http://punchit.bloggang.com ความรัก ความเชื่อและศรัทธา 3 สิ่งนี้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์
novel
บ้านไร่กรุ่นไอรัก
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
เพรงพฤกษามหามนตร์
แวะพักทักทาย
สลักรักไว้ในหัวใจเธอ
ทะเลหวานซ่านรัก
หัวใจเพื่อรักเธอ
<<
พฤศจิกายน 2551
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
8 พฤศจิกายน 2551
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 12
บ้านไร่กรุ่นไอรัก(สุดท้าย)
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 25 ...
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 24
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 23
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 22
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 21
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 20
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 19
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 18
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 17
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 16
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 15
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 14
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 13
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 12
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 11
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 10
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 9
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 8
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 7
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 6
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 5
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 4
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 3
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 2
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 1
บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 12
บ้านไร่กรุ่นไอรัก
บทที่ 12
.................................................................................................
หน้าโรงหนังในห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัด เวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายวัยต่างมาดูหนัง เสียงพูดคุยเซ็งแซ่แทบฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างก็ยืนคุยกันเพื่อฆ่าเวลารอเข้าชม บ้างก็นั่งคุยกันอย่างออกรสสนุกสนาน
เมื่อซื้อตั๋วได้แล้วอนุชนเดินแหวกผู้คนออกมาหาพิกุลซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่ได้สนใจเสียงเรียกของชายหนุ่มสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่มองชะเง้อหาใครคนหนึ่ง
ได้ตั๋วแล้วล่ะกุล
ฮื่อ! พิกุลครางรับคำแต่มิได้หันกลับมามองคนเอ่ยสักนิดเดียว อนุชนมองตั๋วในมือแล้วก็ชะเง้อมองตามสายตาของหญิงสาวพร้อมกับถอนใจเบาๆ
เดี๋ยวก็คงมาหรอก...เราไปนั่งรอตรงโน้นก่อนดีกว่า
ไม่เอาหรอกนุ เดี๋ยวคุณกายกับริลมาไม่เจอจะทำไง...ก็นัดกันไว้ตรงนี้แล้ว พิกุลหันมาบอกแล้วก็หันมองไปรอบๆ พลางยกนาฬิกาเรือนกิ๊บเก๋บนข้อมือดูเวลาเป็นระยะๆ
นั่นไง...มาแล้ว!
พิกุลร้องอย่างดีใจเมื่อมองเห็นร่างสูงๆ ของกายเทพและชริลเดินปะปนมากับผู้คนตรงมาที่หน้าโรงหนัง
ทางนี้ค่ะคุณกาย...ริล! พิกุลร้องขึ้นพลางโบกไม้โบกมือให้ทั้งสอง
เสียงร้องเรียกของพิกุลไม่เบาเลยเพราะกายเทพและชริลก็หันขวับมามองเช่นเดียวกัน ชริลเห็นรอยยิ้มเพื่อนสาวที่มองมาทางกายเทพก็ได้แต่เหลือบมองร่างสูง
คุณกุลกับคุณนุอยู่นั่นไงครับ
ฉันเห็นแล้วล่ะค่ะ เธอบอกพลางเดินตรงไปหาโดยมีร่างสูงของกายเทพเดินเบียดผู้คนตามมาติดๆ เมื่อทั้งสองเดินมาถึงพิกุลก็ปรี่เข้ามาหากายเทพด้วยรอยยิ้มดีใจแบบไม่กลัวว่าอนุชนจะหึงเลย ชริลก็ได้แต่มองอากัปกิริยาของเพื่อนอย่างงงๆ หนำซ้ำอนุชนก็ได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นไม่มีผิด
รอนานมั้ย ชริลถามแต่พิกุลกลับไม่สนใจนอกจากยิ้มหวานให้กายเทพท่าเดียว
กุลนึกว่าคุณกายจะไม่มาซะอีก เธอโปรยยิ้มหวานให้กายเทพ เขายิ้มให้พลางหันมองชริลเล็กน้อย ร่างบางไม่อยากสนใจสายตาชนิดนี้ของเขาจึงเบือนหน้ามองไปทางอื่น
มาสิครับ...ผมกับคุณริลรีบมากลัวว่าคุณกุลกับคุณนุจะคอยมากกว่า
พิกุลยิ้มขวยอายเมื่อเห็นสายตาคมเข้มของเขามองเธอ รอยยิ้มน้อยๆ ของเขาที่ส่งมาให้ชวนเพ้อฝัน ทำไมเขายิ้มได้มีเสน่ห์จังนะ...ผิดกับ...พิกุลเบือนมาทางอนุชนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
นุซื้อตั๋วมาครบแล้วใช่มั้ย อนุชนพยักหน้าแทนคำตอบ หากสายตาที่มองกายเทพนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นใจที่เห็นพิกุลสนใจคนอื่น
พิกุลยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาพลางยิ้มหวานให้กายเทพ ใกล้เวลาหนังจะฉายแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ
พิกุลบอกแล้วก็เดินผละเข้าโรงหนังไปก่อน ตามมาด้วยอนุชนซึ่งเดินตามไปติดๆ ส่วนกายเทพยังยืนนิ่งอยู่เมื่อเห็นว่าสาวน้อยยังไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน
จะยืนอยู่ตรงนี้หรือ...หนังใกล้จะฉายแล้วนะครับ เขาบอกเบาๆ ข้างหู สาวน้อยปรายตามองหน้าคนหล่อแล้วค้อนด้วยหางตาเล็กๆ
รู้แล้วค่ะ...แต่ไม่ต้องยิ้มให้กุลอย่างนั้นบ่อยๆ หรอกนะคะ เดี๋ยวนุจะเข้าใจผิด
กายเทพเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เมื่อครู่ที่ผ่านมายังดีๆ อยู่นี่นา...หรือเพราะเธอกำลังหึง...ร่างสูงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูเบาๆ อีกครั้ง
หรือครับ...งั้นเราสองคนก็ต้องเปิดเผยให้ทั้งสองรู้ดีมั้ยว่าเราเป็น... เขาลากเสียงยาวยียวนพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์และมันก็ได้ผลเมื่อชริลหันขวับมองเขาเขม็ง
เป็นอะไรคะ
กายเทพยิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ
ก็บอกว่าเราสองคนเป็นอย่างที่คุณนุกับคุณกุลเป็นไง
บ้า!...คุณเป็นคนเดียวเถอะ
สาวน้อยบอกแล้วก็สะบัดหน้าเดินผละเข้าโรงหนังตามพิกุลและอนุชนไป กายเทพยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวยาวๆ ตามเธอไป เมื่อเข้ามาในโรงหนังแล้ว พิกุลจัดแจงหาที่นั่งก่อนใครและก็เลือกที่จะนั่งติดกับกายเทพส่วนอนุชนอยู่คนละฟากกับชริล สาวน้อยได้แต่แปลกใจว่าทำไมพิกุลถึงเลือกนั่งคั่นระหว่างเธอกับอนุชนไกลเช่นนี้ แถมยังนั่งติดกับกายเทพเสียอีก
ร่างบางอดค้อนให้กายเทพไม่ได้เมื่อเห็นเขานั่งคุยกับพิกุลเบาๆ ทำราวกับว่าในโลกนี้มีกันแค่สองคน...แล้วอีกสองคนคือเธอและอนุชนเล่าทำไมเหมือนถูกกีดกันไว้คนละซีกโลกอย่างนั้นด้วย ชริลได้แต่ค้อนประหลับประเหลือกในความมืดของโรงหนังเมื่อหนังจะเริ่มฉาย กายเทพได้แต่เหลือบมองอาการของหญิงสาวยิ้มๆ จนกระทั่งหนังเริ่มฉาย ต่างคนก็ต่างนิ่งมองสนใจภาพที่เคลื่อนไหวบนจอเงินนั้นไม่สนใจอะไรอีก แต่กายเทพกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เรื่องราวบนจอเงินที่มีตัวละครกำลังดำเนินไปนั้นเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้หลงรักสาวเจ้าผู้งดงาม แต่ด้วยความจำเป็นเขาจำต้องพลัดพรากจากเธอไปไกลแสนไกล...กระทั่งเมื่อวันหนึ่งทั้งสองได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง...และความรักที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอไม่ได้ง่ายเลยที่จะคบหาดูใจกันอีก
เรื่องราวในภาพยนตร์สะท้อนเรื่องราวของกายเทพและชริลในวัยเยาว์ ทั้งสองต่างนิ่งอึ้งกับเรื่องราวที่คล้ายชีวิตของตัวเอง ความลึกซึ้งที่พระเอกพร่ำบอกนางเอกด้วยความรักและคิดถึงเมื่อได้พบเจอกันอีกครั้งทำให้กายเทพต้องเหลือบมองจึงเห็นชริลแอบป้ายน้ำตาทิ้ง ความมืดในโรงหนังช่วยได้อย่างดีเมื่อเขาแอบจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ หญิงสาวพยายามจะสะลัดให้หลุดพ้นแล้วหยิกแขนของเขาหลายครั้ง แต่มือแข็งแรงของเขาก็จับกุมกระชับไว้มั่นราวกับว่ากลัวมืองามของเธอจะหล่นหายไปเสียอย่างนั้น...หากความรู้สึกอุ่นซ่านกลับเต็มตื้นในหัวใจของชริลอย่างประหลาด และเธอก็ยอมให้เขาจับมือเธอเอาไว้โดยไม่ปล่อยจนกระทั่งหนังเรื่องนั้นจบลง
เมื่อหนังจบลงไฟในโรงหนังก็พลันสว่างจ้าขึ้น ผู้คนในโรงหนังต่างทยอยเดินออกมาด้านนอก รวมทั้งกลุ่มของกายเทพด้วย
หนังสนุกมั้ยคะคุณกาย พิกุลหันมาถามกายเทพเมื่อเดินออกมาข้างนอกแล้ว
สนุกครับ... เขาตอบด้วยรอยยิ้มพลางเหลือบมองชริลแล้วเลยไปถึงอนุชนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของอนุชนเซ็งๆ จึงเอ่ยถาม
หนังสนุกมั้ยครับคุณนุ
เอ่อ...สนุกครับ...แต่คงไม่สนุกเท่ากับคุณกายหรอกครับ เขาตอบแล้วก็ยิ้มเล็กน้อยพลางปรายตามองพิกุล
แล้วริลล่ะ หนังสนุกมั้ย พิกุลหันมาถามเพื่อน แต่สายตากลับเหลือบมองร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
สนุก...สนุกมากด้วย ชริลบอกพลางปรายตามองกายเทพแวบหนึ่ง
ดูหนังจบแล้ว นุจะพาไปเลี้ยงไอติมไม่ใช่หรือ
ใช่...ผมรับปากกุลไว้แล้ว ไม่ลืมหรอก อนุชนบอก กายเทพเบือนหน้ามองชริลก่อนจะหันมาทางอนุชน
เอางี้ดีมั้ยครับ...ผมขอเลี้ยงไอติมทุกคนก็แล้วกัน เพื่อเป็นการตอบแทนวันเกิดคุณกุล...จะได้ไม่เอาเปรียบคุณนุเกินไป ดีมั้ยครับ ท้ายประโยคชายหนุ่มหันมาทางชริล แต่สาวเจ้ากลับเฉยแล้วยังมองไปทางอื่นราวกับไม่รู้ไม่ชี้
คุณกายใจดีจัง...โอเค.นะนุ พิกุลหันมาถามอนุชนอีกครั้ง
ได้ครับ...ว่าแต่ริลล่ะว่าไง อนุชนหันมาถามชริลที่เอาแต่นิ่งเงียบ
ได้อยู่แล้ว... เธอบอกด้วยรอยยิ้มแต่ก็มิวายค้อนเล็กน้อยให้กายเทพ
ทั้งสี่พูดคุยตกลงกันเรื่องร้านไอศกรีมจนได้ร้านถูกใจจึงเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเข้ามานั่งในร้านไอศกรีมแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่มีความสุขออกหน้าออกตาเห็นจะเป็นพิกุล เพราะเธอเลือกไอศกรีมรสต่างๆ มากมาย เมื่อเห็นว่าพิกุลมัวถามกายเทพ อนุชนจึงหันมาถามชริลเบาๆ
ริลเอารสอะไรดี
เราเอาช็อกโกแลต...แล้วนุล่ะ
เราเอารสวานิลลา...แล้วกุลล่ะครับ อนุชนหันมาถามพิกุล เธอเลือกไอศกรีมแบบนั้นแบบนี้แต่ก็ไม่ถูกใจสักรสจึงหันมาถามกายเทพ
ไม่รู้สิ...แล้วคุณกายชอบรสไหนคะ กุลเลือกไม่ถูกเลย
ผมชอบช็อกโกแลตครับ...เอาเหมือนคุณริลที่หนึ่ง เขาบอกแล้วหันมายิ้มน้อยๆ ให้ชริล แต่สาวน้อยกลับค้อนให้เขาวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้ พิกุลได้ยินคำตอบของกายเทพก็หัวเราะคิก
ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณกายก็ชอบช็อกโกแลตเหมือนกุลด้วย
คำตอบของพิกุลทำเอาชริลและอนุชนหน้าเหลอหลา ต่างสบตากันปริบๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมารู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าพิกุลชอบรสวานิลลา ไม่ใช่รสช็อกโกแลตสักหน่อย ทั้งสองได้แต่สบตากันแล้วก็เงียบไป
เมื่อสั่งกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว ไม่นานไอศกรีมรสช็อกโกแลตสามถ้วยก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ส่วนอนุชนไม่เหมือนใครเพราะเขาสั่งรสวานิลลาคนเดียว ทั้งสามนั่งทานไอศกรีมไปพลางพูดคุยกับไป สนุกก็แต่พิกุลกับกายเทพนั่นแหละ เพราะอนุชนและชริลดูเหมือนว่ารสชาติไอศกรีมที่แสนอร่อยวันนี้จะกร่อยไปเลยเมื่อเห็นพิกุลและกายเทพหวานกว่าไอศกรีมที่ทานกันอยู่ซะอีก
หลังจากทานไอศกรีมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่ก็มาถ่ายภาพสติ๊กเกอร์ตามคำชวนของพิกุล ทั้งที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่เมื่อถูกพิกุลคะยั้นคะยอบ่อยเข้ากายเทพจำต้องตามใจแล้วชวนอนุชนและชริลร่วมถ่ายสติ๊กเกอร์ด้วย
ภาพแรกเป็นภาพหมู่ที่มีพิกุลยิ้มเก๋ไก๋ชูสองนิ้วยืนเคียงข้างกายเทพโดยมีอนุชนและชริลยืนอยู่คนละฟาก สีหน้าทั้งสองเซ็งเป็ดสุดๆ หลังจากนั้นพิกุลก็ขอถ่ายคู่กับกายเทพ อนุชนมองท่าทางระริกระรี้ของพิกุลแล้วก็ได้แต่หน้ามืดหมั่นไส้จึงลากชริลมาแทรกกลางระหว่างทั้งสองแล้วให้ชริลถ่ายคู่กับกายเทพแทนพิกุล แล้วภาพที่ถ่ายออกมาก็คือภาพที่กายเทพกำลังมองเหล่ๆ มาทางร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่เธอกลับเชิดหน้าไปทางอื่น และก็ตามมาด้วยภาพที่ร่างสูงยิ้มหล่อโดยมีชริลหันมาแยกเขี้ยวใส่เขา
เมื่อถ่ายสติ๊กเกอร์เสร็จแล้วทั้งหมดก็เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นการปิดท้าย พิกุลแทบไม่ให้กายเทพห่างกายแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าชุดไหนเธอก็ให้เขาช่วยเลือกให้ตลอดจนอนุชนและชริลเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินของทั้งสอง
ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะนุ ชริลหันมาถามอนุชนที่เอาแต่ถอนใจเฮือกๆ ขณะเดินตามหลังพิกุลและกายเทพมาห่างๆ
ไม่มีอะไรหรอก แค่เซ็งนิดหน่อย อนุชนบอกพลางมองไปทางพิกุลนิ่งๆ ชริลมองตามไปก็เห็นว่ากายเทพกำลังช่วยพิกุลเลือกเสื้อผ้ากะหนุงกะหนิงกันอยู่
คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ชริลพยายามพูดให้อนุชนสบายใจ เพราะเธอไม่อยากจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่การกระทำมันฟ้องนะริล...ก็ดูกุลสิ มีที่ไหนบอกว่าคบกับเรา แต่ไปเอาใจคนอื่น ตอนถ่ายสติ๊กเกอร์ ริลไม่เห็นหรือว่าหน้ากุลงี้บานยังกะกระด้ง เขาบอกอย่างน้อยใจปนเคือง ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาเองไม่ได้สนใจพิกุลเท่ากับชริลเลยด้วยซ้ำไป แต่พอเห็นพิกุลทำท่าจะสนใจชายอื่นกลับรู้สึกเจ็บแปลบในใจชอบกล
ชริลยิ้มขันเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนรักเป็นเอามาก ก็ไหนนุบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับกุลไง
เราไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่คนเราคบกันก็น่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาบ้างไม่ใช่หรือ
สาวน้อยได้แต่พยักหน้าพลางตบบ่าอนุชนเบาๆ อย่างปลอบใจ
อย่าคิดมากเลยน่านุ คุณกายคงไม่คิดอะไรกับกุลหรอก เชื่อเราสิ
ริลรู้ได้ยังไงว่าคุณกายไม่ได้คิดอะไรกับกุล เขาหันมาจ้องตาชริลรอคำตอบ
เหอะน่า...เรารู้จักคุณกายดีพอก็แล้วกัน
แต่สายตาผู้ชายด้วยกันก็ดูออกนะว่าคิดอะไรอยู่
คำตอบของอนุชนทำเอาชริลชักไม่แน่ใจเสียแล้ว...ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ...ชัดเลย...พอมองไปทางกายเทพและพิกุลก็เห็นทั้งสองหยิบเสื้อผ้ามาทาบตัวให้กันและกันราวกับว่าเป็นคนรักก็ไม่ปาน...เชอะคนหลายใจ...ต่อหน้าก็ว่าอีกอย่าง...อนุชนก็อยู่ตรงนี้ทนโท่ยังทำเป็นไม่เห็นอีก เธอคิดอย่างหมั่นไส้ปนหึง
กายเทพช่วยพิกุลเลือกชุดนั้นชุดนี้จนพอใจแล้ว เขาก็ถือโอกาสที่พิกุลเข้าไปลองชุดในห้องลองเสื้อปลีกตัวเดินมาหาชริลและอนุชนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก
ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ
กลัวจะเป็นก้างขวางคอใครบางคนน่ะค่ะ ชริลเอ่ยลอยๆ ขึ้น กายเทพได้แต่ยิ้มก่อนจะหันมาทางอนุชน
คุณนุช่วยไปดูคุณกุลด้วยนะครับ ผมมีธุระจะคุยกับคุณริลนิดหน่อย
อนุชนรับคำอย่างงงๆ แต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากกว่านั้นนอกจากผละไปรอพิกุลที่หน้าห้องลองเสื้อ ชริลได้แต่อ้าปากค้างจะร้องห้ามไม่ให้อนุชนทิ้งเธอไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว แต่ครั้นจะผละเดินตามไปก็ถูกมือแข็งแรงของกายเทพรั้งเอาไว้
ปล่อยฉันนะคะคุณกาย เธอหันขวับมาสั่งเสียงเฉียบ ตาขุ่นขวางพลางสะบัดให้หลุดจากมือแข็งแรงปานคีมเหล็กของเขาแต่ก็ไม่ได้ผลเอาซะเลย
คุณจะไปไหน...เรามีเรื่องต้องคุยกันไม่ใช่หรือ เขาบอกเสียงเรียบเหมือนสีหน้า ชริลเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างโกรธๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณนี่คะ
แต่ผมมี...ไปทางโน้นกันเถอะ กายเทพบอกพลางจะลากเธอไปอีกทาง สาวน้อยได้แต่ขัดขืน
นี่คุณจะพาฉันไปไหน
ผมไม่พาคุณไปปล้ำหรอกน่า...แค่ไปดูเสื้อผ้า...ทางโน้นเสื้อผ้าสวยๆ เยอะแยะ...ผมจะซื้อให้คุณสักชุด
ใครบอกว่าฉันอยากได้...เชิญคุณไปคนเดียวเถอะ...คนผีทะเล หน้าไหว้หลังหลอก กลับกลอกปลิ้นปล้อน! เธอต่อว่าพลางดิ้นรนให้เขาปล่อย กายเทพถอนใจยาว ชักจะหมดความอดทนกับความดื้อรั้นของเธอเสียแล้ว
คุณจะไปดีๆ หรือว่าต้องให้ผมอุ้มไป เขาบอกเสียงต่ำลึก แววตาจริงจังจนน่ากลัว สายตาชนิดนี้ทำเอาร่างบางถึงกับชะงัก
อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะคุณกาย เธอบอกอย่างหวั่นใจเพราะเมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นสายตาของผู้คนกำลังมองมาทางเธอและกายเทพอย่างสนใจ ร่างสูงยิ้มมุมปากพลางเหลียวมองไปรอบๆ แล้วหยุดที่เธอ
ถ้าไม่อยากให้ผมอุ้มละก็...เดินไปดีๆ อย่าตุกติก ถ้าคุณยังตุกติกผมจะไม่อุ้มเฉยๆ จะจูบคุณโชว์คนแถวนี้เลย เขาบอกขู่เสียงเหี้ยมเกรียม ใบหน้าคมเข้มเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ยิ่งทำให้ชริลชักใจหวิวๆ เธอจำต้องนิ่งเพื่อสยบความเคลื่อนไหว กายเทพเห็นว่าสาวน้อยหยุดดิ้นรนจึงยอมปล่อยแต่โดยดี พอพ้นจากการเกาะกุมของเขาหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดจนผมยาวสลวยกระจายแล้วเดินตัวปลิวผละไป ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวตามเธอไปติดๆ
เมื่อเดินมาถึงร้านขายเสื้อผ้า ชริลก็ได้แต่มองอย่างขัดใจเมื่อเห็นกายเทพเดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกชุดโน้นชุดนี้ราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชุดสตรีประมาณนั้น สาวน้อยได้แต่ยืนกอดอกมองอย่างเคืองๆ
ผมว่าชุดเดรสชมพูสไตล์ญี่ปุ่นชุดนี้ก็สวยน่ารักเหมาะกับคุณดีนะ เขาบอกพลางยกชุดในมือให้เธอดู แต่หญิงสาวกลับเชิดหน้ามองไปทางอื่นพลางเบ้ปาก
ไม่เห็นจะเหมาะกับฉันตรงไหนเลย เธอบอกเสียงเรียบอย่างไม่เห็นสำคัญ กายเทพได้ยินดังนั้นจึงเดินวนรอบร่างบางหนึ่งรอบพร้อมกับยกมือลูบคางตัวเองเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด
ผมว่าเหมาะกับคุณแล้ว
แต่ฉันว่าไม่เหมาะ!
กายเทพเลิกคิ้วสูงพลางเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วมองนิ่งๆ หรือมีแต่เสื้อของพ่อเลี้ยงพนาเท่านั้นที่เหมาะกับคุณ
ชริลได้ยินดังนั้นจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มยั่ว
คงงั้นมั้งคะ...ชุดไหนก็คงไม่เหมาะเท่ากับชุดที่พ่อเลี้ยงซื้อให้ฉันหรอก เข้ารูปยังกะวัดไซส์ไว้เลยล่ะ
งั้นหรือ...แต่น่าเสียดาย เพราะยังไงคุณก็ต้องเผามันทิ้งอยู่ดี เขาบอกแล้วยิ้มมุมปาก
ใครบอกคุณว่าฉันจะเผาทิ้ง เธอหันมาบอกอย่างท้าทายไม่แพ้กัน
อ้อ...ที่ผมบอก...คุณไม่คิดจะทำตามงั้นสินะ
แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันทำอย่างนั้นไม่ทราบ เธอเอ่ยพลางลอยหน้าลอยตายั่วเล่น กายเทพขบกรามแน่น ตาคมเข้มจ้องหน้าคนน่ารักนิ่งๆ
งั้นหรือ...ถ้างั้นผมจะเผามันทิ้งกับมือของผมเอง
คนบ้า! ไม่สร้างสรรค์แล้วยังจะทำลายอีก! เธอบอกกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แต่พนักงานสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้แต่อมยิ้มขำๆ กับท่าทางของหนุ่มสาวทั้งสอง
กายเทพยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็พอดีเห็นพิกุลและอนุชนเดินตรงมาทางนี้เสียก่อน
อ้าว! ริล...คุณกายมาอยู่ที่นี่เอง...มีอะไรกันหรือคะ พิกุลร้องทักขึ้นอย่างแปลกใจเพราะเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันและท่าทางก็แปลกๆ กายเทพและชริลจำต้องยิ้มกลบเกลื่อน
ไม่มีอะไรหรอกกุล เราแค่แวะมาดูเสื้อผ้าร้านนี้น่ะ
แล้วได้กี่ชุดล่ะ พิกุลถามพลางชำเลืองมองกายเทพ ชริลเหลือบมองชายหนุ่มแวบหนึ่งก่อนหันมายิ้มให้อีกฝ่าย
ยังเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่กุลได้กี่ชุดล่ะ
สามชุดแน่ะ โชคดีที่คุณกายช่วยเลือกให้ ชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ พิกุลบอกอวดๆ แล้วก็หันมายิ้มหวานให้กายเทพ เขาจำต้องยิ้มให้อย่างเสียมิได้
ดีนะที่กุลได้ชุดที่ถูกใจ เพราะคุณกายเก่งเรื่องเลือกชุดผู้หญิง บอกแล้วสาวน้อยก็เหลือบดวงตากลมโตมองกายเทพแวบหนึ่ง แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอกำลังพูดประชดมากกว่าชม
จ้ะ...ว่าแต่ริลจะไปไหนต่อมั้ย พิกุลถาม ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะเอ่ยก็ถูกกายเทพเอ่ยแทรกเสียก่อน
พอดีว่าผมและคุณริลต้องไปรับรถที่อู่ซ่อมน่ะครับ
หรือคะ...ขอบคุณคุณกายมากนะคะที่ช่วยเลือกชุดให้ตั้งหลายชุด
ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีซะอีกที่มีโอกาสได้ช่วยเลือกชุดสวยๆ ให้คุณกุล เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม หากสายตาคมเข้มกลับเหลือบมองชริลเล็กน้อย
พูดคุยกันสักพัก กายเทพก็ขอตัวไปทำธุระโดยให้ชริล พิกุลและอนุชนเดินมารอที่ลานจอดรถ ก่อนผละไปชายหนุ่มหันมาบอกบางอย่างกับพนักงานสาวร้านเสื้อผ้าแล้วเดินผละไปอีกทางหนึ่ง
ชริล พิกุลและอนุชนเดินคุยกันพลางชมสินค้าในห้างฯ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถก็เห็นว่ากายเทพมาถึงก่อนแล้ว ชริลได้แต่มองแปลกใจเมื่อเห็นถุงกระดาษ 2- 3 ถุง วางอยู่ในรถและก็มีช่อดอกไม้ช่อหนึ่งอยู่ในมือของเขาด้วย
ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ พิกุลเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึง กายเทพกำลังจะวางช่อดอกไม้ในมือไว้ที่หลังรถแต่ต้องหันกลับมาตามเสียงทัก
เสื้อผ้าน่ะครับ เอาไปฝากคนที่ไร่ เขาหันมายิ้มให้ พิกุลสังเกตเห็นดอกไม้ช่อหนึ่งในมือของกายเทพก็อดถามไม่ได้
แล้วดอกไม้ เอาไปฝากคนที่ไร่ด้วยหรือเปล่าคะ
ผม...เอ่อ... กายเทพยกช่อดอกไม้ขึ้นมา ยังไม่ทันจะตอบเพราะมัวหันไปมองชริลและอนุชนที่คุยกันอยู่ทำให้พิกุลรับช่อดอกไม้ไปจากมือของเขาโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างหน้าตาเฉย
คุณกายน่ารักจัง...ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาฝากกุล...รู้มั้ยคะว่าดอกเดซี่หมายถึงอะไร เธอบอกพลางยิ้มเขิน กายเทพยิ้มไม่ถูกเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันคาดคิด เขาพลาดไปเสียแล้ว ชริลและอนุชนต่างมองกายเทพและพิกุลสลับกันอย่างงงงวย เช่นกันกับกายเทพเพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกันเพราะพิกุลรับช่อดอกไม้ไปถือไว้แล้ว
เอ่อ...ผม...อ่า...ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกันนะครับ
พิกุลยิ้มหวานให้กายเทพแล้วหันไปยิ้มให้อนุชนและชริลอย่างเก้อเขิน ทว่าชริลมองช่อดอกไม้ในมือพิกุลอย่างอึ้งๆ ส่วนอนุชนได้แต่มองหน้ากายเทพอย่างขุ่นเคืองที่เขามอบช่อดอกไม้ให้พิกุลซึ่งๆ หน้าจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ผมคงต้องส่งคุณกุลและคุณนุแค่นี้นะครับ เดี๋ยวผมต้องพาคุณริลไปรับรถที่อู่ซ่อมก่อน
ค่ะ...ไว้วันหน้ากุลจะแวะไปเยี่ยมที่ไร่องุ่นนะคะ
กายเทพได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบก่อนจะหันมาล่ำลาอนุชนแล้วชวนชริลขึ้นรถ หญิงสาวหันมาล่ำลาอนุชนและพิกุลแล้วก็ปีนขึ้นรถจี๊ปของกายเทพ ชายหนุ่มรอจนเธอขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเคลื่อนรถจากไป เขาเหลือบมองกระจกมองหลังจึงเห็นพิกุลยืนถือช่อดอกไม้พลางโบกมือให้ไม่หยุด ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนใจเบาๆ เมื่อเหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ ในขณะนี้เพราะเธอนั่งเชิดหน้ามองไปทางอื่นนิ่งๆ
........................
รถจี๊ปของกายเทพแล่นไปตามถนนมุ่งหน้าไปทางอู่ซ่อมที่อยู่นอกเมือง ลมเย็นๆ พัดเส้นผมยาวสลวยของชริลปลิวสะบัดกระจายไปด้านหลัง ดูเหมือนว่าลมเย็นๆ จะไม่ได้ทำให้อารมณ์ของสาวน้อยผ่องแผ้วอย่างควรจะเป็น หนำซ้ำไม่พูดไม่จาจนกายเทพต้องเหลือบมองบ่อยๆ
เป็นอะไรหรือครับ กายเทพเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของสาวน้อยเอาแต่นั่งนิ่งราวกับว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง
โกรธผมหรือ เขาถามขึ้นอีก แต่คนนั่งข้างๆ ไม่พูดอะไรนอกจากมองไปด้านนอกนิ่งๆ จนเขาเองก็อดหัวเราะขำไม่ได้
คุณต้องโกรธผมเรื่องดอกไม้แน่ๆ เลย
คำเอ่ยของกายเทพทำเอาชริลต้องเบือนหน้ามองเขาตาคว่ำก่อนจะสะบัดไปทางอื่น
ฉันไม่ได้โกรธ เธอบอกไม่ได้โกรธ แต่น้ำเสียงยังกะมะนาวไม่
มีน้ำ
แน่ใจว่าไม่ได้โกรธผม เขาหันมาถามครั้นเห็นเธอยังนิ่งจึงเอ่ยต่อ ถ้าเป็นเรื่องดอกไม้...ผมอธิบายได้...จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะซื้อมาฝากคุณ...แต่ว่า...มันผิดพลาดนิดหน่อย
ร่างบางทำเป็นไม่สนใจแต่ก็คอยเงี่ยหูฟัง กายเทพหันมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ
ไม่คิดเลยว่าคุณกุลจะเข้าใจว่าผมซื้อมาให้เธอ
แล้วไม่ใช่อย่างนั้นหรือคะ เธอบอกเสียงสะบัด
ไม่ใช่...ผมอยากจะปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อมาให้คุณกุล คุณก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้น
ชริลหัวเราะแค่นๆ กายเทพเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง
แต่ไม่เป็นไร...เพราะผมซื้อเสื้อให้คุณแล้ว
ซื้อทำไมคะ ฉันไม่อยากจะได้สักหน่อย เธอบอกอย่างไม่ไยดี
ไม่อยากได้แต่ผมอยากซื้อให้คุณนี่
ร่างบางยิ้มคล้ายเยาะเมื่อเบือนมองหน้าคมเข้มของสารถีหนุ่ม
ดูคุณจะช่ำชองเรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงเหลือเกินนะคะ อยู่ที่ออสเตรเลียคงซื้อให้สาวๆ เป็นว่าเล่น คำตอบประชดของหญิงสาวทำเอากายเทพหัวเราะเบาๆ
คุณหึงผมหรือ เขาหันมาถามตรงๆ เล่นเอาสาวน้อยหน้าร้อนผ่าว
ไม่ค่ะ...ไม่เลย...ฉันกลัวว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่จะทำให้นุเข้าใจผิดต่างหาก
แน่ใจว่ากลัวคุณนุจะเข้าใจผิด...ไม่ใช่หึงผมจริงๆ เขาถามยิ้มๆ ชริลได้แต่ค้อนควัก
เรื่องอะไรฉันจะต้องหึงคุณด้วย...ฉันก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าผู้ชายปากกับใจไม่ตรงกันเอาซะเลย โดยเฉพาะคุณ!
กายเทพเลิกคิ้วมองร่างบางแล้วก็ยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี...จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่เพราะหึง
แต่คงเป็นคนอื่นไม่ใช่ผม
งั้นหรือคะ...เชื่อตายล่ะ ชริลบอกอย่างฉุนแล้วแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะนั่งนิ่งเชิดหน้ามองไปทางอื่นไม่พูดกับเขาอีก
ไม่นานนักรถของกายเทพก็แล่นมาถึงอู่ซ่อม ทั้งสองลงจากรถแล้วเข้ามาถามราคาค่าซ่อม เจ้าของอู่เป็นชายร่างคล้ำหนาออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับบอกราคาค่าซ่อมเสร็จสรรพ แต่เมื่อจะตกลงจ่ายเงินค่าซ่อม ชริลกลับนำเงินมาไม่พอจ่าย กายเทพเห็นเธอยึกยักจึงเอ่ยอย่างรู้ทัน
เดี๋ยวผมจ่ายให้เองก็แล้วกัน
ไม่ต้อง รถของฉัน...ฉันจ่ายเองได้ เธอตอบอย่างหยิ่งๆ
แน่ใจว่ามีเงินพอค่าซ่อม
เอ๊ะ! เธอหันมามองคนหน้าหล่อนิ่งๆ ช่างซ่อมได้แต่เกาหัวแกร็กๆ พลางมองหน้าทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ
ถ้าเงินไม่พอค่อยมารับรถวันหลังก็ได้นะครับ
ชริลไม่ยอมแพ้ เธอค้นหาเงินในกระเป๋าสตางค์ทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่ครบ แถมลืมเอาบัตรเอทีเอ็มมาอีก กายเทพเห็นดังนั้นจึงหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมให้เธอแทน สาวน้อยได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านที่ทำอะไรไม่ได้จำต้องสะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถกระบะของตัวเอง แล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับรถกระบะคันโตของสาวน้อยก็พุ่งทะยานออกไปจากอู่อย่างไม่รีรอ กายเทพเห็นดังนั้นจึงหันมาขอบคุณช่างซ่อมแล้วรีบเดินไปกระโดดขึ้นรถจี๊ปสตาร์ตก่อนจะเร่งเครื่องตามรถกระบะของชริลไป
ชายหนุ่มขับรถตามหลังรถกระบะของชริลไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านไร่ หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าจอดในโรงจอดรถแล้วก็เดินลิ่วเข้าบ้านทันที ไม่แม้แต่จะเหลือบมองว่ากายเทพขับรถตามมาหรือเปล่า พอร่างบางลับเข้าบ้านไปแล้ว รถของกายเทพก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้านก่อนจะหันมาหยิบถุงเสื้อผ้าแล้วก้าวลงมายืนอยู่ข้างรถ
ยัยตัวร้ายจุ้นหัวใจเขาอีกแล้ว
จบบทที่ 12
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2551 16:36:27 น.
4 comments
Counter : 327 Pageviews.
Share
Tweet
ขออนุญาต add blog คุณไว้อ่านนิยายด้วยคนนะคะ...
โดย:
phaclam
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:24:53 น.
ฮ่ะ ๆ ๆ เปลี่ยนชื่อเรื่องเลยค่ะ "ยัยตัวร้ายจุ้นหัวใจนายหน้าหล่อ"
โดย:
ขาวน้ำผึ้ง
วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:59:19 น.
คุณ phaclam อนุญาตแอดไว้อ่านนิยายได้ครับผม
คุณ ขาวน้ำผึ้ง ท่าจะดี ชื่อน่ารักดีครับ
ก็รอกันนานเลยนะครับเพราะเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน
แต่ตอนต่อไปก็คงจะเข้าสู่ภาวะปกติครับ
ขอบคุณครับ
โดย:
พันชิต
วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:12:57 น.
ขออนุญาตแอ๊ดนิยายเอาไว้อ่านค่ะ ลงตอนใหม่เร็วๆนะคะ
โดย: gracias (
Gracias
) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:38:13 น.
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
พันชิต
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add พันชิต's blog to your web]
ไฟน์บุ๊ค
ณ บ้านวรรณกรรม
เจเจบุ๊ค
เด็กดี
ถนนนักเขียน
บ้านกิ่งฉัตร
ประพันธ์สาส์น
สำนักพิมพ์มายโรส
Bloggang.com