กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
 
 
21 กุมภาพันธ์ 2553
กว่าจะเป็นเดทแรก...
และแล้ว ชั้นก้อเริ่มรู้ตัวว่าชีวิตคนเราต้อง move on..

การจมอยู่กับเรื่องเก่า ไม่ช่วยอะไร การอาฆาต ล้างแค้น ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น

ดังนั้น ชั้นจึงต้องการไปเจอแฟนเก่า เพื่อลาขาด และอโหสิกรรมต่อกัน เพราะชั้นกำลังจะเดินหน้าต่อไป แล้วไม่อยากทิ้งอะไรค้างคาไว้เป็นเบื้องหลัง

การเจอกัน มันทำให้ชั้นเกลียดเค้าน้อยลง เพราะไม่อยากมีความทรงจำในแง่ร้ายกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว พูดคุยกันดีๆ และ บอกให้รู้ว่า นี่จะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายย

แล้วจากนั้น ก้อไปขลุกกับเพื่อนสาวเช่นเคย และพร้อมรับกับโอกาสใหม่ๆ ที่อาจเข้ามาด้วยความโล่งใจ เพราะชั้นรู้ว่าตอนนี้ชั้นจะเดินหน้าแล้วว

ไม่ต้องรอนาน ก้อมีหนุ่มโทรมานัดในวันนั้นเลยย

คงไม่ต้องบอกว่าใครนะ อิอิ

วันนั้น เราตัดสินใจดูหนังกัน

หนังเรื่องแรกของเรานั้น.... แบบไม่ต้องคิดมาก ชั้นเลือก Don't Mess with Zohan ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โรแมนติกมากมายยย

พี่หลิวช่างไม่รู้เลยว่า เค้าจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูหนังรักสวีทหวานกับสาวคนนี้หรอก

ก้อชั้นนั้นหรือ ยี้หนังรักเป็นที่สุด

ฮ่าๆๆๆๆ ล่าสุด ตอนเรื่อง October Sonatra เข้า เค้ามีแอบบ่นอุบว่า "ไม่ยอมดูหนังรักกับเค้า เด๋วหากิ๊กไปดูด้วยซะเรย" โอ๋ๆๆ ผิดไปแล้ว ไว้นานๆที ดูก้อได้ฟระ

ใครจะไปรู้ หน้าโหดแบบนี้ มีอารมณ์แหววกะเค้าไม่ใช่ย่อยยย..

เอาน่ะๆ คิดไปก้อน่ารักดี (ถึงจะไม่เข้ากับหน้า)

ว่าไปแล้ว Zohan นี่ ชั้นรอมันเข้าโรงเลยนะเนี่ย

ชอบมาก หนังตลก ไร้สาระเนี่ยย

แต่ยังไม่ทันเข้าโรง มารก้อมาผจญ!!!

จะมารที่ไหนอีกละ ก้อผู้ชายสารเลวคนเดิมที่ชั้นเพิ่งไปขออโหสิกรรมกับมันมาน่ะสิ

อุตส่าห์คิดว่า จะเดินหน้าต่อ แล้วทิ้งเรื่องเก่าๆไว้เบื้องหลัง

เรื่องเก่าๆ ก้อยังตามมาหลอนจนได้

แหมๆ พอคิดว่าเราจะ move on แกก้อตามมาหวงก้างทันควันเชียวนะ

เชื่อหรือไม่ว่า นี่เป็นแบบฉบับของผู้ชายเจ้าชู้!! ซึ่งความเจ้าชู้ ก่อกำเนิดมาจากความเห็นแก่ตัว และ ความเห็นแก่ตัว นำมาสู่การหวงก้าง

นี่เป็นผลสำรวจจากเหล่าประชากรหญิง อันว่าด้วยเรื่องของแฟนเก่า ที่รายล้อมรอบตัวข้าพเจ้า!!

จนได้ข้อสรุปได้ว่า ผู้ชายเจ้าชู้มักจะมีพิมพ์นิยม!!

ซึ่งพิมพ์นิยมนี้ กล่าวได้ว่า

ถึงพวกเขาจะเป็นแฟนที่เลวขนาดไหนก้อแล้วแต่ ทั้งไม่ดูแล ทั้งปากหมา ทั้งไม่รักษาน้ำใจ มีกิ๊กเกลื่อนกลาด หว่านเสน่ห์ และทำหมาหยอกไก่ ลองเชิงกับสาวทั่วไป (ซึ่งข้อนี้คุณอาจระแคะระคาย หรือไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย) แต่ไม่ว่ายังไง เค้าจะไม่เป็นฝ่ายขอเลิกกับคุณก่อนเด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็น!!

แต่ร้อยทั้งร้อย ที่ได้เลิกกันเพราะโดนจับได้ว่ามีกิ๊ก เลยโดนขอเลิกก่อน ซึ่งแม้ฝ่ายหญิงอาจไม่ได้ตั้งใจเลิกจริงๆ แต่คุณผู้ชายนั้น ถือเป็นโอกาสทองที่เฝ้ารอ!!! (อันนี้ไม่นับในกรณีที่คุณสองคนมีผลประโยชน์ต่อกัน ซึ่งในกรณีนี้ เลิกก้อโง่ซิฟระ!!)

จะขอเลิกก่อนทำไมอ่ะ ก้อมันดูไม่ดี (และไม่กล้า..)

สาเหตุที่นอกเหนือจากนี้ ก้ออาจว่าคุณอาจวีนจนเค้าเหม็นเบื่อจนทนไม่ไหว คุณอาจไม่รู้ว่าเค้ามีกิ๊ก หรือจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจนใจน้อย น้อยใจ และเริ่มเรียกร้องความสนใจจนเกินงาม

จนฝ่ายชายชักจะอยากตะโกนออกมาดังๆว่า "อั๊วะชักจะทนไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยย เธอจะเอาอะไรกับชั้นนักหนา!!"

อีกสาเหตุนึงคือ อินกับหญิงใหม่จนรอไม่ไหว อยากจะไปซักที

ซึ่งไม่ว่าสาเหตุไหน ถ้าทำได้ ก้อปล่อยมันไปเหอะ

ประโยชน์อะไรที่จะไปเป็นหมากรองบ่อน กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา

แต่เรารู้ว่ามันทำได้ไม่ง่าย

เราก้อเช่นกัน

ดังนั้น ในแบบฉบับของชายเห็นแก่ตัว ที่คิดว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเข้ามาในชีวิตของมันผู้นั้น ย่อมเป็นสมบัติของมัน ที่มันอยากทิ้งเมื่อไหร่ค่อยทิ้ง อยากหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก้อได้ สภาพจะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญ แค่รู้ว่ายังเป็นของมันก้อพอ!!

ดังนั้น อย่าได้คิดจะ walk out ไปก่อนที่มันจะยอมเชียวนะ

เค้าอาจปล่อยคุณไปชั่วคราว แต่ก้อแอบ pull the string หรือแอบชักใย ล่ามโซ่ โดยที่คุณไม่รู้ตัว!!

ถ้าคุณขอเลิก เค้าอาจยอมเลิก แต่อย่าให้รู้ว่าจะไปถาวร หรือคิดจะมีใหม่เหรอ ฝันไปเหอะ!!

ดังนั้น เค้าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อทำให้คุณกลับมาสยบแทบเท้าเค้าเหมือนเดิม

ไม่ว่าวิธีการนั้น มันจะดูไม่แมน เสียศักศรี ไปบ้าง

แต่เอาน่ะ แค่ชัวคราว จนกว่าคุณจะยอมใจอ่อน กลับมาเป็น asset (สินทรัพย์) ใน journal (สมุดบัญชี) ของเค้าเหมือนเดิม

ซึ่งไอ้การไปขออโหสิกรรม ละเลิกความอาฆาต โกรธแค้น (ตามหลักของชาวพุทธที่ดี) ของชั้นนั้น ก้อดันไปกระตุกต่อมหวงก้าง ของไอ้ผู้ชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว!!

เพราะสำหรับเค้า มันคือการประกาศว่า ชั้นจะไม่ดูดำดูดี "แก" อีกต่อไป

และ "แก" จะหลุดออกจากชีวิตชั้นโดยสิ้นเชิง

ซึ่งนี่ เป็นสิ่งที่ คนๆนี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

เพราะได้แต่นึกว่า เลิกกันแล้ว เดี๊ยววันนึง ถ้ามันอยากกลับมาเมื่อไหร่ มันก้อคงได้โอกาสนั้น

พอเจอไม้นี้เข้าไป เริ่มรู้ว่าจะเสีย asset ไป อั๊วรับไม่ด้ายยยยย

จากที่ไม่ดูดำดูดี ไม่ติดต่อกันนานสองนาน แถมยังทิ้งคำพูดก่อนหน้านี้ให้เจ็บใจเล่นว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นพรหมลิขิตของมัน ถึงไม่ได้คู่กัน มันก้อจะรอ

แบบว่ารักมากกกกกกกกก

เสร่ออออออออออออออออ...

พอตอนนี้ ไม่รู้อะไรดลใจ.. สอ สระ เอือก เริ่มรู้สึกว่าลืมชั้นไม่ได้ขึ้นมาทันทีเชียววววว

อะไรไปเข้าฝันมันฟระ

ซึ่งพอชั้นกำลังจะเริ่มเดทครั้งแรก ก้อเสร่อ นึกว่าคิดถึง อยากโทรหาขึ้นมาทันที

ซึ่งตอนนั้น เดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าโรงรอเวลาฉาย โทรศัพท์ชั้นก้อดัง

เหลือบดูหน้าจอ ขึ้นว่า "สารเลว" is calling

คงไม่ต้องบอกนะ ว่าเป็นใคร

บังเอิญยังไม่ทันทำอะไร กับชื่อที่เมมไว้ในเครื่องก่อนหน้านี้น่ะ อิอิ

งงมากก... ไม่รับ กดปิดเสียงไป

ทำไมต้องรับ ก้อชั้นจะไม่ดูดำดูดี กับมันแล้วนิ

อโหสิกรรม ก้อทำไปแล้ว จะเอาไรอีก..

หลังจากนั้น พี่"สารเลว" ก้อเกิดอาการวัยทอง กระหน่ำโทรมาเป็นร้อยยย ไม่รวมทั้ง sms ที่ใช้กลเม็ดสารพัด ทั้งแบบหวาน หยาบคาย สาดเสียเทเสีย เพื่อให้ชั้นรับสายให้ได้

ไม่ใช่เพราะอะไร พี่แกคิดว่า ชั้นไม่รับ คงมีสาเหตุเดียว คือ อยู่กับผู้ชายอื่น!!

ใช้ตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งก้อดันถูกเสียด้วย...

ก้อชั้นเพิ่งเปิดใจกับมันมาหยกๆนี่หน่า ว่าชั้นจะเริ่มต้นใหม่แล้ว เรื่องที่แล้วก้อให้แล้วกันไป

งานเข้าแล้วสิทีเนี้ย....

ง่วงละ ขอไปนอนก่อน ไว้มาเล่าให้ฟังใหม่

ขออภัยที่ไม่สุภาพในบางตอนนะคะ...

รักทุกคน และ อยากให้เรื่องนี้เป็นแง่คิดให้กับใครหลายๆคน

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ





Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 พฤษภาคม 2554 21:19:05 น.
Counter : 625 Pageviews.

4 comments
  
สวัสดีค่ะ

สู้ๆ

ยิ้มให้ตัวเองทุกๆ วันนะคะ

โดย: LoveTurJang วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:48:02 น.
  
ขอบคุณนะค๊ะ ..คุณมี่

กะลังจะ สมัครสมาชิก Bloggang ค่ะ ..อยากคุยกับคุณมี่ มากค่ะ .. นุ้ย
โดย: Nooy IP: 114.128.46.88 วันที่: 26 มิถุนายน 2553 เวลา:15:26:18 น.
  
ยินดีได้รูจักเพื่อนใหม่ค่ะ มีไร หลังไมค์มาได้ทุกเมื่อค่า
โดย: เทียนหมีมี่ (COS Stylist ) วันที่: 29 มิถุนายน 2553 เวลา:14:06:41 น.
  
ผู้หญิงคนนี้เท่ห์...
โดย: sonshy วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:33:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend