มุมกาแฟยามบ่าย - ข้อคิดเพื่อการงาน, ชีวิต และสังคมที่น่าอยู่

 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 กันยายน 2553
 

มุมกาแฟยามบ่าย กับ นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน – วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2546

เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2546

หวังว่า 5 วันที่ผ่านมาทุกคนคงมีโอกาสได้ไปพักผ่อน ไปชาร์ตแบตเตอรี่เพื่อต่อสู่สำหรับ ปีใหม่นี้ ให้ชีวิตประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้นไป ผมต้องขอให้กำลังใจครับ เมื่อตอนปีใหม่โดยเฉพาะวันนับถอยหลังประเทศไทย ปีนี้คึกคักเป็นพิเศษในทุกจังหวัด เฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงาน 4 ที่ในคืนเดียวกัน ผมออกจากบ้านแวะไปที่สนามหลวง มีการถ่ายทอดสดทางช่อง 3 คือรายการมหกรรมหรรษากรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นไปต่อที่สีลมถ่ายทอดสดทางช่อง 7 จากสีลมไปที่เวิร์ดเทรดตรงราชประสงค์ ถ่ายทอดสดทางไอทีวี ทั้งสามที่คึกคักคนแน่นไปหมด แต่ที่พิเศษผมไปร่วมนับถอยหลัง ที่สนามศุภชลาศัยถ่ายทอดสดโดยช่อง 9 อ.ส.ม.ท. งานนี้คึกคักมาก พี่น้องประชาชนมาร่วมงาน เฉพาะที่สนามศุภชลาศัยประมาณ 70,000 คนและที่น่ารักคือเมื่อใกล้เวลา ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและ อ.ส.ม.ท.ได้แจกเสื้อยืดให้ผู้ที่นั่งบนอัฒจันทร์เป็นสีแดง ขาว น้ำเงิน 60,000 กว่าตัว พอถึงเวลาก็บอกกับพี่น้องที่นั่งอยู่ในอัฒจันทร์ว่าให้สวมเสื้อยืดทับไปเลย ปรากฏว่าพรึบเดียวครับเป็นสีธงชาติล้อมรอบอัฒจันทร์ เป็นรูปวงรีสวยงามมากครับและมีการแสดงต่างๆ นานา

รัฐบาลได้ให้เงิน อ.ส.ม.ท.ไปจัดรางวัล เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ที่บ้าน และที่มาร่วมงานได้จับรางวัล มีพี่น้องประชาชนส่งไปรษณียบัตร มาถึง 17 ล้านใบ มีคนมาร่วมในงานประมาณ 70,000 คน มีการจับรางวัลงานคึกคักทั่วไปหมด มีการจุดพลุที่เวิร์ดเทรดกันยิ่งใหญ่

*************************
นึกถึงวันคืนเก่าๆที่ประชาชนคนไทยสามัคคีกันโดยไม่แบ่งแยกแล้ว ทำให้เศร้าใจจริงๆ เพียงแค่ไม่กี่ปีก่อน ประเทศชาติเรายังเป็นปึกแผ่นและสามัคคีกลมเกลียวกันอย่างน่าชื่นชมอยู่เลย

ทั้งหมดเป็นเรื่องที่รัฐบาลและภาคเอกชนรวมกันจัด เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการที่จะต้องทำงานในปี 2546 เพื่อจะร่วมกันทำให้ปี 2546 ดีกว่าปี 2545
เราไม่ต้องคิดอะไรมากครับ คือทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน ทำให้ปี 2546 ดีกว่าปี 2545 ถ้าทุกคนคิดกันอย่างนี้และช่วยกันทำ ชีวิตเราจะดีขื้น ครอบครัวจะดีขึ้น ประเทศชาติจะดีขึ้น เพราะฉะนั้น กำลังใจ กำลังกายจึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผมอยากจะให้พี่น้องประชาชนทุกคนมีทั้งกำลังใจกำลังกายที่ดี เพื่อเตรียมพร้อมไว้สำหรับการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เมื่อคนเราเกิดมาในชีวิตแล้วเกิดมาต้องทำงาน ทำงานทำอย่างไร ทำให้วันนี้ดีกว่าเมื่อวาน เราก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอด อยากจะให้พี่น้องประชาชนได้มีกำลังใจการจัดงานครั้งนี้ นอกจากให้พี่น้องได้มีความสุขมีกำลังใจแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะส่งสัญญาณออกไปทั่วโลก ว่าประเทศไทย ปลอดภัย พี่น้องคนไทยกล้ามารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งหลายประเทศ ไม่กล้าจัดงาน ต้องเลิกจัดงานเพราะกลัว ประเทศเขาอาจจะไม่สงบหรืออาจเป็นเพราะว่าเหตุการณ์เรื่องการก่อการร้ายเป็นสิ่งที่เขากลัวกัน แต่ประเทศไทยผมมั่นใจครับว่า เราเป็นประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งที่จะเกิดการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นเราเองต้องการส่งสัญญาณไปทั่วโลก ว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย ประชาชนมีความสุข จะทำให้ประเทศไทยมีคนอยากจะมาเที่ยว แต่บางประเทศ บางสถาบันไปพูดว่าประเทศไทยเราน่าเป็นห่วงเรื่องการก่อการร้าย เลยจะทำให้เสียหายใน เรื่องการท่องเที่ยว
ผมจึงให้จัดกิจกรรมเหล่านี้เป็นทางอ้อม ชักชวนให้คนต่างประเทศได้รู้ว่า ประเทศไทยมีความสงบมีความปลอดภัย ประชาชนมีความสุข การทำเช่นนี้เราลงทุน 10 กว่าล้านบาท 10 กว่าล้านบาทที่ลงทุนหายไปไหน ก็หายไปอยู่กับมือประชาชนหมด คือรางวัลทั้งหลาย และอยู่ในประเทศไทย แต่สิ่งที่เราได้ นอกเหนือจากทางอ้อมที่ผมพูด คือสถานีโทรทัศน์เครือข่ายใหญ่ทั่วโลก มาร่วมมือกับช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เอาไปออกอากาศ ทั่วโลก ถึงการเฉลิมฉลองปีใหม่ของบ้านเรา สมมุติเราทำเป็นสปอตโฆษณาให้เวลายาวขนาดนั้นทั่วโลก คิดเป็นเงินประมาณ 800 กว่าล้านบาท ถือว่าสิ่งที่เราทำนั้นเราสร้างกิจกรรมขึ้นมา ทำให้เป็นข่าวออกไป ทั่วโลก และเป็นภาพบวกกับประเทศไทย

*************************
รายการเชื่อมั่นประเทศไทยที่ลงทุนลงแรงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ แต่จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อความเป็นจริงบ้านเมืองเรายังเล่นกีฬาสีกันอยู่ (สีเหลือง สีแดง แล้วยังตามด้วยสีเขียวและสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ข้างสนามเป็นตัวช่วยสีเหลืองอีก)
ในความคิดของผม หากต้องการให้ประชาชนทุกฝ่ายสมานฉันท์กันจริงๆ น่าจะมีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกฝ่ายก่อน แต่ทั้งนี้จะต้องเน้นว่าหากมีการก่อการชุมนุมขึ้นมาอีก แกนนำกลุ่มใหม่ต้องรับผิดชอบโดยไม่มีการยกเว้นอีก และจะดำเนินคดีกับทุกคนที่ทำเรื่องไม่ดีอย่างเคร่งครัดโดยไม่ดูสี รวมถึงการนิรโทษกรรมแก่นักการเมืองพรรค ทรท. และ พปช. ซึ่งทุกกฏหมายเล่นงานโดยไม่ชอบธรรมด้วย


อันนั้นคือสิ่งที่ทำให้ประเทศเป็นที่ยอมรับ ถึงการมีความสุขของประชาชนและความปลอดภัย เราต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.ส.ม.ท. สถานีโทรทัศน์ทุกช่องที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมครั้งนี้
นอกจากนั้น ยังมีการถ่ายทอดเชื่อมสัญญาณของโทรทัศน์ช่องต่างๆ ไปตามจุดที่พี่น้องประชาชนอยู่ และยังเชื่อมสัญญาณจากการฉลอง ของงานชุมนุมลูกเสือโลกที่สัตหีบเข้ามาด้วย ซึ่งงานชุมนุมลูกเสือโลกจะมีถึงวันที่ 7 มกราคมนี้ ที่นั่นมีเหตุการณ์ต่างๆ สนุกสนานดีๆเยอะ ครับ เยาวชนทั้งหลายจากทั่วโลกที่มาอยู่ที่นั่นเกือบ 3 หมื่นคน ซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ไปถึงวันละประมาณ 1 ล้านบาท ขายดิบขายดี และกษัตริย์คาร์ล กุสตาฟ 16 แห่งประเทศ สวีเดน ในฐานะองค์ประธานมูลนิธิลูกเสือโลก เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระราชินีซิลเวีย เจ้าชายคาร์ล ฟิลิปและเจ้าหญิงมาเดอลีน ทรงเป็นพระราชอาคันตุกะ และประทับพักแรมอยู่ในค่ายลูกเสือขณะนี้ด้วย ในช่วงวันที่ 3-4 มกราคมนี้

ได้สั่งการให้มีการวิเคราะห์ตัวเลขและข้อมูลทั้งหมดของการเกิดอุบัติเหตุ

พี่น้องครับพูดถึงเรื่องความรื่นเริงปีใหม่แล้ว ต้องขออนุญาตพูดเรื่องอุบัติเหตุครับ ปีนี้อุบัติเหตุยังมากน่าเป็นห่วง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบาดเจ็บ 29,485 คน เสียชีวิต 514 คน ปีใหม่ปีที่แล้ว บาดเจ็บ 30,000 คน เสียชีวิต 536 คน ลดลงเล็กน้อย บาดเจ็บลดลงไป 1,200 กว่าคนลดลง 4% ตายลดลง 4% 22 คน ยังสูงอยู่ครับ ทั้งๆ ที่ปีนี้เราเตรียมการกันมาก พอสมควร ตอนนี้ได้สั่งให้วิเคราะห์ตัวเลข วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดว่าเกิดจากอะไรบ้าง ส่วนหนึ่งคือเมา มีทั้งเมายาเสพติดและเมาเหล้า เรื่องของการไม่รู้กฎจราจร เพราะเยาวชนต่างจังหวัดที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์แล้วไม่มีใบขับขี่มีอยู่เยอะมาก ผมจึงได้สั่งการเอารายละเอียดของปัญหาอุบัติเหตุทั้งหมดไปแก้ไข ต้องแก้ทั้งระยะสั้นและระยะยาวแน่นอน
คราวที่แล้วที่เราทำกันยังเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ยังได้ผลไม่เท่าไร ต้องมองปัญหาระยะยาว เรื่องของการให้ความรู้กฎจราจรต่างๆ การออกแบบถนนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่างๆ จุดที่เกิดอุบัติเหตุมากๆ เพราะอะไร เรื่องของการรณรงค์เมาไม่ขับคงต้องทำต่อไป เรื่องสุราในช่วงฤดูกาลต่างๆ ต้องทำให้เข้มงวดขึ้น ได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้ว และผมจะได้ติดตามเรื่องนี้ต่อไป

*************************
เป็นการปฏิบัติการที่มุ่งหวังลดอุบัติเหตุทางการจราจรที่มักเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลหยุดยาว ซึ่งน่าชื่นชมมากครับที่คนระดับผู้นำประเทศให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เพราะอุบัติเหตุทางการจราจรจัดเป็นสาเหตุใหญ่ของการเสียชีวิตของประชาชนไทย ผลจากอุบัติเหตุทางการจราจรเหล่านี้ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตอันทรัพยากรสำคัญของชาติมาทุกปี..

รัฐบาลจะทยอยชำระคืนหนี้ให้ไอเอ็มเอฟเป็นงวดให้หมดภายใน 6 เดือน

เรื่องที่อยากจะเล่าให้พี่น้องประชาชนฟังอีกเรื่องคือ เรื่องของการชำระคืนหนี้ไอเอ็มเอฟ เมื่อปีใหม่ผมได้บอกกับพี่น้องประชาชนว่าอยากให้ปี 2546 เป็นปีแห่งศักดิ์ศรีของคนไทยและประเทศไทย อยากให้คนไทยและประเทศไทย ได้มีความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย มีความภาคภูมิใจในประเทศของเราเอง ต้องทำทุกๆ ด้านเพื่อเราจะได้มีความฮึกเหิม ที่จะต้องต้องพยายามที่จะพัฒนาตัวเองและพัฒนาประเทศเรา ในมิตินี้เริ่มต้นเราขอใช้คืนหนี้ไอเอ็มเอฟ มีการวิพากษิวจารณ์ต่างต่างนานา ผมไม่เข้าใจครับตอนไปเป็นหนี้เขา ก็บ่นว่าเขาสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอใช้หนี้คนที่บ่นคนเดียวกันออกมาว่าทำไมต้องใช้ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ รอก่อนก็ได้ อันนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ ต้องเรียนว่ารัฐบาลนี้จะไม่ใช้อารมณ์ จะทำด้วยหลักวิชาการ หลักการบริหารการจัดการที่ถูกต้อง ไม่มีหลักอื่นเลย เพราะฉะนั้น ได้คิดแล้วคิดอีกว่า สมควรต้องใช้เขาหรือไม่ หลักการไม่มีอะไรครับคือสัญญาที่เรามีอยู่กับไอเอ็มเอฟ เราต้องใช้ให้หมดภายในปี 2548 รัฐบาลนี้เข้ามาใช้หนี้ไอเอ็มเอฟมาตลอดตั้งแต่ปี 2544-2545 คือหนี้เรากู้มา เขาให้กู้ 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เราเบิกมาจริงๆ 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ รัฐบาลที่แล้วใช้หนี้ไป 200 ล้านเหรียญ พอรัฐบาลนี้เข้ามาก็ผ่อนใช้หนี้ปี 2544-2545 ไปแล้ว 7,000 ล้านเหรียญ ฉะนั้น หนี้คงเหลือ 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 208,000 ล้านบาท ทีนี้เรามานั่งดูเงินของเรา มีเงินสำรองอยู่มากพอ แล้วดูกระแสเงินต่างประเทศที่จะไหลเข้าประเทศไทยในปี 2546 ดูแล้วกระแสเงินจะไหลเข้าต่อเนื่องเป็นบวกหมด แล้วเราจะใช้หนี้ก่อนเป็นอะไรมั้ย

*************************
บทนี้น่าจะเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ต้องถกเถียงกันว่าใครกันแน่ที่ชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ เพราะผมเห็นทางปชป. เองเอ่ยอ้างเสมอว่าเขาเป็นผู้แก้ปัญหาเรื่องนี้ แต่ทำไมคุณทักษิณถึงเอามาพูดเอาหน้าแบบนี้..
รัฐบาลที่แล้วใช้หนี้ไป 200 ล้านเหรียญจากเงินกู้ 12,000 ล้านเหรียญ – 1.66% เองง่ะ..ค่าดอกเบี้ยหรือเปล่า


ความจริงวันนี้สามารถใช้หนี้ทีเดียว 4.8 พันล้านเหรียญสหรัฐได้หมด แต่เรากันเหนียวไว้ พราะว่าเดี๋ยวเกิดสงครามขึ้น วันนี้สัญญาณชัดเจนแล้วว่าน้ำมันยังไงก็ไม่แพง เพราะโอเปคต้องช่วยสหรัฐอเมริกาในการที่จะรักษาราคาน้ำมันไม่ให้ขึ้นไปเกิน 28 เหรียญต่อบาร์เรล เราไม่เดือดร้อนตรงนี้แต่เรากันเหนียวไว้ครับ เลยขอชำระเป็น 3 งวด งวดที่ 1 จะพยายามชำระให้ได้ภายในปลายเดือนมกราคม เพราะเราต้องไปเจรจาขอชำระคืนก่อนเวลา จากงวดแรกแล้วทุกสองเดือนจะจ่ายอีกทีภายใน 6 เดือนจะหมด ประมาณเดือนกรกฎาคม น่าจะชำระหมด จะเป็นการชำระหมดก่อนเวลาที่ตกลงกันไว้ 2 ปี เพราะว่าเราต้องการจะแสดงให้ชัดเจนว่า เราไม่อยู่ภายใต้หนี้ของไอเอ็มเอฟอีกแล้ว นั่นคือทำให้ประเทศได้รับการยอมรับ ในเรื่องสถานะการเงินความเข้มแข็งมากขึ้นเยอะ มากกว่าที่เราอยู่ในโปรแกรมของไอเอ็มเอฟ คือถ้าประเทศไหนอยู่ในไอเอ็มเอฟ เหมือนกับประเทศนั้นยังอยู่ในภาวะที่บอบบาง เหมือนกับคล้ายๆ เกือบจะล้มละลาย คนที่เข้าหาไอเอ็มเอฟคือภาวะเกือบจะล้มละลาย

เพราะฉะนั้น เราเข้าไอเอ็มเอฟแล้ว เราออกเร็วเท่าไร ภาพของภาวะคนเกือบล้มละลายจะไม่มีและจริงๆ เราแข็งแรงแล้ว เลยขอคืน เก็บไว้ก็เสียดอกเบี้ย เสียภาพพจน์ ไม่ค่อยมีอิสระ จะต้องรายงานเจ้าหนี้ตลอดจะทำอะไรไม่ทำอะไร ว่างๆ เจ้าหน้าที่เข้ามาถาม ทำไมคุณทำอย่างนั้นล่ะ ทำไมคุณไม่ทำอย่างนี้ เขามีสิทธิครับเพราะเขาเป็นเจ้าหนี้เรา เพราะฉะนั้น วันนี้คืนเขาดีกว่า เรามีสติปัญญาที่จะคิดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยตัวเราเอง เราควรอย่างยิ่งที่จะใช้หนี้เขาไปและประหยัดดอกเบี้ยไป 5,000 ล้านบาท ผมคิดว่าจ่ายไปดีกว่า ขอให้พี่น้องได้โปรดเข้าใจว่า รัฐบาลใช้ความรอบคอบดูตัวเลขอย่างเต็มที่ ผมเคยอธิบายตัวเลขไปหลายครั้งว่า วันนี้เงินสำรองที่เรามีอยู่มีมากเกินพอ ใช้ทีเดียวยังใช้ได้เลย แต่เราผ่อน 6 เดือน 3 งวด เพื่อจะได้ไม่ประมาท ฉะนั้นผมมั่นใจว่า ทุกขณะระหว่างใช้หนี้จนใช้หนี้หมด จะไม่มีทางที่เงินสำรองของเพราะจะต่ำกว่า 35 พันล้านเหรียญสนรัฐ ซึ่งเหลือเฟือเกินพอ ขอให้พี่น้องได้สบายใจ บางคนออกมาวิจารณ์ต่างๆ นานาเป็นเรื่องธรรมดาเป็นสิทธิของเขาที่จะวิจารณ์ แต่ขอเรียนว่ารัฐบาลของพี่น้องประชาชนเป็นรัฐบาลที่ใช้สติปัญญา ใช้หลักวิชา ใช้หลักการบริหารการจัดการที่ถูกต้อง ทำงานอย่างเต็มที่ ขอให้วางใจในส่วนนี้ได้เลย

*************************
บทนี้ผมถือเป็นความรอบคอบของรัฐบาลคุณทักษิณที่แม้ว่าจะมีเงินสดเพียงพอ แต่ก็ยังเตรียมการทยอยจ่ายหนี้เพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายหนี้แต่ละรอบไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง..ผมเองก็ใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้ในการดำเนินธุรกิจ

รัฐบาลจะปรับขบวนในการปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่ในปีนี้

เรื่องที่ผมอยากจะเรียนอีกเรื่องคือ เรื่องของการประชุมคณะรัฐมนตรีวันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา สัปดาห์ที่ผ่านมาวันอังคารเป็นวันหยุด รัฐบาลเปิดมาวันพฤหัสบดีจึงประชุม เพราะไม่อยากให้การประชุมคณะรัฐมนตรีขาดบ่อย

เรื่องสำคัญๆ ที่จะเล่าให้พี่น้องประชาชนฟังคือ เรื่องของการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ ผมได้เตรียมการจัดการเต็มที่ ได้มีการปรับขบวนในการที่จะทำสงครามกับยาเสพติดอย่างรุนแรงเต็มที่ในปีนี้ วันที่ 14 มกราคมนี้ผมจะเรียกประชุมผู้บังคับการตำรวจทุกจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจ ที่มีกำลังคุมทั้งประเทศทุกหน่วย มาประชุมชี้แจงและสั่งการ จะมีการรณรงค์ปูพรมเรื่องยาเสพติดทั้งประเทศ ถ้าจุดไหนอ่อนถูกจัดการแน่ จุดไหนจับแพะโดนแน่ จับแพะก็ไม่ได้ อ่อนแอก็ไม่ได้ต้องทำให้เต็มที่ ไม่มีอะไรเหนือมือคนไทยถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน คนไทยทำได้ทุกอย่างแต่ขออย่างเดียวครับ ร่วมมือร่วมใจกัน ใช้สติปัญญาอย่าใช้อารมณ์ วางแผนให้ดีแล้วมุ่งมั่นไม่ทุจริตไม่มีปัญหา เรื่องพวกนี้ทำได้จะกวาดล้างอย่างเต็มที่ และผมจะต้องคุยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ชัดเจนตรงไปตรงมาจะเริ่มทำทุกอย่าง
และกระบวนการที่จะต้องทำต่อไป คือเรื่องของการส่งเสริมเด็กเยาวชน ให้มีกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์มากขึ้น การจัดระเบียบสังคม การควบคุมแหล่งอบายมุขทั้งหลาย จะต้องทำเป็นระบบ การประชุมวันที่ 14 มกราคมจะสั่งการทุกอย่าง เรื่องนี้จะทำอย่างเต็มที่

*************************
สังเกตุให้ดีว่าคุณทักษิณแกบ้างานขนาดไม่ยอมให้คนร่วมรัฐบาลได้หยุดตามสิทธิที่อภิชนคนมีตำแหน่งควรเป็น หากแต่เรียกประชุมเพื่อเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานแต่ต้นปี..ต้องขอนับถือครับ
ปฐมบทแห่งสงครามปราบปรามยาเสพติดคงเริ่มต้น ณ.จุดนี้ สังเกตุให้ดีว่าคุณทักษิณเองได้พูดถึงการเตรียมการโดยใช้ความร่วมมือจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทุกภาคส่วน มิได้โยนให้เป็นเพียงความรับผิดชอบของใครหรือหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง..ที่สำคัญขอให้สังเกตุตรงเรื่องที่พูดถึงจุดอ่อนที่ต้องจัดการ และการปรามไม่ให้มีการจับแพะ..อีกทั้งยังมีการพูดถึงการคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่ากับเป็นการแจ้งให้ประเทศซึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ระมัดระวังเรื่องเขตแดนชายแดนของตนเอง ซึ่งถ้าพูดถึงการวางนโยบาย ผมถือว่าเป็นการวางนโยบายที่รอบคอบมากทีเดียว


ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางแผนด้านกีฬาเพื่อให้ประชาชนตื่นตัวหันมาเล่นกีฬา

พอมาถึงเรื่องนี้มีเรื่องกีฬามาเกี่ยวข้อง ผมได้สั่งการให้รัฐมนตรี สนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดูเรื่องกีฬา ไปวางแผนเพื่อทำให้ประชาชนตื่นตัวในการเล่นกีฬา กระทรวงสาธารณสุขก็ไปวางแผน เพราะต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพที่แข็งแรงและรักกีฬา ธรรมชาติของมนุษย์ถ้ารักกีฬาจะรักสุขภาพ เมื่อรักสุขภาพจะห่วงเรื่องการนอนจะไม่นอนดึก ห่วงเรื่องการไม่กินเหล้าเมายา เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงในการเล่นกีฬา ต้องให้เขารักกีฬา เพราะฉะนั้น กีฬาจะต้องพัฒนาตั้งแต่เรื่องเพื่อสุขภาพ เพื่อความรักกีฬา และเพื่อสู่ความเป็นเลิศในระดับท้องถิ่นระดับชาติ และระดับที่จะต้องไปแข่งขันนานาชาติ

*************************
เป็นการวางแผนป้องกันวัยรุ่นหันเข้าหายาเสพติดได้อย่างดีครับ

พอมาคิดถึงเรื่องการแข่งขัน ผมนั่งดูฟุตบอลไทยกับอินโดนีเซีย เราชนะด้วยการเตะลูกโทษ ทั้งๆ ที่นำไปก่อน 2-0 เราต้องยอมรับว่าคนเชียร์เขาไม่ค่อยมีมารยาท กดดันนักกีฬาไทยเรามากพอสมควร ผมพยายามติดต่อไปที่คุณธวัชชัย สัจจกุล ระหว่างที่ผมนั่งดูอยู่ตอนที่เราถูกยิงเข้าไป 2-1 แล้ว ผมอยากจะให้กำลังใจนักกีฬาว่าถึงแม้เหลือ 10 คนอย่าหมดกำลังใจ ไม่เป็นไรแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ใจต้องสู้ ผมไปดูนักกีฬาของเราเล่นดี แต่ความฟิตผมดูแล้วมีปัญหา กำลังกาย กำลังใจ สำคัญ เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าระบบการส่งเสริมกีฬาทีมชาติของเรายังไม่ดี เราต้องคิดว่ามนุษย์ต้องทำมาหากิน ต้องเลี้ยงชีพเลี้ยงครอบครัว ถ้าเราจะให้เขาเล่นกีฬาทีมชาติ และเราจะปล่อยให้เขาไปทำมาหากิน ดิ้นรนกันเองคงลำบาก เขาคงไม่มีเวลาที่จะฝึกซ้อม เพื่อให้กำลังกาย กำลังใจเข้มแข็ง
นอกจากจะสั่งให้ไปเตรียมการวางระบบให้ดีแล้ว นักกีฬาทีมชาติที่ไปแข่งต่างประเทศ แล้วได้เหรียญมาทั้งหลายที่ตกงานอยู่วันนี้ ผมสั่งเป็นนโยบายว่าให้ติตต่อไปที่การกีฬาแห่งประเทศไทย และรัฐมนตรีกีฬาจะประสานกับรัฐมนตรี ที่สามารถจ้างงานบรรจุงานได้ เช่น บรรจุงานในรัฐวิสาหกิจบ้าง ให้เป็นไปตามคุณวุฒิความรู้ความสามารถของเขา แต่ต้องหางานให้ทำ ถ้าเขามีความสามารถหรือทำงานให้บ้านเมืองแต่ยังไม่มีงานทำ ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จึงสั่งการไปเรียบร้อย ฉะนั้น เรื่องกีฬาเราต้องเอาจริงในทุกระดับ

*************************
ข้ามจากเรื่องยาเสพติดมาสู่กีฬารวมถึงคิดอย่างเป็นระบบที่จะส่งเสริมวงการกีฬาให้เจริญขึ้นหลังจากดองมานานแสนนาน น่าเสียดายที่ดูเหมือนแผนงานนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนจนมีผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ขอแซวเล่นๆนะครับ..คุณทักษิณไปเชียร์ทีมไทย ทีมไทยเราก็ชนะ..คุณมาร์คไปเชียร์ทีมไทย..ทีมไทยเราแพ้เฉยเลย..555


สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการอุดหนุนอย่างมากในช่วงเทศกาลปีใหม่

อีกเรื่องที่น่าชื่นใจที่จะเล่าให้ฟัง สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ได้มาจัดช่วงเทศกาลปีใหม่ ปรากฏว่าขายดิบขายดีครับ จัดตั้งแต่วันที่ 15-25 ธันวาคม 2545 ยอดจำหน่ายสินค้าได้ 124.82 ล้านบาท เท่ากับว่าวันหนึ่งขายได้เกือบ 12 ล้านบาท ถือว่าขายดีมาก เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าพวกผ้าและสิ่งทอ ศิลปะประดิษฐ์ อาหารแปรรูป ผลไม้เครื่องดื่ม เครื่องจักรสาน สุราแช่ ที่บ้านผมครับคนที่เอาของขวัญมาอวยพรปีใหม่ผม ส่วนใหญ่เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งผมดีใจและมั่นใจมากที่คนไทยได้สนับสนุนสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นแรงงานของคนไทยในชนบท เพื่อรักษาความชำนาญทักษะภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ดี ให้เก็บไว้และมีการพัฒนาต่อเนื่อง แล้วยังเป็นการช่วยเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าด้วย ซึ่งผมต้องขอขอบคุณพี่น้องคนไทยที่ได้อุดหนุนสินค้าไทยมาโดยตลอด อยากจะให้อุดหนุนต่อไป
ผมได้ไปเดินซื้อสินค้ากับครอบครัวในช่วงวันหยุดที่ศูนย์การค้า ไปถามคนขายเขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ผ้าไทยคนนิยมมากขื้น แม้กระทั่งผ้าไทยอย่างดีแพงๆ บรรดาไฮโซทั้งหลายซื้อไปใช้ เดี๋ยวนี้ไฮโซหันกลับมาใช้ผ้าไทยที่ดีๆ กันมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจครับ ต้องขอขอบคุณคนไทยด้วยกันที่ได้อุดหนุนพี่น้องคนไทยด้วยกันครับ

*************************
มาถึง OTOP สินค้ายอดนิยมแห่งยุคทักษิโณมิกค์..ไงพอข้ามยุค มันถึงย่ำแย่ขนาดนี้..สำหรับความคิดของผม ผมว่ามันขึ้นกับการบริหารจัดการนะครับ..ยุคนั้นคุณทักษิณทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ OTOP กลายเป็นสินค้ามีชื่อเสียงของไทย มีเหล่าผู้ลากมากดีหลายคนหันมาใช้สินค้าไทย และ OTOP ตามกระแสด้วย ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระดับชาวบ้านอย่างมากมาย

ให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทุกแห่งวางแนวทางในการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจของตนเอง

ในคณะรัฐมนตรีผมได้สั่งการอีกเรื่องครับ คือเรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น วันนี้ผมได้รับรายงานและสั่งการให้ นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดูองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. เพราะได้รับรายงานเรื่องข้าวใน อ.ต.ก.มีการทุจริตมาก มีการร่วมมือกับบริษัทที่เข้าไปจัดการ และเรื่องของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยด้วย

นอกจากนั้นได้สั่งการเรื่องของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนไปทำแผนฟื้นฟูมา ถ้าไม่มีแผนไม่มีแนวทางในการฟื้นฟู ถือว่าผู้บริหารหมดประสิทธิภาพ ต้องเปลี่ยนจะปล่อยไว้ต่อไปไม่ได้ แล้วถ้ามีทุจริตหรือสงสัยจะมีการทุจริตให้ไปจัดการเสีย วางระบบรายงานให้ชัดเจน เพื่อให้การทุจริตทำได้ยากขึ้น คงไม่สามารถกันได้ 100% แต่ว่าต้องทำให้ยากขึ้นเราต้องตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทำได้ยาก ทำลำบาก และคนทำเมื่อจับได้ต้องลงโทษเด็ดขาด

นี่คือสิ่งที่ได้สั่งการไป และผมจะแวะไปตรวจเยี่ยมไปงแผนด้วยตัวเองตามที่ต่างๆ ต่อไป ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า สิ่งที่พี่น้องเป็นห่วง ผมก็เป็นห่วงและลงมือทำ แต่บางอย่างอาจจะใช้เวลานิดหน่อยเพราะหมักหมมมาเป็นสิบๆ ปี ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิด แต่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ไม่ปกปิด

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คือ นายเฮนรี่ ทรูแมน ท่านได้พูดว่าคนที่ไปช่วยผู้กระทำความผิด หลังจากกระทำความผิดเสร็จเรียบร้อย เขาเรียกว่าเป็นทนายความหรือ Lawyer แต่คนที่ช่วยผู้กระทำผิดให้ไปกระทำผิดหรือขณะกระทำผิด เขาเรียกว่าผู้สมรู้รวมคิดหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Accomplice ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ผมจะไม่ยอมเป็นทั้งผู้สมรู้ร่วมคิดและเป็นทั้งทนายความ หรือไม่เป็นทั้ง Accomplice หรือ Lawyer ให้กับผู้กระทำความผิดแน่นอน ขอเรียนพี่น้องประชาชนคนไทยว่า ผมจะทำงานเต็มที่ในเรื่องการขจัดปัญหายาเสพติด เรื่องคอรัปชั่น เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน แต่เป็นสงครามที่ต้องใช้เวลาต่อสู้ และต้องใช้ความอดทนมาก ขอให้วางใจว่าจะทำอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ครับ

*************************
จะว่าไปแล้ว คุณทักษิณก็คิดจะสะสางระบบที่มันหมักหมมปัญหาอันยาวนาน..แต่น่าเสียดายว่ามันดูไม่เกิดดอกออกผล..ไม่รู้เป็นเพราะระบบเก่ามันยุ่งยาก หรือว่าขาดการร่วมมือจากทุกภาคส่วน..เพราะการนี้ดูมันยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ อีกทั้งเรื่องการฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพจนทำให้เหล่ารัฐวิสาหกิจและสหภาพทั้งปวงหันกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรฯในเวลาต่อมา

การประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์

เรื่องต่อไปคือเรื่องการประชุม Thailand-Singapore Prime Ministerial Retreat คึอการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการ ของนายกรัฐมนตรีประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ จะเป็นการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก และจะมีรัฐมนตรีสัก 3-4 คนมาร่วมด้วย เพื่อจะวางยุทธศาสตร์ และวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ของอาเซียน และของภูมิภาคในกรอบของเอซีดี และในกรอบของอาเซียนว่าอะไรจะเกิดขึ้น และอาเซียนควรจะเป็นอย่างไร ในเอซีดีควรจะทำอย่างไร เราจะคิดยุทธศาสตร์ร่วมกัน

โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ร่วมกับทวิภาคี ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์บ้าง แต่จะมองยุทธศาสตร์รวมเป็นหลัก เพราะหลังจากที่ไปประชุมร่วมกันมาหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ประชุมอาเซียซัมมิทที่กรุงพนมเปญ นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คุยกับผมว่า รู้สึกว่าเราจะพูดกันรู้เรื่อง เราไปนั่งคุยเพื่อวางยุทธศาสตร์กันดีกว่า ขอพบกันอย่างไม่เป็นทางการแล้วกัน จะไม่ดีการใส่สูท แต่งตัวแบบไม่ทางการ และไปลงเรือคุยกันที่ภูเก็ตในวันที่ 10-12 มกราคม จะมีผมและนายกรัฐมนตรีโก๊ะ จ๊ก ตง ของสิงคโปร์ มีรัฐมนตรีของไทย 4-5 คน รัฐมนตรีของ สิงคโปร์ 3-4 คน และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง จะไปตั้งวงคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ ถึงเรื่องยุทธศาสตร์สองประเทศ และยุทธศาสตร์ของสองประเทศต่อภูมิภาคและต่อเอเชีย เพื่อเตรียมตัวตื่นตัวในการที่จะบริหารเศรษฐกิจของภูมิภาคและความมั่นคงด้วย

*************************
การวางยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน จัดเป็นความฉลาดทางนโยบายต่างประเทศซึ่งรัฐบาลทั่วโลกต่างดำเนินงานอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ประเทศของตัวเองได้รับประโยชน์สูงสุด สิงค์โปร์จัดเป็นฮับทางธุรกิจที่สำคัญของภูมิภาคนี้ไปแล้ว (จนกว่าไทยจะคลอดโครงการคอคอดกระ) ขณะที่ประเทศไทยมีสภาพภูมิศาสตร์เหมาะแก่การเป็นฮับ(ศูนย์กลาง)ทางการผลิต, การขนส่ง (Logistic)เพื่อกระจายสินค้าไปทั้งพม่า, ลาว จวบจนถึงจีน และเป็นการสร้างตัวเองให้เป็นฮับทางการเงินและยกระดับมูลค่าเงินบาทสู่ไทยบอนด์ อย่างที่วางยุทธศาสตร์ไว้ด้วย

รัฐบาลจะให้การสนับสนุนตั้งสถาบันแม่พิมพ์ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ไทย

มีการประชุมรวมระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชน ผมได้กำหนดเวลาว่าทุกวันศุกร์ ผมจะให้เวลาสองชั่วโมงกับภาคเอกชน เพื่อที่จะมาหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน ส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้มแข็ง เพราะภาคเอกขนเข้มแข็ง คือผู้เสียภาษีเข้มแข็ง รัฐบาลก็ได้ภาษี ขยายการจ้างงานเกิดขึ้น ถ้าส่งออกเราได้เงินตราต่างประเทศเข้ามา เพราะฉะนั้น ภาคเอกชนจะมีบทบาทต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง รัฐบาลจะต้องผลักดันให้ภาคเอกชนเข้มแข็งให้ได้ สัปดาห์นี้ได้พบกับอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ ภาษาอังกฤษเรียกว่า mold คือการทำปั้มพลาสติก ปั้มตัวถังรถยนต์

เรามีอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ของเราอยู่ในประเทศ แต่ไม่ค่อยแข็งแรง เราผลิตได้ในประเทศเพียง 3-4 % เท่านั้นเอง แต่เรานำเข้าปี 2544 จำนวน 22,000 ล้านบาท แล้วแนวโน้ม ถ้าเศรษฐกิจพัฒนาต่อไปแบบนี้ อีก 5 ปีข้างหน้าเราอาจจะต้องนำเข้าถึง 50,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้น เราสมควรที่จะต้องพัฒนาของเราให้เข้มแข็ง สิ่งที่เป็นปัญหาของเรามีสองสามเรื่อง เรื่องที่หนึ่งคือเรื่องของบุคลากร การพัฒนาบุคลากรไม่เป็นระบบจริงจัง ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถเอาเด็กที่จบ ปวช.หรือ ปวส. มาฝึกต่อสักปีสองปีก็ทำงานได้อย่างดี

ตรงนี้จะตั้งศูนย์ฝึกเป็นเรื่องเป็นราว จะคัดเด็ก ปวช. ปวส. ที่สนใจทางนี้และการันตีมีงานทำ และฟงเสริมเรื่องของการใช้เครื่องมือเทคนิคที่ทันสมัย รัฐบาลรับในหลักการที่จะสนับสนุนตั้งสถาบันแม่พิมพ์ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ และทางด้านกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม จะช่วยกันจัดตั้งและรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุนเล็กน้อย เป็นระดับ 100 ล้านบาท เพื่อให้เขาทำสถาบันนี้ให้เข้มแข็ง มีการฝึกมีการพัฒนาคน คนจะมีงานทำมีรายได้ดีขึ้น เราไม่ต้องนำเข้า
เรื่องอื่นๆที่ได้พิจารณากันมีเรื่องอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ อุตสาหกรรมหนังและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม สามเรื่องรัฐบาลรับหลักการในการที่จะช่วยเหลือ แต่บางเรื่องยังไม่ชัดเจนให้ไปดูกันใหม่ หลักการเห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาในจุดต่างๆ ของทั้งสี่สมาคมที่เสนอมา

*************************
เป็นการมองข้ามช็อตเพื่ออีกครั้งที่เตรียมถึงบุคคลากรที่จะมารองรับภาคการผลิต เป็นการมองถึงการเข้าถึงฐานความรู้ (knowledge base)เพื่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นของไทยมากกว่าการรองรับงานแบบมุ่งเน้นค่าแรง ( labour intensive) ซึ่งไม่มีประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าวัตถุดิบ
ที่สำคัญคุณทักษิณมองฐานะของรัฐบาลได้ชัดเจนยิ่ง โดยมองว่าภาครัฐต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้มแข็งเพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีจากภาคเอกชนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย


เตรียมเช่าพื้นที่ห้างโซโก้เก่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของเมคอินไทยแลนด์

มีเรื่องหนึ่งที่เป็นข่าววันนี้ คือการที่อัมรินทร์พลาซ่า เขาเสนอให้เช่าที่ที่เคยเป็นโซโก้เก่า มีเนื้อที่ 8,000-9,000 ตางรางเมตร เรากำลังหาที่รวมที่จะเป็นศูนย์กลางแฟชั่นเมดอินไทยแลนด์ ที่ทำในประเทศไทยเอามารวมกัน เพราะคนต่างประเทศที่มาท่องเที่ยวจะได้รู้ว่านี่คือของไทย เวลามาซื้อเขาจะไม่ได้ซื้อของที่ผลิตในประเทศเขากลับไป เขาต้องการซื้อของที่ผลิตในประเทศไทย ของคุณภาพราคาถูก

เราจะมีการร่วมมือกับภาคเอกชนเอามารวมกันที่ร้านนี้ คิดว่ารายการนี้รัฐบาลอาจจะต้องจ่ายสตางค์ไปก่อนจำนวนหนึ่ง แต่เชื่อว่าได้เงินคืนหมดไม่ได้เสียหายอะไร รัฐบาลจะต้องเป็นตัวกระตุ้นเป็นตัวสพาร์ค (spark) ให้เกิด และหลังจากนั้นภาคเอกชนจะไปได้เองไปได้ดี แต่บางทีการรวมตัวรวมกลุ่มของเอกชนไม่คอยเข้มแข็ง รัฐบาลจะเริ่มก่อน อันนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะรับไปดำเนินการต่อไป

อีกเรื่องที่กำลังเตรียมการ คือหาที่ดินตั้งเป็นไทยแลนด์พลาซ่า ผมกำลังจะหาที่ราชพัสดุที่ติดถนนใหญ่ และทำเป็นลักษณะเอาสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ สินค้าเมดอินไทยแลนด์ทั้งหลายมารวมกันเป็นพลาซ่าใหญ่ๆ เพื่อเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อของไทย คนไทยก็อยากจะซื้อของไทย แต่ไปที่นี่ของไทยแน่นอน จะทำให้เป็นลักษณะโชว์รูมถาวร ได้เตรียมการเพื่อให้สินค้าไทยขายได้ ผมมั่นใจครับเรื่องท่องเที่ยวนั้น ในอนาคตข้างหน้าท่องเที่ยวเราจะขยายตัวอีกมากมาย

*************************
เป็นมุมมองการสร้างศูนย์กลางการซื้อขายสินค้าประเภท OTOP และเมดอินไทยแลนด์ เพื่อให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าถึง – ไม่ต่างกับการสร้างจุดเด่นที่ว่า จตุจักร เป็นศูนย์กลางของสินค้าหลากหลายประเภท..สยามเซ็นเตอร์เป็นศูนย์กลางของเด็กวัยรุ่น..หรือ โบ้เบ้ ที่เป็นศูนย์กลางของเสื้อผ้าเหมาโหล ที่ผ่านๆมา ผู้ที่สร้างศูนย์กลางการซื้อขายแบบนี้มักเป็นเหล่าเอกชน..แต่สินค้าประเภท OTOP และเมดอินไทยแลนด์ต่างเป็นเอกชนรายย่อยซึ่งไม่มีอำนาจในการกำหนดตลาดอีกทั้งยังขาดทักษะการทำการตลาด(Marketing) จนทำให้สินค้าเหล่านี้อยู่เพียงแค่ตลาดภายในประเทศ..การที่ภาครัฐอาสานำร่องมาทำเอง ถือว่าอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจ SME และ OTOP อย่างยิ่ง

อยากให้เด็กไทยรักการเรียนและก้าวทันเทคโนโลยี

สุดท้ายครับวันเสาร์ที่ 11 มกราคมเป็นวันเด็กครับ พอดีผมต้องไปประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ที่ภูเก็ต ได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีจาตุรนต์ ฉายแสง ไปทำหน้าที่ที่สนามศุภชลาศัยแทน ผมได้ให้คำขวัญไว้ว่า “เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี ”
หลักคืออยากให้เด็กไทยรักการเรียน แล้วทุกอย่างในชีวิตนี้สามารถเรียนรู้ได้ และควรเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาตัวเองให้มีความรอบรู้ มีความรู้เท่าทันอยู่ตลอดเวลา แล้ววิธีคิดพยายามคิดอย่างสร้างสรรค์มองทุกอย่างสร้างสรรค์มากกว่ามองเป็นเรื่องของทางลบ คิดเรื่องดีๆ ใช้สมองคิดในสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดขึ้น จะเป็นมงคลแก่ชีวิตเป็นความก้าวหน้าของชีวิตและต้องทันเทคโนโลยี

เพราะเทคโนโลยีนี้จะทำให้เราพัฒนาตัวเราเอง ทำให้เรามีศักยภาพเหนือกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตและพยายามคิดในเชิงบวก และพยายามทันเทคโนโลยีให้ได้

นั่นคือสิ่งที่ผมได้ให้กำลังใจเด็กไว้ เพื่อให้เขาได้พัฒนาตัวเองให้มีความสุข มีความรู้ ตลอดไป เพื่อให้เขามาช่วยเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป วันนี้รบกวนเวลาพี่น้องประชาชนมามากครับ ขอขอบคุณอีกครั้งที่รับฟังรายการนี้ตลอดไปครับ

*************************
เรื่องสุดท้ายเหมือนเป็นการพูดถึงเยาวชน..แต่หากประชากรของเราหันมาศึกษาแบบ “เรียนรู้ตลอดชีวิต” ประชาชนคนไทยของเราก็จะก้าวทันกระแสโลกซึ่งมีผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต




บทสรุป
บทความนี้ครอบคลุมสถานภาพปัจจุบันของประเทศ ณ ขณะนั้น ได้อย่างชัดเจน มีวิสัยทัศน์มองไปถึงภาพในอนาคตของประเทศพร้อมเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือเหตุการณ์ดังกล่าว ในส่วนของบทวิเคราะห์ ผมเองอาจไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์ได้ดีนัก (ผลงานครั้งแรกครับ) ที่จริงกะจะเก็บไว้อ่านเองส่วนตัวยามอายุมากขึ้นเพื่อดูความเห็นของตัวเองในปัจจุบัน แต่เห็นมีคนเริ่มเอาเรื่อง IMF กลับมา discredit คุณทักษิณ และบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกครั้ง จึงขอเอาบทความเก่าเก็บของตัวเองเมื่อปีที่แล้วมาลงให้ทุกท่านอ่านครับ ผิดถูกว่าไปตามมุมมองของแต่ละท่าน

คำกล่าวของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในรายการ “นายกฯทักษิณคุยกับประซาชน” คลื่นเอฟ.เอ็ม 92.5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย วันเสาร์ 4 มกราคม 2546




 

Create Date : 28 กันยายน 2553
4 comments
Last Update : 28 กันยายน 2553 12:50:22 น.
Counter : 719 Pageviews.

 
 
 
 
ขอบคุณในข้อมูลครับ เก็บรักษาใว้ให้ลูกหลานดูนะครับว่าครั้งหนึ่งประเทศเรามีผู้นำที่ดี แต่ต้องมีอันเป็นไปเพราะคนเลวที่อยากมีอำนาจในบ้านเมือง
 
 

โดย: คนนนท์ ใจสีแดง IP: 125.27.46.84 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:13:32:45 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาให้อ่านครับ ถ้าผู้นำยุคนี้มีใจกว้าง และมีความสามารถทำได้ น่าจะนำมาประยุกต์ใช้ อาจทำให้หลายๆอย่างดีขึ้น ก็นั่นแหละครับ ทำตาม กับทำเอง ได้ผลไม่เหมือนกัน ทำเองแก้ปัญหาได้ แต่ทำตาม ...... คงเป็นอย่างที่เห็น
 
 

โดย: เมี่ยง IP: 180.180.12.243 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:14:39:59 น.  

 
 
 
ตามมาอ่านครับ...

ยังคิดถึง นายกทักษิณ เสมอ....

 
 

โดย: คนอุบล วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:3:09:28 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ...อ่านแล้วคิดถึงคุณทักษัณเหลือเกิน เสียดายโอกาสและเวลาที่เราเสียไป เพราะซากเดนศักดินาพวกนี้
 
 

โดย: ฟากฟ้าฝัน IP: 125.27.250.9 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:21:08 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

กาแฟยามบ่าย
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add กาแฟยามบ่าย's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com