ยินดีต้อนรับสู่ Blog ของโรสค่ะ ... ยินดีที่รู้จักนะคะ ...

ตะวันพรางใจ ตอนที่ 2

ตอนที่ 2


การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่นเสียจนตัวน้ำหนาวเองยังอดทึ่งไม่ได้ที่ตัวเองสามารถทำได้ดีขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะตัวน้ำหนาวมักจะชอบร่วมกิจกรรมกับทางคณะอยู่บ่อยๆ เธอจึงมีทักษะในการพูดจาหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์ที่ต่างๆพอควร

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ ยังไงสามเดือนนี้พี่อยากให้น้องแสดงศักยภาพในตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุดนะ”
ถึงแม้ศิระจะได้ยินความสามารถของหญิงสาวว่าที่พนักงานใหม่จากปากของเพื่อนมาบ้างแล้ว แต่ตามกฎปฏิบัติพื้นฐาน ยังไงก็ต้องมีช่วงระยะทดลองงานอยู่ดี เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างในหมู่พนักงาน

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ น้ำหนาวจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเลยค่ะ”

หญิงสาวไม่ได้พูดไปเพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาของเจ้านายใหม่ แต่เธอมั่นใจด้วยว่าเธอจะทำอย่างที่พูดไปได้ คนอย่างน้ำหนาว...ถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว เธอจะทำให้เต็มที่ เต็มความสามารถ เธอไม่อยากกลับไปนั่งนึกเสียดายเหตุการณ์เก่าๆในอดีตเท่าไหร่ น้ำหนาวคิดว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา เพราะอย่างนั้นพอมีโอกาสเรื่องวาโย ... ถึงแม้จะดูตลกๆที่เธอใช้เรื่องของเขามากำหนดอนาคตการทำงานของเธอแบบนี้ แต่เธอก็อยากจะลองดูสักตั้งนี่นา



หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์งานแล้ว ศิระ หรือ พี่เอก (ตามที่เขาแนะนำต่อพนักงานใหม่) ถือโอกาสนี้พาน้องใหม่ไปแนะนำตัวต่อเพื่อนๆรุ่นพี่ร่วมงานเสียเลย

“เอ้านี่ น้องใหม่ชื่อน้ำหนาว จะมาทำงานกับพวกเราในอาทิตย์หน้านะ” ศิระเอ่ยบอกทันทีที่พากายไปยืนใกล้โต๊ะทำงานตัวริมสุด พนักงานราวๆเจ็ดถึงแปดคนละความสนใจจากงานตรงหน้าหันมามองคนพูด ทันทีที่ได้ยินว่าหญิงสาวร่างเพรียว สูงยาวเข่าดี ผิวขาว ผมยาวที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้านายตนเป็นน้องใหม่ต่างก็มอบรอยยิ้มเป็นมิตรให้

“แล้วน้ำหนาวนี่ผมอยากให้ ... เอ่อ แล้วนี่ไอ้พลุมันหายไปไหน” ศิระชะงักคำพูดเมื่อเห็นว่ามีพนักงานคนหนึ่งไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเวลานี้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพราะพลุ หรือ นายพาลัช คนที่เขาเรียกหานั้นเป็นหลานชายที่เขาค่อนข้างจะเพ่งเล็งเป็นที่สุด เป็นญาติกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกเรกันได้

“นายพลุไปดูไซท์โรงแรมของคุณเรืองฤทธิ์ครับพี่เอก” เสียงของพนักงานคนหนึ่งเอ่ยบอก สีหน้าเคร่งเครียดของคนถามคลายลงเมื่อพาลัชไม่ได้ทำอะไรที่น่าตำหนิ ก่อนจะหันมาบอกกับน้ำหนาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย

“พี่จะให้นายพลุเป็นคนสอนงานน้องนะครับ แต่อาจจะได้เจอกันวันที่น้องเริ่มงาน” การมอบหมายให้พาลัชดูแลเด็กใหม่ ศิระคิดว่านอกจากจะเป็นการสอนพาลัชให้มีความรับผิดชอบแล้ว ยังถือเป็นการคุมหลานนิสัยเสียไปในตัวด้วย

น้ำหนาวได้แต่ขานรับอย่างไม่รู้จะพูดอะไร และไม่วายแอบส่งสายตาไปยังใครบางคนขณะที่ศิระเผลอ ... ซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังส่งยิ้มมาให้เธอเหมือนพนักงานคนอื่นๆนั่น กับดวงตาคมสวยที่จับจ้องมองมายังเธอนั้นทำให้น้ำหนาวแอบคิด แอบหวังว่า ... วาโยคงจะจำเธอได้บ้าง ช่วงเวลาปีครึ่งจะว่านานก็นาน แต่น่าจะยังจำกันได้บ้าง ...แต่น้ำหนาวก็คงได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ เมื่อศิระหันไปสนใจกับงาน และเธอก็ทำได้เพียงขอตัวกลับ

ไม่เป็นไร ... น้ำหนาวปลอบตัวเอง ... ไม่เป็นไร อีกสองวันก็จะได้เจอกันแล้ว แล้วก็ได้เจอกันทุกวัน(ทำงาน)แล้วด้วย
พอคิดแบบนี้ หญิงสาวก็พอจะลดความตื่นเต้นในหัวใจลงไปได้มากเลย


- - - <3


น้ำหนาวเลือกเช่าที่พักเป็นแบบคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟฟ้า และก็ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก ด้วยเล็งเห็นเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง และความปลอดภัยของหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่พักนี้นอกจากระบบความปลอดภัยเป็นที่สบายใจของพ่อแม่เธอแล้ว พวกสิ่งอำนวยความสะดวกของคอนโดมิเนียมนี้ก็มีตั้งหลายอย่าง ทั้งห้องออกกำลังกายเอย สระว่ายน้ำเอย และมีสวนหย่อมเล็กๆพอให้หายคิดถึงบ้านสวนของเธอได้นิดหน่อย

พอกลับมาถึงห้องพักที่อยู่ชั้นหก เก็บข้าวของที่จำเป็นจากการไปช้อปปิ้งแล้ว เจ้าตัวก็แทบจะล้มพับลงบนเตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องสีครีมอ่อนๆ หลังจากไปสัมภาษณ์งาน รวมถึงการไปซื้อของใช้ส่วนตัว ก็ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยชอบกล เธอไม่ชินกับการเดินทางเยอะๆ คนวุ่นวายอะไรขนาดนี้เลย ...
พอความเงียบรายล้อมกาย ท้องฟ้านอกหน้าต่างก็มืดลง น้ำหนาวก็อดจะเกิดอาการ’โฮมซิกส์’ขึ้นมาไม่ได้ น้ำใสๆเอ่อนองดวงตา คิดถึงเสียงพร่ำบ่นของแม่ ถ้าหากรู้ว่าเธอนอนบนเตียงหลังจากไปข้างนอกมาโดยไม่อาบน้ำล่ะก็ น้ำหนาวมีหวังหูชาแน่ๆ คิดถึงเสียงโอ๋ของพ่อ แม้ว่าคนในสวนจะกลัวพ่อเธอหนักหนา อย่างว่าพ่อเธอชื่อ เสือ ใบหน้าดูดุดัน ใครๆก็พากันเกรง แต่กับเธอซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวแล้ว พ่อของเธอนั้นแสนจะใจดีที่สุด

แว่บหนึ่งน้ำหนาวแอบถามตัวเองว่า ... คิดถูกหรือเปล่าที่เลือกมากรุงเทพมหานคร มาอยู่ในที่ไกลๆแบบนี้ ทั้งๆที่พ่อแม่ของเธอคงไม่สบายใจ และห่วงเธออยู่แน่ๆ เธอเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าที่เลือกที่จะมาตามหาความรักแบบนี้ ... ทำไมถึงไม่เลือกที่จะทำงานในสวน อยู่กับพ่อแม่อย่างมีความสุข ไม่เห็นต้องมาลำบากกับความวุ่นวายแบบนี้เลย แม้เธอจะทำงานในสายที่ไม่ตรง แต่ก็ได้อยู่กับครอบครัว มันน่าจะดีที่สุดแล้วนะ

... แม่จ๋า ... พ่อจ๋า ... หนูคิดถึงพ่อกับแม่จัง คิดถึงข้าวอร่อยๆฝีมือแม่ด้วย ...

ในความคิดถึงทั้งมวล การคิดถึงกับข้าวอร่อยๆฝีมือมารดาเป็นการคิดถึงที่ทรมานที่สุด! ... ชักไม่ได้การ น้ำหนาวคงต้องหาทางดับทุกข์ด้วยการหาอะไรลงท้องเสียหน่อย ...



หญิงสาวต่างจังหวัดจำได้ว่าระหว่างทางที่เดินเข้ามาที่พักนั้นมีร้านอาหารน่าอร่อยอยู่ตั้งหลายร้าน นับว่าโชคดีอีกเรื่องเลยนะเนี่ย ถ้าไปอยู่ในที่ที่ไม่มีของกินเยอะๆ น้ำหนาวคงแห้งเหี่ยวยิ่งกว่านี้แน่นอน อย่างน้อยการกินก็ทำให้เธอคลายเหงาได้เยอะเหมือนกัน

ดวงตากลมไล่มองร้านอาหาร ที่มีทั้งเป็นอาคารตึกแถว แผงลอย รถเข็น ทีละร้านๆ จนน้ำลายไหลแทบหก กลิ่นก๋วยเตี๋ยวก็ยั่วยวนใจ ผัดไทร้านริมโน้นก็น่าอร่อย ... โอยๆข้าวหมูแดงอีก ... หลายใจอยากกินหลายอย่างเหลือเกิน ... ในที่สุดคนหลายใจก็เลือกที่จะกินผัดไทเป็นอาหารหลัก พอซื้อของกินหลักเสร็จ เจ้าตัวก็มองหาของหวานหลังอาหารเย็น ... โรตีใส่ไข่!! ตาของหญิงสาววาวโรจน์เมื่อเห็นของโปรดอยู่ตรงหน้า!

“เอาโรตีใส่ไข่สองอันค่ะ” เสียงใสบอกคนขาย คนขายเป็นผู้ชายตัวดำ แต่ดูหน้าตาแล้วใจดีมากกว่าน่ากลัว

“ได้จ้ะ” คนขายตอบน้ำเสียงใจดี

ชายขายโรตีลงมือนวดแป้ง ตีๆ แปะๆ ให้แผ่ๆกลมๆ ก่อนที่จะทอดจนแผ่นแป้งเหลืองกรอบ ราดนมข้นหวาน โรยน้ำตาล ... คนมองตาม ได้กลิ่นหอมๆของโรตีของโปรดแล้วน้ำลายแทบหก

“เสร็จแล้วจ้ะ สิบบาทจ้ะหนู แล้วมาซื้อใหม่นะ ลุงขายตรงนี้ทุกเย็น” คนขายเอ่ยบอก พอหญิงสาวส่งเงินให้เสร็จก็เดินห่างออกมา ยิ้มกริ่มกับของโปรดในมือ และร้านอาหารมากมายละลายตา กะว่าจะหาเครื่องดื่มอร่อยๆกินกับอาหารเสียหน่อย

ในขณะที่เธอก้าวห่างออกไป ชายหนุ่มคนหนึ่งเจ้าของร่างสูง ผิวสองสี ใบหน้าหล่อเหลาเอาการ หากแต่จมูกเชิดๆพอบอกได้เลยว่าต้องมีนิสัยดื้อรั้นอยู่แน่ๆเข้าไปที่ร้านขายโรตี

“เอาเหมือนเดิมเลยนะลุง” เสียงห้าวเอ่ยบอก แต่เขาพลาดไปไม่ถึงเสี้ยวนาที ... ลุงคนขายตอบไปอย่างเกรงใจลูกค้าประจำ

“หมดแล้วล่ะพลุเอ้ย เพิ่งหมดไปเมื่อกี้เอง” ลุงทำหน้าลำบากใจ “โน่น เด็กผู้หญิงคนโน้นเขาเหมาไปหมดเลย สองอันสุดท้าย ท่าทางเพิ่งย้ายมาใหม่ ไม่เคยเห็นเลย น่ารักดีนะ ...” พร้อมกับชี้ไปทางลูกค้าสาวคนเมื่อครู่ที่ตอนนี้ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร

ชายหนุ่มมองตาม รู้สึกเสียดายนิดๆ ขัดใจหน่อยๆ วันนี้เหนื่อยๆจากการไปทำงาน อากาศก็ร้อน แถมยังตีกับเจ้านายตัวแสบอีก นี่ถ้าไม่ติดเป็นน้าล่ะก็ เขาจะวีนให้หนักกว่านี้แน่ๆ ... อยากกินโรตีอร่อยๆสักหน่อย แต่โดนตัดหน้าไปได้ ... ช่างเถอะๆ ไปหาอะไรอย่างอื่นกินก็ได้

คิดแล้วไม่รอช้า ขายาวๆก็เบี่ยงทิศทางไปทางร้านขายน้ำผลไม้ปั่นทันที ร้อนๆแบบนี้ขอแตงโมปั่นใส่น้ำแดงสักแก้วเถอะน่า!

“ป้าครับ/ป้าคะ” ทันทีที่เขาเรียกแม่ค้า เสียงใสๆของใครอีกคนก็ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน ชายหนุ่มหันมองเห็นว่าเจ้าของเสียงเล็กๆก็คือ ... ยัยขโมยโรตี นั่นเอง (มันควรจะเป็นของเขานะ ถ้าเธอไม่มาซื้อก่อน!)

น้ำหนาว หรือ ยัยขโมยโรตีในความคิดชายหนุ่มจ้องกลับ ไม่เข้าใจแววตาเคืองขุ่นของอีกฝ่าย แต่เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี คิดว่าเขาอาจจะตกใจที่เธอเรียกพร้อมกับเขากระมัง เลยไม่ใส่ใจ … เธอไม่คิดหรอกว่าเธอเป็นคนพรากความสุขของเขาไปหนึ่งอย่างแล้วนี่นา

หญิงสาวและชายหนุ่มต่างหันกลับไปที่แม่ค้า

และ ...

“ป้าครับ/ป้าคะ” และอีกครั้งที่ทั้งคู่เรียกแม่ค้าพร้อมกัน หญิงสาวเหลือบมองอีกฝ่าย เริ่มส่งสายตาตำหนิในความไม่เป็นสุภาพบุรุษของเขา ... ทำไมไม่รู้จักเลดี้เฟิร์สมั่งยะ!

อีกฝ่ายก็ไม่หลบตา เชิดมองอย่างถือดี นึกขุ่นใจไม่หาย ยอมรับเลยล่ะว่าตอนนี้ไอ้การพลาดโรตีของเขากับเรื่องกวนโมโหของน้าชายเขานั้นมันมารวมกัน และเขาก็พร้อมที่จะโยนความผิดนี้ให้ยัยขโมยโรตี(ที่ควรจะเป็นของเขา)หมดแล้ว! ... แม้จะดูงี่เง่านักก็เถอะ ฮึ่ม!!

“เชิญคุณก่อนล่ะกัน” แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากเรื่องมาก ให้เธอก่อนก็ได้

“ขอบคุณค่ะ” น้ำหนาวตอบตามมารยาทก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับแม่ค้า “แตงโมปั่นใส่น้ำแดงค่ะป้า”

อะ ... เธอสั่งแบบเดียวกับที่เขาจะสั่งเลยนี่นา ... ชายหนุ่มอดประหลาดใจไม่ได้จริงๆ

“ได้จ้า” แม่ค้ายิ้มหวาน เริ่มหั่นแตงโมเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในเครื่องปั่น ระหว่างทำให้คนหนึ่ง ก็เงยหน้ามารับออเดอร์ของลูกค้าอีกคน “แล้วหนูเอาอะไรดีล่ะลูก” น้ำเสียงใจดีและคุ้นเคยกันเพราะเห็นชายหนุ่มมาซื้อบ่อยๆ

“ผมขอ ... เหมือนเดิมครับ ของโปรดผมไง” เขาบอก รู้สึกยืดนิดๆที่ได้พูดประโยคนี้ ... ให้มันรู้ซะบ้างว่าถิ่นใคร ยัยขโมยโรตี(ที่ควรจะเป็นของเขา)!

แต่ว่า ... เขาก็ยืดได้ไม่นานหรอก เมื่อแม่ค้าที่เขาคุ้นเคยดีบอกว่า ...
“โอ้ย ตายจริง แตงโมหมดแล้ว ... หนูเอาอย่างอื่นแทนได้ไหม”

ชายหนุ่มเหลือบมองยัยตัวดีที่เล็กกว่าเขาหลายสิบเซนติเมตรด้วยหางตา ที่แย่งเขาไปทุกอย่าง ... ส่งสายตาอำมหิตจนคนถูกมองเย็นไปทั่วหลัง ขนลุกวาบไปทั้งตัว ... ก่อนจะบอกว่าเขาไม่เอาแล้ว เดินดุ่ยๆจากไป ท่าทางไม่สบอารมณ์ ...

น้ำหนาวหันมองชายหนุ่มอย่างไม่รู้ตัวเลยว่า ... การที่เธอเลือกซื้อโรตี(ของโปรด) กับน้ำแตงโมปั่น(แค่อยากกิน) มันจะทำให้หนทางความรักของเธอ ... ขรุขระยิ่งกว่าผิวโรตี และไม่หวานหอมอร่อยเหมือนน้ำแตงโมปั่น ...





“ฮึ่ย!”

ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟาสีน้ำตาลโครมใหญ่ ท่าทางเหมือนโดนกวนอารมณ์มาจนขุ่น และดูอีกนานแน่ๆกว่าไอ้ขุ่นๆของมันจะตกตะกอน คนมองคิดว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อเย็น

“ยังโกรธพี่เอกไม่หายอีกเหรอพลุ” วาโยละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มองคนที่เพิ่งกลับมา เขากับพาลัชแชร์ห้องกันอยู่ แม้ว่าปกติเสาร์อาทิตย์วาโยกับพาลัชก็เลือกจะกลับบ้าน แต่ที่เลือกอยู่คอนโดมิเนียมนี้เพราะมันใกล้ที่ทำงานมากๆเท่านั้นเอง

“เปล่า เรื่องน้าเอกน่ะจิ๊บๆ แต่เรื่องยัยขโมยนั่นมากกว่า น่าหงุดหงิดชะมัด” ยังเจ็บใจไม่หาย ใจร้ายชะมัด แย่งของโปรดเขาไปทุกอย่างเลย ... ซึ่งพออีกฝ่ายถาม และเขาเล่าไป ... แน่นอนว่าต้องโดนด่าแน่ๆ

“ไร้สาระว่ะ แค่เรื่องกิน เก็บมาคิดมากทำไม” วาโยส่ายหัว อะไรของมัน จะเอาแต่ใจสักกี่เรื่องเชียวไอ้คุณหนูพาลัชคนนี้

“ก็มันหงุดหงิดนี่หว่า ตอนแรกกะจะกินโรตี ก็ดันโดนตัดหน้า ก็ว่าจะยกให้เรื่องนึงแล้วนะ แล้วนี่อะไร ... ฉันว่า ฉันกับยัยนั่นอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แน่ๆ” พาลัชหัวเสียไม่หาย

“เขาคงไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับผู้ชายที่คิดมากแม้กระทั่งของกินเหมือนกันล่ะมั้ง” วาโยพูดตรง ... ตรงเสียจนคนฟังชักจะรับความงี่เง่าของตัวเองไม่ไหวขึ้นมาตะหงิดๆ

“เออๆ ยังไงฉันกับยัยนั่นก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันนักหรอกหรอก ใครก็ไม่รู้ ... ไปล่ะ” คนพูดพยายามสลัดความโกรธเหมือนคนบ้าออกไปจากตัว ขยับลุกเดินไปยังประตู

วาโยมองตามอย่างสงสัย “ไปไหนวะ”

“หาของกิน มัวแต่โมโหเลยลืมไปว่าหิว” พาลัชตอบห้วนๆ ก่อนจะชะงักตัว หันมาถามเพื่อนร่วมห้อง ร่วมบริษัท “ไปหาไรกินไหม”

วาโยเหลือบมองนาฬิกา สองทุ่มกว่าแล้ว ... ไปหาอะไรกินหน่อยก็ดี จึงพยักหน้า ลุกขึ้น เดินตามคนชวนไปหาของลงท้อง

โดยไม่รู้เลยว่า พอวาโยและเขาก้าวเข้าลิฟท์ตัวซ้าย ... ยัยขโมยโรตี(ที่ควรจะเป็นของเขา)ก็ก้าวออกจากลิฟท์ตัวขวา ...
ทำให้เขาพลาดที่จะรู้ว่า การที่จะไม่ให้ยัยขโมยโรตี(ที่ควรจะเป็นของเขา)อยู่ใกล้ๆเขานั้นมันยากน่าดู เมื่อเธอคนนั้นอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเพื่อนสนิทเขาเหลือเกิน!!


//leaf


เช้าวันจันทร์ เริ่มงานวันแรก... น้ำหนาวตื่นเช้าเช่นเดียวกับตอนที่ยังอยู่ที่บ้าน การตื่นเช้าๆมันกลายเป็นนิสัยของเธอไปเสียแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะติดทำโปรเจ็คจนอดนอน ถึงจะทำให้เธอกลายเป็นคุณนายตื่นสายได้

น้ำหนาวแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลและกางเกงผ้าสีขาว ผมยาวๆถูกรวบสูง แม้ที่บริษัทจะให้พนักงานแต่งตัวตามสบาย ไม่มียูนิฟอร์ม เน้นสะดวกเวลาออกไซท์งาน แต่ก็ควรจะดูดีและน่าเชื่อถือต่อลูกค้า

หญิงสาวยังคงพึ่งพารถไฟฟ้า และมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาทำงานเช่นวันแรกที่มาสัมภาษณ์ เธอไม่ชอบการติดแหงกบนถนนนานๆนักเลยยอมหวาดเสียวกับการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์

น้ำหนาวมาถึง ที่ออฟฟิศยังไม่ค่อยมีใครมาสักเท่าไหร่ นอกจากแม่บ้าน และพนักงานต้อนรับวัยยี่สิบเจ็ดอย่าง พี่ช่อแก้ว ผู้หญิงสวย หน้าหวานเหมือนดอกไม้สมชื่อ ผมยาวๆดัดเป็นลอน กับชุดกระโปรงสีหวาน ที่ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า ประชาสัมพันธ์ เลขานุการ บัญชี ติดต่อซัพพลายเออร์ รวมถึงทำหน้าที่ฝ่ายบุคคล เรียกได้ว่านอกจากออกแบบและคุมไซท์งานแล้ว เธอก็รับทำแทบทั้งหมด และดูเหมือนช่อแก้วเองก็จะชอบที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ด้วย

ช่อแก้วนำพนักงานใหม่มายังที่โต๊ะทำงาน เป็นตัวริมสุดอีกฝั่ง ซึ่งเท่าที่น้ำหนาวจำได้ ... วาโยนั่งสุดคนล่ะด้านกับเธอเลยนี่นา ... หญิงสาวแอบย่นปากผิดหวังนิดๆ แต่คิดว่า ... มาทำงาน ... ก็ค่อนหายอาการเอาแต่ใจลงบ้างนิดหน่อย

“ตรงนี้พี่พลุ ที่จะสอนงานน้องนั่งนะจ๊ะ มีอะไรก็ถามพี่เขาได้นะ” ช่อแก้วบอกพลางเดินไปจับเก้าอี้ของคนที่เอ่ยถึง ซึ่งอยู่ติดกับเธอเลย ...

“พี่พลุ ... เขาเป็นคนยังไงหรือคะพี่ช่อแก้ว” น้ำหนาวพยายามคาดเดา แต่ด้วยไม่มีข้อมูลสักอย่าง ทำให้เธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ได้แต่อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภาวนาให้เป็นคนน่ารัก อย่าดุเหมือนไวไว หมาพันธ์รอกไวเลอร์ข้างบ้านก็แล้วกัน

ช่อแก้วชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อม
“เป็นคนน่ารักจ้ะ ใจดี แล้วก็ ... ใจดีมากๆจ้ะ”

“เขาดุหรือคะ” น้ำหนาวถาม เมื่อสังเกตอาการประหลาดๆของคนตอบ

“ไม่นี่จ๊ะ ใจดีนะ” ช่อแก้วยืนยันคำเดิม

“แล้วทำไมพี่ช่อแก้วถึงหลบตาแบบนั้นล่ะคะ” ... เพราะการที่คนตอบกลอกดวงตาไปมองอย่างอื่นที่ไม่ใช่หน้าของเธอนี่ล่ะ ถึงได้ดูประหลาดๆ เขาบอกว่า...คนโกหกมักจะหลบตา ...

และต้องโทษที่ช่อแก้วโกหกไม่เก่งเอาซะเลย

“เขาก็เป็นคนดีจริงๆนะจ๊ะ แม้จะดุนิดหน่อย แต่จริงๆแล้วใจดีมากๆ น้องหนาววางใจเถอะ ยังไงการฆ่าคนก็ผิดกฎหมาย นายพลุไม่กล้าทำอะไรน้องหนาวหรอกนะ .... พี่ไปทำงานก่อนนะจ๊ะ”

การขอตัวไปทำงานคือการหนีการตอบคำถาม ... ช่อแก้วนึกไม่ออกจริงๆว่าคนใจร้อนอย่างพาลัชจะสอนงานใครเป็น น่าสงสารน้องใหม่ ไม่รู้จะโดนโวยวายอะไรบ้างไหม ถ้าใจสู้ก็ดี แต่ถ้าไม่ล่ะ ... มีหวังยังไม่ทันพ้นวันได้ขอลาออกแน่ๆ ...

แต่บางทีช่อแก้วอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ พาลัชไม่น่าจะใจร้ายกับผู้หญิงหรอก(มั้ง)

น้ำหนาวสะดุดกับสิ่งที่ช่อแก้วพูด เหมือนจะให้เธอสบายใจ แต่มันฟังดูแปร่งๆ ... นี่ถ้าฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย ก็แปลว่าพี่คนที่จะสอนงานเธอก็ทำได้งั้นสิ ...
ขนที่แขนลุกขึ้นชูชัน ... น้ำหนาวเริ่มกลัวๆแล้วสิ ... ไม่รู้จะดุขนาดไหน แต่ว่า ... แต่ว่านะ พอหญิงสาวหันไปมองเก้าอี้ที่วาโยนั่ง ... นึกถึงปีครึ่งที่รอคอย ... ก็ทำให้น้ำหนาวมีกำลังใจมากขึ้นโขเลย

อีกอย่าง ... แม้จะดุเหมือนเจ้า ไวไว รอกไวเลอร์ข้างๆบ้าน ... น้ำหนาวก็ไม่เคยโดนมันกัดสักที นี่อาจจะแปลว่า ... ขนาดหมายังไม่กัด เธอก็คงพอจะถูกชะตากับสิ่งมีชีวิตดุๆบ้างไม่มากก็น้อยล่ะ



จบตอนที่ 2 ค่ะ ... จะเป็นไงน้า เมื่อหนูหนาวต้องเจอกับร็อคไวเลอร์โคตรดุ .... แล้ววาโยล่ะ >_< ... เจอแบบนี้ เส้นทางรักของน้ำหนาวจะโดนขัดขวางไหมเนี้ยย (ดันไปก่อเรื่องตัดหน้าของกินซะได้ 555+)




 

Create Date : 09 มกราคม 2551
4 comments
Last Update : 9 มกราคม 2551 6:38:10 น.
Counter : 316 Pageviews.

 

มาต่ออีกนะ

 

โดย: bee IP: 125.26.239.74 9 มกราคม 2551 7:04:24 น.  

 

thank you and I"m waiting for next.

 

โดย: Neko IP: 83.6.190.138 9 มกราคม 2551 18:15:21 น.  

 

ร๊อดไวเลอร์มากกว่ามั้ง

 

โดย: ^^ IP: 124.157.200.102 10 มกราคม 2551 6:10:34 น.  

 

ยังไม่มาต่อหรือคะ เฝ้ารอคอยตอนต่อไปอยู่อย่างใจจดใจจ่อนะคะ รีบมาไวๆ ล่ะคะ

 

โดย: โบว์ IP: 130.88.170.147 2 มีนาคม 2551 20:38:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Rosarita
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ส่งข้อความถึง Rosarita ทางนี้ค่ะ
Group Blog
 
 
มกราคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Rosarita's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.