เที่่ยวปีนัง ตามหาความสงบแห่งมาเลเซีย
เจ้าของบล็อกหนีไปเที่ยวปีนังมา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความวุ่นวายต่างๆทำให้ไม่ได้เอามาเขียนเล่าให้ฟังเสียที วันนี้ว่างๆ เลยอยากเอามาเล่าพอเป็นพิธีครับ เนื่องจากไม่สันทัดการเที่ยวในเมืองนี้ เพราะว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยไปมาก่อน ข้อมูลน้อย และไปเพียง 3 วัน 2 คืนเท่านั้น ปีนังเป็นรัฐหนึ่งของมาเลเซีย อยู่ทางตอนเหนือของกัวลาลัมเปอร์ไปประมาณ 300 กิโลเมตร ผมเดินทางไปกับการบินไทย ลงที่ KL เนื่องจากเป็นตั๋วที่แลกมาฟรี จากนั้นก็มีคนใจดีมารับไปเที่ยวครับ แต่ปกติแล้วเราสามารถเดินทางไปปีนังได้ทางรถโดยสาร หรือรถไฟ หรือจะบินตรงจากกรุงเทพฯไปลงที่สนามบินปีนังได้เหมือนกัน อาหารบนไฟล์ท TG418 ครับ อร่อยพอประมาณ ตามมาตรฐานครัวการบินไทย จำไม่ได้แล้วว่าถ่ายที่ไหน อันนี้น่าจะเป็นขากลับ เป็นเที่ยวบินที่โชคดี มี PTV แต่ทั้งเครื่องเหมือนกำลังค่อยๆเปลี่ยน ซึ่งอีกครึ่งหนึ่งของที่นั่งใน B777 ยังเป็นแบบเก่า เบาะหนาๆไม่มีจอ PTV เมื่อเราได้เข้ามาถึงเมืองปีนัง เราต้องผ่านสะพานแขวนที่ยาวมากๆ เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้เลยครับ ถนนที่มุ่หน้าไปยังจอร์จทาวน์ เป็นวิวที่สาชวยมากๆ ทำให้ผมชอบเมืองนี้มาก ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมอีก เมืองหลักของปีนังคือ จอร์จทาวน์ เป็นเหมือนศูนย์กลางของรัฐนี้ ซึ่งถ้าจะไปพัก แนะนำให้พักในเมือง ดีกว่าจะไปพักริมชายหาด เพราะระหว่างขายหาดเข้ามาในเมืองมีระยะทางไกลพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในตัวเมืองแทบทั้งสิ้น โรงแรมที่ไปพักคือโรงแรมราคาประหยัด Tunes Hotel ราคาคืนละตั้งแต่ 500-700 บาท ลองเชคราคาจากเว็บไซต์ดูนะครับ มาตรฐานก็แบบโลว์คอสจริงๆ แต่ที่ตั้งถือว่าโอเคเลย อาหารไทยเป็ฯที่นิยมมากครับ อันนี้เป็นอาหารสำหรับช่วงปีใหม่จีน เป็นผักต่างๆกินพร้อมกับปลาดิย ผสมน้ำจิ้มหวานๆ รสชาติแปลดประหลาดอร่อยแบบ งงๆ ช่วงตรษจีน วัดหลายๆแห่งมีงานเมหือนตลาดนัด และตกแต่งไฟสวยงาม เดินเพลินๆ สิ่งที่ขึ้นชื่อในปีนังคือส่วนของเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งประกอบไปด้วยอาคารเก่า วัดเก่า และผังเมืองเก่า โดยสถานที่เหล่านี้ได้รับการรักษาไม่ให้ถูกทำลาย หรือรื้อถอนออกไป และได้รับการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่เหมือนกับในอดีต มีการปรับปรุง ดูแลอย่างสม่ำเสมอ อาหารปีนัง ที่ได้ชิมมา อันนี้อาซามลักซา ผมชอบมาก เวลากินแล้วสร่างเมาดี เหมาะสำหรับคนที่แฮงค์โอเวอร์ บางสถานที่ ที่กลายเป็นที่ท่องเที่ยวไปได้ คือบ้านเก่าๆของเศรษฐีในอดีต ปัจจุบันเปิดให้เข้าชม เป็นเหมือนที่เก็บของเก่า ดูแล้วก็สวยงาม และมีเรื่องราวดีครับ ได้มีโอกาสไปยังวัดที่สูงที่สุดในเกาะ กำลังมีพิธีสวดมนต์รับปีใหม่จีน ทางวัดจัดโคมไฟสวยงาม และมีการจุดพลุในตอนค่ำ สวยมากๆครับ ปีนังเป็นเมืองชิวๆครับ ให้บรรยากาศเหมือนการไปเที่ยวเชียงใหม่ ทำอะไรก็เรื่อยๆ ชิวๆ ไม่สนใจใคร เหมือนเป็นการพักสมองไปในตัว ด้วยความที่เป็นเมืองเก่า ไม่ได้มีอะไรทันสมัยมากมาย ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดก็ไม่ได้มีอะไรในนั้นเลย เหมือนห้างร้างๆ ขายของแบบประตูน้ำ ผู้คนก็ไม่ได้มีจำนวนมากคนควักไขว่ ทั้งๆที่ตอนที่ผมไปเป็นช่วงตรุษจีน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่มีคนจำนวนมากกลับมายังบ้านเกิด แต่ก็ไม่ได้มีความวุ่นวายให้เห็นแต่อย่างใด ปีนัง เป็นการออกเสียงแบบมาเลเซีย ส่วนการออกเสียงแบบสำเนียงจีน เราจะต้องอ่านว่า ปีแนง ครับ เพื่อนผมถามว่าทำไมคนไทยถึงพูดชื่อเมืองต่างๆได้ชัดเหมือนคนมาเลย์เลย ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะการอ่านออกเสียงที่เราอ่านตามตัวสะกดมันทำให้เราอ่านได้แบบนั้นจริงๆ อีกเมืองที่เราออกเสียงได้เป็นสำเนียงมาเลย์คือ เมือง มะละกา ถ้าเป็นสำเสียงจีนจะออกเสียงว่า มะแลแก ทำนองนี้นะครับ ไม่มั่นใจ เรื่องของการแบ่งชนชั้นของคนมาเลเซียเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ทุกวันนี้ชาวมาเลย์เชื้อสายจีน และเชื้อสายอินเดีย ที่มีเป็นจำนวนมาก ต้องถูกจำกัดในการใช้สิทธิต่างๆจากภาครัฐ เป็นมหาวิทยาลยัของรัฐ อาจจะมีโควต้าในการรับนักศึกษาคณะต่างๆไปตามเชื้อสายของคนสมัคร เช่น รับมาเลย์-มาเลย์ 70 คน มาเลย์-จีน 20 คน และอีก 10 คนเป็ฯเชื้อสายอื่นๆ ทำให้มีช่องว่างระหว่างเชื้อชาติ (ที่ไม่ค่อยมีคนอยากพูดถึง) พอสมควร ปีนังเป็นเหมือนไทม์แมชชีนที่พาเราย้อนอดีตไปสัก 10-20 ปี ไปแบบชิวๆกำลังดี มีความสุขครับ edit @ 1 Aug 2011 21:52:04 by Pack
Create Date : 30 ตุลาคม 2554 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2557 9:05:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 665 Pageviews. |
|
 |
|