ความรัก เวลา และเหตุผล

ความรัก เวลา และเหตุผล

หลังจากความผิดหวังจากคนรักเก่าและความรักเก่า ฉันเฝ้าคอยเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่อยากไปรักใครที่อาจทำให้เสียใจอีกฉันตั้งใจไว้ว่าจะทำความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด, นั่นเป็นคำอธิษฐานของฉันใต้ต้นไม้ริมอ่างแก้ววันนั้น

บทเพลงที่ฉันฟังวันนั้นเป็นบทเพลงที่ฉันกำลังนั่งฟังตอนที่พิมพ์อยู่ตอนนี้ อาจจะมีหรือไม่มีเหตุที่เกี่ยวข้องกันในบทเพลง แต่อดีตก็คือเหตุของปัจจุบันเสมอ

ความรักเกิดขึ้นในช่วงของความไม่รู้ตัวซึ่งอยู่ระหว่างความรู้สึกตัวทั้งสองเวลาคือก่อนหน้านั้น และหลังจากนั้นด้วยเหตุของอะไรที่ฉันก็ไม่แน่ใจบางส่วน และที่แน่ใจบ้างก็คืออาจเป็นเพราะความเหงา ความคาดหวังต่อความรัก ต่อคนรักที่มากเกินไปเหมือนกับมีบางอย่างปิดตาไม่ให้เรามองเห็นกับความจริงว่าอะไรๆ มันเป็นยังไงอย่างไรก็ดีเราก็ไม่ได้เจ็บปวดเพราะความรักมันจากไป หากแต่เราเจ็บปวดที่ความรักยังคงอยู่หลังจากที่เรารู้ตัว ความรักผู้สร้างก็กลายเป็นผู้ทำลาย จากความงดงามเป็นความมืดมัว ความสุข เป็นความทุกข์ ..รักที่รอคอยมานานกลับเป็นสิ่งที่ฉันอยากผลักไสมันให้ออกไปไกลที่สุด

ฉันเคยถามตัวเองเวลานั้นว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ถ้าคิดกันอย่างมีเหตุมีผล มันก็คงมีเหตุของมันถึงเป็นอย่างนี้ศาสนาพุทธก็อธิบายในกฏแห่งกรรมว่าเป็นไปอย่างมีเหตุของมันซึ่งเราไม่อาจจะระลึกถึงได้ การอธิบายแบบพุทธเรื่องกฏแห่งกรรมนี้ก็ครอบคลุมมีเหตุผลดีเพียงแต่เราไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ทุกคนเท่านั้น คงต้องอาศัยความเชื่อส่วนบุคคลประกอบในการพิจารณา

อย่างไรก็ดีไม่มีสิ่งใดมั่นคงถาวรทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยแห่งเวลา รวมถึงจิตใจฉันก็เช่นกัน สภาวะแห่งทุกข์ที่บีบคั้นมากมายเมื่อเวลาผ่านไปกลับทำให้ฉันเข้าใจอะไรๆในชีวิตมากขึ้น ราวกับว่ามันเป็นบทเรียนสำคัญมากที่จะต้องผ่านเข้ามาให้ฉันได้เรียนรู้

บทเรียนอันแสนเจ็บปวดกลับทำให้ฉันภาคภูมิใจที่ผ่านมันมาได้เหมือนได้รับประกาศนียบัตรจากหลักสูตรที่จบยากแสนยากเมื่อเวลาผ่านไปสักพักนึงฉันก็อาจจะลืมความเจ็บปวด กลับมาสุขบ้างทุกข์บ้างตามประสาอาจจะเหงาอีกครั้งและกลับเข้าcycle เดิม

วันนึงฉันอาจจะต้องได้เจอกับความรักอีกครั้งฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่ลืมบทเรียนจากครั้งก่อนเพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่อดีตจะให้กับปัจจุบันได้ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อรู้ตัวนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นฉันก็ไม่รู้ว่าความรักรอบใหม่นี้จะมารูปแบบไหน กับใคร เมื่อไหร่ จะผิดหวังอีกหรือไม่เพราะว่าถ้าตั้งความหวังไว้ก็ต้องเสี่ยงกับความผิดหวังอย่างแน่นอน

บางสิ่งบางอย่างเราก็ไม่ได้สามารถกำหนดมันได้เราได้แค่ทำส่วนที่เราทำได้ให้ดีที่สุด หากกฏแห่งกรรมมีจริงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราก็จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มีเราในอดีตเป็นผู้กระทำเหตุเอาไว้แล้วกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราทำได้คือปัจจุบัน เพราะมันคือเหตุแห่งอนาคต ตราบใดที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด

ฉันนึกถึงต้นไม้ริมอ่างแก้ววันนั้นอีกครั้งยิ้มให้กับสิ่งที่ผ่านมา ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า ทำไมคำอธิษฐานของฉันจึงเป็นจริงไม่ได้อาจไม่ใช่เพราะไม่มีสวรรค์หรือมีใครได้ยินหรือไม่บางทีฉันก็ไม่ได้ทำเหตุเอาไว้ตั้งแต่แรก เหมือนคนที่หิวข้าวต้องการหาข้าวกินแต่ไม่ยอมหุงข้าวไว้กินก่อน พอเวลาหิวจะร้องหาข้าว ก็ย่อมไม่ได้ข้าวกินเพราะข้าวที่ต้องการนั้นไม่ได้สำเร็จได้ด้วยการขอพร หากแต่สำเร็จได้ด้วยการลงมือหุงข้าวด้วยตัวเอง

เหมือนดังคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โตพฺรหฺมรํสี) ที่ว่า

“ลูกเอ๋ยก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเองคือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วยมิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สินในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว...เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมดไม่มีอะไรเหลือติดตัว...แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..." จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้...ครั้นเมื่อถึงเวลา... ทั้วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า"

Credit ; //th.wikiquote.org/




Create Date : 14 กรกฎาคม 2557
Last Update : 14 กรกฎาคม 2557 10:27:38 น.
Counter : 874 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

saturns-ring
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กรกฏาคม 2557

 
 
1
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31