|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
3 กรกฏาคม 2550
|
|
|
|
ปัญหาเกี่ยวกับลูกตา
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ตรวจสุขภาพประจำปีไป เป็นประเพณีของบริษัท ปีนี้มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ตกใจมากเกี่ยวกับสุขภาพของตา ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องการปวดตามากๆ มาตลอด ปวดกระบอกตามาก แต่เนื่องจากเป็นคนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ จึงคิดเอาว่าเพราะการใช้สายตาทำคอมพิวเตอร์มากๆ บวกกับมีน้ำในตาน้อยจึงทำให้เกิดการล้าแล้วปวดตา ปกติจะต้องหยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก จนพักหลังๆ เมื่อทำงานมากๆ จะปวดกระบอกตามากจนต้องถอดคอนแทคเลนส์ออกไป คิดเอาเองอีกว่าสงสัยสายตาไม่พอดีกับคอนแทคเลนส์ จึงไปวัดสายตาแล้วทำคอนแทคเลนส์ใหม่ แต่ใช้มาสักพักอาการก็ไม่ดีขึ้น ยังไม่หายจากการปวดตา พอดีมีการตรวจร่างกายประจำปี ในเบื้องต้นตรวจพบว่ามีค่าความดันลูกตาสูงมากผิดปกติ....(สูงจริงๆ ฟังตัวเลขแล้วตกใจเลย เมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นๆ) คนตรวจก็ขู่ใหญ่เลยว่าอันตรายมาก เพราะจะทำให้เป็นต้อหินได้ ต้อหินเป็นกรรมพันธุ์นะคะ รักษาไม่หาย ตาจะค่อยๆ มืดลงๆ แล้วก็จะบอดสนิท ต้องรีบรักษานะคะ น้องคะตาจะบอดนะคะค่าความดันลูกตาน้องสูงมากทั้งสองข้างเลย ด้วยความกลัว ก็รีบนัดเวลาเข้าไปตรวจละเอียดอีกครั้งนึง ทีนี้เลือกที่ที่มั่นใจหน่อย จากนั้นก็รีบไปตรวจวัดระดับสายตาใหม่เลยด้วย ก็เลยได้ความเข้าใจเกี่ยวกับอาการนี้ของตัวเอง เนื่องจากระดับของเหลวในกระบอกลูกตาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ส่วนของดิชั้นมีมากและมันมีทางระบายออกไปตามปกติไม่ได้ มันก็เลยเกิดความดันในลูกตาทำให้ปวดกระบอกลูกตา ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นนั้นมีอยู่ได้หลายทาง คุณหมอก็เลยตรวจค่าความเสี่ยงในการเป็นต้อหิน....(โชคดีที่ยังไม่พบความเสี่ยงนั้น) การที่ของเหลวมีความหนาแน่นมากเกินไปในลูกตา อาจจะทำให้เกิดเป็นต้อหินแล้วก็จะตาบอดในที่สุด ซึ่งการเป็นต้อหินนั้นอาจเกิดจากการสะสมเป็นเวลานานเหมือนกับอาการที่ดิชั้นเป็นอยู่ หรืออาจเกิดได้อย่างฉับพลันเมื่อความดันมันพุ่งสูงมากเกินไปแล้วทำให้กระบอกตาเสียหาย ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทก็ต้องป้องกันเอาไว้ โดยส่วนตัวแล้วก็กลัวมากเลยไม่กล้าใส่คอนแทคเลนส์อีก เพราะความดันของลูกตามีผลต่อค่าระดับสายตา เหมือนกับความดันโลหิต คือ เป็นค่าที่เปลี่ยนไปได้ในแต่ละวันหรือในระหว่างวัน มันจะมีผลทำให้ค่าระดับสายตาสวิงไปมา เช่นที่ปวดตาแล้วรู้สึกว่าสายตาไม่พอดีกับคอนแทคเลนส์เพราะว่าค่าสายตามันสวิง ช่วงเช้าอาจจะปกติพอทำงานไปสักพักความดันลูกตาขึ้นสูง ระดับสายตาอาจเปลี่ยนเป็นสั้นเพิ่มขึ้น หรือสั้นน้อยลง นั่นเป็นเพราะของเหลวมีส่วนในการทำให้การหักเหของแสงในลูกตาเปลี่ยนไป ทำให้เกิดอาการปวดลูกตา ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือ พยายามดูแลถนอมลูกตาให้ดีที่สุด พยายามตรวจตาอย่างละเอียดเป็นประจำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเป็นต้อหิน หลีกเลี่ยงสารหยอดตาที่มีส่วนผสมพวกสเตอรอยด์ เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อย ดิชั้นถือว่าโชคดีมากที่ตรวจพบอาการนี้ตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าเกิดอาการตาบอดแล้วถึงรู้ตัว ซึ่งคนที่ใส่คอนแทคเลนส์มานาน หรือมีอาการคล้ายๆ กันก็น่าจะลองปรึกษาแพทย์ .....แต่ทางที่ดีควรทำการตรวจตาอย่างละเอียดเป็นประจำทุกปีค่ะ
Create Date : 03 กรกฎาคม 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2550 8:45:36 น. |
Counter : 1213 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: Capoc (capoc ) 4 กรกฎาคม 2550 8:49:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: nzmum 5 กรกฎาคม 2550 21:39:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลา IP: 58.9.81.223 22 มกราคม 2551 19:47:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: jaruwan IP: 110.49.193.156 27 สิงหาคม 2553 11:56:24 น. |
|
|
|
| |
|
|
capoc |
|
|
|
|
.
.
.
.
ผมคงต้องไปตรวจมั่งซะแระล่ะ
มีหมอที่ไหนรักษาแววตาลามกได้มั่งอ่ะ
เจ้พาผมไปทีเดะ