมายอยู่ทุกครั้ง(โดยรู้ตัวอยู่เสมอว่า ความจริงเป็นเช่นไร แต่ก็หลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา)ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆก็ตามที่เขาออกไปพบผู้คน ไม่ว่าจะเป็น บุรุษไปรษณีย์และเพื่อนสมัยสงคราม ในทุกฉากกับสถานการณ์นอกบ้านนั้น สีหน้าที่แสดงออกมา...บอกความห่อเหี่ยวทางจิตใจได้ทุกมุมทุกองศา
- ในขณะที่ฝ่ายหญิง...ก็ตีบทได้กระจุยกับภรรยาที่ต้องทนทุกข์อยู่กับความคิดสามีเธอ แต่ก็ต้องปรับตัวกับคนภายนอกให้ได้ว่า...เหมือนไม่มีอะไร (ทั้งที่เธอก็ไม่เห็นด้วยกับสามีเธอเลยที่จ้องจะเฝ้ารอแต่เงินบำนาญ) มีอยู่ฉากที่ผมคิดว่า เธอทำสีหน้าได้ดีมาก นั่นคือตอนที่เธอหันหลังแล้วแสดงสีหน้าด้วยความกระวนกระวายเพื่อรอเงิน ขณะนำแหวนแต่งงานไปจำนำกับพระในโบสถ์(เพื่อนเธอเอง)...แสดงสีหน้าได้เป็นที่สุด

บทพูดยาวมากของโลล่า ขณะนั่งดูหนังกลางแปลงที่ด่าและเสียดสีสามีเธอด้วยความโมโห รวมทั้งกล่าวสบถไปถึงพระเจ้า...เป็นความยอดเยี่ยม


สถานที่ใช้ในการถ่ายทำ...เลือกได้ตามบรรยากาศของหนังมากครับ โดยเฉพาะบรรยากาศบ้านเรือนซอมซ่อ...สวยแปลกตาดี ฉากห้องต่างๆในบ้านสองสามีภรรยาที่ดูใกล้จะพังเต็มที...กลับเป็นความคลาสสิคและสวยขึ้นมาได้ ยิ่งฉากริมท่าเรือที่โคโลเนลไปยืนคอยจดหมายบำนาญจากบุรุษไปรษณีย์ที่นั่งเรือมา...เป็นภาพสีซีเปียที่สวยงามมากครับ งานนี้การถ่ายภาพรับความดีความชอบไปเต็มๆ

ไก่ชนในเรื่องเป็นประเด็นที่น่าติดตามทุกครั้งที่มันโผล่ออกมา
ตอนที่ไก่โดนฝนไม่สบาย แล้วโลล่ามาเห็น และคิดว่า...มันจะตายก่อนถึงรุ่งเช้า หนังสร้างบรรยากาศจนผมต้องเอาใจช่วยเพื่อไม่ให้มันตายจริงๆ (งงมากกับความรู้สึกนี้เพราะผมกลัวว่า เมื่อโคโลเนลรู้เข้า เขาอาจตรอมใจตายหรือเปล่า) และถ้าจะมองกันจริงๆไก่ในเรื่องก็เปรียบเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนทั้งสองทุกครั้ง...ที่นำมาเป็นบทสนทนาในยามตกทุกข์ได้อยู่เสมอ

ตามความรู้สึกผม น่าจะเลือกนักแสดงคนอื่นที่ไม่ใช่ซัลมา ฮาเยค (ที่แสดงเป็นตัวประกอบในเรื่อง) เพราะเธอดูมีความเป็นดาราเกินไปท่ามกลางนักแสดงทุกคนที่เราไม่ค่อยรู้จัก (แม้เธอเป็นชาวลาตินพูดภาษาสเปนหรือจะเล่นดีเพียงใดก็ตาม) ผมว่า...มันควรได้อรรถรสของความเป็นชาวบ้านที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์ไปเลย

หนังเดินเรื่องเรื่อยๆไปในบางครั้ง ส่วนตัวประกอบในเรื่อง...ไม่มีใครน่าจดจำเป็นพิเศษครับ (นอกจากความเซ็กซี่ของซัลม่า ฮาเยค คนเดียว)


มีอยู่ประโยคหนึ่งที่จริงๆดูไม่มีอะไร...ตอนที่โลล่าตำหนิโคโลเนล ผมชอบความรู้สึกที่โลล่าแสดงออกมาครับ มันแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของสามีภรรยาคู่นี้ โลล่าพูดประชดสามีเธอว่า "ที่ไม่ยอมเอานาฬิกาไปขายพวกเยอรมัน แต่เอาไปซ่อมแทนเพราะกลัวชาวบ้านจะรู้แล้วเสียหน้าใช่ไหม ฉันรู้หรอก" โคโลเนลเงียบหน้าจ๋อยๆไม่พูดอะไร แล้วเดินไปห้องน้ำคนเดียว พอถึงห้องน้ำ เขาปิดประตูนั่งลงที่พื้นแล้วพึมพำ "ทำไมถึงรู้ไปหมด" น่ารักดีครับ

จนแม้ฉากสุดท้ายที่ฝนตก หนังก็ยังบอกเป็นนัยๆว่า ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปยังไงก็ตาม ชีวิตหดหู่ของสามีภรรยาคู่นี้ก็ยังคงเหมือนเดิมต่อไป...ดั่งสายฝนที่ตกลงมาในประเทศร้อนชื้นแถบนี้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องนั่นเอง

จัดเป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงทางสังคมชนชั้นล่างและเสียดสีการเมืองได้อย่างพอเหมาะ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

No one writes to the Colonel มีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า El Colonel no tiene quien le escriba จากนวนิยายของนักเขียนชื่อดัง Gabriel García Márquez

เป็นหนังเม๊กซิโกในปี 1999 ที่คว้ารางวัล the Grand Jury Prize for Latin American Cinema ในปี 2000 ที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ และหนังยังเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปาลม์ทองคำที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1999 อีกด้วย

ฉากและบรรยากาศที่สวยงามเหล่านี้ถ่ายทำที่หมู่บ้าน Chacaltianguis ในรัฐเวราครูซ ประเทศเม๊กซิโก



Demasiado amor (To Love Too Much) ปี 2545

★★★★★★★★★★ 4.5/10

ดูหนังเรื่องนี้จบ ผมนึกถึง Somersault กลายๆในแบบผู้หญิงปล่อยตัวปล่อยใจที่ฉลาดมากขึ้นมาหน่อย ยังไงก็ตาม การตัดสินใจตอนจบที่ตัวนางเอกพาพระเอกไปที่ห้องนอนเธอเพื่อให้ดูภาพถ่ายเรื่องราวชีวิต ขณะเดียวกันก็ตัดภาพไปที่เธอกำลังกอดต้นไม้อยู่พร้อมกัน...เป็นการเปรียบที่ดี แต่ถ้าหนังเดินเรื่องตั้งแต่ต้นแบบมีเสน่ห์ตามที่เนื้อหาเป็นมากกว่านี้...น่าจะได้ใจไปเต็มที่เหมือนกัน"



Serpientes y Escaleras (Snakes and Ladders) ปี 2535

★★★★★★★★★ 2.0/10

การที่หนังนำเรื่องราวกระดานเกมส์งูกับบันไดที่เด็กๆทุกคนน่าจะเคยทอยลูกเต๋าเล่นกัน...มาเปรียบเทียบเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงสองคนที่คนหนึ่งดวงดีตลอดแต่อีกคนไม่ใช่นั้น...โดยผ่านช่วงชีวิตทั้งขึ้นและลง มันน่าจะเป็นความคิดที่แปลกได้นะครับ แต่หนังกลับเดินเรื่องไม่ค่อยเต็มอรรถรสและบทยังเอื่อยๆไป...ทำให้ความน่าติดตามหายไป รวมทั้งการแสดงของตัวละครในเรื่อง...ก็ไม่ได้มาพร้อมกับความน่าติดตามเลย


Create Date : 25 สิงหาคม 2549
Last Update : 3 ธันวาคม 2551 14:25:06 น. 3 comments
Counter : 646 Pageviews.

 


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:13:13 น. (ตี๋หล่อมีเสน่ห์ ) วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:8:35:41 น.  

 
ผมไม่ได้ดูหนังเม็กซิกันสามเรื่องนี้เลยครับ แต่วันที่ผมเดินผ่านไปก็เห็นเค้าขายอาหารเม็กซิกันอยู่ เสียดายที่อุตส่าห์มีของมาขายให้เข้ากับหนังแล้ว น่าจะฉายนานๆกว่านี้ เพราะแค่เรื่องเดียวต่อรอบเดียว ผมว่ามันน้อยเกินไป


โดย: nanoguy IP: 203.113.34.11 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:01:08 น. (ตี๋หล่อมีเสน่ห์ ) วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:8:36:24 น.  

 
ได้ดูเรื่องเดียวค่ะ
El Coronel no tiene quien le escriba (No one writes to the Colonel)

และอาห่ารแมกซิโกที่เค๊ามาจัดนำเสนอเนี่ยก็ได้ลองชิมค่ะ อร่อยดี
ชอบ snack เค๊าอ่ะค่ะ รสแม๊กซิกั๊น แมกซิกัน



โดย: renton_renton วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:4:46:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.