ท่องเที่ยวมาเก๊าแบบไร้จุดหมายและเรื่อยเปี่อยที่สุดเนื่องจากไปฟรี
ไม่ไกลจากกรุงเทพฯนัก มาเก๊า เมืองเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยชีวิตและสีสัน เมืองที่เวลาคุณไปแล้วจะโดนถามว่า "แกจะไปเล่นคาสิโนเหรอ?" หรือ "มึงไปทำไมเนี่ย แม่งไม่มีห่าอะไรเลย" แต่ไม่ว่าจะโดนถามว่าอะไรนั้น หลังจากผมกลับมา ผมสามารถตอบได้เลยว่า "มันก็ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเราไม่ไปสนใจมัน"

โบสถ์เซนต์ปอลยามค่ำคืนที่ไม่มีนักท่องเที่ยวแล้ว
โชคดีของผมที่บริษัทส่งไปประชุมงานที่มาเก๊าเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2010 เลยได้วางแผนอยู่ท่องเที่ยวต่อในมาเก๊า และซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเองต่างหาก ข้อมูลท่องเที่ยวมาเก๊าไม่เคยได้อ่านมาก่อน แม้แต่แผนที่มาเก๊ายังดูไม่เป็น รู้แต่ว่าต้องพักไกลจากตัวเมืองมากๆ
มาเก๊าแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ มาเก๊า และ ไทปา ซึ่งขนาดไม่ต่างอะไรจากสาทรและพระราม 4 มานัก แต่ขอบอกเลยว่าค่าแท๊กซี่ค่อนข้างแพงเป็นพิเศษ การนั่งแท๊กซี่จากมาเก๊า ข้ามไปยังอีกฟากของเกาะมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม แต่ห้ามบ่นจะดีกว่า เพราะว่ามาเก๊าเองไม่มีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน มีเพียงรถเมล์ที่คนอย่างผมไม่กล้าขึ้นเพราะว่ากลัวหลง เนื่องจากพูดภาษาจีนไม่ได้เลย
สายการบินที่เราสามารถเดินทางไปยังมาเก๊าได้ง่ายๆคือเจ้าประจำของผม แอร์เอเชีย ด้วยราคามหาโหดสำหรับการบินโลวคอสคือราคา 7000 กว่าบาท เนื่องจากไม่ได้จองล่วงหน้า และไม่ได้จองแบบโปรโมชั่น ซึ่งหากอยากจะไปจริงๆแล้วแนะนำให้รอโปรโมชั่นที่ผมเคยเชคไปกลับราคาไม่เกิน 2000 บาทก็มีนะ
สนามบินมาเก๊าเป็นสนามบินเล็กๆที่ไม่วุ่นวาย แต่ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีจริงๆ แม้แต่ฟาสฟู๊ดให้นั่งคอยเที่ยวบินก็ไม่มีเช่นกัน
โรงแรมที่ไปพัก
ก่อนที่จะเดินทางไปยังมาเก๊านั้นผมได้ข้อมูลของโรงแรมที่จะไปพักมาคร่าวๆ เนื่องจากเป็นการประชุมเล็กๆที่ต้องใช้ความเงียบสงบ และพื้นที่ภายนอกอาคารเพื่อตรวจสอบเรื่องสีในอุตสาหกรรมต่างๆ ทางผู้จัดประขุมจึงเลือกโรงแรมที่ตั้งอยู่นอกเมืองมาเก๊า บนเกาะไทปา ในบริเวณที่เรียกว่า Coloane ซึ่งอ่านว่า โคโลวัน ไม่ได้อ่านว่าโคโลอาน แต่อย่างได้ เนื่องจากเป็นภาษาโปรตุเกสนั่นเอง โรงแรมชื่อ Pousuda De Coloane ซึ่งเก่ามาก แต่อาหารอร่อยมาก และมองเห็นทะเล (ที่ไม่ค่อยจะสวยมากเท่าไหร่) และที่สำคัญมันให้บรรยากาศเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในบ้านของ Donna Sheridan ในภาพยนตร์เรื่อง Mama Mia!

ไอโฟน และ แลทติจูด ระบุที่นอนของผมได้อย่างชัดเจน

นั่งกินข้าวเช้าตรงนี้กับอุณหภูมิเย็นๆประมาณ 18 องศา...
การไปเยือนมาเก๊าแบบไม่มีข้อมูลอะไรเลยก็สามารถท่องเที่ยวได้เหมือนกันนะ แต่ก่อนที่จะได้เที่ยวคนเดียวก็โชคดีที่เพื่อน (คนมาเก๊า) มารับออกไปดูแสงสีในเมือง เป็นการแก้เบื่อระหว่างทำงานได้นิดหน่อย การเดินทางในมาเก๊านั้นไม่ยากอย่างที่คิด แต่ต้องสังเกตป้ายบอกถนนหนทางต่างๆให้ดีเพราะส่วนใหญ่มีเพียงภาษาจีนและโปรตุเกส สำหรับในเมืองนั้นก็ไม่ยาก และมีภาษาอังกฤษกำกับไว้สำหรับป้ายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ
การเดิน ในมาเก๊าก็ไม่ยากเช่นกัน เพียงคุณมีแผนที่ของเมืองนี้ ระยะทางไม่ไกลอย่างที่คิด เพราะมาเก๊าเป็นเพียงเมืองเล็กๆ หากเดินตามเส้นทางที่ระบุในแผนที่ก็ไม่ยากนักที่จะเดินเที่ยวในมาเก๊าอย่างสบายๆ แต่ต้องเป็นขาเดินจริงๆ หากเป็นนักท่องเที่ยวแบบรถบัสรับส่งมาตลอด อาจจะต้องฝึกเดินเพิ่มเติมนิดนึง
ถึงเวลาทำตัวเป็นนักท่องเที่ยว
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆในมาเก๊านั้นมีไม่กี่แห่ง หากเป็นนักท่องเที่ยวปกติใช้เวลาเที่ยวเพียง 1-2 วัน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ผมพยายามแอ๊บเป็นนักท่องเที่ยวไปกับเค้าด้วย ในวันที่เสร็จงานทั้งหลายแล้วก็สะพายเป้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ แต่ด้วยความที่ไปพักบ้านเพื่อนในมาเก๊า การเดินทางของผมก็จะจบลงที่โณงแรม Wynn Hotel ทุกครั้งไป เพราะเพื่อนจะมารับที่นั่นหลังเลิกงาน
ใน Entry นี้จะขอเล่าสถานที่สำคัญที่ต้องไปคือซากโบสถ์เซนต์ปอล จตุรัสเซนาโด โรงแรม Wynn



โบสถ์เซนต์ปอล
ที่นี่สามารถเที่ยวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ถ้ามากลางวันจะสามารถเดินชมห้องแสดงวัตถุโบราณได้ด้วย ไม่มีค่าใช้จ่าย
ทำไมต้องไป - เพราะว่าเป็นสถานที่ ที่หากคุณไม่ได้ไป คนรอบข้างจะด่าได้ว่า แล้วแกจะไปมาเก๊าทำไม
วิธีไป - รถเมล์ หรือจะเดินตามแผนที่แบบที่ผมทำ ก็ไม่มีใครว่านะ อิอิ
แล้วมันมีอะไรอีก - รอบโบสถ์เซนต์ปอลคือสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ของที่ระลึก เป็นที่ ที่คุณสามารถซื้อคุ๊กกี้มาเก๊ารสชาติเฝื่อนๆเหมือนได้อมแป้งตรางู และเป็นที่ที่คุณสามารถเดินไปยังจตุรัสเซนาโดได้ไม่ยากนัก
จตุรัสเซนาโด

สถานที่ที่ทำให้คุณรู้สึกได้ว่า ชั้นจะต้องเสียตังบ้างละ ที่นี่เป็ฯที่รวมร้านรวงให้ชอปปิ้งขำขำ แต่จริงๆแล้วคนมาเก๊าไม่ได้ชอปปิ้งกันแถวนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าไปแล้วเดินผ่านก็แวะๆซื้อไปก่อน เพราะห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊านั้นมีขนาดเท่ากับ Digital Gateway .... เท่านั้น ส่วนห้างที่อยู่ตามโรงแรมนั้นไม่นับนะ เพราะนั่นมันไม่ใช่ห้างซะเท่าไหร่ มันคือร้านค้าที่เข้าไปเปิดในคาสิโนมากกว่า ดังนั้นหากคาดหวังว่าจะได้เดินเล่น นั่งชิวตามห้างแบบประเทศอื่นก็อาจจะต้องช้ำใจได้
ทำไมต้องไป - เพราะคุณจะเบื่อกับซากโบสถ์เซนต์ปอลได้ภายใน 30 นาที การเดินทางจากเซนต์ปอลมาเซนาโด ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที และคุณสามารถเอ็นจอยชอปปิ้ง กินแมคโดนัล จิบสตาร์บัคส์ได้จากที่แห่งนี้ ใครเป็นแฟนสตาร์บัคส์ห้ามพลาด เพราะสตาร์บัคส์ที่นี่หายากมากๆ
วิธีไป - จากโบสถ์เซนต์ปอล เริ่มที่บันไดขั้นสูงสุด เดินตรง ลงมา ตรงอย่างเดียว ตรงไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง
โรงแรม Wynn

การแสดงแสงสีเสียงในโรงแรม



นั่งชิวตั้งแต่ฟ้าสว่างยันมืดที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

สะพานข้ามไปยังไทปา ความรุ่งโรจน์ของมาเก๊า
หนังสือนำเที่ยวมาเก๊าอาจจะบอกให้คุณไปเที่ยววัด ไปเที่ยวอะไรที่โบราณ แต่โรงแรมในมาเก๊านี่แหละสถานที่ท่องเที่ยวของจริง ที่โรงแรม Wynn นี้ นอกจากจะมีห้างสรรพสินค้าย่อมๆข้างในแล้ว ในบริเวณล๊อบบี้ก่อนเข้าคาสิโนจะมีการแสดงแสงสีเสียงอลังการมาก ชมฟรีทุกครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ภายนอกยังมีน้ำพุเต้นระบำ ขอบอกว่าไม่น่าเบื่อเลย หากจะไปนั่งปล่อยอารมร์เหงาคนเดียวที่ลานน้ำพุ ชมการแสดงน้ำพุประกอบเสียงเพลงในตำนานฮอลลิวู๊ด จะหาได้ที่ไหนอีกในเอเชียนอกจากที่นี่ ที่มาเก๊า หรือจะทุ่มทุนบินไปดูที่เวกัสก็ไม่ว่ากัน
ทำไมต้องไป - ไปชมการแสดงฟรี ไปดูคาสิโนฟรี ฝากกระเป๋าก็ฟรี ห้องน้ำก็ฟรี และหรูหรา มีกระดาษชำระไม่อั้น แอร์เย็นฉ่ำ สัมผัส window shopping น้ำพุก็อลังการ พ่นน้ำพ่นไฟ เดินออกมาอีกหน่อยจะเจอที่นั่งชมความงามริมอ่าว นั่งมองเรือแล่นผ่าน รถวิ่งข้ามสะพานที่ทั้งยาวและสูงส่ง ไม่ไปไม่ได้แล้ว
วิธีไป - สังเกตตึกโรงแรม MGM หรือ Grand Lisboa เท่านั้น เดินเท่านั้น จะแท๊กซี่ก็ไม่ว่า
Entry หน้าจะมาเล่าเรื่องการเดินทางเปลี่ยวๆในมาเก๊าให้ฟังอีก ยังมีอีกหลายที่ ที่อยากให้คุณไปชม หรือหากว่างลองไปดูภาพที่ผมถ่ายมาได้ที่นี่ กดสิ
อะไรที่ไปมาเก๊าแล้วไม่ควรพลาด? เดอะเวเนเชี่ยน คาสิโน ครับ
เพราะว่าที่นี่คือ เวเนเชี่ยน ที่ถอดแบบการตกแต่งและออกแบบมาจากเดอะเวเนเชี่ยนที่ลาสเวกัสมา แต่ที่นี่อลังการกว่า ที่ผมได้ไปทำงานครั้งนั้นได้มีโอกาสฟังผู้คุมงานออกแบบเวเนเชี่ยนมาพูดให้ฟังเกี่ยวกับแนวทางการสร้างที่นี่ ที่เวเนเชี่ยนมาเก๊ามีทุกอย่างเหมือนที่เวกัสหมดเลย ยกเว้นแต่ว่าที่นี่ใช้สีที่สดขึ้นกว่าที่เวกัส และห้องบางห้องที่เป็นคาสิโนจะไม่ใช้สีดำ แต่ใช้สีแดงแทน เพราะเกี่ยวกับความเชื่อของคนจีนครับ ไม่มีรูปภายในคาสิโนครับ ห้ามถ่าย ถ้าได้ไปอย่าลืมเข้าไปถ่ายรูปนะครับอลังการจริงๆ







นอกจากเวเนเชี่ยนแล้ว รอบๆยังมีโรงแรมที่น่าไปอีกเช่น THE HYATT และ Hard Rock Hotel ซึ่งจริงๆถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็ได้ เพราะแค่เดินเข้าไปในโรงแรมพวกนี้ก็น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ มาเก๊าเป็นเมืองที่ใช้จอ LED เปลืองที่สุดจริงๆ ไปไหนก็เจอแต่ LED



สำหรับใครที่ชอบงานศิลปะ หรือชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ไป Macau Museum of Fine Arts ที่ค่าเข้าถูกมากครับ ไม่กี่สิบบาท แต่สามารถเข้าไปชมงานศิลปะภาพเขียน และศิลปะที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มาเก๊าได้อย่างจุใจ เดินตากแอร์เย็นๆได้ด้วยครับ






Entry หน้าจะเป็นประเทศอะไร อยากรู้แวะมาอ่านนะครับ :D
Create Date : 18 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2557 9:06:14 น. |
|
2 comments
|
Counter : 647 Pageviews. |
|
 |
|