|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
20 เมษายน 2550
|
|
|
|
อาหารป่า (สอง)
อาหารป่า (ตอนจบ)
โดย โชติช่วง นาดอน 10 มิถุนายน 2546 10:51 น.
สัปดาห์ที่แล้วสื่อมวลชนไทยเสนอข่าวเรื่องความนิยมกินเนื้อสุนัขของคนไทยกลุ่มหนึ่ง แล้วก็มีสมาคมอะไรสักอย่างหนึ่งของฝรั่งออกมาให้ข่าวว่า กำลังจะยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยออกกฎหมายห้ามทารุณสัตว์ โดยจะเน้นเรื่องการห้ามนำหมาและแมวมาเป็นอาหาร ว่าไปแล้วหมากับแมวมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก แต่สัตว์อื่นๆ ก็นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงได้เหมือนกัน แม้แต่หมู ก็เห็นมีข่าวออกทีวีบ่อยๆ ว่ามีคนเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน แล้วเมื่อคนกินไก่ กินหมู ทำไมจึงไม่รังเกียจ หมาเป็นอาหารที่ชาวญวน ชาวยูนนาน ชาวเกาหลี นิยมกิน แมวเป็นอาหารที่ชาวกวางตุ้งนิยมกิน มันเป็นวัฒนธรรมของเขา ไปว่ากันไม่ได้หรอกครับ หากเป็นสัตว์อนุรักษ์ เช่น หมี ก็ต้องห้ามกิน เพราะมันจะสูญพันธุ์ แต่อย่างหมากับแมวนี่ ใครกินก็ไม่น่าจะถึงขึ้นผิดกฎหมายติดคุกติดตะรางเลยนะครับ ผมเคยไปทัวร์กินอาหารฮ่องเต้ในจีนมาครั้งหนึ่ง ไม่ถึงขั้นกินอุ้งตีนหมี สมองลิงหรอกครับ กินพิศดารขนาดนั้น ผมรับไม่ไหว อาหารแปลกๆ ที่ได้กินคราวนั้น เช่น อุ้งตีนอูฐ และ พยัคฆ์สู้มังกร พยัคฆ์สู้มังกร นี่ได้กินที่เมืองกวางเจา ทำจากเนื้อสัตว์สองชนิดคือแมวกับงู เนื้อแมวก็ พยัคฆ์ ไงครับ เนื้องูก็ มังกร สองอย่างผสมกัน อร่อยอย่าบอกใครเลย! พูดถึงงู ชาวจีนหลายท้องที่นิยมกินงู แล้วก็มีความเชื่อกันว่า มันบำรุงกำลังบำรุงในเรื่องเซ็กซ์ด้วย อย่างที่เมืองไทเป ในไต้หวัน แหล่งเที่ยวกินดื่มยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงมากแหล่งหนึ่งคือ ตลาดงู ครับ ร้านอาหารในตลาดนั้น ขายงู เป็นหลัก เนื้องูก็ทำอาหาร เลือดงู ดีงู กินกับเหล้า บางร้านก็มีลิงอุรังอุตังล่ามโซ่โชว์ไว้ด้วย น่าสังเวชมาก ไม่รู้ว่ามันจะดึงดูดแขกเข้าร้านได้อย่างไร ร้านอาหารในตลาดนั้นสว่างไสวมาก แต่พอเลยไปหน่อย เป็นตรอกมืดๆ สรุปว่ากิน งู โด๊ปได้ที่แล้วก็เข้า ซ่อง คนไทยอย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปนะครับ เพราะเข้าไปแล้ว ไม่เที่ยวไม่ได้ สมัยผมเรียนหนังสือที่เซี่ยงไฮ้ ไม่เคยเห็นร้านอาหารขายเนื้องู(ที่เซี่ยงไฮ้ผมไม่ได้ซอกแซกเลย เพราะเป็นนักเรียนทุนพิเศษ หลบไปเที่ยวไหนยากมาก) ยังนึกแปลกใจเมื่อเห็นข่าวว่า ร้านอาหารขายเนื้องูในเซี่ยงไฮ้ 108 แห่ง ต้องปิดกิจการ เพราะกฎหมายห้ามกินอาหาร(เนื้อสัตว์)ป่า ที่เพิ่งประกาศใช้ หลังจากเกิดโรค SARS ดูข้อมูลที่คนเซี่ยงไฮ้เขากินงูกันแล้ว น่าตกใจเหมือนกันครับ คือเขากินงูกันถึงปีละเกือบ 3,000 ตัน และงูที่นิยมกินคืองูเห่า! งูตันหนึ่งนั้น ประมาณว่ามีงูจำนวน 20,000 ตัว เซี่ยงไฮ้เมืองเดียวกินงูเห่าไปปีละประมาณ 50,000 ตัว แล้วที่เมืองอื่นๆ อีกละครับ ต้องมีร้านขายเนื้องูอยู่บ้างแหละ โดยเฉพาะในเมือง กวางเจา ต้องมีเยอะแน่ ประเมินแล้วจีนทั้งประเทศ บริโภคงูเห่ากันปีละกี่แสนตัวเล่า หนูนาเป็นอาหารของงูเห่า งูเห่าถูกจับไปกินหมด หนูซึ่งกินธัญพืชก็สำราญบานใจซิครับ และงูเห่านั้น ผมคิดว่ามีอยู่ในภาคใต้ของจีนเท่านั้น มันไม่พอให้คนจีนกินหรอกครับ งูที่ขายในไต้หวันนั้น ก็ส่งไปจากประเทศอาเซียน อย่างไทยเรานี่แหละ งูที่ขายในจีนแผ่นดินใหญ่ ก็เห็นจะส่งไปจากประเทศอาเซียน รวมทั้งไทยเหมือนกัน ดูอย่างตัว นิ่ม หรือ ลิ่น ที่ทางการไทยจับได้บ่อยๆ นั้น ขนกันมาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ผ่านไทยไปขายเมืองจีน ตอนนี้ตลาดอาหารป่าในจีนปิดตัวลงแล้ว ซึ่งเป็นข่าวดีครับ สัตว์ป่าในประเทศอาเซียนจะได้ไม่ต้องถูกล่าจับเป็นพันเป็นหมื่นตัวไปขายเมืองจีน เพราะถ้าตลาดเมืองจีนยังบริโภคกันมากมายอย่างในอดีต สัตว์ป่าอาเซียนสูญพันธุ์แน่ครับ.
ที่มา: //www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=4665109841226
Create Date : 20 เมษายน 2550 |
Last Update : 20 เมษายน 2550 14:58:05 น. |
|
4 comments
|
Counter : 780 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: 1 ในสมาชิก IP: 58.9.25.119 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:15:23:30 น. |
|
|
|
โดย: clofu IP: 58.9.126.164 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:15:48:15 น. |
|
|
|
โดย: sailamon วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:18:19:49 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing IP: 58.8.74.91 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:15:59:39 น. |
|
|
|
| |
|
|
roundfinger2547 |
|
|
|
|