1.เ นัดผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน ไม่มีพิธีรีตรองมากเพราะเราทั้ง 2 ครอบครัวรู้จักกันดีอยู่แล้ว คุยถึงเรื่องพิธีการเท่านั้นว่าจะทำกันแบบไหน อย่างไร เราเลือกแบบหมั้นตอนเช้า และเลี้ยงฉลองตอนเย็น ตกลงเรื่องสินสอด ทองหมั้นว่าจะเอายังไง ของเราแล้วแต่ทางฝ่ายชายจะจัดให้ เพราะพ่อเรารับไหว้คืนยกให้ลูกทั้งหมดค่ะ แถมเงินขวัญถุงอีกนิดหน่อย

2. เตรียมหาฤกษ์ยาม เริ่มต้นจากคุณพ่อของพี่เอ ไปหาหลวงตาภา (เจ้าอาวาสวัดลาดพร้าว) เพื่อเอาดวงของเรา 2 คนไปดู เพื่อหาวันที่เป็นมงคลของเราในปีนี้ ก็เลยได้วันที่ดีที่สุดคือ 29 สิงหาคม 2552 ตรงกับวันเสาร์

3. หาสถานที่จัดงานแต่งงาน เราเน้นเป็นจัดที่ใกล้บ้านที่สุด เพราะเกรงว่าพ่อแม่ และญาติๆที่ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอายุกันแล้ว จะลำบากในการเดินทาง และตื่นเช้าเกินควร เนื่องจากบ้านพ่อแม่เรา 2 คนอยู่ไม่ไกลกัน เรียกว่าใกล้เลยก็ได้ เลยตกลงจัดที่ โรงแรม sc park เคยทานมาอาหารแล้ว อาหารเค้าอร่อยดี ต้องคุยกับเซลล์ให้ดี และคอยตรวจงานบ่อยๆ

4. เตรียมรูปแบบของงาน เราเน้นเป็นโทนสี ขาว - ทอง เพราะดูแล้วมันดูเรียบร้อย แต่ดูหรูหราในตัว เลือกแบบดอกไม้ที่ชอบ และรูปแบบการตกแต่งที่เราต้องการ และประสานงานกับโรงแรมให้ดีว่าเราต้องการแบบไหน เราหารูปที่เราต้องการมาให้โรงแรมจัดให้ ส่วนซุ้มรูป pre-wedding เราให้น้องๆมาจัดให้ ก่อนวันงาน 1 วัน

4. list รายชื่อแขกที่จะเชิญมาในงาน เราแจกการ์ดทั้งหมด 350 ใบ แต่จองบุฟเฟต์ไว้ 300 หัว ผลคือแขกมาพอดีไม่ขาดไม่เกินค่ะ

5. สตูดิโอถ่ายภาพ เราหาจากเวปแต่งงาน แล้วเลือกผลงานและแพคเกจที่เราชอบ ครอบคลุมทั้งหมด เรื่องถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ถ่ายภาพวันงาน ชุดแต่งงาน ทั้งเช้า-เย็น การ์ดเชิญและของชำร่วย ect

7. นัดช่างแต่งหน้าทำผมให้แน่นอน เราไม่ต้องกังวลมากเพราะเราให้ที่เวดดิ้งจัดการให้หมด เค้าดูแลเราดีมาก คอยมาเติมหน้าให้ ซับหน้าให้ตลอดเวลาที่เรายืนรับแขกหน้างาน ใครสนใจก็ติดต่อ ร้าน The wedding studio จรัลฯ ซอย13 ค่ะ พี่ปู เจ้าของร้านดูแลเองทุกอย่าง ตัดชุดสวยมากค่ะ เอาแบบให้เค้าดูได้เลย

8. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนวันงาน ดูแลร่างกายให้แข็งแรง และดูแลหน้าตาผิวพรรณให้พร้อมเพื่อวันงาน จะได้สวยจากภายในค่ะ ลองชุดแต่งงานให้เรียบร้อยเพื่อจะได้แก้ไขได้ทัน อย่าลืมเช็คดูว่าขาดเรื่องไหนไปบ้าง ช่างภาพ - ช่างวีดีโอพร้อมหรือไม่