ร้อยฝันเกี่ยวใจ... มาใส่รัก บทที่ 11 ว้า... เอาขยะทิ้งใ้ห้ แล้ว... หายไปไหน ?




“หมอขวัญคะ...!!!” เสียงเจ้าหน้าที่คนคุ้ยเคยเรียกขวัญชีวาให้ลุดจากภวังค์ “เป็นอะไร คุณหมอเหม่อบ่อยจริงๆ อดแอ้มสาวเหรอคะ ?”


ขวัญชีวาได้แต่ยิ้มบางๆ กลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดๆ โดยการแสร้งสนใจกับจดหมายเชิญประชุม แล้วอ้อมแอ้มเอ่ย “อ๋อ พอดี มีประชุมน่ะ เตรียมงานใหญ่อีกสองเดือนข้างหน้า สงสัยจะเรื่องเครียดแฮะ”


แต่เยี่ยมรัตน์ยิ่งงุนงง “เครียด...? ประชุมเตรียมงานเลี้ยงกลางปีนี่นะคะ เครียด ? เยี่ยมเห็นมีแต่คนดี๊ด๊ากัน เขาว่าจะเปิดตัวหมอจี๊ดที่เป็นนางแบบดังที่จะมาประจำที่นี่ด้วย หมอขวัญก็น่าจะดี๊ด๊าด้วยนี่นา”


“เหรอ... ประชุมเรื่องงานเลี้ยงเหรอ”


“อ้าว... นึกว่าอ่านเอกสารเชิญแล้ว” เยี่ยมรัตน์อยากเลิกตอแย แต่ยังอดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ “แล้วหมู่นี้หมอเลิกไปดูพวกนักศึกษาสาวๆ แล้วเหรอคะ ใครๆ ก็ฝากถามเยี่ยมมา”


“เอ่อ ขวัญไม่ค่อยว่างน่ะ” ขวัญชีวาคลำรอยเจาะหูว่างเปล่าของตัวเอง ที่ถูกถอดเอาห่วงประหลาดๆ ออกไปหลายวันแล้ว


“หรือว่า... โดนท่านชายภัสภร ดุ... มา”


“ไม่นี่ ทำงานๆ อย่าถามมาก”


ขวัญชีวาตัดบททำงานเงียบกริบเมื่อคนไข้มาเข้ามา จึงไร้เสียงแซวอะไรอีก แม้กระทั่งตอนยิ่งยศแวะมาฮาป่าตามนิสัยวันละสี่ห้านาที ที่เธอเคยตวาดไล่ไปอย่างไม่ไว้หน้า แต่วันนี้กลับเงียบสนิทใส่ จนฝ่ายนั้นเดินออกไปด้วยความงุนงงที่ไม่ยักถูกด่า


เยี่ยมรัตน์ซุบซิบถามตรงๆ เมื่อไปพักรับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน


“หมอขวัญ... อกหักเหรอคะ ไปยุ่งสาวไหนมาล่ะ คุณต้นหลิวนั่นอีกหรือเปล่า หมออย่าไปยุ่งเลย คนมีผัวแล้ว”


เยี่ยมรัตน์รู้เรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง และเคยรู้ว่าเธอเกือบเป็นบ้าเมื่อตอนต้นหลิวแต่งงาน


“เปล่า...ขวัญเหมือนคนอกหักเหรอพี่”


“ก็ไม่เชิง แต่เหมือนมีอะไรคิดมาก เหมือน... มีปัญหา”


ขวัญชีวาหยุดยืนจ้องหน้าเยี่ยมรัตน์ เธอเคยอยากถามเพื่อนหรือแม่ แต่ดูเยี่ยมรัตน์จะรู้จักตัวตนเธอไม่น้อยทีเดียว บางทีเธอน่าจะลองถามอะไรบางอย่างดู


“พี่เยี่ยมเคยมีแฟนมั้ย แล้วเป็นไงมั่ง”


เธอคิดถูกที่ถามออกไป คนเริ่มมีอายุมักชอบคุยเรื่องเก่า เยี่ยมรัตน์ทำท่าเหมือนสาวน้อยเผยอดีตรัก


“มีซี้... รักกันหวานแหววจะตาย แต่จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนไป ...เลยเลิกกัน เป็นโสดจนถึงตอนนี้ เฮ่อ... แต่ก็ยังยอมรับว่ายังรักเขา เคยลองคบคนอื่นแล้ว ก็ยังคิดถึง ก็คง... เหมือนๆ ที่หมอขวัญยังคิดถึงคุณต้นหลิวมังคะ ฮ่าๆ”


ขวัญชีวาอยากรู้เรื่องผู้ชายกับผู้หญิงกับผู้ชายมากกว่า เธอเลิกคิดถึงต้นหลิวไปนานแล้ว และยังเผลอรำคาญเวลาต้นหลิวโทรมาด้วยซ้ำไป


“ก็... อยากรู้ว่าผู้หญิงคิดถึงคนรักแบบไหน”


“มันก็คิดถึงน่ะ” แล้วเยี่ยมรัตน์มองซ้ายขวา ยิ้มระรื่น “คุณหมออย่ามาว่าพี่ปัญญาอ่อนนะ ตอนนี้พี่ยังคิดถึงสมัยจูบกับเขาครั้งแรกๆ อยู่เลย อิอิ”


“จูบ ?” ขวัญชีวาหูผึ่ง เกือบเกาปาก แต่เหมือนมีอะไรดลใจให้พานิ้วไปเกาจมูกแทน


“อื้อ ตอนจูบครั้งแรกน่ะ ไม่ใช่จูบมั้ง แค่แตะๆ เอง” คนที่ย้อนอดีตแสนหวานเล่าไปถอนหายใจไป “ตอนหลังๆ จูบกันซะยิ่งกว่านั้น แต่พี่กลับยังคิดถึงตอนเงอะงะครั้งแรกไม่ลืม”


“เอ๋... ตกลงไม่ลืมรัก หรือไม่ลืมจูบแรกกันแน่ ฮึ” ขวัญชีวาพยายามขำ


แต่เยี่ยมรัตน์ไม่แน่ใจเข้าจริงๆ “ก็ไม่รู้นะคะ คุณหมอ แต่ที่แน่ๆ เนี่ย ผู้หญิงซื่อบื้อเท่านั้นแหละ ที่ยอมให้ผู้ชายจูบเอาง่ายๆ”


“อ๊าว” ขวัญชีวาเผลอร้อนตัวด้วย แต่เยี่ยมรัตน์กลับขำกลิ้ง


“แหมๆ เป็นสาวห้าวอย่างคุณหมอก็สบายไป ไม่ต้องมาคิดเรื่องผู้ชาย”
ขวัญชีวาหยุดยืนเท้าสะเอวบอกเยี่ยมรัตน์หน้าตาเฉย “แต่ขวัญเริ่มคิดถึงผู้ชายนะพี่เยี่ยม”


เยี่ยมรัตน์ฟังแล้วหัวเราะจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง “คิดถึงคนนั้นรึไง”


ยิ่งยศยิ้มหน้าแป้นมาพอดี ขวัญชีวาพิศส่วนสูงหมอหนุ่มรุ่นพี่ แล้วกระซิบถามเยี่ยมรัตน์


“ถ้า... หมอยิ่งยศจูบขวัญ ขวัญต้องย่อเข่าให้ หรือให้แกปีนขึ้นโต๊ะเอาเองล่ะพี่”


“ฮ่าๆ” เยี่ยมรัตน์หัวเราะอีกครั้ง “ห้ามถามหรือแซวแกเด็ดขาดนะคะ พี่เคยได้ยืนแกปาวๆ บอกชาวบ้านว่า ความสูงของคนรักไม่เป็นอุปสรรคในแนวราบ”


หมอยิ่งยศเดินมาใกล้ขึ้น ยังยิ้มไม่หุบ “ยิ้มออกแล้วหรือจ๊ะ คนสวย”


“ขอบคุณค่ะที่ชม”


“โอ๊ว เยี่ยมรัตน์ เจ้านายคุณใช้คำว่า ค่ะ กับผมครั้งแรกในรอบสี่ปี”


เยี่ยมรัตน์สั่งอาหารให้แล้วชวนคุยต่อ
“เราคุยเรื่องจูบกันอยู่ สนใจเล่าประสบการณ์มั้ยคะ คุณหมอยิ่งยศ”


“ผมยังไม่เคยจูบทอม แต่ยังมีความหวังจากสาวพรมจรรย์แถวนี้”


หมอยิ่งยศเอ่ยมุขชีกอโต้งๆ ตามเคย แต่ขวัญชีวากลับตอบหน้าเคร่งจริงจัง


“อืม... ถ้าหมายถึงขวัญ คงยากแล้วล่ะ มีราคีเสียแล้ว”


“ไม่นับทอมจูบผู้หญิง ดูดดื่มแค่ไหน ผมก็ถือว่านั่นคือเด็กสาวเล่นหมากเก็บกันเท่านั้นเอง”


“ก็ใครบอกว่าผู้หญิงล่ะ ผู้ชายนี่แหละที่จูบขวัญมาน่ะ !!!” ขวัญชีวาบอกหน้าตาย


“เฮ้ย !!!” ทั้งยิ่งยศและเยี่ยมรัตน์ตะโกนเกือบพร้อมกัน


“ใครมาทำอะไรหมอขวัญของผม” ยิ่งยศทำหน้าเจ็บแค้นเกินเหตุ ทำท่าเหมือนจะบีบคอเยี่ยมรัตน์ “คุณเยี่ยม คนไข้คนไหน ทำอะไรเจ้านายคุณ หืม ?”


“จะกระโดดต่อยเขาเรอะ” ขวัญชีวาถามอย่างหมั่นไส้ “ให้แบกเก้าอี้ต่อขาให้มั้ย ?”


หมอยิ่งยศจะถามอะไรต่ออีกแต่มีเจ้าหน้าที่วิ่งมาตามไปดูผู้ป่วยฉุกเฉินถึงโรงอาหาร เขาต้องจากไปทั้งที่อาหารยังไม่หมด เยี่ยมรัตน์กับขวัญชีวามองอย่างเห็นใจ


“ขวัญโชคดีจริงที่เลือกเรียนทันตแพทย์ เฮ่อ... หมอยิ่งยศสามสิบกว่าแล้ว ขาดอาหารแบบนี้จะเอาที่ไหนมาสูงวะเนี่ย”



แต่เยี่ยมรัตน์ไม่ยอมหัวเราะ  กลับถามเธอเสียงตื่นเต้น
“หมอขวัญๆ โดนหนุ่มจูบมาจริงเหรอ”


“จริงสิ แต่มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ฮ่าๆ”


ขวัญชีวาแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งตัวเองและใครๆ แต่บางทีก็เผลอเหลือบดูโทรศัพท์อย่างน้อยใจ เดชหายไป เขาไม่โทรมาหา หรือมารอพบที่ร้านอาหารเช้าอีก เรื่องคืนนั้นอาจเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ก็ได้ 


 


เดชพยายามโทรศัพท์กลับบ้านด้วยตู้โทรศัพท์สาธารณะ แต่เสียงขาดๆ หายๆ ติดต่อได้แค่ที่บ้าน เขาก็ต้องวางหู กลับไปทำงาน


“เป็นไรลูกพี่” อเนก ลูกน้องที่ลาออกจากบลูเอิร์ธมาพร้อมเขา รีบวิ่งมาหาทันทีที่เห็นเขาเดินหน้ามุ่ยกลับไซต์คนงาน


“โทรศัพท์ใช้การไม่ได้น่ะ ออฟฟิสชั่วคราวก็ยังไม่เสร็จ”


“แล้วทำไมลูกพี่ต้องหงุดหงิด เมียก็ไม่มีให้รายงานสักหน่อย”


“กูมานี่ก็ฉุกเฉิน ไม่ได้ลาเพื่อนพ้องเลย นึกว่าจะโทรบอกได้ ดันไร้สัญญาณอีก”


“แหม เพื่อนโทรไปบ้านก็รู้แล้วล่ะว่าพี่มาทำงาน” เอนกยิ้มร่าเหมือนรู้อะไรดีๆ “รึว่า... เพื่อนสาวพิเศษคนไหน”


“ไปๆ ไปทำงาน อย่ามาป่วน กูอารมณ์ไม่ดี”
“ฮันแน่ มานี่ไม่ได้บอกหมอขวัญล่ะสิ”


เดชหยุดกึก “อย่าลามปาม แซวหมอขวัญสุ่มสี่สุ่มห้านะม*ง”


“โอ๊ย พวกคนงานมันลือกันทั้งโขลงว่าพี่กลับจากบอร์เนียวก็พบหมอขวัญเแล้ว เมฆกับหมอกก็บอกว่าพี่พาไปเปิดตัวที่โบสถ์ และพาไปกินข้าวฉลองปริญญากันหวานชื่น เด็ดดอกฟ้า จริงแน่รึพี่”


“ไอ้เวร อย่าเสือกเรื่องกู เราเป็นเพื่อนกันโว้ย”


“ผมก็ว่างั้น หมอคนนั้นเขาคงอยากมีเมียมากกว่า” แล้วเอนกก็ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย “ไหนๆ ก็โสดเหมือนกัน คืนนี้ไปเที่ยวกันมั้ยพี่ เด็ดๆ แถวนี้เพียบ บ้านนอกไม่คอกนาแล้วนะพี่”


“เฮ้ย พวกม*งไปกันเถอะ อย่าชวนกูทำบาป”
“อ๋อ มันเป็นบาปสินะ ?” เอนกทำหน้าท้อแท้


“เออ กูเอาเวลาไปเขียนหนังสือดีกว่า แล้วพวกม*งใช้ถุงยางอนามัยด้วย กูกลัวคนงานที่น้อยเต็มทีของกูเป็นเอดส์หมด”


“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ” เอนกประนมมืออย่างซาบซึ้ง แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ “เอาโทรศัพท์ผมไปใช้โทรหาใครมั้ยครับ เอ... โทรหาเพื่อนหรือหมอฟันก็ได้ครับ สัญญาณระบบผมเจ๋งกว่าของลูกพี่”


เขารับโทรศัพท์มาทันที แต่กดเรียกขวัญชีวาสองครั้ง ก็ไม่มีคนรับ เธออาจทำงานอยู่ และอาจไม่รับเพราะเห็นเป็นหมายเลขแปลกก็ได้ เขาจึงคืนโทรศัพท์ให้ลูกน้อง ความจริงถึงโทรติด ก็ไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากคืนนั้นเขาควรไปหาเธอ แต่เจ็บใจตัวเองที่เอาแต่งก รับงานด่วนต่างจังหวัดเอาปุบปับ แล้วหาคนไม่ได้ เขาไม่กล้ากวนพ่ออย่างเมื่อก่อน ทิ้งให้เอนกทำคนเดียวก็ไม่พ้นพากันดื่มเหล้าเสียงานกันทั้งหมดแน่ เอนกมีความรู้และทำงานดีกว่าใครๆ แต่ก็ติดเหล้าติดเที่ยวจนน่ากลัว เขาเดินไปดูคนงานที่กำลังทำงาน พึมพำอธิษฐานให้งานเสร็จก่อนกำหนด


ตะวันจะตกดินแล้วเขาเหลือบมองวิวใกลๆ ภายใต้แสงมัวๆ ของอาทิตย์ที่กำลังอัสดง คิดถึงวันที่ยืนอยู่บนหน้าผากับขวัญชีวา ตอนที่เธอแกล้งถามว่าประทับใจเธอบ้างหรือเปล่า ก่อนสารภาพว่านำทางเขาผิดพลาด


...เขาเผลอยิ้มคนเดียว...


เกือบสองทุ่ม กว่าคนงานจะเก็บเครื่องมือเสร็จ แล้วกลับบ้านพักชั่วคราวกัน คนที่มีลูกเมียมาด้วยก็ได้ใช้เวลาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่พวกหนุ่มโสดกลับไม่เหน็ดเหนื่อย อาบน้ำแต่งตัวแล้วเตรียมขับรถเข้าเมืองกัน


“อย่าไปมีเรื่องกับใครโว้ย ถ้าถึงต้องประกันตัว กูเอาค่าแรงพวกม*งจ่ายนะ”


เขาตะโกนสั่งเสียงดัง แต่หนุ่มวัยคะนองกลับหัวเราะ เขาจึงได้แต่ทำใจว่าไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตคนพวกนี้ บางครั้งต้องจำยอมให้ชีวิตไร้คุณภาพของชาวบ้านดำเนินไปต่อหน้าต่อตา


เอนกรับคำแทนทุกคน “พวกผมดูแลตัวเองได้น่า ไม่ให้เสียงานเสียการ”
“กูเห็นพวกม*งพูดงี้ทุกที แต่พอเหล้าเข้าปากก็ลืมเกลี้ยง !?”


เอนกยื่นโทรศัพท์ให้ไว้ใช้อีกเพื่อเอาใจเขา แต่เขาปฏิเสธ พอรถเลยพ้นไป เขากลับเข้าห้องแล้วถึงนึกเสียดายโทรศัพท์ หรือใช้ส่งข้อความสักนิดก็ยังดี แต่เขาหักใจว้าวุ่นได้ด้วยการนั่งพิมพ์ข้อความลงในโน้ตบุค



ขวัญชีวามีนัดคนไข้นอกเวลาพิเศษ กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ เธอจอดรถแล้วตรงรี่ไปนั่งข้างบ่อปลาตามเคย เงาตะคุ่มๆ ของพ่อแม่ประคองกันมาจากศาลาไม้หลังบ้านอีกฟาก ชวนให้เธอจับตามอง


เมื่อก่อนเธอจำได้แต่ว่าพ่อมักไม่ค่อยมาหาแม่ จึงจำอะไรดีๆ ไม่ได้ แต่มาตอนนี้ถึงเพิ่งเริ่มนึกออกว่าทุกครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน แม่นั้นมีความสุขเสมอ พ่อชอบเดินกอดแม่ไปมาทั่วบ้าน อย่างตอนนี้... พ่อก็จุมพิตขมับแม่ที่เอียงอายเหมือนสาวๆ เธอเพลิดเพลินกับภาพความสุขของแม่ จนลืมไปว่าเคยเคืองพ่ออย่างหนัก


“อ้าว ลูกขวัญ ทำไมมานั่งมืดๆ คนเดียว”


“เครียดเรื่องงานรึ” พ่อถามแล้วตามด้วยการคาดเดาและประเมินทุกอย่างเองตามเคย “คนไข้นอกเวลามักพวกคนรวยเอาใจยาก ?”


“ขวัญไม่มีปัญหาเรื่องเอาใจใคร ทำทุกอย่างตามความสามารถ ใครไม่ถูกใจก็เชิญร้องเรียนเอา ขวัญไม่แคร์ !”


“อ้าว แล้วขวัญเครียดเรื่องอะไรล่ะจ๊ะ รึว่าเรื่องเดชอีก...” เตยเผลอพูดออกมา


“เดชไหน ?” ท่านชายภัสกรเอ่ยเสียงเคร่ง “ไอ้คนที่ทำบ่อปลานี่นะเรอะ”


“ไม่มีอะไรค่ะแม่” ขวัญชีวารีบปฏิเสธ “คุณเดชไม่เกี่ยวอะไรกับที่ลูกเครียดสักหน่อย”


“นั่นสิ แม่เตยก็...” ท่านชายรีบอือออกับลูกสาวผิดวิสัย “ไอ้หนุ่มนั่นจะมาทำให้ลูกเราเครียดได้ไง ป่านนี้พวกผู้คนแบบนั้นไม่ไปอาบอบนวดผ่อนคลายกันหรอกรึ”


ท่านชายเอ่ยนอกเรื่องไปไม่น้อย ทำเตยพาลอยากรู้จริงจังขึ้นมา


“เขามีเมียแล้วยังจ๊ะขวัญ”
“เขาว่ายังโสด แต่ที่จริงลูกไม่ทราบหรอกค่ะ ไม่ใช่ธุระของลูก”
“ท่าทางเขาเรียบร้อยออก” เตยรำพึง


แต่พ่อขัดคอ “มันก็ต่อหน้าเราน่ะซี้ หน้าตาแบบนั้นเมียเป็นร้อยแล้วมั้ง”


ขวัญชีวาลุกขึ้นยืนทันควัน “จริงด้วยแฮะ ผู้ชายนี่เจ้าชู้ทั้งนั้น ลูกเห็นแต่คุณตานี่แหละที่รักเดียวใจเดียว ที่เหลือแทบเอาเป็นเยี่ยงอย่างไม่ได้”


ท่านชายกลับสรวลเหมือนได้ฟังเรื่องถูกใจ ขวัญชีวาเดินหนีกลับเข้าบ้าน เข้าห้องนอนถึงเห็นว่ามีโทรศัพท์สายแปลกๆ เข้ามาตั้งแต่เมื่อบ่ายๆ อาจเป็นเซลส์ขายเครื่องมือแพทย์ แต่... ยังไม่ดึกนักเธอจึงลองโทรกลับไป


เธอกรอกเสียงสวัสดีใส่ได้นิดเดียวก็ต้องเบี่ยงหูออก เพราะปลายสายเป็นเสียงดนตรีอึกทึกครึกโครม เงี่ยหูฟังอีกที เสียงผู้ชายพูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้นเพราะเมาเหล้ารับแล้วถามว่าใครโทรมา เธอทนฟังน้ำเสียงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงหยอกล้อเจ้าของโทรศัพท์ว่าอยากได้โทรศัพท์คืนต้องดื่มโชว์ เธอจึงวางหูลง...


จำได้ดีว่าเป็นเสียงของเอนกผู้ช่วยเดช ตัวเขาเองอาจจะอยู่หรือไม่อยู่แถวนั้น แต่มั่นใจว่าพวกเขาน่าจะกำลังสนุกและสบายดีกันทุกคน


พ่อคงเดาไม่ผิด และเดชก็มีสิทธิ์เที่ยว เธอเองก็เคยเที่ยวกลางคืน แม้สถานที่อาจแตกต่างไป ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าทุกคนมีจุงมุ่งหมายในการพักผ่อนหย่อนใจยามราตรีไม่ต่างกัน แต่ค่ำคืนนี้นอกจากเคิดถึงเขาแล้วยังรู้สึกเสียดายและเริ่มรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขากับเธอที่ไม่เคยนึกใส่ใจ มันกลับเด่นชัดขึ้น


เพราะนอนไม่หลับจึงลุกออกไปชงเครื่องดื่มกิน พบแม่กำลังค้นตู้ยาใบหน้าเต็มไปด้วยความห่วงใยบ่นถึงพ่อ


“พ่อบ่นปวดท้อง สงสัยเพราะอาหารรสจัดอีก แม่เลยออกมาดูยาน่ะจ้ะ”


เธอช่วยจัดการหายาให้ แล้วไปหยิบอุปกรณ์ตรวจไข้ตามไปดู


แม่บอกพ่อด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวให้ลูกตรวจดูหน่อยนะคะ ลูกขวัญอุตส่าห์ตื่นมาดูให้แน่ะ”


“ไม่ค่ะ ที่จริงขวัญนอนไม่หลับ” เธอนั่งลงข้างเตียง เอาปรอทวัดไข้ใส่ใต้แขนพ่อ แล้วใช้หูฟังแนบลงตรงหัวใจ และเลื่อนไปที่หน้าท้อง แล้ววัดความดัน “คงไม่เป็นอะไรค่ะ ต่อไปก็อย่ากินอาหารรสจัดนัก ท้องไส้ปั่นป่วน”


ท่านชายนั่งพิงหมอนสบายใจ พิศธิดาสาวสวมชุดนอนเหมือนอยู่ค่ายนักกีฬาที่พร้อมตื่นขึ้นมาซ้อมหนักตีห้า “นอนไม่หลับเรื่องหัวใจเรอะ พ่อจะบอกอะไรให้... หากจะมีรัก... ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็คิดถึงให้พอประมาณ อย่าเอาจิตไปผูกนัก เรารักมันแค่ไหน มันก็ให้เราได้เท่าที่มันทำได้นั่นแหละ มันไม่แคร์ว่ามันถูกรักแค่ไหน”


แต่เตยกลับสอนอีกทาง “แต่แม่ว่า... ถ้ารักใครสักคน เราก็ต้องเต็มที่กับเขา ไม่งั้นก็ไม่รู้จะมีความรักไปเพื่ออะไร”


ขวัญชีวาอยากแซวเชิงแขวะเหลือเกินว่าช่างเป็นความคิดเห็นของคู่รักที่เหมาะสมกัน คนหนึ่งไม่ต้องทำอะไร เพราะรู้ว่ายังไงก็ถูกรัก ส่วนอีกคนก็รักซะเต็มที่ แต่เธอไม่มีอารมณ์แซวใคร


“ขวัญไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่เบื่อๆ บางทีก็ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป”
“นั่นแหละ เขาถึงว่าอย่าเอาจิตไปผูก” พ่อยังย้ำคำเดิม
เตยเริ่มเข้ามากอดลูกสาว “นอนกับแม่มั้ยลูก”
“แทรกตัวตรงไหนล่ะคะ” ขวัญชีวาถามแม่ยิ้มๆ
“พ่อไปนอนห้องอื่นได้ จะนอนกันมั้ยล่ะ” ท่านชายขยับ


“โอย ตามสบายเถอะค่ะ ขวัญไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น” ขวัญชีวาเดินออกจากห้องพ่อแม่


แต่พอถึงห้องนอนตัวเองก็ได้ยินเสียงแม่เดินตามมา


“ขวัญจ๋า ลูกอย่าปิดแม่เลย ลูกชอบเดชเหรอ”


“ก็... นิดหน่อย” ขวัญชีวาตัดสินใจพยักหน้า ไร้การปิดบัง “แต่คงเพราะลูกไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายแบบนี้ ปกติเพื่อนผู้ชายที่ลูกมีก็เอาแต่ฮาป่า ไว้แซวกันแก้เครียด”


เตยฟังคำอย่างโล่งใจที่ลูกสาวไม่มีความลับกับนาง
“แม่ว่าเดชเขาก็... น่ารักดี แต่ก็... คงไม่ค่อยเหมาะกับลูกเท่าไหร่”


“ลูกก็ว่างั้น แต่ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เราเพื่อนกันเท่านั้น แค่บางทีก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงขึ้นตั้งแต่พบกัน อาจเพราะเขาไม่กวนประสาทลูกอย่างคนอื่นๆ เขาก็เหมือนหมoยิ่งยศนั่นแหละแม่ แต่คุณเดชไม่ค่อยทำตัวเพี้ยนๆ”


“แม่ดีใจที่ขวัญคุยกับแม่เรื่องพวกนี้ ค่อยรู้สึกว่ามีลูกสาว ขึ้นมาหน่อย” เตยกอดลูกสาวโยกตัวไปมา “ทำไมลูกไม่สน หมoยิ่งยศอะไรนั่นล่ะจ๊ะ เยี่ยมรัตน์เคยบอกว่าเขาตามลูกมาตั้งนานแล้ว แม่ว่าเขาน่ารักดีนะลูก เก่งด้วย”


“ถ้าใช่มันก็ใช่ล่ะแม่ ลูกอยู่ตรงนั้น หมoยศก็อยู่ตรงนั้น”


ขวัญชีวาอือออไปกับแม่เรื่อยเปื่อย แต่กลับนึกภาพตัวเองชอบหมoยิ่งยศไม่ออก ผิดกับตอนที่อยู่กับเดชเธอกลับอยากคุยกับเขาทั้งวัน เหมือนสมัยที่เธอคบต้นหลิวใหม่ๆ ทีเดียว เธออาจเริ่มคิดอะไรกับเขาเหมือนที่เคยคิดกับต้นหลิวก็ได้ เสียงหัวใจเต้นถี่จนนึกกลัวว่าแม่จะได้ยิน


“แม่ไปนอนได้แล้วค่ะ ท่านชายสูงศักดิ์รออยู่” เธอเตือนแม่


เตยหอมแก้มลูกสาวแล้วออกจากห้องไป


ขวัญชีวายังข่มตาไม่ลง ในหูยังเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมของดนตรีพวกนั้น คืนนี้เดชจะดื่มเหล้าไปกับคนงานและจบลงที่มีใครในอ้อมแขนบนเตียงเดียวกันประสาชายโสดหรือเปล่าหนอ


 


ผู้คนที่โรงพยาบาลพากันพูดถึงคุณหมอคนใหม่นางแบบชื่อดัง ที่จะมาประจำ และงานเลี้ยงกลางปีในเดือนถัดไป แต่ขวัญชีวากลับเบื่อหน่ายถึงขั้นอยากย้ายไปทำงานต่างจังหวัดอีก ตอนนี้เธอหมดห่วงแม่ และทุกคนในครอบครัวดูจะมีความสุขดี คำแนะนำให้เธอไปเรียนต่อโน่นนี่ก็น่าสนใจไม่น้อย


หมดคนไข้ช่วงเช้า ขวัญชีวาปวดไหล่จนเยี่ยมรัตน์ต้องช่วยนวดให้ แต่พอจะไปโรงอาหารกัน ก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่ามีคนมาขอพบ


“ชื่อ... ดารา ปีเตอร์สัน ค่ะ”


ขวัญชีวาวิ่งออกไปดูทันที หัวใจแป้วว่าใครจะเป็นอะไร แต่กลับเจอดารากับเพื่อนสาวห้าคนนั่งยิ้มหน้าตาเหรอหรา ทั้งหมดยกมือไหว้เธอพร้อมๆ กัน ราวกับท่องทำนองตามโน้ตดนตรีไว้ในใจเพลงเดียวกัน


“อ้าว สาวๆ มาทำอะไรกัน ตรวจฟันหมู่เหรอจ๊ะ”


ดาราหัวเราะแหะๆ “เปล่าค่ะ พี่ขวัญ”


ดารากระเถิบหนีห่างจากเพื่อนๆ เพื่อความเป็นส่วนตัว “หนูมีเรื่องรบกวนค่ะ พี่ขวัญช่วยพูดกับพี่เดชให้หน่อยสิคะ หนูอยากไปเล่นเปียโนที่โรงแรม โรงแรมต้องการคำตอบหนูเร็วๆ พ่อแม่ยอมแล้ว แต่พี่เดชไม่ยอม พี่เดชว่ามันไม่ดี”


“อ้าว ไม่ดียังไง”
“แกบอกว่า มันไม่เหมาะกับผู้หญิง แต่หนูอยากทำงานนะพี่ขวัญ”


“ก็... ดารา ได้ทำงานที่โบสถ์แล้วนี่นา ?”


“หนูอยู่ที่โบสถ์สัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่เคยออกไปไหน เงินเดือนก็นิดเดียวเอง เรียกร้องมากก็ไม่ได้ ผู้คนว่าชีวิตหนูน่าอิจฉาที่ได้เป็นคริสเตียนรับใช้พระเจ้าเต็มเวลา แต่... หนูอายุจะยี่สิบแล้ว ถึงหนูจะพิการแต่หนูน่าจะทำได้มากกว่านั่งพิมพ์งานทั้งวัน”


ขวัญชีวาดูขาลีบๆ ของดารา แล้วถอนหายใจ เกิดมาเธอยังไม่เคยไปก้าวก่ายเรื่องครอบครัวใครเลย


“แล้ว... พี่จะช่วยยังไงหว่า”


ดาราเริ่มยิ้มออก “พี่เดชน่าจะฟังพี่ขวัญค่ะ พี่เป็นหมอ พี่พูดอะไรพี่เดชต้องฟังแน่ๆ พี่ช่วยขออนุญาตหน่อยนะคะ มีคนพิการร้องเพลงเล่นดนตรีเป็นอาชีพเยอะแยะ โรงแรมที่จ้างหนูก็ตั้งสี่ดาวขึ้น ไม่ใช่โรงแรมกระจอกน่ากลัว แล้วพี่ขวัญดูหนูสิ... หนูมีอะไรให้ใครจะมาลวงหนูล่ะคะ”


ขวัญชีวาดูขาลีบของดาราอีกที “เอ่อ พี่จะช่วยพูด”
“ขอบคุณค่ะพี่ขวัญ” ดารารีบกระพุ่มมือไหว้



“แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ”
“อ้าว พี่เดชไม่ติดต่อพี่เลยเหรอคะ !?”
“เปล่า แล้วทำไมเขาต้องติดต่อพี่ ?”


ขวัญชีวาเลิกคิ้ว แต่ดวงหน้าดาราฉายแววซื่อถามเธอกลับอย่างไร้เดียงสา


“อ้าว... ก็หมอกกับเมฆบอกว่าพี่เดชชอบพี่ ? เอ่อ... หนูเข้าใจผิดเหรอคะ หนูขอโทษค่ะ”


ขวัญชีวาโบกมือ “เออน่า ช่างมันๆ แล้ว... พี่ชายเราหายไปไหนเป็นเดือนแล้ว”


“เฮ่อ นี่พี่เดชแกไม่ค่อยติดต่อบ้านแล้วยังไม่ติดต่อพี่ด้วยหรือเนี่ย” ดาราทำท่าอ่อนใจ สีหน้าริบหรี่ความหวัง แต่ก็ยังเล่าเรื่องพี่ชาย “พี่เดชไปนครสวรรค์ค่ะ มีงานก่อสร้างโรงงานของบริษัทอื่นทำค้างไว้แล้วมีปัญหาจนหยุดกลางคัน บริษัทพี่เดชเลยไปทำต่อ แต่เจ้าของโรงงานเรื่องมาก สั่งรื้อโน้นรื้อนี่ พี่เดชเครียดมาก แถมพี่เอนก หัวหน้าคนงานก็ไปเมาเหล้ามีเรื่องกับคนในผับ จนถูกแทงนอนแบ็บเกือบตายอยู่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้วค่ะ คนอื่นๆ ก็ไม่ว่าง พี่เดชไม่อยากให้งานอื่นเสียไปด้วย”


ขวัญชีวาถึงกับเกาคางคิดว่าเรื่องของเขาพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับตัวเอง ทำไมถึงทำเธอนั่งไม่ค่อยติด


“เอ่อ... แล้วตอนนี้พี่ชายเราคุมงานคนเดียว ?”
“พ่อตามไปช่วยแล้วค่ะ”


“ไอ้โรงงานที่ว่านี่มันอยู่แถวไหน ?”
“พี่ขวัญจะไปเหรอคะ”


ขวัญชีวาพยักหน้า 


เดชคงได้อธิษฐานสารภาพบาปอีกเป็นกระบุง เมื่อเดินออกจากโรงพยาบาลพร้อมคำสบถคลายอารมณ์โกรธ คู่อริเจ้าถิ่นที่มีปัญหากับผู้ช่วยเขาไม่ยอมปรับความเข้าใจ เอนกก็ฉลาดเถียงไม่ยอมเลิกว่าตัวไม่ผิดทั้งที่แผลรอยมีดเฉียดจุดสำคัญไปแค่ครึ่งนิ้ว ถ้าไม่เคยติดสอยห้อยตามกันมา เขาคงปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจ และเอาแต่งนั่งดูไปแล้ว


“เฮ่อ หายเดี้ยงเมื่อไหร่ ค่อยจัดการเอาเองแล้วกัน”


เขาขับรถกระบะเก่าๆ กลับไปทำงาน โทรศัพท์ที่ติดมั่งไม่ติดมั่งก็ดังขึ้นมา เขามองเบอร์น้องสาวอย่างอ่อนใจ


“มีอะไรอีก ถ้าเรื่องไปเล่นดนตรีที่โรงแรม พี่บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ !”


“พี่เดช... หนูจะอายุ 21 แล้ว ตอนพี่อายุเท่าหนู พี่ทำอะไรไว้มั่ง หนูรู้เหมือนกันนะ”


“รู้แล้วๆ แต่ดาราน่าจะยินดีที่ได้รับใช้พระเจ้าใกล้ชิดกว่าใคร”


“ทีพี่ยังไม่ยอมเรียนเป็นศิษยาภิบาล แสดงว่าพี่ก็ยังอยากทำอย่างอื่น”


“ดารา อย่ามาหาเรื่องทะเลาะกัน พี่ขอร้อง พี่เครียดอยู่”


เสียงดาราอ่อนลง “ก็ใครอยากทะเลาะ หนูไม่ทันพูดอะไรพี่ก็ปาวๆ ใส่ก่อน”


“ขอโทษๆ เพิ่งมีปัญหากับคู่ปรับตาเอนกมา เกือบได้วางมวยแน่ะ แล้วดารามีธุระอะไร”


“เอ่อ พี่ขวัญไปหาพี่ ไปถึงแล้วยัง”


“หา...???” เขาเผลอตะโกนใส่โทรศัพท์ “คุณขวัญเค้าจะมาทำไม”


“ก็... โหย... ไอ้เราก็นึกว่าเป็นแฟนกันจริง โดนตาแฝดหลอกซะแล้ว” เสียงดาราอ้ำอึ้ง แต่กลับถามย้ำ “แล้วไปถึงรึยังล่ะคะ ออกไปตั้งแต่เช้ามั้ง”


เขาจะถามต่อว่าขวัญชีวาออกมาตั้งแต่กี่โมง ก็พ้นออกเขตนอกเมืองพอดี โทรศัพท์เขาก็สัญญาณหมด แต่ก็โล่งอกเมื่อพบขวัญชีวายืนคุยกับพ่อเขาที่หน้าบ้านพักชั่วคราว พอลูกชายเดินไปถึงพ่อก็กลับไปทำงานทันที


“โฮ้ย คุณมาทำไม้” เขาดูรอยล้อรถเลอะๆ ของเธอ


“นั่นเป็นคำทักทายที่ดี” ขวัญชีวาจ้องหน้าเขาเหมือนพิจารณาอะไรบางอย่าง


“มีอะไร” เขาปัดไหล่เสื้อเมื่อเห็นเธอจ้องเอาๆ และพอลูบคางถึงเข้าใจ “ก็... ไม่เจอมีดโกนมาเดือนกว่าแล้ว ตลกเหรอ”


“เปล่า แต่แปลกดี ถ้าผู้หญิงมีขนยุ่บยั่บออกมาทั่วคางแบบนี้คงดูไม่จืด”


“เมื่อไหร่คุณจะเลิกจ้องผมแปลกๆ อย่างนี้ซะที” เขาบอกอย่างไม่เข้าใจ “อย่าบอกว่าอิจฉาล่ะ”


“อิจฉาทำไม คุณบอกเองวันก่อนว่าขวัญเป็นผู้หญิง !” เธอกลอกตาไปมาประกอบคำพูด


“เอ่อ...” เขาเกาท้ายทอยเมื่อนึกไปถึงวันนั้น “ไปนั่งในออฟฟิศมั้ย ติดแอร์น่ะ”


เขาเดินนำไปที่สำนักงานชั่วคราว ข้างในมีพนักงานชายคนหญิงคนนั่งพิมพ์งานก๊อกแก๊กอยู่ และลุกมาเสิร์ฟน้ำให้ทันทีที่เขากับเธอนั่งลง พนักงานชายก็รายงานเรื่องงานยาวเหยียด แล้วเดชก็บ่นเรื่องที่ผู้ช่วยต้องนอนโรงพยาบาลอีกเป็นเดือน พนักงานชายบอกว่าไม่มีใครมาทำงานแทนเอนกได้จนถึงสัปดาห์หน้า เขาพาลตำหนิตัวเองที่ปล่อยให้คนงานกินเหล้าจนเสียงานขนาดนี้


ขวัญชีวาแอบฟังเรื่องเครียดเขาแล้วมองไปรอบๆ ห้องสำนักงานชั่วคราวเล็กๆ อย่างสนใจ เคยเห็นอาคารแบบนี้ตามแหล่งที่มีการก่อสร้าง เพิ่งรู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง


ครู่หนึ่งเดชถึงว่าง “คุณ... แวะมา เพราะ...”


“มานี่แหละ... มีเรื่องมีจะพูด ดารา... ไปขอให้ขวัญ...”


เขาเข้าใจทันทีแล้วบ่นด้วยความเกรงใจ “โหย น้องผมถึงกับกล้าไปกวนคุณรึ นี่คุณต้องบึ่งมานี่เพื่อยัยดาราคนเดียว ?”


ขวัญชีวาอยากแก้ตัวให้ดาราว่าที่จริงเธอก็อยากมาเองอยู่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าพูดความจริงทั้งหมด “เรื่องเล็กน่า อย่าว่าน้องเลย คุณน่าจะลองให้ดาราทำดู ญาติขวัญบางคนก็เป็นนักร้องนักดนตรีตามโรงแรมเลย”


“ดาราดูแลตัวเองไม่ได้ขนาดนั้นนะคุณขวัญ เขาเดินเหินนานๆ ยังไม่ค่อยได้เลย”


“แต่น้องคุณเขาอยากทำนี่”


“อยากมีเงินฟุ่มเฟือยน่ะสิ เดี๋ยวนี้เวลาไปโบสถ์หรือไปไหนมาไหน แต่งหน้าแต่งตัวเป็นชั่วโมง ไปห้างด้วยกันก็แยกเดินกับพ่อแม่ นัดเพื่อนไปดูเครื่องสำอางแพงๆ เงินเดือนถึงไม่พอ” เดชบ่นเหมือนคนแก่


“อ้าว ผู้หญิงก็ต้องซื้อเครื่องสำอางสิ จะให้ทำแป้งผัดหน้าใช้เองเรอะ น้องคุณอายุขนาดนี้ เป็นสาวแล้ว ตัดสินใจอะไรเองได้แล้ว คุณน่าจะภูมิใจที่น้องพิการแต่ไม่งอมืองอเท้า คนอยากมีเงินแล้วหางานสุจริตทำน่ะ คือคนมีคุณภาพ สมัยนี้เค้ามีแต่จะเปิดโอกาสให้คนพิการ แต่คุณให้น้องหมกอยู่ในโบสถ์ในบ้าน !?”


“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่ให้ไปทำหรอก นักดนตรีเลิกงานดึกๆ ดื่นๆ และผมกลัวน้องผมเตลิดเปิดเปิงน่ะ พบพวกเที่ยวกลางคืนเข้าแล้ว...”


“ก็จริงแฮะ ขวัญยังเคยไปเฝ้านักไวโอลินเลย อิอิ”
“นั่นปะไร”
“แต่... ดาราก็มีสิทธิ์คบเพศตรงข้ามนี่นา”
“นี่... คุณพูดเล่นใช่มั้ยครับ”
“พูดจริง ! พิการแต่ตัว หัวใจปกติ”
“คุณยิ่งทำให้ผมกลัว”


“โอ๊ย ดาราเล่นเปียโนเก่งนะคุณ ควรให้โอกาสมั่ง น้อง ไม่ได้ไปเต้นแร้งเต้นกาตามบาร์สั่วๆ สักหน่อย ศิลปินที่ดีใช่ว่าจะเล่นให้แต่พวกความเชื่อเดียวกันฟังในโบสถ์ ชาวโลกคนอื่นๆ ก็มีหูนะคุณ  เฮ่อ คุณนี่งี่เง่า ไม่พูดด้วยแล้ว กลับดีกว่า”


ขวัญชีวาหมดปัญญา เลิกใจเย็นเพื่อยุ่งเรื่องชาวบ้าน เดินออกจากสำนักงานชั่วคราวนั่น
แต่เขาวิ่งตาม “ผมงี่เง่าจริงเหรอ”


“ไม่มั้ง มันติดปากน่ะ น้องคุณ คุณจัดการเองแล้วกัน ไม่จุ้นแล้วโว้ย” ขวัญชีวายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ขวัญต้องกลับละ ขับอีกหลายชั่วโมง มีนัดคนไข้หัวค่ำด้วย”


ขวัญชีวาเกือบเดินไปถึงรถ เขาถึงเพิ่งนึกออกว่าควรทำอย่างไร


“เดี๋ยวๆ นี่คุณขวัญขับรถมาสามสี่ชั่วโมง เพื่อคุยเรื่องนี้อย่างเดียว ?”


“มั้ง...!!! เห็นดาราถึงกับกล้าไปขอความช่วยเหลือ ก็... อยากช่วยน่ะ แต่เพิ่งรู้ว่าพี่ชายน่าจะรู้อะไรดีๆ กว่าคนนอก ขวัญก็ไม่รู้อะไรมากหรอก”


เขาหันไปดูไซต์งานสลับสำนักงานแล้วมาถามเธออย่างไม่แน่ใจ “เอ่อ ไปหาอาหารเที่ยงแถวนี้ก่อนมั้ย”


ขวัญชีวาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างชั่งใจ เขาไม่ได้ดูแย่มากแม้ไม่ได้โกนหนวดโกนเครา หรือสวมเสื้อผ้าสีทึมๆ แต่ร่องรอยคนเหน็ดเหนื่อยและเรื่องเครียดที่ได้ยินเขาคุยกับพนักงานสองคนนั่นบ่งบอกว่าควรปล่อยให้เขาทำงานเต็มที่ต่อไปย่อมดีที่สุด แค่รู้ว่าเขาสบายดีก็น่าจะพอแล้ว เธอเอื้อมหยิบกล่องของขวัญในลิ้นชักหน้ารถ แกะกระดาษห่อสีสวยออกเองแล้วยื่นให้


“เอ๊า นี่ของขวัญวันรับปริญญา แว่นกันแดดน่ะ วันก่อนลืมให้ เอาไปใส่ซะจะได้ปิดรอยตีนกา” แล้วเธอก็สตาร์ทรถ “คุณทำงานต่อเถอะ อาหารเที่ยงไว้วันหน้าดีกว่า”


เขารับกล่องแว่นตาไป แล้วก้มชะโงกหน้าคุยผ่านหน้าต่างรถ “ขอบคุณครับ เดี๋ยวเรื่องดารา ผมจะคุยกับพ่ออีกที และก็เอ่อ...” เขาอ้ำอึ้ง “เรื่องคืนนั้น ผม... ทำให้คุณอึดอัดใจหรือเปล่า ผมขอโทษนะ... คือว่า...”


“ที่เอาปากมาชนมุมปากชาวบ้านนะเหรอ” ขวัญชีวาถามตรงยังกับไม้บรรทัดตามเคย “อึดอัดใจมาก...! อึดอัดใจมากจนนอนไม่หลับ ! แต่ช่างมันเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหม่ จูบสาวมาเป็นร้อยแล้ว !!!”


“หา...???” เขาอุทานอย่างผิดคาด


แต่ขวัญชีวากลับกล้ายิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าตะลึงเขา


“ไปละๆ คุณกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ โทรบอกด้วยแล้วกัน ตายายอยากเลี้ยงข้าวตอบแทนคุณ ดูแลสุขภาพล่ะ อย่ากรำงานหนักนัก มีเงินไปก็เท่านั้นถ้าเดี้ยงตายเสียก่อน ฮ่าๆ”


เขายิ้มให้เสียงหัวเราะเธอ ท่ามกลางความเสียดายระคนรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เธอขับรถจากไปง่ายๆ ทั้งที่บึ่งรถมาไกลไม่น้อย


พ่อยังเข้ามาสงสัย “ทำไมไม่ชวนหมอไปหาอาหารเที่ยงก่อนกลับหน่อยล่ะ เฮ่อ ทำเป็นเด็กหนุ่มขี้ตื่นไปได้ แล้วคุณหมอเขามาทำไม ?” แล้วดูกล่องแว่นตาในมือลูกชาย “รึ... เอาแว่นมาให้ ธุระแค่นี้?”


เดชไม่ตอบอะไร รอให้พ่อเดินกลับไปที่เดิม แล้วแกะกล่องแว่นออกมา มันสวมได้พอดีและสบายที่สุดในโลก มากกว่าแว่นคู่ไหนๆ ที่เคยมี


เขาเพิ่งแน่ใจอะไรขึ้นมาก็ตอนนี้ เขาจะมัวขี้ขลาดต่อไปทำไม ?





Create Date : 07 ตุลาคม 2553
Last Update : 7 ตุลาคม 2553 18:16:48 น. 1 comments
Counter : 367 Pageviews.

 
ตามมาอ่านครับ


โดย: ในนามของความเหงา วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:21:00:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.