กรกฏาคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
มาเป็นเศรษฐีเงินล้านกันเถอะ
หลักการสร้างเงินล้าน

ถ้าคุณคิดว่าการซื้อหุ้นตัวนึงเพื่อให้ได้กำไร 10%ผมว่าอาจจะยากนะนอกจากตัวเสี่ยงๆ

เท่าที่ดูผมว่า 2-5%โดยเฉลี่ยน่าจะเป็นไปได้นะครับ

ถ้าเราตั้งเป้าหมายแล้ว ก็มาวิเคราะห์พฤติกรรมซื้อ-ขายเราว่าเป็นไปได้มั๊ย

ถ้าเป้าเราอยู่ที่ 1%ทบต้นไปเรื่อยๆโดยเฉลี่ยรวมวันหยุดไปด้วยคิดง่ายดี

มีทุน 100000จะได้ 1 ล้านภายใน 8เดือน

แต่การปฎิบัติหล่ะ

-100,000 แบ่งเป็น 5หุ้นที่คัดเลือก จะได้วงเงิน หุ้นละ 20000

-หุ้น 1 ตัวแบ่งเป็น 3ไม้ ตกไม้ละประมาณ 6600

ดังนั้นคุณต้องได้กำไรหุ้นที่คัดไว้ประมาณ 15%ถึงจะได้เป้าที่คุณตั้ง ในกรณีไม้เดียว ถูกต้อง ผมว่ายากนะ

แต่ถ้าคุณตาดีขึ้น คุณได้กำไร 2ไม้ จากเงินทั้งหมด 15 ไม้ เป้าคุณวันนั้นจะเหลือแค่ 7.5%ก็ได้เป้าใหญ่ 1% แล้ว งงมั๊ย

ถ้าคุณพัฒนาดีขึ้น จาก 15ไม้ ได้กำไร 3 ไม้ เป้าเฉลี่ยคุณเหลือแค่ 5%ต่อไม้ จะทำไม่ได้เชียวหรือ

แต่ถ้าคุณลดเป้าใหญ่เหลือ 0.50%ต่อวันทบต้น จะเกิดอะไรขึ้นครับ

คุณจะทำเงิน 100,000กลายเป็น 1 ล้าน ภายใน ประมาณ 1 ปี4 เดือน ไม่ช้าหรอกนะ แรงกดดันจากที่ยกตัวอย่างมาจะเหลือครึ่งเดียวครับ

เช่น

ถ้าคุณพัฒนาดีขึ้น จาก 15ไม้ ได้กำไร 3 ไม้ เป้าเฉลี่ยคุณเหลือแค่ 2.5%ต่อไม้ จะทำไม่ได้เชียวหรือ

ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไม ถึงบอกให้ cutloss เวลาหุ้นลงหรือขาดทุนเพราะมันทำให้เป้าหมายเราเสียหายและห่างไกลไปกว่าเดิมอีก

ขอความคิดเห็นด้วยครับ เพื่อนๆ สำหรับแนวคิดนี้

สำหรับทุน 10,000

ควรจะแบ่งไม่เกิน 3หุ้น จะได้ทั้งหมด 9 ไม้

ตกไม้ละ 1100

อย่าลืมว่า ถ้าคุณเข้าไม้แรกแล้ว ถูกที่ถูกทางหุ้นขึ้นจนกำไร แต่ยังรอขาย คุณสามารถนำเงินสำรอง 2ไม้ไปซื้อตัวใหม่ที่กำลังขึ้นได้อีก หมุนไปหมุนมา อาจจะซื้อหุ้นได้ 5ตัวเลยหล่ะ

สำหรับทุน 15,000

ควรจะแบ่งไม่เกิน 5หุ้น จะได้ทั้งหมด 15 ไม้

ตกไม้ละ 1000

ประมาณนี้ครับ เวลาได้กำไร อย่าไปมองตัวเงินให้ตั้งเป้าอย่างที่สอนไว้แล้วดูซิว่าได้ % ตามเป้าที่คาดหวังหรือเปล่า เงิน 10,000อาจจะเป็น 1 ล้านก็ได้ถ้าคุณรักษาเป้าสม่ำเสมอ







มีเรื่องอยากรบกวนอาจารย์ครับ ถ้าผมจำไม่ผิดเมื่อวานก่อนอาจารย์บอกผมว่าคนที่ติดดอยก็ยังเล่นหุ้นง่ายเพราะตลาดขาขึ้นอยู่ ผมจึงอยากรบกวนอาจารย์ช่วยกรุณาเล่าประสบการณ์ที่อาจารย์ได้ผ่านมากับช่วงที่ตลาดขาลงและเจอวิกฤติครับ ว่าวิธีการดูกราฟ (technical graph) สามารถช่วยให้เราสามารถรู้วิธีหลบหลีกและทำกำไรหรือคัท (cut loss) นั้นสำคัญแค่ไหน รบกวนอาจารย์ด้วยครับ

อยากได้เป็นข้อเตือนใจไม่ให้หลงระเริงกับกำไรที่ได้มาครับ เพราะบางทีผมอาจลืมตัวใจใหญ่กลัวจะเป็นบทเรียนราคาแพงเกินไปครับ จึงใคร่ขออาจารย์บอกเล่าประสบการณ์เป็นวิทยาทานครับ ขอบคุณมากครับ

แต่นิ่งนึงที่ช่วยได้แน่นอนคือ การแบ่งไม้เพราะถ้าคัททิ้งไม่ขาดทุนเยอะแน่นอนถ้าแบ่งไม้ดีไม้เข้าก้อนเดียว

ง่ายมากเลยครับ วิธีการรับมือเมื่อหุ้นขาลง
วินัย ครับ นายคนนี้สำคัญ
กราฟมันฟ้องอยู่แล้วว่า ฉันจะลง ก็อย่าไปซื้อ อย่าไปถือครับ
กราฟมันฟ้องอยู่แล้วว่า ฉันจะขึ้น ก็อย่าไปฝืนขายหรือกลัวที่จะซื้อหรือกอดไว้
หลักการก็บอกไว้แล้วว่า หลุด b2 เริ่มขาลงก็อย่าเสียดาย ทำได้แค่นี้ก็
อยู่รอดปลอดภัย ไม่ว่าจะขาขึ้นหรือขาลงครับ
โดย: กู้กุ้ย วันที่: 20 สิงหาคม 2555 เวลา:17:46:01 น.




Create Date : 18 กรกฎาคม 2555
Last Update : 20 สิงหาคม 2555 17:48:48 น.
Counter : 4082 Pageviews.

7 comments
  

การซื้อหุ้นขึ้นแรงๆ คุณต้องยอมรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องเผื่อไม้ย่อทุกครั้ง
เช่น slc ขึ้นแรงอยากได้ คุณจิ้มไปก่อน 1 ไม้ เอาใกล้ๆ ema5 ของ time frame 5min
ถ้าขึ้นต่อคุณได้กำไร ถ้าลง คุณต้องทิ้งหรือถือต่อโดยดู ema 5 ของ time frame day ถ้าลงมาก็รับแถวๆนั้น อีก 1 ไม้
แต่ถ้าเอาไม่อยู่ ดู ema10 รับแถวนั้นอีก 1 ไม้
แต่ถ้าหลุดอีก ดูกราฟ week ema5 อยู่ตรงไหน ไม่หลุดถือต่อ อย่าง tsf เมื่อวานทิ้งกระจุยไม่หลุดก็ต้องทน
แต่ถ้าหลุด เหมือน kmc-w2 อย่าไปเสียดาย ทิ้งออกไปตั้งหลักก่อน
แนวรับที่ให้ไว้ เป็นไม้สำรองหรือ ราคาที่ค่อนข้างปลอดภัย กรณีคุณซื้อสูงไป แล้วต้องรอรับเพิ่มครับ

โดย: กู้กุ้ย วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:12:50:16 น.
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:20:40:33 น.
  
อ่านเจอเลยนำมาฝากครับ....คงไม่รกบอร์ดนะครับ
By : เอกยุทธ อัญชันบุตร

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า อยากแนะนำวิธีในการพิจารณาดู Bid-Offer (ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) ให้กับนักลงทุนรายย่อยว่า จะมองอย่างไรถึงจะรู้ว่า ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้น-วิ่งลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ขอยืนยันว่าไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่ศึกษาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่คลุกคลีอยู่ในแวดวง ตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เห็นภาพอะไรบางอย่างชัดเจนว่า ตลาดหุ้นแต่ละประเทศจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน

“โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นในเมืองไทย ที่ต้องยอมรับกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การกำหนดเกมของ “เจ้ามือ” เป็นหลัก จึงจะขอวิเคราะห์จากตลาดเมืองไทยเป็นหลัก และนี่ก็ไม่ใช่ตำราที่จะนำไปใช้อ้างอิงใดๆ เป็นเพียงมุมมองของคนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้น ที่ไม่อยากให้
นักลงทุนรายย่อยทั้งหลายต้องตกเป็น “เหยื่อ” อันโอชะให้ “เจ้ามือ” ทั้งหลายกอบโกย...เฉพาะอย่างยิ่งกับ “เจ้ามือ” ที่อาศัยฐานอำนาจรัฐมาเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง สร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ระทมของคนอื่น”นายเอกยุทธกล่าว

สำหรับ 5 หลักการคร่าวๆ ที่ขอแนะนำให้นักลงทุนรายย่อยได้พึงสังเกตพฤติกรรมและวิธีการเล่นของ “เจ้ามือ” ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากหุ้นแต่ละตัวนั้น จะมีปัจจัยพื้นฐานและความน่าสนใจที่แตกต่างกัน จึงต้องมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้...คือ

1.พฤติกรรมย่ำราคา โดยสังเกตได้จาก Bid ด้านซ้าย จะหนามากๆ และมีปริมาณการซื้อ-ขายที่มาก ในระดับราคาที่ยืนอยู่นิ่งๆ นานๆ โดยแนะนำให้สังเกตดูเป็นรายชั่วโมง เพราะจะสามารถแยกรูปแบบการเล่นนี้ ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ

1.1 ย่ำราคาเพื่อเรียกร้องความสนใจ...จะ เป็นการสร้าง Volume แบบหนามากๆ ตลอดเวลา โดยราคาไม่ได้พุ่งขึ้นตามไป ถือว่าเป็นการ “โชว์” ให้นักลงทุนได้เห็นว่า หุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะ “เล่น” กันในระยะเวลาอันใกล้นี้ เปรียบได้กับเป็นอีกรูปแบบที่
“เจ้ามือ” ทยอยเก็บของ เพราะหาก “เจ้ามือ” ซัดช่องขวาเข้าไปเมื่อไหร่ ราคาจะวิ่งขึ้นทันที
1.2 ย่ำราคาเพื่อทุบลง...เป็นการสร้าง Volume แบบหนาๆ เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาเล่น จากนั้นหากได้จังหวะ ก็จะยก Bid ทิ้งออกไป เพื่อตบราคาให้ร่วงลงมา หากนักลงทุนรายใด “ตกใจ” และ “เทขาย” ของออกมา ก็จะทำให้ “เจ้ามือ” เก็บของ
ในราคาที่ถูกลงได้อีก

“พฤติกรรมย่ำราคานี้ ให้สังเกตดีๆ ว่า จะมี Volume หนาแน่นมาก 2-3 ช่องในด้านซ้าย (Bid) ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก”

2.พฤติกรรมสร้าง Volume มากๆ แบบผิดสังเกต โดยที่ราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อาจขึ้น-ลง แค่ 1-2 ช่อง...วิธีนี้ให้นักลงทุนรีบย้อนหลังกลับไปดู Volume การซื้อ-ขายอย่างต่ำ 1-2 เดือน เพราะหากดูประวัติย้อนหลังแล้วพบว่า Volume การซื้อ-ขาย
น้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยนั้น แต่อยู่ๆ กลับมีขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ถือว่า “เจ้ามือ” กำลังสร้าง Volume เพื่อเตรียมทำราคา วิธีการนี้หากนักลงทุนรายใด มีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ในมือก็ให้ท่องจำอยู่ในใจว่า “อย่าขาย” เด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะทำราคากันขึ้นไป
เล่นในเร็ววัน

“พฤติกรรมสร้าง Volume หนักๆ เช่นนี้ โดยราคายังนิ่งๆ ทั้งที่แต่เดิม Volume ของหุ้นนั้นแทบจะมีน้อยมาก หรือไม่มีเลย ทำให้นักลงทุนบางคนอาจตื่นตระหนก แล้วรีบเทขายออกมา เพราะเห็นว่า หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นี้ ราคาไม่ได้วิ่งมานาน จึงกลัวจะต้องถือยาวกว่านี้
เมื่อเทขายหุ้นออกมา ก็เข้าทาง “เจ้ามือ” ที่วางกลอุบายเอาไว้แล้ว และสามารถเก็บของได้เพิ่มขึ้นอีก”

3.พฤติกรรมลากไปติดดอย มีวิธีสังเกตคือ ฝั่ง Offer จะหนามาก ในขณะที่ Bid จะเบาบาง และมีราคาวิ่งขึ้นตลอด ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ “เจ้ามือ” วางกับดักล่อ โดยจะกินช่องขวา (Offer) ตลอด เมื่อมีคนแห่เข้ามาเล่นตามในช่องขวาเป็นจำนวนมาก ถึงจุดหนึ่ง
ที่ “เจ้ามือ” จะออกของก็จะไล่ราคาร่วงลงมาได้ในทุกระดับ เพราะเจ้ามือสามารถออกของได้ทุกระดับราคาอยู่แล้ว โยนออกมาไม้ไหนก็มีแต่กำไร

“พฤติกรรมนี้ ให้นักลงทุนสังเกตให้ดีๆ ว่า หากมีการไล่ราคาในช่องขวา (Offer) ขึ้นไปกันหลายช่องและวิ่งขึ้นตลอด อย่าเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะถ้าเข้าไปก็มีสิทธิติดยอดดอยกันได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ รอให้มีการทุบราคาลงมาจนเห็นสีแดงนานๆ ก็อาจเข้าไปซื้อได้ แต่ต้องดู
ประวัติย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆ ด้วยว่า น่าเล่นหรือไม่”

4.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นตลอด ให้สังเกตว่า Volume ทั้งด้านซ้าย (Bid) และด้านขวา (Offer) จะหนามากๆ และตลอดเวลา อีกทั้งราคาจะมีการวิ่งขึ้น-ลง วันละ 10-20 ช่องตลอด ซึ่งรูปแบบการเล่นเช่นนี้ ขึ้นกับนักลงทุนเองว่า จะมีความเร็วในการ
“เข้า-ออก” หรือไม่ เพราะราคาจะสวิงขึ้น-ลงตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษคือ หากราคาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับไหนนานๆ ให้ตระหนักไว้เลยว่า มีสิทธิที่จะลากขึ้นไปไกล หรือทุบลงมาอย่างแรงได้ทั้งสองทาง จึงขึ้นกับความไวของตัวนักลงทุนเอง

“วิธีนี้ขึ้นกับตัวเจ้ามือแล้วว่า จะทำให้นักลงทุนติดยอดดอยกันในระดับราคาไหน เพราะเขาสามารถออกของได้ทุกระดับราคา จากนั้นเมื่อทุบร่วงลงมาก็จะเข้าไปช้อนซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็จะนำกลับมาเล่นกันใหม่ หุ้นลักษณะนี้จะพบว่า มีการเล่นกันตลอดทั้งสัปดาห์ อาจมีหยุดบ้างก็
1-2 วัน แต่ Volume ก็ยังมีให้เห็นอยู่”

5.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นเป็นรอบ วิธีนี้จะเล่นกันสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้ง จึงขอให้นักลงทุนต้องย้อนกลับไปดูประวัติย้อนหลังของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ สุดที่นิ่งนานๆ บวกกับการดูราคาที่วิ่งขึ้นไปสูงสุดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาหารครึ่ง เพื่อดูราคาว่า ระดับไหนถึงจะซื้อได้
ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวนั้น เคยอยู่ที่ระดับต่ำนิ่งๆ ประมาณ 4 บาท แต่มีการทำราคาไล่ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 12 บาท ดังนั้น ราคาที่เหมาะสมที่น่าจะซื้อได้จึงอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหุ้น (12-4 = 8)

“พฤติกรรมการเล่นเป็นรอบนี้ นักลงทุนต้องพึงระวังว่า เจ้ามืออาจจะกลับมาเล่น หรือไม่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับความน่าสนใจของหุ้นตัวๆ นั้นว่า เป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือไม่”

นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า วิธีการทั้งหมดนี้...อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เวลาในการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด ตนไม่สามารถยกตัวอย่างหุ้นเป็นรายตัวออกมาให้เห็นได้ เพราะเกรงจะมีข้อกฎหมายตามมาภายหลัง แต่เชื่อว่า หากนักลงทุนที่เล่นหุ้นกันอยู่ในตลาดหุ้น
ไทย คงรับทราบดีว่า หุ้นตัวไหน เป็นหุ้นที่เข้าข่ายใด ใน 5 พฤติกรรมข้างต้น เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตัวเราเองจะเล่นแบบไหน และจะสังเกตวิธีการที่เจ้ามือเล่นกันได้อย่างไร แต่ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องพึงระลึกว่า “อย่าโลภ” ถ้าอยากเล่นหุ้นปั่น หากได้กำไรแค่ไหน จงนึกเสมอว่า...
อย่าเป็น “เสือหวน” เด็ดขาด

“เชื่อว่า หากนักลงทุนเข้าใจในหลักการนี้แล้ว ต่อไป...บรรดา “เจ้ามือ” ทั้งหลายก็คงต้องมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมา เพื่อไม่ให้ “รายย่อย” ได้ตามทัน มิเช่นนั้น... “เจ้ามือ” เองก็คงไม่สามารถ “ล่อ” แมงเม่าให้เข้ามาในกองไฟได้อีก


โดย: เด็กน้อย IP: 49.0.73.202 วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:13:42:33 น.
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 17 มกราคม 2556 เวลา:13:56:34 น.
  
การแบ่งไม้นี้หมายความว่าภายใน 1 วันหรือคะ
โดย: pim IP: 58.11.0.176 วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:21:06:35 น.
  
การแบ่งไม้นี้หมายความว่าภายใน 1 วันหรือคะ
โดย: pim IP: 58.11.0.176 วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:21:06:35 น.

ใน 1 รอบครับ ไม่ใช่ใน 1 วัน
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:8:32:45 น.
  
เรียนถามอาจารย์ครับ สำหรับหุ้นที่เพิ่งเข้าตลาดได้ไม่นาน มีวิธีการอ่านกราฟเหมือนกับแบบปกติไหมครับ และหุ้นควรจะเข้าตลาดประมาณกี่วัน ถึงจะใช้กราฟดูได้ครับ

ปล.รอตอนอาจารย์ว่างค่อยตอบนะครับ ขอบพระคุณคร้าบบ
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:9:33:27 น.

ยินดีครับ อ.แก๊บๆ
ถ้าหุ้นใหม่ กราฟระยะ day มีเส้น ema5 แล้วก็ใช้ได้ครับเหมือน beauty แต่ถ้ายังไม่มี ก็ให้ปรับใช้ time frame 60min ครับ
แต่ถ้ายังไม่มีอีก อาจจะเพิ่งเทรด 1- 2 วัน ก็ลดระยะเป็น 30min / 5min ได้ครับ
โดย: กู้กุ้ย วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:9:36:52 น.
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 22 มกราคม 2556 เวลา:9:39:51 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับเพื่อนๆ

เมื่อวานเห็นบาง comment แล้วเป็นห่วงครับ

การลงทุนและเก็งกำไร ต้องมีหลักการนะครับ ไม่ใช่หลับตาเฮกันไป
ถ้าลงทุนก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นมีพื้นฐานรองรับ
โดยเฉพาะ set 50/100 ไม่ค่อยหลุดแนวรับระยะกลางหาก trend ใหญ่ไม่ใช่ขาลง

การเก็งกำไร ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูง ผมก็เล่นเยอะ
แต่เพื่อนๆ ต้องรู้ว่าเรากำลังเล่นกับเจ้าภาพ เราไม่ใช่เพื่อนเค้าเราไม่รู้หรอกว่า เจ้าภาพคิดอย่างไร
สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกพฤติกรรมได้ คืน trend ไม่ใช่ผมหรือใครก็ตาม
หากเมื่อใดหุ้นส่งสัญาณทิ้งหรือ trend เป็นลง โดยเฉพาะระยะกลาง
แสดงว่าคุณกำลังเล่นตอนที่เขาทิ้ง อาจจะมีเด้งบ้าง แต่ถ้า trend ใหญ่ขาลง คุณกำลังเล่นกับไฟครับ

การที่หุ้นย่อแล้วเข้ารับ นั่นคือ หุ้นที่ trend ใหญ่ขาขึ้น แต่ย่อตัว คือสิ่งที่ถูกต้องในการเก็งกำไร แต่ถ้าคุณรับแล้ว ยังลง ไปอีกจนหลุดแนวรับระยะสั้น ที่สำคัญคือระยะกลาง คุณผิดทาง และไม่มีทางชนะเจ้าภาพได้หรอกครับ

ที่ต้องเขียนแบบนี้เพราะเป็นห่วง หลายๆคนที่เป็นมือใหม่ แต่เล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นหลัก ถ้าคุณเข้าตอน trend ขาขึ้น หลับตาซื้อก็ได้ตังส์
แต่ถ้า trend เปลี่ยน ทำแบบนี้เสี่ยงมากครับ

เราจะเป็นนักเก็งกำไร ต้องเก็งกำไรให้ถูกวิธี แมลงสาบไม่เคยมาตัวเดียว ศึกษาหาความรู้เยอะๆ แล้วจะเอาตัวรอดในตลาดที่โหดร้ายแห่งนี้ได้ครับ ด้วยความเป็นห่วงนะครับ

โดย: กู้กุ้ย วันที่: 24 มกราคม 2556 เวลา:8:37:11 น.
โดย: แก๊บแก๊บ วันที่: 24 มกราคม 2556 เวลา:9:20:05 น.
  
ขอปรึกษาการวางแผนการลงทุน ตามหัวข้อการสร้างเงินล้านครับ ผมไม่เข้าใจตรงที่บอก ว่าถ้าตาดี ได้กำไร 2 ไม้จาก 15 ไม้ จะได้กำไรเฉลี่ย 7.5% นั้น ตรงที่ไม่เข้าใจคือ กำไร 2 ไม้ จาก 15 แล้วที่เหลืออีก 13 ไม้ละครับ ไม่คิดหรือครับ เช่นอาจขาดทุนทั้ง 13 ไม้ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คือขาดทุน นะครับ คือสงสัยว่าแล้วไม่คิดเผื่อตอนขาดทุนด้วยเหรอครับ
โดย: อู๊ด IP: 125.27.125.202 วันที่: 4 กรกฎาคม 2557 เวลา:10:28:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก๊บแก๊บ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]