|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
คืนสู่สามัญ
กลับมาแล้วครับ
แบบว่าชีวิตวุ่นวายพอสมควร งานยุ่งและก็ต้องสอบอีก หน้ามืดทีเดียว
ไอ้ที่สอบไปแล้วก็กระอักใช้ได้
ช่วงหยุด 3 วันนี้มีโอกาสได้กลับบ้านซะทีครับ หลังจากที่สถิตอยู่ที่หอเป็นเวลานานมาก
แต่พอได้กลับก็สูดอากาศที่บ้านได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงอยู่ดี สำหรับเหตุผลขอไม่บอกนะครับ เอาเป็นว่ามีเรื่องเรียน + งานมายุ่งอีกแล้ว
กลับไปเที่ยวนี้ได้อ่านบทความจากนิตยสารที่คุณพ่อรับเป็นประจำอยู่บทความนึงครับ เป็นบทความในนิตยสารอาษา เกี่ยวกับเรื่องระบบการบริหารงานในเชิงสถาปัตยกรรม (อาจจะผิดพลาดได้ เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจอ่านมากนัก สมองยังมึนๆอยู่ )
ในส่วนที่อยากจะเล่าให้ฟังก็คือประโยคที่ว่า "If there is no solution,...KISS it." โดยอเล็กซานเดอร์มหาราช
ท่านอาจารย์ผู้เขียนบทความได้อธิบายเพิ่มเติมว่า KISS ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าจูบ
แต่มาจาก Keep It Stupid & Simple.
หลายๆท่านคงมีความรู้ทางภาษาอังกฤษดีกว่าผม ดังนั้นขออนุญาตไม่แปลนะครับ แต่จะขอยกตัวอย่างจากนิตยสารเพิ่มละกัน
เรื่องแรก หลายท่านคงจะเคยอ่านมาบ้างแล้ว ก็เป็นความทุ่มทุนสร้างของอเมริกา ที่ลงทุนไปกว่า 12 ล้านดอลลาร์ เพื่อคิดค้นวิจัยปากกาที่สามารถเขียนในสถานที่ที่ไร้น้ำหนักได้ และเขียนได้ในทุกพื้นผิว จากการที่นักบินอวกาศไม่สามารถจดข้อมูลได้ขณะอยู่ในยานอวกาศ กว่าจะคิดค้นได้เล่นเอาเหนื่อยกันไปหลายฝ่าย
แต่ปัญหาเดียวกันนี้ ทางรัสเซียเขาแก้ปัญหาโดยการใช้ดินสอครับ
อีก 1 ตัวอย่าง ที่บริษัทขายสบู่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่นถูกร้องเรียนจากลูกค้าว่าได้ซื้อสินค้าไป แล้วพบว่าไม่มีสบู่บรรจุอยู่ในกล่อง (พูดง่ายๆว่าได้แต่กล่องเปล่าไป) ทางบริษัทจึงได้แก้ปัญหาโดยการติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์ผลิตภัณฑ์ก่อนออกจำหน่าย โดยจ้างพนักงานเพิ่มในตำแหน่งนั่งเฝ้าหน้าจอเครื่องรับภาพจากเครื่องเอ็กซเรย์ เพื่อตรวจว่ามีกล่องเปล่าหลุดรอดไปหรือไม่ ซึ่งคงจะเป็นงานที่น่าเบื่อมากทีเดียว
แต่ด้วยปัญหาเดียวกัน อีกบริษัทแก้ปัญหาโดยการซื้อพัดลมโรงงานมาติดเพื่อเป่าลมใส่กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งแน่นอนว่า กล่องไหนที่ไม่มีสบู่ ย่อมถูกลมเป่าปลิวกระเด็นไป
ครับที่ยกมาคราวนี้ ก็แค่อยากจะบอกว่าหลายครั้งที่เราเจอปัญหา เรามักจะมองหาทางออกในลักษณะที่มันดูหรูหราอลังการในความรู้สึก หรือแม้แต่การทำงานทั่วๆไป เราก็มักจะสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและทุนทรัพย์มากหลาย แต่ผลตอบแทนคุ้มค่าแค่ไหนกัน
เห็นมาตั้งแต่อยู่มัธยมแล้วครับ หลายงานทุ่มเทกันซะสังขารแทบจะรับไม่ไหว หัวใจอ่อนล้า บ้าล้างผลาญงบประมาณ
สุดท้ายก็เอาผลงานไปเก็บไว้ข้างๆถังขยะ
ผมไม่ได้เสียดายอะไรมากนะครับ อย่างน้อยการทำงานก็ได้ความผูกพัน ฝึกความเสียสละอดทน รู้จักการทำงานกับเพื่อน
แต่ตอนนี้ชักแก่แล้ว รู้สึกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำ เก็บทรัพยากรต่างๆไว้ทำเรื่องพวกนั้นดีกว่า
โดยส่วนตัว ถ้าผมได้เป็นผู้บริหาร (หวังว่าสักวันจะได้เป็น) ถ้าต้องเลือกคนทำงาน 2 คน คนแรกทำของเกรดบีให้เป็นของเกรดเอได้ ส่วนอีกคนทำขยะให้เป็นของเกรดบีได้ ผมจะขอเลือกคนที่สองครับ
แต่ประเด้นนี้ก็แล้วแต่สถานการณ์นะครับไม่ใช่ว่าจะยึดหลักนี้ตายตัวไปซะหมด
ก่อนจากกัน ช่วงที่กลับบ้านได้มีโอกาสดูโฆษณาเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือชาเขียวยี่ห้อ "อร่อย" ครับ
ชอบโฆษณานี้มาก รู้สึกว่า creative ได้จับเอาประเด็นใกล้ตัวของคนทำงานและมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปที่ทุกวันมีเรื่องที่ทำให้ปวดกบาลปานประสาทจะแด็กซ์มากมาย ตั้งแต่เรื่องในบ้าน เรื่องเพื่อน เรื่องที่ทำงาน
แต่สรุปได้ว่า คนเราต้องไม่เครียดครับ ผมจะพยายามไม่เครียดครับ
ปล. ชอบประโยคนี้มากทีว่า "เจ้านายคล้ายจะเป็นลม ช่วยมาเป็นยาดมให้หน่อย"
Create Date : 05 ธันวาคม 2548 |
|
4 comments |
Last Update : 5 ธันวาคม 2548 19:12:30 น. |
Counter : 2820 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ส้มๆ ฯ IP: 202.28.181.9 7 ธันวาคม 2548 23:50:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: gifu IP: 202.28.181.9 15 ธันวาคม 2548 20:25:26 น. |
|
|
|
| |
|
|
ชอบเนื้อหาของบล็อกวันนี้จัง โดยเฉพาะความหมายของคำว่า KISS..
..แต่เรื่องนี้เราถนัดนะ ที่ว่ามองอะไรให้ง่ายไว้น่ะ..ทำบ่อยจนรู้สึกว่าบางทีมากเกินไปด้วยซ้ำ แหะแหะ
...เห็นด้วยว่าคนเราต้องไม่เครียด..เนอะ
ใช้ชีวิตให้ happyๆ ดีกว่า