Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
..บทเรียนบทแรก ..





...
ตอนแม่มด+แมวดำ

...
ครูใหญ่+ครูกระจอก

กลับมาเล่าต่อค่ะ....จริงๆแล้วที่พิมพ์ไดอารี่เคยพิมพ์ไว้ในเวป
จูนและเวปแพนด้าไปแล้วค่ะ..แต่ไม่มีเก็บไว้เป็นไดอารี่ของตัวเองเลย เลยกลับเข้ามาพิมพ์ใหม่อีกครั้ง...


ในเรื่องราวเดิมๆ...แต่อารมณ์การพิมพ์ต่างกันมากเลยค่ะ...พิมพ์ครั้งแรก..มีแต่ความรู้สึกไม่มีความสุข ทุกข์ตลอดเวลา เรื่องสำคัญที่ทำให้จิตใจแย่มากๆเห็นจะเป็นเรื่องของความรัก (พี่baddog)ไงคะ..แต่เวลานี้ไม่มีทุกข์เรื่องความรักแล้วนะเจ้าคะ..ข้าพเจ้าหลุดพ้นแล้วค่า...

ทำให้เมื่อก่อนไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แนนก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องร้ายไปหมด...เพราะอารมณ์ที่ไม่มีความสุขมีอยู่คตลอดเวลา...

ทำให้ชีวิตไม่สดชื่น แจ่ทใสเหมือนเมื่อก่อน...เวลาพิมพ์ออกมาตอนนั้นมันคงกำลังอยู่ในอารมณ์ซีเรียสอ่ะค่ะ...เลยไม่ค่อย
จะสนุกเท่าไหร่...


แต่วันนี้กลับมาพิมพ์ใหม่ ถึงแม้ว่าข้อมูลเดิมจะอยู่ในมือ..แต่จะเรียบเรียงใหม่ดีกว่า...เพราะว่า ผ่านไปเกือบ 5 ปี..ปีนี้พศ.2550 เป็นปีที่ดีมากที่สุดเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมา...

อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้ผิดกับ 4 ปีที่แล้วจริงๆเลยค่ะ...ไม่ว่าเรื่องความรักหรือการค้า..แนนทำใจได้หมดแล้วค่ะ....

แต่ที่น่าดีใจคือ การค้าดีขึ้นค่ะ ...อารมณ์เลยดีเป็นพิเศษ...และไดอารี่ต่อไปที่จะพิมพ์ ขอเป็นเรื่องเก่าแต่เอามาเล่าใหม่ด้วยอารมณ์ใหม่นะคะ...หลายๆคนที่เคยอ่านมาแล้วในเวปก่อนๆ
จะได้ไม่เบื่อไงค๊ะ
....



6เดือนแรกของร้านLeAdeR ในสวนลุมไนท์บาซาร์ค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่บทเรียนที่หนักมากกก.......

ขอเล่าแบบคร่าวๆนะคะ...เกี่ยวกับสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในปีแรก ปี 2545 ...

ดุเดือดค่ะต่อสู้ฆ่าฟัดกันอย่างดุเดือดระหว่างครูใหญ่ (แม่มด)+ครูกระจอก(ยัยมืดลูกจ้าง)..กับนางเอกแนนซี่ (คนสวย แหวะ)...

หลังจากสองเดือนผ่านไปนะคะ..พวกเราเริ่มหาสินค้าตัวใหม่ จากเริ่มแรกเอาเสื้อผู้ชายกับชุดอยู่บ้านของผู้หญิงมาขาย...แต่แม่มดบอกแล้ว "...555..เลือกมาได้ยังไงคะเนี่ย เชยมั๊กมากกกก..ใครเป็นคนเลือกคะเนี่ย น้อทเหรอ..555..".....เชยเหรอฟ่ะ(พวกเราคิดกันเอง)..

ด้วยความหวังดีของแม่มด เค้าไปเลือกเสื้อผู้ชายมาขายบ้าง โดยบอกกับพวกเราว่า "..555 พี่ว่าเสื้อที่พี่เลือกมาสวยกว่านะคะ..น่าจะขายได้มากกว่าที่พวกเด็กๆไปเลือก..ขายได้ก็เอากำไรมาแบ่งกันนะคะ ..555"...อ่ะๆไอ้พวกเราเลยคิดว่าเสื้อผู้ชายที่เราเลือกมาเชยจริงๆมั๊งคะ...หลังจากนั้นเราก็ช่วยขายเสื้อผู้ชายที่แม่มดเลือกมา ของเราขายไม่ได้ไม่เป็นไรค่ะ เพราะแค่ขายของเล่นๆน่า ไม่ซีเรียส เราไม่ได้แบ่งกำไรจากที่ขายเสื้อของแม่มดได้หรอกนะคะ...ขายให้ๆ ... ขายได้ดีใจ แฮ๊ปปี้จะตายค่ะ น้ำใจมาก่อนน่ะค่ะ..

อ่ะ..ไม่เอาเสื้อผู้ชาย ว่าเราเชย แถมแม่มดเอามาขายหลายตัวแล้วด้วย ...ส่วนชุดอยู่บ้านของผู้หญิง แม่มดเห็นอีก แล้วไปซื้อมาบ้าง ซื้อมาแล้วมาบอกพวกเราว่า" ..555 เป็นไงคะ..ชุดพวกนี้ที่พี่เลือกว่าลายสวยมั๊ย ..พี่ว่าสวยดีนะ..น่าจะขายได้ดี.."...เหรอค๊ะ สวยก็สวย.(พวกเราคิดในใจกันอีกค่ะ)...

อ่ะ!! เอาละคะ..เรา3พี่น้องไปช็อปปิ้งที่ประตูน้ำกันดีกว่า ไปเลือกหาของใหม่มาขายกันดีกว่า....ไม่ขายแล้วเสื้อผู้ชายกับชุดอยู่บ้านเนี่ย....ปล่อยให้ร้านแม่มดขายไปแล้วกันค่ะ....เดิน2ชม...ก็ได้กระโปรงวัยรุ่นหลายแบบมาขาย..ก็แหมแนนเป้นคนชอบใส่กระโปรงนิคะ เลยเลือกแต่กระโปรงที่ตัวเองชอบ...แต่สวยนะขอบอก..สายตาเรา3คนบอกตรงกันว่า ใช้ได้ๆเอาไปขายเลย..ที่สำคัญร้านแม่มดไม่มี...

อ่ะ..อีกแระ..แม่มดมาจับกระโปรงที่พวกเราเลือกมาขาย..แล้วพูดว่า.."..555 ..เลือกมาได้ยังไงกันคะเนี่ย..ดูแล้วท่าจะขายยาก..ถ้าขายไม่ได้ก็เอาไปใส่เล่นอยู่บ้านแล้วกันนะคะ..555.."......เฮ้ย!! เริ่มเคืองแล้วนะคะ..ที่เราเอามาทำไมมันไม่สวยไม่ดีไปหมด....เอาฟ่ะ คนละวัยคนละสไตล์มั๊ง ไม่สนใจแล้วดีกว่า....แต่แล้วไม่กี่วันยัยลูกจ้าง(ยัยมืด..ครูกระจอกของเรา)หิ้วกระโปรงคล้ายเราเดินมาที่ร้าน...แถมเอามาฝากวางไว้ที่ร้านของพวกเราอีก.."พี่ขอฝากไว้ที่ราวของแนนได้มั๊ยคะ....คือว่ามันไม่เข้าพวกกับสินค้าร้านพี่เลยน่ะค่ะ..".ยัยมืดทำหน้าบ้องแบ้วถาม...."อ้อ..ค่ะๆ วางตามสบายค่ะ.."..พวกเรายังไม่คิดมากอีก....

อ่ะ!! ไปประตูน้ำใหม่ดีกว่า ไปหาสินค้าใหม่กันดีกว่าค่ะ...คราวนี้ได้กระโปรงแขกมาขายดูแววแล้วต่างชาติน่าจะชอบ เพราะร้านเราอยู่ในไนท์บาซาร์นินา..ต่างชาติน่าจะเยอะ...แต่ช่วงนั้นเราไม่รู้อิโหน่อิเหน่เกี่ยวกับราคาน่ะค่ะ...เลยได้ราคาแพงกว่าปกติ เพราะคนขายเค้าหลอกขายเรานั่นแหละ เห็นว่าเป็นแม่ค้าหน้าใหม่แหงเลยค่ะ....

แต่ว่ารู้สึกว่าเราจะเป็นเจ้าแรกที่เอากระโปรงแขกมาขายในสวนลุมไนท์นะคะ....เลยทำให้ขายดิบขายดี.......

สรุปว่า..สิน้คาที่เราเอามาขายส่วนใหญ่จะขายดี ขายหมดตลอดค่ะ...ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆยังไม่ค่อยจะมีคนเดินมากนัก แต่พวกเราก็ขายได้ทุกวัน ร้านของพวกเราพอจะอยู่ได้แล้วค่ะ ไม่ขาดทุนแล้ว....ส่วนกำไรก็เก็บไว้ผ่อนคืนแม่มดเดือนละ 5000 บาท..เราสามารถหาเงินอีก50,000บาทคืนแม่มดได้เพียงไม่กี่เดือนค่ะ....

แต่ไปๆมาๆ...ร้านแม่มดกับร้านฉันทำไมของถึงเหมือนกันหมดเกือบทุกอย่างเลยละคะเนี่ย...5เดือนแรก เราไม่คิดอะไรมาก...พอเข้าเดือนที่6 ยัยมืดเริ่มแสดงนิสัยบางอย่างออกมา เช่น พยายามเชียร์แต่สินค้าของตัวเอง ไม่ให้ลูกค้าซื้อเสื้อผ้าของพวกเรา..แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกค้าเข้ามาซื้อเสื้อผ้าร้านเรา...พี่แกจะทำท่าไม่พอใจให้เห็นหลายครั้ง...

แรกๆเรายังไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ ยังญาติดีกันอยู่นะคะ...อยู่ไปอยู่มาไม่กี่เดือน สินค้ามันเหมือนกันหมดแล้วทั้งร้าน..ยกเว้นชุดฮ่องกงที่แม่มดเอามาขายตั้งแต่ตอนแรก ร้านเราไม่มีหรอกค่ะ...มีแต่สินค้าที่พวกเราพยายามเดินหา แถมเลือกที่ไม่ซ้ำใครแล้วเชียว...โดยเฉพาะนะคะ เรามากฎในการเลือกสินค้าว่า"ห้ามเลือกสินค้าเหมือนของร้านแม่มดเด็ดขาด...เพราะเค้าเป๋นคนชวนเรามาขายตรงนี้..เราต้องไม่ทำเรื่องไม่สบายใจกับแม่มดเด็ดขาด...แต่แล้ว...ไม่นานก็เริ่มมีปัญหาจนได้....

ยัยมืด(ครูกระจอก)พูดกับพวกเราว่า..."อย่าคิดมากเลยนะ พี่บอกคุณเค้าไปแล้วว่ามันเหมือนของพวกน้องๆ แต่คุณเค้าจะเอามาให้ได้ พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ".....

น้อท(น้องชายสุดที่รัก) อยากจะคุยกับแม่มดน่ะค่ะว่า ปรึกษากันดีกว่าเรื่องสินค้าเนี่ย...แต่แนนก็กลั๊วกลัวว่าจะมีเรื่อง เลยไปถามยัยมืดก่อนว่า ควรจะไปปรึกษาแม่มดเรื่องสินค้ามั๊ย....คำตอบจากยัยมืดคือ.."ตามใจ"....ด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจด้วยละคะ...

คืนนั้นเลยค่ะ ยังไม่ทันได้คุยกับแม่มดเลย อยู่ๆแม่มดก็โทรมาที่ร้าน..ขอสายแนนด้วย...แม่มดพูดเรื่องสินค้าที่เหมือนกันค่ะ...จำใจความบางส่วนได้ว่า "ไปเอาของจากแหล่งเดียวกัน..ของก็เหมือนกันมันเป็นเรื่องธรรมดา..พี่ก็ต้องขายตามแฟชั่น...จะให้มาขายชุดฮ่องกงอย่างเดียวพี่ก็อยู่ไม่ได้..." ..น้ำเสียงเริ่มเข้มเล็กน้อยแต่ไม่มากนะคะ...
แนนก็พูดตามประสาของแนนไปว่า "ค่ะ...งั้น...พี่จะขายสินค้าประเภทไหนคะ....แนนจะได้เปลี่ยนสินค้าให้ไม่เหมือนกัน จะได้ขายของไม่เหมือนกันน่ะค่ะ..."พูดเนี่ยไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะคะ...ไม่ซีเรียสด้วยนะ

ไม่คิดว่า มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป...แม่มดโกรธแนนมากๆเลยค่ะ หาว่าที่แนนพูดไปนั้น ไปดูถูกศักดิ์ศรีของเค้า...แม่มดโทรไปฟ้องแม่..พูดนานมากเกี่ยวกับแนนและสินค้า...พอแม่มดวางหูจากแม่..แม่รีบโทรมาบอกแนน..(ตอนนั้นแนนอยู่ที่บ้านอาม่าค่ะ ปกติอาม่า คุณป้า อาจ๋า จะแวะไปเยี่ยมพวกเราที่ร้านเกือบทุกวันเลย เพราะสวนลุมไนท์อยู่ใกล้บ้านอาม่ามากๆค่ะ.. ทุกคนรู้ ทุกคนเห็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้วละคะ..โดยเฉพาะเรื่องสินค้า พวกเราบอกคุณป้า อาจ๋าไปก่อนแล้วว่า ของมันเหมือนกัน เค้าเอามาตาม)..พอวางหูจากแม่แนนรีบบอกคุณป้า อาจ๋าเลยค่ะว่า แม่มดโทรมาหาแม่แล้วต่อว่าเรื่องแนน พูดไม่ทันขาดคำ.....แม่มดโทรเข้ามาที่บ้านอาม่า..ขอสายอาจ๋าค่ะ...เค้าพูดเรื่องแนนค่ะ พูดไปร้องไห้ไป..

แต่อาจ๋ารู้ตั้งนานแล้วค่ะว่า แม่มดเอาสินค้ามาตามฉันทุกอย่าง และอาจ๋าก็รู้จักนิสัยหลานรักคนนี้ดีค่ะ เพราะท่านเลี้ยงแนนมาตั้งแต่เล็ก...อาจ๋าไม่สนใจที่แม่มดพูดหรอกค่ะ..เพราะอาจ๋าไม่มีวันเชื่อว่าฉันจะเป็นคนเลวร้ายอย่าที่แม่มดเล่าในโทรศัพท์ครั้งนั้น...อาจ๋าพูดกับแม่มดไปว่า.."..55..ก็..ถ้ามันปัญหามากนัก..ก็ยกร้านให้แนนสองร้านไปเลยแล้วกัน..จะได้ไม่มีปัญหา.." เอาละซิคะ!!ทุกคนเข้าข้างแนนหมดแล้วซิคะ....แม่มดไม่ยอมแนนหรอกค่ะ มันเลยมีเรื่องร้ายๆตามมาอีกเยอะมากๆๆๆๆ





ชื่อร้าน ....LeAdeR .....ค่ะ

ถ้าให้พูดถึงความลำบากตอนแรกๆนะคะ...ก็แค่เดินหาซื้อสินค้ามาขายนี่ละค่ะ ...อากาศก็ร้อนมากๆ ไปที่ประตูน้ำคนก็เยอะ...คุณหนู3คนอย่างพวกเราไปเดินกันเนี่ย บอกตรงๆว่าเลยว่าคนขายแถวนั้นไม่บอกราคาส่งจริงๆให้ซักคน...บางครั้งเราเลยได้ของแพงมาขาย..บางครั้งก็อดซื้อเพราะไม่ได้บอกราคาส่งจริงๆ...

และกว่าจะสินค้าได้แต่ละครั้ง...พวกเราคิดแล้วคิดอีก พิจารณานานมากกว่าจะตัดสินใจซื้อมาเพื่อขาย..เหนื่อยค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ2-3ชม...บางที่ต้องหิ้วของที่หนักมาก จนสะพายบนบ่าเลยละค่ะ...

แรกๆไปช่วยกันเลือกสินค้า 3คน ...เหตุฉะไหนตอนหลังเป็นแนนไปเลือกคนเดียวไม่นะคะ....ไปคนเดียวก็สนุกดีค่ะ ไม่ต้องคิดมากอะไร ชอบก็เอามาเลย...แต่แนนเลือกของนานค่ะกว่าจะได้มาแต่ละชิ้นต้องสวยจริงๆถึงจะซื้อมาขายค่ะ...

หลายครั้ง...ตอนที่ต้องแบกของหนักๆตอนเดินเลือกสินค้าต่อ...ในใจแนนก็คิดนะคะว่า...นี่เราเหรอเนี่ย..นี่คุณหนูอย่างเราต้องมาแบกของแบบนี้เหรอเนี่ย...เรากำลังทำอะไรอยู่ เล่นขายของหรือ ขายของจริงๆแล้วเนี่ย....

เดินไปคิดไป..แต่ก็รู้สึกภูมิใจว่า อย่างน้อย ฉันก็สู้ชีวิตละว่ะ..ทำแบบนี้ยังได้เลย...พ่อแม่ต้องภูมิใจแน่ๆ...คิดแบบนี้เลยหิ้วของไปเดินไปและก็ยิ้มไปด้วยค่ะ...๓มิใจตัวเองน่ะค่ะ ที่เราสามารถทำแบบนี้ได้...แต่แหม!! มือครูสอนเปียโนด้านไปเลยนะคะช่วงหิ้วของหนักเนี่ย...

เล่าต่อค่ะ....

6เดือน พวกเราหาเงินผ่อนแม่มดจนหมด คราวนี้ขอโอนเชื่อร้านค่ะ ขอให้เป็นชื่อของพวกเรา...แต่ได้รับคำปฏิเสธจากแม่มดค่ะ...ยังไงก็จะไม่โอนให้เด็ดขาด โดยมีข้อเสนอให้พวกเราคือ ขอเซ้งร้านของพวกเราค่ะ ให้ราคาแพงกว่าเดิมด้วยค่ะ... แต่พวกเราปฏิเสธค่ะ เพราะเราเพิ่งจะมาขายเองยังไม่อยากเลิกนินา...

กว่าเค้าจะยอมโอนชื่อร้านให้พวกเรา ปาไป8เดือน ช่วงก่อนหน้านี้มีเรื่องบาดหมางกันตลอดเวลา ..เรื่องการค้า...สู้กันด้วยสินค้า...สิน้คาเหมือนกันหมดทั้งสองร้าน แข่งกันที่การตัดราคา เจอหน้ากันเราไม่มองหน้ากันอีกต่อไปแล้วค่ะ จ้องให้ผู้ใหญ่ออกมาช่วยพูดว่า โอนร้านให้แนนเถอะ หลายคนช่วยกันพูดจนแม่มดต้องยอมโอนค่ะ...

หลังจากร้านเป็นชื่อของน้องน้อทแล้ว ครูใหญ่กับครูกระจอกไม่ยอมลูกศิษย์อย่างพวกเราง่ายๆ...ทั้ง2คนหาวิธีกลั่นแกล้งพวกเราต่างๆนาๆ เค้าบีบให้เราขายไม่ได้ เพื่อให้เราอยู่ไม่รอด ยอมถอยให้เค้าซะ.....

หุหุหุ .... ตอนนี้นั่งพิมพ์อยู่แนนนั่งยิ้มนะคะ.. แต่ไอ้ตอนนั้นมันยิ้มไม่ออกเลยค่ะ...ทำไมต้องทำกับพวกเราด้วย ดูวิธีการแกล้งของพวกครูใหญ่มั๊ยคะว่ามีอะไรบ้าง ที่จะทำให้นร.อย่างพวกเราสอบตกให้ได้...

1. เอาสินค้ามาเหมือนกัน แล้วตัดราคา สมมุติรับเสื้อมา 130 บ. รานเราจะขายในราคา250 และลดได้ก็200 บ. ตามราคาท้องตลาดทั่วไปค่ะ...แต่ยัยครูหระจอกดันขายราคา 150 บ.ค่ะ (เสื้อแบบเดียวกัน เพราะเอามาจากร้านเดียวกันน่ะค่ะ)..แกล้งกันเห็นๆ...

2. จัดร้านให้เหมือนกับร้านของพวกเราเลยค่ะ วางสินค้าให้เหมือนกับที่เราวาง เพื่อให้คนอื่นดูว่าเป็นร้านเดียวกัน แต่ราคาต่างกันนะคะ...

3. แม่มดเอาเงินไปให้พี่ชัช..เจ้าของร้านเสื้อที่พวกเรารับมาที่อยู่ประตูน้ำ...ให้ตั้ง10000 บ. และบอกกับพี่ชัชว่า "ของอะไรที่เป็นรุ่นใหม่พี่ขอซื้อทั้งหมด...ห้ามขายให้แนนนะ..รุ่นที่แนนเอาไปเป็นรุ่นเก่าๆพี่ไม่เอาก็ได้ "..แต่ ก๊ากๆๆ พี่ชัชน่ารักที่ซู๊ดเลยค่ะ..พี่ชัชคืนเงินให้แม่มด แล้วพูดว่า "รับเงินของพี่ไม่ได้หรอกค่ะ พี่เอาเงินคืนไปเถอะ และสิน้คาในร้านนี้ไม่ว่ารุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าทั้งหมดแนนจองไว้หมดแล้วค่ะ..ให้พี่ไปขายไม่ได้แล้วค่ะ..เพราะนโยบายของที่นี่จะส่งสินค้าให้ที่ละจุดเท่านั้น เพราะถ้าลงของเหมือนกันก็ตัดราคากัน เราเลยมีนโยบายนี้ขึ้นมา ซึ่งแนนมารับของที่นี่ก่อนพี่ ทีแรกหนูไม่รู้ว่าพี่ขายที่เดียวกับแนน เพราะพี่บอกว่ามีร้านอยู่ที่มาบุญครอง และร้านที่เสรีเซ็นเตอร์ ไม่ได้บอกว่ามีร้านที่สวนลุมไนท์ หฯเลยขายให้พี่ไปก่อนหน้านี้...แต่ตอนนี้ให้ไม่ได้แล้วค่ะ.."

เราโชคดีนะคะ..ที่ได้เจอคนดีๆ ถ้าเป็นคนขายของทั่วไปที่ไม่มีคุณธรรม เค้าอาจจะรับเงินแม่มดไปฟรีๆ และแม่มดยังจะเหมาสินค้าของเค้าอีก..มีใครไม่อยากได้เงินฟรีๆบ้างละคะ.........เราโชคดีมากที่เจอพี่ชัช พี่ที่น่ารักมากๆ ในที่สุดพี่ชัชก็แสดงให้พวกเราได้รู้จักความมีน้ำใจในการค้าขาย พี่ชัชให้เครดิตพวกเราด้วยค่ะ เอาสินค้าไปก่อนจ่ายเงินทีหลัง และสามารถเอาสินค้ามาเปลี่ยนได้ตลอดค่ะ....

ทุกวันนี้เรายังสนิทสนมกับพี่ชัชอยู่ค่ะ..แนนจะไปแวะไปเยี่ยม ไปนั่งคุยกับพี่ชัชบ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปเอาสินค้าพี่เค้ามาขายแล้วก็ตาม...พี่ชัชเห็นแนนเป็นน้องคนหนึ่งไปแล้วค่ะ พี่เค้ารักแนนมากและเป็นห่วงแนนตลอดจนทุกวันนี้ปี2550 แนนก็เพิ่งจะไปเยี่ยมพี่ชัชที่ร้านอาทิตย์ที่แล้วเองค่ะ...ซื้อขนมไปฝากพี่ชัชด้วยค่ะ.....

พี่เนบอกว่า ร้านเราเกิดได้เพราะเสื้อของพี่ชัชนี่ละ...เราไม่มีวันลืมบุญคุณของพี่เลยค่ะ ขอบคุณความมีน้ำใจ และจิตใจที่มีค่ามากกว่าเงินทอง.."เราประทับใจและรักพี่ชัชมาตลอดจนทุกวันนี้ค่ะ....



ต้นปีแรกขายกระเป๋าค่ะ


เสื้อร้านพี่ชัชค่ะ

แม่มดอาละวาด

ช่วงเวลา1ปีที่ผ่านมา....เจออุปสรรคในการค้ามากจริงๆค่ะ โดยเฉพาะแม่มดกับยัยมืดที่ค่อยกลั่นเราตลอดเวลา เป้าหมายของเค้ามีคนเดียวค่ะ คือ แนนเอง...

ยัยมืดเอาสินค้ามาเหมือนแนนหมดทุกชนิดยกเว้น เสื้อร้านพี่ชัช...ตอนแรกเค้ามาเสื้อร้านพี่ชัชหลายตัว ตัดราคาเราสุดๆ แต่ตอนหลังไม่มีแล้วค่ะ ไม่ว่าจะกระโปรงแฟชั่น กระโปรงแขก เสื้อดอกไม้ ประโปรงลินิน หรือสินค้าใหม่ๆที่เรา3พี่น้องไปเลือกกันมาขาย เค้าพยายามหามาจนได้...ถ้าวันไหนเค้าเอาสินค้ามาเหมือนแนน เค้าจะเอาออกมายั่ว จะมาทำเป็นโชว์ให้ดูว่า "ฉันมีแล้วนะสินค้าที่เหมือนเธอน่ะ" ... โกรธนะคะ ตอนนั้นโกรธมาก รับไม่ได้ด้วย เห็นทีไรร้องไห้ทุกที แต่ไม่ร้องไห้ยัยมืดเห็นหรอกค่ะ แนนจะวิ่งกลับไปที่บ้านอาม่า แล้วร้องไห้ทุกครั้ง ส่วนใหญ่พ่อกับแม่ก็จะอยู่ที่บ้านอาม่าด้วย เพราะเปิดร้านใหม่ๆ พ่อกับแม่กับญาติๆจะมาเยี่ยมที่ร้านทุกวัน....และผู้ใหญ่จะอยู่กันที่บ้านอาม่าตลอดค่ะ...

แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ค่อนข้างจะรุนแรง...คือหลังจากที่พี่ชัชไม่ให้สินค้ากับแม่มด และคืนเงินให้แม่มด...วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ที่ฉันจัดร้านเสร็จเรียบร้อย...ช่วงนั้นฉันสนิทกับเพื่อนๆพี่ๆที่อยู่ร้านใกล้ๆกันหมด...ทุกคนรู้และทุกคนเห็น อะไรเกิดขึ้นกับร้านฉัน....พี่ๆหลายคนชอบมานั่งคุยกับพวกเราที่หน้าร้าน พวกเราทานข้าวด้วยกันเกือบทุกเย็น วันนั้นทุกคนก็มาคุยกันที่หน้าร้านฉันปกติ พี่ไก่ พี่หลิว พี่หนุ่ย พี่ดี มีพี่ชินอยู่ด้วยค่ะ...คนขายของแถวร้านหมดเลย....

ร้านแนนมีคนขายหลายคนและมีคนมาเยี่ยมทุกวัน ทำให้ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักของคนแถวนั้น อาจจะดูว่าเด็กๆมาเล่นขายของกันสนุกๆ ทำให้เป็นที่สนใจของคนแถวนั้นค่ะ....

วันนั้นพี่เนกับน้องน้อทไปซื้อกัน เหลือฉันคนเดียวอยู่ที่ร้าน....พี่ๆที่เอ่ยชื่อไปตะกี๋ก็นั่งกันอยู่หน้าร้าน ส่วนฉันกำลังขายของอยู่ค่ะ มีลูกค้ากำลังลองเสื้อร้านฉันอยู่...อยู่ๆแม่มดเดินมาที่หน้าร้านด้วยสีหน้าที่ดุมากกกก..น่ากลัวจริงๆค่ะ เค้าพูดกับฉันว่า " อยากขายของไปขายที่อื่น ที่ตรงนี้เป็นที่ของพี่" พร้อมกับชี้มือไปทางอื่น ทางไหนไม่รู้ ไล่ให้ฉันไป...

"แนนจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ ที่ตรงนี้แนนเสียเงินซื้อมาแล้ว จะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะแกล้งกันแทบตายก็จะไม่ไปไหน.....ฉลาดกันนิคะ...เห็นว่าแนนอยู่คนเดียวถึงมารุมกันแบบนี้ ที่ทำแบบนี้ต้องการอะไรเหรอคะ ร้านเหรอ...."....เสียงเริ่มจะดังแล้วค่ะ เพราะสองรุมหนึ่ง....แม่มดกับยัยมืดเข้ามาว่าฉัน พี่ๆที่นั่งอยู่หน้าร้านพากันตกใจ พี่ไก่กับพี่หลิว ช่วยกันมาดึงแขนแนนออกจากร้าน "แนนอย่าไปเถียงเค้า..ใจเย็นๆ มาคุยกันข้างนอกเถอะ" พี่ๆเค้ามาช่วยกันดึงแนนออกนอกร้าน ส่วนลูกค้าที่กำลังลองเสื้ออยู่ก็ค่อยๆมุดออกนอกร้าน....

ฉันออกมานั่งนอกร้าน ใจเต็นตุ๊บๆๆๆแบบโกรธมาก นั่งสงบสติอารมณ์พักหนึ่ง ส่วนสองคนนั้นเดินกลับไปร้านตัวเอง.พอพี่เนกับน้อทกลับมา ฉันรีบเล่าให้2คนฟัง ยังเล่าไม่ทันจบเลย แม่มดกับยัยมืดเดินมาที่หน้าร้านอีกครั้ง มาส่าๆๆๆๆแนนอีกค่ะ...เค้าหาว่าแนนเป็นตัวปัญหาทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกัน ว่าแนนนิสัยไม่ดี....

แนนก็เถียงนะคะ..ช่วงนั้นมันเกินความอดทนแล้ว ด้วยอารมณ์ที่ตกใจและโกรธสุดๆด้วย..กริยาตอนนั้นอาจจะดูไม่ดีนัก ดูไม่มีสัมมาคารวะผู้ใหญ่ แนนเถียงเค้าไปว่า "ถ้าอยากได้ที่ตรงนี้นัก ก็ไปขออาม่ากับคุณป้าซิคะ....ร้านนี้อาม่ากับคุณป้าออกเงินให้แนน..มาไล่กันแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ อยากได้ก็ไปขออาม่าเอง แนนไม่มีวันยกร้านนี้ให้พี่หรอก ที่ทำมาทั้งหมดไม่ได้ผลหรอกค่ะ ไปคุยกับผู้ใหญ่เองแล้วกัน...

ทะเลาะกันรอบสอง คราวนี้ฉันมีเพื่อน 3เสียงต่อ 2เสียง...เสียงก็ค่อนข้างดังนะคะ...สักพักก็เงียบ 2คนนนั้นเค้าก็เดินกลับไปที่ร้านตัวเอง..เพราะเริ่มมีไทยมุงแล้วค่ะ...

เอาเป็นว่า วันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นกับฉันแล้วละคะ....ฉันไม่เคยทำร้ายใคร แต่ถ้าภัยมาถึงตัว ฉันสู้ตายค่ะ....

พ่อแม่กับญาติๆพูดกันว่า สงสัยเค้าฟิวส์ขาด ระงับอารมณ์โกรธไม่อยู่เลยเดินเข้ามาว่าแนน....ในที่สุดฉันก็รู้เหตุผลจนได้..เพราะพี่ชัชบอกว่า "สงสัยเป็นเพราะพี่..เมื่อวานพี่คืนเงินเค้าไป...ดูท่าทางพี่สะใภ้ของแนนเค้าจะโกรธมาก เค้าคงเสียหน้าเพราะพี่พูดตอนที่ลูกค้าอยู่เต็มร้าน"..

หลังจากนั้น แม่มดประกาศว่า...เราจะสูญเสียหลายๆ2คนไป นั่นคือลูกของพี่ชายกับแม่มด....ทั้งๆที่น้อทพูดว่า "น้องสองคนไม่เกี่ยวนะคับ....ยังไงน้องสองคนก็เป็นญาติของพวกเรา..." แต่ฉันก็เสียหลานสองคนไปจริงๆ...เจอหน้ากันไม่พูดกันเหมือนเดิม ช่วงนั้นแนนคิดถึงหลานสองคนนี้นะคะ ขนาดเก็บไปฝันถึง แนนอยากพูดอยากคุยกับน้องๆเหมือนเดิม แต่ทั้งสองคนเค้าไม่พูดกับแนนอีกแล้ว....แต่พี่ชายยังคุยด้วยปกติ พี่ชายบอกว่า เค้ารู้นิสัยแนนดี เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เล็ก เรายังเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่ค่ะ..

"แม่มด" อายุประมาณ 50 กว่าแล้วนะคะ..แต่หน้าตายังสวยอยู่ หุ่นดีมาก แต่ทำไมใจร้าย เวลาโกรธหน้ากลัวมากๆเลย ....

ส่วน"ยัยมืด" ทาสผู้ซื่อสัตย์ของแม่มด ตัวดำ ใจดำ ใจแคบ เป็นคนยุแยงญาติพี่น้องเค้าทะเลาะกัน คนนี้เป็นผู้ติดตามแม่มดมา 25ปี ภายใน25ปีนี้ ยัยมืดทำใมห้แม่มดทะเลาะกันหุ้นส่วนคนอื่นๆขนาดตัดเพื่อนกันเลย นี่ทำให้ตัดญาติกันอีก...ทำไมแม่มดไม่คิดซักทีว่า เพราะใคร ที่ทำให้ตอนหลังแม่มดไม่เหลือใครเลย.....

หลังจากวันนั้น ฉันกลัวแม่มดมาอาละวาดอีก เลยขอให้พี่เนเลิกทำฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปลา ออกมาช่วยกันขายของเต็มตัวเลยดีกว่า เพราะดูท่าแล้ว ฉันปักหลักแน่ ที่คิดอย่างนี้เพราะ...สู้ตายค่ะ...อย่ามาสบประมาดแนนเด็ดขาย อย่าคิดว่า แค่ชวนแนนมาให้ลองขายของแป๊บเดียวเดี๋ยวแนนคงเลิก .... จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้คิดที่จะขายของหรอกนะคะ แต่แม่มดกับยัยมืดเป็นคนทำให้ฉันตัดสินใจว่า ฉันจะสู้ ฉันไม่ยอมใครง่ายๆ...จะทำให้ทั้งสองคนนั้นเห็นว่า ไม่มีวันไล่ฉันออกไปจากร้านนี้ได้จนกว่าที่นี่จะปิดกิจการไปทั้งหมด....

ส่วนพี่เนก็กลัวว่าน้องสาวคนนี้จะมีเรื่องอีก พี่เนเลยเลือกที่จะมาอยู่กับแนน ส่วนน้อทยังเรียนปีสุดท้ายอยู่เลยค่ะ..ก็ไปๆมาๆบ้าง....ช่วงหลังฉันเริ่มไปซื้อของเข้าร้านคนเดียวแล้วค่ะ...ตอนนั้นเดินหิ้วของไปคิดไปว่า "ฉันจะสู้ตาย ของหนักยังไงฉันก็จะหิ้วให้ถึงที่สุด ฉันจะไม่ยอมแพ้แม่มดกับยัยมืดเด็ดขาด....อีกใจก็คิดว่า ฉันเป็นครูสอนเปียโนนะ..ทำไมต้องมาเป็นแม่ค้าแบบนี้...บุคคลิกก็ไม่ให้มาเดินซื้อของเหมือนคนขายคนอื่นๆอื่น.....เอาเถอะ ขอให้พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวลูกคนนี้แล้วกันนะคะ..หนักเอาเบาสู้....

และหลังจากที่แม่มดมาอาละวาดวันนั้น ฉันไม่ร้องไห้อีกเลย ฉันหายโกรธ หายโมโหเค้าหมด...ถึงแม้ว่ายัยมืดจะเอาสิน้คาที่เหมือนฉันออกมายั่วเหมือนเดิมที่เคยทำ..ฉันกลับไม่โกรธ ไม่รูทำไม่อยู่ๆหายโกรธได้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนเห็นแล้วรับไม่ได้เลยค้ะ ร้องไห้ทุกที...แต่หลังจากวันนั้น ฉันกลับยิ้มได้เฉยเลย และยังคิดว่า ทำไมเค้าไม่อายเลยที่เอาสินค้ามาตามฉัน แถมเอามาอวดอีก ทำไมเค้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองซักที..ทั้งๆที่ทำการค้ามาตั้ง20กว่าปี ทำไมต้องคอยมาแอบดูสินค้าใหม่ๆร้านฉันอยู่เรื่อยๆ ไม่เป็นไร ตามได้ตามไป...ฉันก็เปลี่ยนสินค้าไปเรื่อยๆ.....



ซ้ายเป็นร้านแม่มดค่ะ........ขวาเป็นร้านของแนนค่ะ
เสื้อดอกไม้เหมือนกัน กระโปรงแขกเหมือนกันค่ะ
วางสินค้าคล้ายกันด้วยค่ะ






ร้าน LeAdeR ช่วง 6เดือนหลังของปีที่1ค่ะ

...ทำดีได้ดี.....ทำชั่วได้ชั่วนะคะ....

ตั้งแต่เปิดร้านขายของที่สวนลุมไนท์เนี่ย ฉันเชื่อเรื่องกรรมค่ะ....เห็นได้ชัดเลยว่า ทำดีได้ดีจริงๆ...ส่วนใครทำชั่วผลที่ออกมาก็ได้แบบที่เค้าทำ...ไม่ต้องรอผลกรรมถึงชาติหน้าเลยค่ะ...

จะเล่าความลับให้อ่านอย่างหนึ่งนะคะ..ครั้งแรกและครั้งเดียวจริงๆค่ะ...ตอนเปิดร้านใหม่ๆหลังจากที่ฉันเริ่มเอากระโปรงแขกมาขาย ตอนแรกยังไม่รู้แหล่งขายส่งจริงๆ ช่วงหลังรู้แล้วค่ะ...แต่ร้านที่ฉันไปซื้อ เจ้าของเป็นหญิงแขกแท้ๆ พูดจาไม่ดีเลยค่ะ คนแถวนั้นเค้าก็เรียกแขกคนนี้ว่า "แม่มด"...เหมือนกันค่ะ

มีกระโปรงแขกตัวหนึ่งที่ฉันไปซื้อมา มันขาดเป็นรูขนาดใหญ่มาก ฉันก็เอาไปขอเปลี่ยน แต่แม่มดตอนแรกไม่ยอมให้เปลี่ยน แถมพูดจาไม่ดีอีกด้วย พอฉันกับพี่เนซื้อของเพิ่มถึงปลี่ยนได้ เปลี่ยนแล้วเรารีบขึ้นรถเลยค่ะ เพราะอารมณ์เสีย กับยัยแม่มดคนนี้...พอถึงที่รถพี่เนเช็คเงินดูว่าทอนครบรึป่าว สรุป เค้ากลับทอนเกินมา 100 บาทค่ะ..

ที่นี้เอาไงดีคะ กับพี่เนสองคน....ใครจะเป็นคนเอาเงินไปคืนเค้า...

แนนไม่ไปล่ะค่ะ ไม่อยากไปเจอคนพูดจาไม่ดีอีก พี่เนก็ไม่อยากไป...เราไม่ชอบหญิงแขกคนนี้เลยจริงๆค่ะ..ตอนไปซื้อใหม่ๆพูดจากับเราดี๊ดี พอตอนหลังพูดแย่มากๆ เพราะเราซื้อของเค้าน้อยลงๆๆ....สรุปไม่มีใครยอมเอาไปคืน กลับกันดีกว่า ไม่ชอบคนพูดจาไม่ดีแบบนี้ไม่อยากเจออีก ไม่คืนแล้ว (นี่แหละค่ะ....ครั้งแรกที่เราได้รับผลกลับมาชัดๆ)...คือ...

เย็นวันนั้นมีผู้หญิงไทยมากับแฟนต่างชาติ มาซื้อกระโปรงแขกด้วยค่ะ ราคาตัวละ 550 บาท ฉันดันทอนผิดไป เค้าให้แบงค์1000 มา แทนที่จะทอน 450 ดันไปทอน 550 เฉยเลย ตอนแรกไม่รู้ตัวค่ะว่าทอนผิด กลับบ้านมา มานึกอีกทีว่า ตอนที่ผู้หญิงคนนี้ซื้อกระโปรงแขก เค้าต่อเยอะมากๆ พอฉันทอนเงินให้ เค้าชี้ไปที่เสื้ออีกตัว แล้วบอกว่าเอาตัวนั้นด้วย ไม่ต่อเลยสักคำ ตอนนั้นก็งงอยู่ว่า ทำไมซื้อเสื้อไม่ต่อเลยละเนี่ย แปลกจัง!! คิดไปคิดมา....ว่าแล้ว!! ฉันทอนเงินเค้าผิดนินา ทอนเกินไป 100 บาท ....นั่นไงคะ เห็นผลทันตา เมื่อเช้าไม่ยอมไปคืนเงินเค้า ตอนเย็น กรรมตามทันทันที

อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา อะไรที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง มันก็ต้องไปอยู่ที่อื่นจนได้.......



+++เชื่อแล้วค่ะ เรื่องกรรม ..มีอีกเรื่อง...ตอนสวนลุมเปิดใหม่ๆ มักจะมีงานบ่อยๆ วันหนึ่งที่นี่มีงาน น้องๆแถวบ้านหลายคนมาเที่ยวกันค่ะ...น้องคนหนึ่งเก็บเงินได้ 1000 บาท..น้องๆน่ารักมากๆ เอามาให้ฉัน ว่าจะทำอย่างไรกับเงินจำนวนนี้ดี...พวกเราสรุปกับว่าจะเอาเงินนี้ไปทำบุญกันค่ะ....หลังจากนัดวันไปทำบุญลงตัว ทุกคนพร้อมกันหมด 8คน เราจะไปหาวัดกันดานๆกันค่ะ เราเลยขับรถไปแถวนครปฐม..กะว่าวัดนี้แหละท่าจะกันดาน เราก็เลี้ยวรถเข้าวัดที่เราหาเจอที่คิดว่ากันดานชัวร์.....แต่ขณะที่พระกำลังสวดมนต์ตอนที่พวกเราทำสังฆทานกัน ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เพลงะ "โดเรมอน" ดังขึ้น ไอ้เราก็ขำ ใครหว่า ไม่ปิดเสียงโทรศัพท์ ก็นึกว่าเป็นพวกน้องๆที่ไปด้วยกัน ฉันเองก็ก้มหน้าแอบขำ แต่ไม่กล้าหัวเราะดังๆน่ะค่ะ..

ที่ไหนได้..ขณะที่พระกำลังสวดมนต์ มือท่านล้วงเข้าไปในกระเป๋าท่านแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา นั่น โนเกียแพงซะด้วย "ฮาโหล เออๆ..เดี๋ยวไปแล้ว "..แล้วท่านก็วางหูแล้วสวดต่อค่ะ....พวกเราพากันกลั้นหัวเราะเอาไว้ หลังจากทำสังฆทานเสร็จก็รีบออกมาที่รถ พร้อมใจกันหัวเราะเสียงดังมากๆ ไอ้เรื่องเสียงโทรศัพท์ดังนี่ละคะ...

ก่อนหน้านี้ทุกคนได้แต่คิดในใจพูดกันไม่ได้ มันเสียมารยาทตอนสวดมนต์....ไหนละว่าวัดนี้กันดานทำไมพระใช้มือถือแพงจัง....เงินที่เหลือไม่ใส่ซองแล้วค่ะ เหลือไม่กี่ร้อย เราพากันหาร้านอาหารอร่อยๆทานกันดีกว่า....ไม่ทำบุญต่อแล้วค่ะ...

3วันต่อมา...เงินร้านหายค่ะ หาย 1000 บาทพอดีกับที่เก็บได้ ...หายโดยไม่รู้สาเหตุ เห็นมั๊ยคะ...เห็นกรรมทันตาอีกแล้ว....เชื่อแล้วค่ะคราวนี้........นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะคะ กรรมยังตามทันขนาดนี้ ต่อไปนี้ไม่คิดที่จะเอาโดยเด็ดขาด ต่อไปนี้ถ้าใครเก็บเงินได้ ฉันจะบอกให้ทุกคนเอาไปทำบุญ ให้ทำให้หมดนะคะ อย่าเหลือไว้ ไม่งั้น วันหนึ่งเงินคุณอาจจะหายไปได้ อย่างที่พวกเราเคยเจอ...



คราวนี้มาถึงเรื่องของการค้าบ้าง...ตาครูใหญ่กับครูกระจอกแล้วค่ะ...

ตอนที่ฉันโดนแม่มดเอาสินค้ามาตาม แรกๆทำใจไม่ได้ โกรธมาก และร้องไห้ทุกครั้งที่เห็น โดยเฉพาะยัยมืด มักจะเอาออกมาโชว์มายั่ว....แต่หลังจากที่วันที่แม่มดมาอาละวาด ทำให้ฉันรู้ว่า...แม่มดเค้าเครียดจัด จนทำให้ฟิวส์ขาดแบบนั้น ถึงเค้าจะเอาสินค้ามาตามฉัน แต่ดูสีหน้าเค้าไม่ได้มีความสุขเลยค่ะ และจากที่สังเกตุมาตลอด วันไหนที่เค้าเอาสินค้ามาเหมือนฉัน วันนั้นร้านเราจะขายดีจนผิดปกติ ..สังเกตุบ่อยๆ ก็เห็นเป็นแบบนี้ทุกที ยิ่งเค้าทำ เรายิ่งได้....มันแปลกมากๆเลยค่ะ...

แรกๆ เราเครียดมาก โกรธด้วย ...และพวกเราก็พากันไปที่ศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพร ...ท่านเป็นเจ้าของที่ตรงนี้ เวลาเราไปไหว้ท่าน เราจะพูดว่า.."ถ้าใครคิดร้ายหรือทำสิ่งไม่ดีกับลูก ลูกไม่คิดจะทำกลับ แต่ขอให้เสด็จเตี่ยช่วยให้ลูดพ้นภัยจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย และขอให้คนที่คิดร้าย ทำสิ่งไม่ดีกับลูก ขอให้เค้าแพ้ภัยตัวเอง ลูกขอแค่กำลังใจ ให้ร้านของลูกขายดี ขายได้มากๆ ขอให้ทะลุเป้าทุกวันๆๆๆนะเจ้าคะ..."

ที่พึ่งทางใจตอนนั้นคือ การไหว้พระ...และขอยึดปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม เชื่อในความดี คนที่ไม่ดี กรรมก็จะตามเค้าไปเอง แน่นอนค่ะ!! แม่มดดูไม่มีความสุขเอาซะเลย จากที่เคยเป็นคนสวย กลับดูแก่ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เค้าทำเราเค้ากลับเป็นคนคิดมากเอง .. ฉันไม่ร้องไห้อีกแล้วค่ะ...ไม่เครียด หายโกรธแล้วด้วยค่ะ...มันหายไปเองไม่รู้ตัวจริงๆว่า ทำไมฉันไม่โกรธ ไม่เครียดแล้ว..ทำไมไม่ได้รู้สึกอยากร้องไห้เหมือนตอนก่อนหน้านี้ ทำไมเวลาที่เค้าเอาสินค้ามาตาม วันนั้นเค้าขายของแทบไม่ได้เลย..ส่วนเรากลับขายดีผิดปกติ....แปลกแต่จริงนะคะ...

เท่าที่ผ่านมาจากเหตุการณ์หลายต่อหลายครั้ง ทำให้พวกเราเห็นแล้วว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริงๆค่ะ ลองสังเกตุดีๆซิคะ เห็นผลทันตาจริงๆ ....



+++แม่มดเคยเรียกพี่เนไปคุยว่า"พี่จะสอนเรื่องการค้าให้นะคะ...ต้องคอยมองว่าร้านอื่นเค้าขายอะไรกัน สินค้าตัวไหนที่เค้าขายดี เราต้องไปเอามาขายบ้าง การค้าเป็นแบบนี้ ถ้าเราไม่ทำแบบนี้เราก็อยู่ไม่ได้ เราต้องทำอย่างไรให้เราอยู่รอด ต้องหาสินค้าให้ครบ ไม่ว่าจะไทย อินเดีย ฝรั่ง เราต้องมีของให้ครบ ต้องทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ให้ลูกค้าหลุดไปซื้อของร้านอื่น"...

จริงๆมันก็ถูกนะคะที่ครูใหญ่สอน..แต่ทำไมเราต้องไปเอาสินค้ามาตามคนอื่นด้วยละคะ เราน่าจะมีความคิดเป็นของตัวเอง คิดเองว่าควรจะเอาอะไรมาขายที่ไม่ซ้ำกับคนอื่นๆ ถ้าเราเอามาเหมือนเค้าก็แสดงว่าเราไม่มีมารยาท จะสร้างความไม่พอใจให้กับร้านนั้น มันก็จะทำให้มีศัตรูเพิ่ม แถมเอามาเหมือนกัน ก็แย่งลูกค้ากัน พากันตัดราคา แล้วในที่สุดก็เจ้งตามๆกันซิคะ....เพราะต่างไม่มีกำไร ...

เราไม่ทำตามคำสอนของครูใหญ่หรอกนะคะ..เห็นผลชัดๆคือ ยัยมืด (ครูกระจอก)คนนี้ แทบจะไม่มีคนคบหาสมาคมด้วยเลย เพราะเพื่อนบ้านแถวนั้นเค้ารู้ เค้าเห็น ไม่ค่อยมีคนชอบเค้าเลยค่ะ .....ยัยมืดก็ก้มหน้าก้มตาขายของอยู่คนเดียวต่อไป....ไม่มีมิตร ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ปล...แต่ยัยมืดมีกิ๊กค่ะ......ผู้ชายขายกระเป๋าแถวร้าน....ตาคนนี้ก็ครูฉันอีกคนหนึ่งค่ะ.........บทเรียนบทที่สอง อีตาขายกระเป๋านี่ละคะเป็นคนสอน......

+++บทที่1 จบลงด้วยการณ์ละเช่นนี้.. ++++




ข้อคิดของบทเรียนนี้..

รักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็ม

จงรักษาความดีของตนเองไว้ยิ่งชีวิตให้เหมือนดั่งเช่น เกลือที่รักษาความเค็ม อย่าปล่อยตนให้ตกต่ำถอยหลัง..อย่าเห็นแก่เงินทองหรือสินจ้างรางวัลมากกว่าชื่อเสียงเกียรติยศของตนเอง...อย่าประมาณในการใช้ชีวิตหรือหลงผิดไปในห้วงเหวแห่งอบายมุขทั้งปวง..

การรักษาความดีและชื่อเสียงของตนเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลา...แต่การทำในสิ่งไม่ดีไม่งามหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้เพียงเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องง่าย เหมือนดั่งการไหลของน้ำ ..เพราะธรรมชาติของน้ำมักไหลสู่ที่ต่ำเสมอ นอกจากนั้นจะทำลายชื่อเสียงและความดีที่เคยมีอยู่เสียหมดสิ้นในพริบตา..

เคยอยู่ในหมู่หงส์ ฤาจะหลงฝูฝกาดำ

เคยดีมีศลีธรรม ฤาควรคิดผิดแปลกไป

ผ้าขาวบริสุทธิ์ มามีจุดบ่สุทธิ์ใส

จักหาค่าอย่างไร ยับยั้งจิตคิดให้ดี "

โดย วรณี สัชณุกร..




\






Create Date : 26 พฤษภาคม 2550
Last Update : 15 มกราคม 2551 12:53:28 น. 3 comments
Counter : 1375 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมเยียนบล็อคครับผม


โดย: joblovenuk วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:5:19:16 น.  

 

เพิ่งจะมีโอกาสแวะมา แล้วจะมาเยี่ยมอีก


โดย: JK IP: 58.8.133.4 วันที่: 7 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:29:32 น.  

 
คมนะเนี๊ยะ


โดย: fongbeer IP: 119.42.84.47 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:09:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ซ่อนทรายแก้ว
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
















สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเรา...ก้อคือชีวิตเรา
สิ่งที่ มีค่าที่สุดในหัวใจเรา...ก้อคือหัวใจเรา
อย่าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปยกให้ ใคร
อย่าเอาใจทั้งใจไปยกให้ใครคนเดียว
อย่ายกสิ่งที่มีค่าที่สุดของเรา ไปให้ใครดูแล
เพราะไม่มีใคร...ที่จะดูแลมันได้ดีไปกว่าตัวเราเอง
อย่าปิด กั้นความรู้สึกของหัวใจ
อย่าบอกว่าเราเกิดมาเพื่อจะรักคน ๆ เดียว
คนใจ แคบเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อที่จะรักคนได้คนเดียว
เราสามารถที่จะรักใครได้มากมาย
ขอเพียงให้รู้จักหน้าที่ของความรัก
หน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อคนที่เรารัก
รัก ต่างแบบ...ปฏิบัติในหน้าที่ต่างกัน
แล้วเมื่อวันใดวันหนึ่งคนบางคนไม่แยแสกับ ความรักที่เรามีให้
เราก็ยังคงเหลือใครต่อใครอีกมากมาย
และไม่เห็นจะต้องเจ็บเจียนตาย
ถ้าเรามั่นใจ...ว่าเราทำหน้าที่ให้กับรักนั้นสมบูรณ์และเต็มที่แล้ว
ถ้าอากาศร้อนอบอ้าว...ลองออกมายืนคุยกับแสงแดด
อากาศหนาวแทบขาดใจ...ลองออกมาหาไออุ่นลมหนาว
เราจะรู้ว่าร้อนหรือหนาวก็ต่อเมื่อเราได้ไป สัมผัสกับมัน
ก็เหมือนกับความรัก ....
ถ้าอยากรู้ว่ารสชาดเป็นอย่างไรก็ต้อง ไปสัมผัสกับมัน
แต่อย่าทรมานตัวเองโดยการออกไปยืนตากแดดนาน ๆ
หรือยืนต้านทานลมหนาว ถ้ารู้ว่าร้อนนักก็หลบหาที่ร่ม
ถ้ารู้ว่าหนาวก็ก่อเตาผิง
ความรักจะ ไม่ทำร้ายเรา ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง
...ถ้าคุณรู้จักรัก..
แสงแดดจะทำให้คุณอบอุ่น
ลมหนาวก็จะทำให้คุณหลับสบาย...















Color Codes ป้ามด



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


ธรรมะไทย



ผู้ชมทั้งหมด คน
Friends' blogs
[Add ซ่อนทรายแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.