Group Blog
 
 
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 
น้กดนตรีเปิดหมวก ตัวผมได้เปิดใจ

เมื่อวันที่ 22 ได้ไป JJ มาครับ

เหมือนครั้งก่อนๆ กะว่าจะไปเดินดูอะไรสวยๆงามๆมันไปเรื่อยเปื่อย

ประมาณว่า สินค้าแนวartทีวางแผงยังกะ gallery มั่ง ต้นไม้มั่ง สาวๆวัยขบเผาะมั่ง สาวสวยที่เดินมากะแฟนหรือไม่ก็กิ๊กมั่ง ทยอยผ่านสายตาของผมมาเรื่อยๆ

ความคิดยังคงแล่นต่อไป พร้อมๆกับฝีเท้าที่ก้าวเดิน

ตั้งแต่ art zone โครงการ7 เดินเลาะมาเรื่อยๆได้เห็นอะไรที่แปลกตาไปจากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยได้มาเดินเลียบแถวนี้เท่าไหร่

เห็นภัตตาคารในคราบของห้องอาหารตู้กระจกติดแอร์แห่งหนึ่งของบริเวณนี้ ที่ขอเรียกภัตตาคารเพราะได้ไปแอบดูเมนูมาแล้ว ราคาค่อนข้างจะเหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่านักท่องเที่ยวชาติเดียวกัน

แต่ถ้าจะมองในแง่ดีก็คงจะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เงินจากชาวต่างชาติเพื่อมาชดเชยกับอะไรหลายๆอย่างที่เราเสียให้เขาไป เป็นต้นว่า VCD หนังปลุกสัญชาตญาณมนุษย์ (อันนี้ผมไม่ได้ซื้อมาดูนะ แค่ขอยืมเพื่อนมาศึกษาบ้างเป็นครั้งคราว )

เห็น majic book ราคาเล่มละ 20 บาทวางอยู่บนโต๊ะขายของ เกิดอาการคันหัวใจอย่างมากอยากรู้ว่ามันคืออะไร จนได้รับการสาธิตจากคนขายในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ (คงจะด้วยเหตุที่ผมมีหน้าตาออกไปทางชาวเกาหลี ญี่ปุ่น ไทเปกระมัง) จนได้ความว่าไอ้เจ้า magic book ที่ดูเหมือน short note ตามร้านถ่ายเอกสารในคณะของผมวางขายอยู่ มันสามารถเล่นกลได้ กรีดมันครั้งแรก เห็นแค่กระดาษเปล่า กรีดครั้งที่ 2 เอ๊ะมันมีสีมาจากไหนว่า พอกรีดอีกทีไอ้สีที่เห็นตะกี๊มันเปลี่ยนไปเป็นอีกสี


ความรู้สึกคันหัวใจทวีคูณมากขึ้น จึงดันเผลอไปถือวิสาสะแตะเจ้า magic book เข้า อีตาคนขายเลยเอ็ดเอาว่า "No! No! No free! 20 bahts!"

ถ้าทำได้คงอุทานเป็นภาษาจีนไทเป ต่อด้วยเกาหลี ปิดท้ายด้วยญี่ปุ่น ด้วยความตกใจปนอึ้ง

แต่เอาเถอะครับ เขาคงกลัวว่านิ้วผมจะไปสะกิดเอา magic ของมันกระเด็นออกมากระมัง ถึงได้หวงนัก

เดินหนีออกมาเงียบๆ ปล่อยให้คุณพี่เข้าใจว่าเราเป็นคนต่างชาติต่อไปละกัน

แต่ เอ หรือว่าคนขายเป็นชาวต่างชาติกันแน่หว่า หลงตัวเองอยู่ได้ ha ha

ช่างมันเอาเป็นว่าตั้งแต่เดินหลบออกมา ก็เดินออกมาเรื่อยๆเดินดูโน่นนั่นนี่มั่ง (แอบ)ดูสาวๆมั่ง จนกระทั่งมาบรรจบกับเส้นทางเดินประจำ คือ แถวๆโครงการ3 ช่วงก่อนที่จะเดินต่อไปรถไฟฟ้าใต้ดิน

ระหว่างทางได้พบสิ่งแปลกใหม่ที่มีมาสักพักแล้ว แต่ผมเพิ่งจะได้มาเจอ

นั่นคือ



"โป๊มั้ยพี่ มีทั้ง VCD การ์ตูน หนังสือ ชอบแบบไหนบอกกันได้นะ โป๊ป่าว โป๊ป่าว"



ไม่ใช่ครับ ไอ้ประโยคนี้ได้ยินจนหูชาตั้งแต่มัธยมแล้ว แถมถ้าเป็นที่นี่ ควรจะได้ยินตอนเข้าแผงหนังสือมากกว่า โดยเฉพาะตรงด้านหน้าห้องส้วม

ได้ยินทีไร อยากตะโกนกลับไปว่า "กรูยังไม่อยากตอนนี้โวร่ย"

กลับมาดีกว่า สิ่งที่ผมเห็น คือ ดนตรีเปิดหมวก ไม่สิน่าจะเรียกว่าดนตรีเปิดซองมากกว่า

เปิดซองจริงๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นซองกีตาร์ ซองไวโอลินหรือซองเครื่องเป่าต่างๆ ในซองก็จะมีเงินบรรจุอยู่พอประมาณ เป็นเหรียญ 5 บาท 10 บาท หรือแบงค์ 20 ซะเป็นส่วนใหญ่

เท่าที่เห็นมาส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นตั้งแต่น้องๆมัธยม จนถึงรุ่นๆเดียวกันกะผม แต่ที่สะดุดตาหน่อยก็คงจะเป็นคุณลุงคนหนึ่งที่นั่งเล่นกีตาร์ ตรงหน้าก็มีหีบเพลง ที่เท้ามีฉิ่งพวง ตรงพื้นด้านหน้ายังมีไวโอลินอีกตัว

ใครขอเพลงไหนแกร้องแกเล่นได้หมด ตั้งแต่เพลงเด็กอนุบาลจนถึงเพลงสุนทราภรณ์ ช่วง intro, solo, outro แกจะเป่าหีบเพลง ช่วงเนื้อร้องแกจะร้องให้ฟัง (ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว) มือก็เล่นกีตาร์ไป เท้าก็เคาะฉิ่งพวงประกอบจังหวะ

ท้องฟ้าวันนั้นมีเมฆมากออกจะครึ้มๆเล็กน้อย ลมเย็นๆโชยผ่านเป็นระยะๆ อากาศค่อนข้างเย็นสบายดี

เมื่อประกอบกับเสียงเพลงที่คอยขับกล่อม บอกได้เลยครับว่าสุดยอด จอร์จไม่ต้องการันตี

นอกจากคุณลุงคนนี้ยังมีอีกที่อยากจะเล่า

สาวน้อยคนหนึ่ง หน้าตาน่ารักผิวพรรณดี นั่งเล่มขิมอยู่ในอิริยาบถสำรวมเรียบร้อย ใบหน้ายิ้มแย้มดูสงบแจ่มใส ช่างดูขัดกับบริเวณรอบๆที่มีผู้คนพลุกพล่านเดินไปมาวุ่นวาย

แต่ไม่ว่าใครที่เดินผ่านมาทางนี้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักชั่วอึดใจเพื่อหันมาสดับเสียงบรรเลงขิมจากเธอ

ผมไม่ค่อยมีความรู้เชิงดนตรีเท่าไหร่ โดยเฉพาะดนตรีไทยทั้งๆที่เป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ จึงไม่ขอวิจารณ์ละกันว่าเธอเล่นดีไม่ดี เพี้ยนสูงเพี้ยนต่ำแค่ไหน ใช้ประโยชน์จากลำโพงที่เธออุตส่าห์หิ้วมาช่วยขยายเสียงได้ดีแค่ไหน หรือว่าท่านั่งของเธอทำให้เธอดูตัวใหญ่ขึ้นหรือหดลงอย่างไร แต่คงบอกได้แค่ว่าไพเราะงดงามดีครับ

อีกซักหน่อยละกัน คราวนี้มาเป็นคู่หูดูโอ้ (คือดูแล้วร้องโอ้ในใจจริงๆ ) คนหนึ่งนั่งเล่นกีตาร์ อีกคนยืนเล่นไวโอลินพร้อมกับโยกตัวไปตามท่วงทำนอง

เพลงที่ทั้งคู่เล่น หาใช่เพลงยุคโบราณแนวโมซาร์ท โชแปง หรือบีโธเฟนไม่

เล่นของสูง ปล่อยวาง และ I will survive เป็นเพลงที่ผมได้มีโอกาสรับฟัง

เชื่อเลยครับว่าไวโอลินสามารถทำให้เพลงที่มีจังหวะหนักๆหรือมีทำนองเร็วๆ กลายเป็นเพลงหวานซึ้งอารมณ์โหยหาได้

คุณทั้งสองมีความเป็น creative มากๆ เยี่ยมจริงๆ

เท่าที่ดูมา หลายๆคนคงมาแสดงเพื่อให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมาเห็นความสามารถของเขาและเธอ โดยได้รับสิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆจากผู้คนเหล่านั้น

แต่ก็เคยได้ยินมาว่า บางคนทำเพื่ออยากให้คนอื่นๆได้ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เป็นการแบ่งปันความสุขของการได้เล่นดนตรีให้แก่คนอื่นๆ

ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า แต่ถ้ามีจริงผมก็ขอปรบมือสดุดีให้กับบุคคลผู้นั้นด้วยจิตคารวะเลยครับ

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จริงๆแล้วอาจจะมีอะไรมากมายกว่านั้น บางคนอาจต้องการรายได้จริงๆจึงต้องมาตรากตรำเล่นดนตรีกลางแจ้งอย่างนี้ (ถ้าเคยไปแถววัดพระแก้ว คงจะเคยเห็นวงดนตรีคนตาบอดที่มาแสดงสดกันกลางแสงแดดเจิดจ้ากันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อแลกกับน้ำใจเล็กน้อยของคนที่เดินผ่านไปมา)

ผมเคยนึกอิจฉาบรรดาศิลปินแขนงต่างๆที่ได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก ได้แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกของตนเองอย่างสร้างสรรค์ผ่านผลงานของตนเอง

อยาจะทำอย่างนั้นบ้าง อยากมีอิสระทางความคิด ไม่อยากตีกรอบความคิดตัวเอง ไม่อยากจะเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เคยนึกหาสาเหตุบ้าบอล้านแปดที่ถีบให้ผมต้องมาเผชิญชะตากรรมอะไรอย่างนี้ ต้องมาอยู่ในสภาพที่อึดอัดกดดันทั้งที่ไม่อยากจะอยู่

พอได้มาเที่ยวหนนี้ ทำให้คิดได้ว่า ในเสียงดนตรีที่ไพเราะอาจมีเสียงร้องไห้ซ่อนอยู่ก็เป็นได้

อาจมีนักแสดงบางคนสามารถทำให้คนนับร้อยนับพันหัวเราะอย่างมีความสุขได้ แต่ในใจของเขากลับไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหัวเราะออกมาได้อย่างผู้ชมการแสดงของเขา

คนเราเกิดมาก็คงจะต้องกัดฟันเพื่อฟันฝ่า

กลับมาคิดถึงตัวเอง แล้วเราจะมัวมาซึมกระทือทำซากอันใด

ทุกคนมีความทุกข์กันทั้งนั้น ไม่ใช่เราคนเดียวซะหน่อยที่เกิดมามีกรรม

หนทางที่ดีที่สุดของแต่ละคน คือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สุดแท้แต่กำลังเราจะมี อย่ามัวหวั่นไหวไปกับอารมณ์ของตนเองและคนอื่น

ถ้างานของเราสร้างความสุข ความปีติอิ่มเอมแก่ผู้อื่น แม้ว่าเราอาจรู้สึกจุกเสียดในใจสักเล็กน้อยก็คงจะพอทนไหวที่จะยิ้มตอบรอยยิ้มอันอบอุ่นที่เราได้รับมา

มีคนบอกว่าถ้าเราเสียสละความสุขเล็กน้อยของเราเพียง 1 นาที เราจะได้รับความสุขกองใหญ่กลับมา 60 วินาที ฟังดูก็คุ้มดีนะ

น่าจะจริงอย่างที่เขาว่านะ ลองทำดูกันมั้ย ทำได้ผลยังไงมาเล่าให้ฟัง มาสอนผมบ้างละกัน สอนตัวเองไม่ค่อยจะได้ซะที ขอขอบพระคุณล่วงหน้าละกันนะครับ




Create Date : 24 ตุลาคม 2548
Last Update : 24 ตุลาคม 2548 15:04:22 น. 7 comments
Counter : 654 Pageviews.

 
คงจะด้วยเหตุที่ผมมีหน้าตาออกไปทางชาวเกาหลี ญี่ปุ่น ไทเปกระมัง
^
^
^
แอบมาแซวคนหลงตัวเอง อิอิ

.........................................


..คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะบอล
เราก้อเคยเบื่อกับการเรียนเหมือนกัน

แต่ตั้งแต่ขึ้นวอร์ดมา..
เราชอบมาก
เพราะมีความสุขเวลาได้ช่วยคนไข้
(ดึง retractor ก็ยังดี)


พยายามมองโลกในแง่ดีไว้นะ
(ถึงบางครั้งจะทำยาก)
แล้วความสุขจะตามมาเอง


โดย: ~ ส้มๆอมชมพู ~ วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:22:33:39 น.  

 
มีคนบอกว่าถ้าเราเสียสละความสุขเล็กน้อยของเราเพียง 1 นาที เราจะได้รับความสุขกองใหญ่กลับมา 60 วินาที ฟังดูก็คุ้มดีนะ

..วันนี้ข้าพเจ้าพาคนตาบอดข้ามถนน


โดย: ohvenus วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:23:26:37 น.  

 
comment 1
ดีใจจัง มีเพื่อนเรามาอ่านแล้ว
อยากบอกว่า อาการหลงตัวเองเป็นธรรมดาของบุรุษ na ha ha ha
ไว้เดี๋ยวจะไปเยี่ยม blog บ้าง (แต่พรุ่งนี้ก็เจอกันอยู่ดีเนอะ)

comment 2
ยินดีกับความสุขกองใหญ่ที่ได้จากใจจริงครับ


โดย: Shadow Dio วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:23:59:44 น.  

 
หวัดดีจ้ะ ตกใจนะเนี่ย ทำไมในนี้ถึงมีคนรู้จักเยอะจัง


โดย: azzurrini วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:14:00:02 น.  

 
สวัสดีค่ะจะลองทำดูแล้วจะมาเล่าให้ฟังเหมือนกันนะคะ


โดย: oryzaja วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:14:53:29 น.  

 


โดย: 777+5 IP: 58.10.77.254 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:18:10 น.  

 
แปะๆๆๆ


โดย: 111 IP: 125.26.36.51 วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:11:32:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Shadow Dio
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Shadow Dio's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.