|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
11 พฤษภาคม 2550
|
|
|
|
...ถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง...
จีนที่กำลังเปลี่ยน
วิภา อุตมฉันท์
...ถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง...
จําได้ว่าตอนผู้เขียนยังเด็ก อายุไม่เกิน 12 เคยถูกแม่จับขึ้นรถไฟให้ไปอยู่กับญาติที่บุรีรัมย์ ไปรู้จักชีวิตบ้านนอก ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ในตอนปิดเทอม
ไปกันสองคนกับพี่ที่โตกว่า 2 ปี ญาติไปรอรับที่สถานีปลายทาง
นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งรถไฟ ใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นดี แต่ไม่ทันเท่าไหร่ก็เริ่มเบื่อ เริ่มรู้สึกว่าทำไมทางมันไกลอย่างนี้ ทำไมรถไฟถึงวิ่งช้าอย่างนี้...กว่าจะถึงบุรีรัมย์ก็หมดวันพอดี
รถไฟมักเป็นพาหนะอย่างสุดท้ายที่ผู้เขียนเลือกเมื่อต้องเดินทางไกล เพราะไม่อยากทนฟังเสียงกรอกหูตลอดเวลา...ถึงก็ช่าง...ไม่ถึงก็ช่าง...ๆ...ๆ
เวลาผ่านไปเกือบ 50 ปี การนั่งรถไฟไปบุรีรัมย์ทุกวันนี้ยังคงใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง ด้วยระยะทางเพียง 400 กิโลเมตร คิดแล้วรถไฟไทยน่าจะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 60 ก.ม./ช.ม.
ผู้เขียนไม่เคยได้ยินเรื่องการปรับความเร็วของรถไฟไทยเลย ไม่ทราบว่าในความเป็นจริงมีการปรับบ้างหรือไม่ ต่างกับที่เมืองจีน รถไฟประกาศปรับความเร็วขึ้นเป็นว่าเล่น ตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปีนี้ ในเวลา 10 ปี ปรับไปแล้ว 6 ครั้ง
สมัยก่อน รถไฟจีนก็คงจะหวานเย็นเหมือนรถไฟไทย ความเร็วสูงสุดชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร ปรับขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 120...140...160...200 กิโลเมตร...
ครั้งสุดท้ายวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านไป รถไฟจีนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปรับความเร็วเท่านั้น ยังเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนที่จีนออกแบบและสร้างเอง ตั้งชื่อให้ว่ารถไฟ "สายสมานฉันท์" (เหอเสียเห้า) วิ่งด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรขึ้นไป คือถ้าวิ่งนอกเขตเมืองสามารถปรับความเร็วขึ้นไปถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถไฟหัวกระสุนใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยล้อของรถไฟทั้งขบวน ไม่ได้อาศัยหัวรถจักรลากอย่างเดียว มันจึงวิ่งได้เร็ว
ก่อนหน้านั้นไม่ถึงสัปดาห์ ทางการจีนก็ทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างเสด็จเยือนประเทศจีน ให้ประทับรถไฟพลังแม่เหล็กไฟฟ้า maglev สายแรกที่นครเซี่ยงไฮ้ อวดความทันสมัยไม่รองใครให้ชาวโลกดูเป็นขวัญตา
Maglev สายแรกใช้เทคโนโลยีของ Siemen จากเยอรมัน วิ่งจากใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ในเขตพัฒนาใหม่ผู่ตง ไปสิ้นสุดที่ท่าอากาศยานผู่ตง (Pudong) ความยาว 33 กิโลเมตร ใช้เวลา "เหาะ" เพียงสิบกว่านาที อัตราเร็วสูงสุดที่เห็นบนจออิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ อยู่ที่ 400 กว่ากิโลเมตร
Maglev ไม่ใช่ของใหม่ ให้บริการมาแล้วตั้งแต่ปี 2004 แต่ขาดทุนทุกปี ปีแรกขาดทุน 260 ล้านหยวน ปีต่อมาขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 2,005 ล้านหยวน ทำให้ความคิดที่จะขยายเส้นทางออกไปอีก 30 กิโลเมตร ด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง และจะเปิดเส้นทางใหม่จากเซี่ยงไฮ้ไปหังโจว ยังถูกดอง รอการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีอยู่
การเปิดตัวรถไฟหัวกระสุนครั้งนี้ก็เช่นกัน เบื้องหลังการตีฆ้องร้องป่าว คือความผิดหวังที่ทางการจีนเองก็คาดไม่ถึง หลังจากเปิดจองตั๋วล่วงหน้าได้ 4 วัน ปรากฏว่ามีคนไปซื้อเพียงไม่กี่คน ทั้งๆ ที่ปกติรถไฟจีนขึ้นชื่อในเรื่องเข้าคิวยาว ซื้อตั๋วยาก ตั๋วซื้อไม่ได้ ตั๋วผีระบาด ที่นั่งดีๆ ถูกกักรายทางโดยผู้มีอำนาจ ผู้โดยสารที่มีกิจธุระด่วนจำใจต้องตีตั๋วยืนในราคาเดียวกับตั๋วนั่ง ยิ่งในหน้าเทศกาลวันหยุดยาวด้วยแล้ว วิกฤตหนักกว่าหลายเท่า จนมีข่าวว่า ผู้โดยสารบางคนต้องใส่ผ้าอ้อมติดตัว เพื่อตัดปัญหาการเข้าห้องน้ำ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์การรถไฟของจีนจึงเป็นข่าวดังในช่วงนี้ โดยถือโอกาสจากการเปิดตัวรถไฟหัวกระสุน ตีคลุมไปถึงรถไฟฟ้า maglev ที่เปิดมาก่อนและกำลังขาดทุนย่อยยับอยู่ในตอนนี้ คำวิจารณ์ที่หนักที่สุดก็คือเรื่องราคา ซึ่งหาได้สร้างความ "สมานฉันท์" ดังชื่อแต่อย่างใดไม่ ทั้งๆ ที่คนใช้รถไฟส่วนใหญ่เป็นคนที่มีรายได้ต่ำ เช่น นักเรียนนักศึกษา คนงานจากชนบทที่อพยพเข้าไปหางานทำต่างเมือง คนพวกนี้ไม่มีปัญญาควักเงินก้อนโตสำหรับซื้อเวลา และซื้อความหรูหรา ตามที่ maglev และ bullet train ถูกออกแบบมา เพื่อขายในราคาพิเศษ
รถไฟหัวกระสุนตั้งราคาแพงกว่ารถด่วนทั่วไปประมาณเท่าตัว เช่น จากปักกิ่งไปเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน รถหัวกระสุน (D) ตั้งไว้ที่ต่ำสุด 213 หยวน ขณะที่รถด่วนทั่วไป (T) ราคาต่ำสุด 94 หยวน แต่ใช้เวลาเดินทางมากกว่า 2 ชั่วโมง ยิ่งรถ maglev ด้วยแล้ว ค่าตั๋วแพงกว่าหลายเท่า
นายหวัง หย่ง ผิง โฆษกกระทรวงการรถไฟจีนยอมรับว่า การขายตั๋ว bullet train ฝืดมากทุกเส้นทาง แต่เชื่อว่าเมื่อวันหยุด May Day มาถึงในเดือนหน้า สภาพจะดีขึ้น นอกจากนี้ยังฝากความหวังกับงานระดับยักษ์ที่รออยู่อีกหลายงาน เช่น งานกีฬาโอลิมปิคในปีหน้า World Expo"s ที่เซี่ยงไฮ้ในปี 2010 ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม การตอบรับจากตลาดครั้งนี้ ทำให้การรถไฟจีนต้องพิจารณาปรับราคาตั๋วลง แต่โครงการที่ตั้งไว้ว่าจะเพิ่มรถไฟหัวกระสุนจนครบ 514 คู่ขบวนภายในปีนี้ จะยังคงเดินหน้าต่อ
เรื่องนี้เสียงสะท้อนจากประชาชนก็ไม่เห็นด้วยอีกเช่นกัน พวกเขาต้องการให้รัฐเพิ่มขบวนรถปกติ (ซึ่งมีรถธรรมดา รถด่วน และด่วนพิเศษ) ให้เพียงพอกับความต้องการ แทนที่จะไปเพิ่มรถหัวกระสุน โดยให้เหตุผลว่า หากเพิ่มรถหัวกระสุน รถปกติก็ต้องถูกลดจำนวนลงโดยปริยาย เพราะทั้งหมดต้องใช้รางร่วมกัน รถปกติมีแต่จะต้องหลีกทางให้กับรถพิเศษ เพื่อให้รถเหล่านั้นรักษาเวลาเข้าออกได้ตามกำหนด
รถไฟเป็นพาหนะสำคัญที่สุดสำหรับประเทศจีน ซึ่งมีประชากรมาก มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ละวันรถไฟจีนให้บริการผู้โดยสารวันละประมาณ 2.42 ล้านคน ราว 1 ใน 4 ของคนเดินทางด้วยรถไฟทั่วโลก แต่จีนมีเส้นทางรถไฟทั่วประเทศเพียง 76,600 กิโลเมตร หรือร้อยละ 6 ของโลกเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าซัพพลายยังห่างไกลจากดีมานด์มาก
รัฐบาลจีนเองก็พยายามขยายเส้นทางรถไฟให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศให้มากที่สุด แต่จนถึงทุกวันนี้ เส้นทางรถไฟยังกระจุกตัวอยู่ทางภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด ปีที่แล้ว จีนได้เปิดเดินรถไฟสายประวัติศาสตร์ไปถึงทิเบตเป็นครั้งแรก แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปีฉบับปัจจุบัน ก็เตรียมทุ่มงบประมาณให้กับการขยายทางรถไฟสู่ภาคตะวันตกเต็มที่ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารโลก และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB)
มณฑลทางภาคตะวันตก ที่จะได้รับการพัฒนามากที่สุดคือมณฑลยูนนาน เวิน เจีย เป่า พูดในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะเร่งทำให้เส้นทางรถไฟสาย Pan-Asia ระยะทาง 81,000 กิโลเมตร ซึ่งลงนามกันไปแล้วในหมู่ประเทศอาเซียน สำเร็จเป็นผลในปี 2015 Pan-Asia Rail Network มีจุดเริ่มต้นที่คุนหมิงเมืองเอกของยูนนาน แยกเป็น 4 สาย ไปพม่า เวียดนาม และลาว อีกสายหนึ่งวิ่งตรงผ่านไทย มาเลเซีย ไปสิงคโปร์
อาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศเช่นนี้ อีกไม่นานยูนนานก็จะกลายเป็นศูนย์กลางทางรถไฟของอาเซียน และเป็นประตูเปิดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ไปในบัดดล
ที่ผ่านมา การรถไฟของจีนพัฒนาช้า เพราะรัฐผูกขาดกิจการรถไฟไว้แต่ผู้เดียว ทั้งๆ ที่การก่อสร้างทางรถไฟต้องการเงินทุนสูงมาก การที่รัฐผูกขาดสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า เป็นเหตุให้สิ่งจำเป็นหลายๆ อย่างกระจายไปไม่ทั่วถึง หรือไปถึงอย่างไม่มีคุณภาพ และในราคาผูกขาดที่แพงกว่าปกติ
2-3 ปีมานี้ จีนจึงตัดสินใจเปิดทางให้เอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนารถไฟด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น มีข่าวว่า จีนกำลังเจรจากับบริษัทเอกชนญี่ปุ่น 3 บริษัท เพื่อเอาเทคโนโลยีรถไฟหัวกระสุน Shinkansen ของญี่ปุ่น ไปสร้างทางรถไฟทางภาคเหนือของจีน ที่มีอากาศหนาวจัด
ในการร่วมมือกับเอกชน จีนใช้หลัก BOT (Build, Operate & Transfer) ตามหลักสากล คือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนภายในเวลาที่กำหนดในสัญญา หลังจากนั้นจึงโอนกิจการทั้งหมดให้กับรัฐ
นโยบายใหม่นี้ จะทำให้รถไฟจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตามเป้าหมายที่จีนกำหนด ภายในปี 2020 จีนจะมีเครือข่ายรถไฟทั่วประเทศค่อนข้างสมบูรณ์ ด้วยระยะทางที่มีความยาวรวมทั้งหมด 100,000 กิโลเมตร
ส่วนความเร็วนั้น จีนยังไม่ได้เผยว่ามีทีเด็ดอะไรที่จะทำให้รถไฟของเขาพุ่งเร็วกว่าลูกกระสุน หรือว่าจะเป็นรถไฟหัวจรวด...ผีพุ่งไต้...อะไรทำนองนั้น
แล้ว ร.ฟ.ท. ของเราล่ะ คิดจะทำอะไรๆ อย่างเขาบ้างไหม...
(ที่มา มติชน สุดสัปดาห์)
Create Date : 11 พฤษภาคม 2550 |
|
9 comments |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2550 10:59:44 น. |
Counter : 1630 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: pattararanee IP: 125.25.95.176 14 พฤษภาคม 2550 13:21:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ช่อแก้ว(คนกันเอง มาช้า แต่มาตั้งนานแล้ว) IP: 222.123.109.235 20 พฤษภาคม 2550 21:20:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: พำพำ IP: 203.156.61.153 12 มิถุนายน 2550 20:05:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: มังกรเดียวดาย IP: 118.173.242.20 18 กุมภาพันธ์ 2551 12:35:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: สมหมายน้อย IP: 117.47.110.205 28 เมษายน 2551 11:44:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: บ่าววี IP: 117.47.110.205 28 เมษายน 2551 11:45:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ยิ่งยงคงกระพัน IP: 117.47.110.205 28 เมษายน 2551 11:47:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: dounpen IP: 125.26.4.231 23 สิงหาคม 2551 16:00:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: เด็กรถไฟบ้านนอก IP: 118.173.242.4 24 พฤศจิกายน 2551 11:33:20 น. |
|
|
|
| |
|
|
roundfinger2547 |
|
|
|
|
อยากไปนั่งรถไฟที่เมืองจีน ไปทิเบต...