http://punchit.bloggang.com ความรัก ความเชื่อและศรัทธา 3 สิ่งนี้จะยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
8 พฤศจิกายน 2551

บ้านไร่กรุ่นไอรัก บทที่ 12

บ้านไร่กรุ่นไอรัก
บทที่ 12
.................................................................................................
หน้าโรงหนังในห้างสรรพสินค้าประจำจังหวัด เวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายวัยต่างมาดูหนัง เสียงพูดคุยเซ็งแซ่แทบฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างก็ยืนคุยกันเพื่อฆ่าเวลารอเข้าชม บ้างก็นั่งคุยกันอย่างออกรสสนุกสนาน

เมื่อซื้อตั๋วได้แล้วอนุชนเดินแหวกผู้คนออกมาหาพิกุลซึ่งยืนรออยู่ด้านนอก แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่ได้สนใจเสียงเรียกของชายหนุ่มสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่มองชะเง้อหาใครคนหนึ่ง

“ได้ตั๋วแล้วล่ะกุล”

“ฮื่อ!” พิกุลครางรับคำแต่มิได้หันกลับมามองคนเอ่ยสักนิดเดียว อนุชนมองตั๋วในมือแล้วก็ชะเง้อมองตามสายตาของหญิงสาวพร้อมกับถอนใจเบาๆ

“เดี๋ยวก็คงมาหรอก...เราไปนั่งรอตรงโน้นก่อนดีกว่า”

“ไม่เอาหรอกนุ เดี๋ยวคุณกายกับริลมาไม่เจอจะทำไง...ก็นัดกันไว้ตรงนี้แล้ว” พิกุลหันมาบอกแล้วก็หันมองไปรอบๆ พลางยกนาฬิกาเรือนกิ๊บเก๋บนข้อมือดูเวลาเป็นระยะๆ

“นั่นไง...มาแล้ว!”

พิกุลร้องอย่างดีใจเมื่อมองเห็นร่างสูงๆ ของกายเทพและชริลเดินปะปนมากับผู้คนตรงมาที่หน้าโรงหนัง

“ทางนี้ค่ะคุณกาย...ริล!” พิกุลร้องขึ้นพลางโบกไม้โบกมือให้ทั้งสอง

เสียงร้องเรียกของพิกุลไม่เบาเลยเพราะกายเทพและชริลก็หันขวับมามองเช่นเดียวกัน ชริลเห็นรอยยิ้มเพื่อนสาวที่มองมาทางกายเทพก็ได้แต่เหลือบมองร่างสูง

“คุณกุลกับคุณนุอยู่นั่นไงครับ”

“ฉันเห็นแล้วล่ะค่ะ” เธอบอกพลางเดินตรงไปหาโดยมีร่างสูงของกายเทพเดินเบียดผู้คนตามมาติดๆ เมื่อทั้งสองเดินมาถึงพิกุลก็ปรี่เข้ามาหากายเทพด้วยรอยยิ้มดีใจแบบไม่กลัวว่าอนุชนจะหึงเลย ชริลก็ได้แต่มองอากัปกิริยาของเพื่อนอย่างงงๆ หนำซ้ำอนุชนก็ได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นไม่มีผิด

“รอนานมั้ย” ชริลถามแต่พิกุลกลับไม่สนใจนอกจากยิ้มหวานให้กายเทพท่าเดียว

“กุลนึกว่าคุณกายจะไม่มาซะอีก” เธอโปรยยิ้มหวานให้กายเทพ เขายิ้มให้พลางหันมองชริลเล็กน้อย ร่างบางไม่อยากสนใจสายตาชนิดนี้ของเขาจึงเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“มาสิครับ...ผมกับคุณริลรีบมากลัวว่าคุณกุลกับคุณนุจะคอยมากกว่า”

พิกุลยิ้มขวยอายเมื่อเห็นสายตาคมเข้มของเขามองเธอ รอยยิ้มน้อยๆ ของเขาที่ส่งมาให้ชวนเพ้อฝัน ทำไมเขายิ้มได้มีเสน่ห์จังนะ...ผิดกับ...พิกุลเบือนมาทางอนุชนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“นุซื้อตั๋วมาครบแล้วใช่มั้ย” อนุชนพยักหน้าแทนคำตอบ หากสายตาที่มองกายเทพนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นใจที่เห็นพิกุลสนใจคนอื่น

พิกุลยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาพลางยิ้มหวานให้กายเทพ “ใกล้เวลาหนังจะฉายแล้ว เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”

พิกุลบอกแล้วก็เดินผละเข้าโรงหนังไปก่อน ตามมาด้วยอนุชนซึ่งเดินตามไปติดๆ ส่วนกายเทพยังยืนนิ่งอยู่เมื่อเห็นว่าสาวน้อยยังไม่ยอมขยับเขยื้อนกายไปไหน

“จะยืนอยู่ตรงนี้หรือ...หนังใกล้จะฉายแล้วนะครับ” เขาบอกเบาๆ ข้างหู สาวน้อยปรายตามองหน้าคนหล่อแล้วค้อนด้วยหางตาเล็กๆ

“รู้แล้วค่ะ...แต่ไม่ต้องยิ้มให้กุลอย่างนั้นบ่อยๆ หรอกนะคะ เดี๋ยวนุจะเข้าใจผิด”

กายเทพเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ เมื่อครู่ที่ผ่านมายังดีๆ อยู่นี่นา...หรือเพราะเธอกำลังหึง...ร่างสูงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูเบาๆ อีกครั้ง

“หรือครับ...งั้นเราสองคนก็ต้องเปิดเผยให้ทั้งสองรู้ดีมั้ยว่าเราเป็น...” เขาลากเสียงยาวยียวนพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์และมันก็ได้ผลเมื่อชริลหันขวับมองเขาเขม็ง

“เป็นอะไรคะ”

กายเทพยิ้มกริ่มพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ

“ก็บอกว่าเราสองคนเป็นอย่างที่คุณนุกับคุณกุลเป็นไง”

“บ้า!...คุณเป็นคนเดียวเถอะ”

สาวน้อยบอกแล้วก็สะบัดหน้าเดินผละเข้าโรงหนังตามพิกุลและอนุชนไป กายเทพยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวยาวๆ ตามเธอไป เมื่อเข้ามาในโรงหนังแล้ว พิกุลจัดแจงหาที่นั่งก่อนใครและก็เลือกที่จะนั่งติดกับกายเทพส่วนอนุชนอยู่คนละฟากกับชริล สาวน้อยได้แต่แปลกใจว่าทำไมพิกุลถึงเลือกนั่งคั่นระหว่างเธอกับอนุชนไกลเช่นนี้ แถมยังนั่งติดกับกายเทพเสียอีก

ร่างบางอดค้อนให้กายเทพไม่ได้เมื่อเห็นเขานั่งคุยกับพิกุลเบาๆ ทำราวกับว่าในโลกนี้มีกันแค่สองคน...แล้วอีกสองคนคือเธอและอนุชนเล่าทำไมเหมือนถูกกีดกันไว้คนละซีกโลกอย่างนั้นด้วย ชริลได้แต่ค้อนประหลับประเหลือกในความมืดของโรงหนังเมื่อหนังจะเริ่มฉาย กายเทพได้แต่เหลือบมองอาการของหญิงสาวยิ้มๆ จนกระทั่งหนังเริ่มฉาย ต่างคนก็ต่างนิ่งมองสนใจภาพที่เคลื่อนไหวบนจอเงินนั้นไม่สนใจอะไรอีก แต่กายเทพกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เรื่องราวบนจอเงินที่มีตัวละครกำลังดำเนินไปนั้นเป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้หลงรักสาวเจ้าผู้งดงาม แต่ด้วยความจำเป็นเขาจำต้องพลัดพรากจากเธอไปไกลแสนไกล...กระทั่งเมื่อวันหนึ่งทั้งสองได้หวนกลับมาพบกันอีกครั้ง...และความรักที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอไม่ได้ง่ายเลยที่จะคบหาดูใจกันอีก

เรื่องราวในภาพยนตร์สะท้อนเรื่องราวของกายเทพและชริลในวัยเยาว์ ทั้งสองต่างนิ่งอึ้งกับเรื่องราวที่คล้ายชีวิตของตัวเอง ความลึกซึ้งที่พระเอกพร่ำบอกนางเอกด้วยความรักและคิดถึงเมื่อได้พบเจอกันอีกครั้งทำให้กายเทพต้องเหลือบมองจึงเห็นชริลแอบป้ายน้ำตาทิ้ง ความมืดในโรงหนังช่วยได้อย่างดีเมื่อเขาแอบจับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ หญิงสาวพยายามจะสะลัดให้หลุดพ้นแล้วหยิกแขนของเขาหลายครั้ง แต่มือแข็งแรงของเขาก็จับกุมกระชับไว้มั่นราวกับว่ากลัวมืองามของเธอจะหล่นหายไปเสียอย่างนั้น...หากความรู้สึกอุ่นซ่านกลับเต็มตื้นในหัวใจของชริลอย่างประหลาด และเธอก็ยอมให้เขาจับมือเธอเอาไว้โดยไม่ปล่อยจนกระทั่งหนังเรื่องนั้นจบลง

เมื่อหนังจบลงไฟในโรงหนังก็พลันสว่างจ้าขึ้น ผู้คนในโรงหนังต่างทยอยเดินออกมาด้านนอก รวมทั้งกลุ่มของกายเทพด้วย

“หนังสนุกมั้ยคะคุณกาย” พิกุลหันมาถามกายเทพเมื่อเดินออกมาข้างนอกแล้ว

“สนุกครับ...” เขาตอบด้วยรอยยิ้มพลางเหลือบมองชริลแล้วเลยไปถึงอนุชนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของอนุชนเซ็งๆ จึงเอ่ยถาม

“หนังสนุกมั้ยครับคุณนุ”

“เอ่อ...สนุกครับ...แต่คงไม่สนุกเท่ากับคุณกายหรอกครับ” เขาตอบแล้วก็ยิ้มเล็กน้อยพลางปรายตามองพิกุล

“แล้วริลล่ะ หนังสนุกมั้ย” พิกุลหันมาถามเพื่อน แต่สายตากลับเหลือบมองร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

“สนุก...สนุกมากด้วย” ชริลบอกพลางปรายตามองกายเทพแวบหนึ่ง

“ดูหนังจบแล้ว นุจะพาไปเลี้ยงไอติมไม่ใช่หรือ”

“ใช่...ผมรับปากกุลไว้แล้ว ไม่ลืมหรอก” อนุชนบอก กายเทพเบือนหน้ามองชริลก่อนจะหันมาทางอนุชน

“เอางี้ดีมั้ยครับ...ผมขอเลี้ยงไอติมทุกคนก็แล้วกัน เพื่อเป็นการตอบแทนวันเกิดคุณกุล...จะได้ไม่เอาเปรียบคุณนุเกินไป ดีมั้ยครับ” ท้ายประโยคชายหนุ่มหันมาทางชริล แต่สาวเจ้ากลับเฉยแล้วยังมองไปทางอื่นราวกับไม่รู้ไม่ชี้

“คุณกายใจดีจัง...โอเค.นะนุ” พิกุลหันมาถามอนุชนอีกครั้ง

“ได้ครับ...ว่าแต่ริลล่ะว่าไง” อนุชนหันมาถามชริลที่เอาแต่นิ่งเงียบ

“ได้อยู่แล้ว...” เธอบอกด้วยรอยยิ้มแต่ก็มิวายค้อนเล็กน้อยให้กายเทพ

ทั้งสี่พูดคุยตกลงกันเรื่องร้านไอศกรีมจนได้ร้านถูกใจจึงเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อเข้ามานั่งในร้านไอศกรีมแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่มีความสุขออกหน้าออกตาเห็นจะเป็นพิกุล เพราะเธอเลือกไอศกรีมรสต่างๆ มากมาย เมื่อเห็นว่าพิกุลมัวถามกายเทพ อนุชนจึงหันมาถามชริลเบาๆ

“ริลเอารสอะไรดี”

“เราเอาช็อกโกแลต...แล้วนุล่ะ”

“เราเอารสวานิลลา...แล้วกุลล่ะครับ” อนุชนหันมาถามพิกุล เธอเลือกไอศกรีมแบบนั้นแบบนี้แต่ก็ไม่ถูกใจสักรสจึงหันมาถามกายเทพ

“ไม่รู้สิ...แล้วคุณกายชอบรสไหนคะ กุลเลือกไม่ถูกเลย”

“ผมชอบช็อกโกแลตครับ...เอาเหมือนคุณริลที่หนึ่ง” เขาบอกแล้วหันมายิ้มน้อยๆ ให้ชริล แต่สาวน้อยกลับค้อนให้เขาวงหนึ่งอย่างหมั่นไส้ พิกุลได้ยินคำตอบของกายเทพก็หัวเราะคิก

“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณกายก็ชอบช็อกโกแลตเหมือนกุลด้วย”

คำตอบของพิกุลทำเอาชริลและอนุชนหน้าเหลอหลา ต่างสบตากันปริบๆ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมารู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าพิกุลชอบรสวานิลลา ไม่ใช่รสช็อกโกแลตสักหน่อย ทั้งสองได้แต่สบตากันแล้วก็เงียบไป

เมื่อสั่งกับพนักงานเรียบร้อยแล้ว ไม่นานไอศกรีมรสช็อกโกแลตสามถ้วยก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ส่วนอนุชนไม่เหมือนใครเพราะเขาสั่งรสวานิลลาคนเดียว ทั้งสามนั่งทานไอศกรีมไปพลางพูดคุยกับไป สนุกก็แต่พิกุลกับกายเทพนั่นแหละ เพราะอนุชนและชริลดูเหมือนว่ารสชาติไอศกรีมที่แสนอร่อยวันนี้จะกร่อยไปเลยเมื่อเห็นพิกุลและกายเทพหวานกว่าไอศกรีมที่ทานกันอยู่ซะอีก

หลังจากทานไอศกรีมเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่ก็มาถ่ายภาพสติ๊กเกอร์ตามคำชวนของพิกุล ทั้งที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่เมื่อถูกพิกุลคะยั้นคะยอบ่อยเข้ากายเทพจำต้องตามใจแล้วชวนอนุชนและชริลร่วมถ่ายสติ๊กเกอร์ด้วย

ภาพแรกเป็นภาพหมู่ที่มีพิกุลยิ้มเก๋ไก๋ชูสองนิ้วยืนเคียงข้างกายเทพโดยมีอนุชนและชริลยืนอยู่คนละฟาก สีหน้าทั้งสองเซ็งเป็ดสุดๆ หลังจากนั้นพิกุลก็ขอถ่ายคู่กับกายเทพ อนุชนมองท่าทางระริกระรี้ของพิกุลแล้วก็ได้แต่หน้ามืดหมั่นไส้จึงลากชริลมาแทรกกลางระหว่างทั้งสองแล้วให้ชริลถ่ายคู่กับกายเทพแทนพิกุล แล้วภาพที่ถ่ายออกมาก็คือภาพที่กายเทพกำลังมองเหล่ๆ มาทางร่างบางที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่เธอกลับเชิดหน้าไปทางอื่น และก็ตามมาด้วยภาพที่ร่างสูงยิ้มหล่อโดยมีชริลหันมาแยกเขี้ยวใส่เขา

เมื่อถ่ายสติ๊กเกอร์เสร็จแล้วทั้งหมดก็เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเป็นการปิดท้าย พิกุลแทบไม่ให้กายเทพห่างกายแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าชุดไหนเธอก็ให้เขาช่วยเลือกให้ตลอดจนอนุชนและชริลเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินของทั้งสอง

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะนุ” ชริลหันมาถามอนุชนที่เอาแต่ถอนใจเฮือกๆ ขณะเดินตามหลังพิกุลและกายเทพมาห่างๆ

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เซ็งนิดหน่อย” อนุชนบอกพลางมองไปทางพิกุลนิ่งๆ ชริลมองตามไปก็เห็นว่ากายเทพกำลังช่วยพิกุลเลือกเสื้อผ้ากะหนุงกะหนิงกันอยู่

“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ชริลพยายามพูดให้อนุชนสบายใจ เพราะเธอไม่อยากจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

“แต่การกระทำมันฟ้องนะริล...ก็ดูกุลสิ มีที่ไหนบอกว่าคบกับเรา แต่ไปเอาใจคนอื่น ตอนถ่ายสติ๊กเกอร์ ริลไม่เห็นหรือว่าหน้ากุลงี้บานยังกะกระด้ง” เขาบอกอย่างน้อยใจปนเคือง ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาเองไม่ได้สนใจพิกุลเท่ากับชริลเลยด้วยซ้ำไป แต่พอเห็นพิกุลทำท่าจะสนใจชายอื่นกลับรู้สึกเจ็บแปลบในใจชอบกล

ชริลยิ้มขันเมื่อเห็นท่าทางเพื่อนรักเป็นเอามาก “ก็ไหนนุบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับกุลไง”

“เราไม่อยากจะคิดหรอกนะ แต่คนเราคบกันก็น่าจะเห็นเราอยู่ในสายตาบ้างไม่ใช่หรือ”

สาวน้อยได้แต่พยักหน้าพลางตบบ่าอนุชนเบาๆ อย่างปลอบใจ

“อย่าคิดมากเลยน่านุ คุณกายคงไม่คิดอะไรกับกุลหรอก เชื่อเราสิ”

“ริลรู้ได้ยังไงว่าคุณกายไม่ได้คิดอะไรกับกุล” เขาหันมาจ้องตาชริลรอคำตอบ

“เหอะน่า...เรารู้จักคุณกายดีพอก็แล้วกัน”

“แต่สายตาผู้ชายด้วยกันก็ดูออกนะว่าคิดอะไรอยู่”

คำตอบของอนุชนทำเอาชริลชักไม่แน่ใจเสียแล้ว...ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ...ชัดเลย...พอมองไปทางกายเทพและพิกุลก็เห็นทั้งสองหยิบเสื้อผ้ามาทาบตัวให้กันและกันราวกับว่าเป็นคนรักก็ไม่ปาน...เชอะคนหลายใจ...ต่อหน้าก็ว่าอีกอย่าง...อนุชนก็อยู่ตรงนี้ทนโท่ยังทำเป็นไม่เห็นอีก เธอคิดอย่างหมั่นไส้ปนหึง

กายเทพช่วยพิกุลเลือกชุดนั้นชุดนี้จนพอใจแล้ว เขาก็ถือโอกาสที่พิกุลเข้าไปลองชุดในห้องลองเสื้อปลีกตัวเดินมาหาชริลและอนุชนที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก

“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะครับ”

“กลัวจะเป็นก้างขวางคอใครบางคนน่ะค่ะ” ชริลเอ่ยลอยๆ ขึ้น กายเทพได้แต่ยิ้มก่อนจะหันมาทางอนุชน

“คุณนุช่วยไปดูคุณกุลด้วยนะครับ ผมมีธุระจะคุยกับคุณริลนิดหน่อย”

อนุชนรับคำอย่างงงๆ แต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากกว่านั้นนอกจากผละไปรอพิกุลที่หน้าห้องลองเสื้อ ชริลได้แต่อ้าปากค้างจะร้องห้ามไม่ให้อนุชนทิ้งเธอไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว แต่ครั้นจะผละเดินตามไปก็ถูกมือแข็งแรงของกายเทพรั้งเอาไว้

“ปล่อยฉันนะคะคุณกาย” เธอหันขวับมาสั่งเสียงเฉียบ ตาขุ่นขวางพลางสะบัดให้หลุดจากมือแข็งแรงปานคีมเหล็กของเขาแต่ก็ไม่ได้ผลเอาซะเลย

“คุณจะไปไหน...เรามีเรื่องต้องคุยกันไม่ใช่หรือ” เขาบอกเสียงเรียบเหมือนสีหน้า ชริลเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างโกรธๆ เมื่อทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น

“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณนี่คะ”

“แต่ผมมี...ไปทางโน้นกันเถอะ” กายเทพบอกพลางจะลากเธอไปอีกทาง สาวน้อยได้แต่ขัดขืน

“นี่คุณจะพาฉันไปไหน”

“ผมไม่พาคุณไปปล้ำหรอกน่า...แค่ไปดูเสื้อผ้า...ทางโน้นเสื้อผ้าสวยๆ เยอะแยะ...ผมจะซื้อให้คุณสักชุด”

“ใครบอกว่าฉันอยากได้...เชิญคุณไปคนเดียวเถอะ...คนผีทะเล หน้าไหว้หลังหลอก กลับกลอกปลิ้นปล้อน!” เธอต่อว่าพลางดิ้นรนให้เขาปล่อย กายเทพถอนใจยาว ชักจะหมดความอดทนกับความดื้อรั้นของเธอเสียแล้ว

“คุณจะไปดีๆ หรือว่าต้องให้ผมอุ้มไป” เขาบอกเสียงต่ำลึก แววตาจริงจังจนน่ากลัว สายตาชนิดนี้ทำเอาร่างบางถึงกับชะงัก

“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะคุณกาย” เธอบอกอย่างหวั่นใจเพราะเมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นสายตาของผู้คนกำลังมองมาทางเธอและกายเทพอย่างสนใจ ร่างสูงยิ้มมุมปากพลางเหลียวมองไปรอบๆ แล้วหยุดที่เธอ

“ถ้าไม่อยากให้ผมอุ้มละก็...เดินไปดีๆ อย่าตุกติก ถ้าคุณยังตุกติกผมจะไม่อุ้มเฉยๆ จะจูบคุณโชว์คนแถวนี้เลย” เขาบอกขู่เสียงเหี้ยมเกรียม ใบหน้าคมเข้มเรียบไร้อารมณ์ใดๆ ยิ่งทำให้ชริลชักใจหวิวๆ เธอจำต้องนิ่งเพื่อสยบความเคลื่อนไหว กายเทพเห็นว่าสาวน้อยหยุดดิ้นรนจึงยอมปล่อยแต่โดยดี พอพ้นจากการเกาะกุมของเขาหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืดจนผมยาวสลวยกระจายแล้วเดินตัวปลิวผละไป ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มมุมปากก่อนจะก้าวตามเธอไปติดๆ

เมื่อเดินมาถึงร้านขายเสื้อผ้า ชริลก็ได้แต่มองอย่างขัดใจเมื่อเห็นกายเทพเดินเข้าไปในร้านแล้วเลือกชุดโน้นชุดนี้ราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชุดสตรีประมาณนั้น สาวน้อยได้แต่ยืนกอดอกมองอย่างเคืองๆ

“ผมว่าชุดเดรสชมพูสไตล์ญี่ปุ่นชุดนี้ก็สวยน่ารักเหมาะกับคุณดีนะ” เขาบอกพลางยกชุดในมือให้เธอดู แต่หญิงสาวกลับเชิดหน้ามองไปทางอื่นพลางเบ้ปาก

“ไม่เห็นจะเหมาะกับฉันตรงไหนเลย” เธอบอกเสียงเรียบอย่างไม่เห็นสำคัญ กายเทพได้ยินดังนั้นจึงเดินวนรอบร่างบางหนึ่งรอบพร้อมกับยกมือลูบคางตัวเองเบาๆ สีหน้าครุ่นคิด

“ผมว่าเหมาะกับคุณแล้ว”

“แต่ฉันว่าไม่เหมาะ!”

กายเทพเลิกคิ้วสูงพลางเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วมองนิ่งๆ “หรือมีแต่เสื้อของพ่อเลี้ยงพนาเท่านั้นที่เหมาะกับคุณ”

ชริลได้ยินดังนั้นจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มยั่ว

“คงงั้นมั้งคะ...ชุดไหนก็คงไม่เหมาะเท่ากับชุดที่พ่อเลี้ยงซื้อให้ฉันหรอก เข้ารูปยังกะวัดไซส์ไว้เลยล่ะ”

“งั้นหรือ...แต่น่าเสียดาย เพราะยังไงคุณก็ต้องเผามันทิ้งอยู่ดี” เขาบอกแล้วยิ้มมุมปาก

“ใครบอกคุณว่าฉันจะเผาทิ้ง” เธอหันมาบอกอย่างท้าทายไม่แพ้กัน

“อ้อ...ที่ผมบอก...คุณไม่คิดจะทำตามงั้นสินะ”

“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ฉันทำอย่างนั้นไม่ทราบ” เธอเอ่ยพลางลอยหน้าลอยตายั่วเล่น กายเทพขบกรามแน่น ตาคมเข้มจ้องหน้าคนน่ารักนิ่งๆ

“งั้นหรือ...ถ้างั้นผมจะเผามันทิ้งกับมือของผมเอง”

“คนบ้า! ไม่สร้างสรรค์แล้วยังจะทำลายอีก!” เธอบอกกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แต่พนักงานสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้แต่อมยิ้มขำๆ กับท่าทางของหนุ่มสาวทั้งสอง

กายเทพยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็พอดีเห็นพิกุลและอนุชนเดินตรงมาทางนี้เสียก่อน

“อ้าว! ริล...คุณกายมาอยู่ที่นี่เอง...มีอะไรกันหรือคะ” พิกุลร้องทักขึ้นอย่างแปลกใจเพราะเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกันและท่าทางก็แปลกๆ กายเทพและชริลจำต้องยิ้มกลบเกลื่อน

“ไม่มีอะไรหรอกกุล เราแค่แวะมาดูเสื้อผ้าร้านนี้น่ะ”

“แล้วได้กี่ชุดล่ะ” พิกุลถามพลางชำเลืองมองกายเทพ ชริลเหลือบมองชายหนุ่มแวบหนึ่งก่อนหันมายิ้มให้อีกฝ่าย

“ยังเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่กุลได้กี่ชุดล่ะ”

“สามชุดแน่ะ โชคดีที่คุณกายช่วยเลือกให้ ชุดสวยๆ ทั้งนั้นเลยนะ” พิกุลบอกอวดๆ แล้วก็หันมายิ้มหวานให้กายเทพ เขาจำต้องยิ้มให้อย่างเสียมิได้

“ดีนะที่กุลได้ชุดที่ถูกใจ เพราะคุณกายเก่งเรื่องเลือกชุดผู้หญิง” บอกแล้วสาวน้อยก็เหลือบดวงตากลมโตมองกายเทพแวบหนึ่ง แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอกำลังพูดประชดมากกว่าชม

“จ้ะ...ว่าแต่ริลจะไปไหนต่อมั้ย” พิกุลถาม ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะเอ่ยก็ถูกกายเทพเอ่ยแทรกเสียก่อน

“พอดีว่าผมและคุณริลต้องไปรับรถที่อู่ซ่อมน่ะครับ”

“หรือคะ...ขอบคุณคุณกายมากนะคะที่ช่วยเลือกชุดให้ตั้งหลายชุด”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยินดีซะอีกที่มีโอกาสได้ช่วยเลือกชุดสวยๆ ให้คุณกุล” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม หากสายตาคมเข้มกลับเหลือบมองชริลเล็กน้อย

พูดคุยกันสักพัก กายเทพก็ขอตัวไปทำธุระโดยให้ชริล พิกุลและอนุชนเดินมารอที่ลานจอดรถ ก่อนผละไปชายหนุ่มหันมาบอกบางอย่างกับพนักงานสาวร้านเสื้อผ้าแล้วเดินผละไปอีกทางหนึ่ง

ชริล พิกุลและอนุชนเดินคุยกันพลางชมสินค้าในห้างฯ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงลานจอดรถก็เห็นว่ากายเทพมาถึงก่อนแล้ว ชริลได้แต่มองแปลกใจเมื่อเห็นถุงกระดาษ 2- 3 ถุง วางอยู่ในรถและก็มีช่อดอกไม้ช่อหนึ่งอยู่ในมือของเขาด้วย

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะ” พิกุลเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึง กายเทพกำลังจะวางช่อดอกไม้ในมือไว้ที่หลังรถแต่ต้องหันกลับมาตามเสียงทัก

“เสื้อผ้าน่ะครับ เอาไปฝากคนที่ไร่” เขาหันมายิ้มให้ พิกุลสังเกตเห็นดอกไม้ช่อหนึ่งในมือของกายเทพก็อดถามไม่ได้

“แล้วดอกไม้ เอาไปฝากคนที่ไร่ด้วยหรือเปล่าคะ”

“ผม...เอ่อ...” กายเทพยกช่อดอกไม้ขึ้นมา ยังไม่ทันจะตอบเพราะมัวหันไปมองชริลและอนุชนที่คุยกันอยู่ทำให้พิกุลรับช่อดอกไม้ไปจากมือของเขาโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างหน้าตาเฉย

“คุณกายน่ารักจัง...ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาฝากกุล...รู้มั้ยคะว่าดอกเดซี่หมายถึงอะไร” เธอบอกพลางยิ้มเขิน กายเทพยิ้มไม่ถูกเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันคาดคิด เขาพลาดไปเสียแล้ว ชริลและอนุชนต่างมองกายเทพและพิกุลสลับกันอย่างงงงวย เช่นกันกับกายเทพเพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกันเพราะพิกุลรับช่อดอกไม้ไปถือไว้แล้ว

“เอ่อ...ผม...อ่า...ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกันนะครับ”

พิกุลยิ้มหวานให้กายเทพแล้วหันไปยิ้มให้อนุชนและชริลอย่างเก้อเขิน ทว่าชริลมองช่อดอกไม้ในมือพิกุลอย่างอึ้งๆ ส่วนอนุชนได้แต่มองหน้ากายเทพอย่างขุ่นเคืองที่เขามอบช่อดอกไม้ให้พิกุลซึ่งๆ หน้าจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

“ผมคงต้องส่งคุณกุลและคุณนุแค่นี้นะครับ เดี๋ยวผมต้องพาคุณริลไปรับรถที่อู่ซ่อมก่อน”

“ค่ะ...ไว้วันหน้ากุลจะแวะไปเยี่ยมที่ไร่องุ่นนะคะ”

กายเทพได้แต่ยิ้มเป็นคำตอบก่อนจะหันมาล่ำลาอนุชนแล้วชวนชริลขึ้นรถ หญิงสาวหันมาล่ำลาอนุชนและพิกุลแล้วก็ปีนขึ้นรถจี๊ปของกายเทพ ชายหนุ่มรอจนเธอขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเคลื่อนรถจากไป เขาเหลือบมองกระจกมองหลังจึงเห็นพิกุลยืนถือช่อดอกไม้พลางโบกมือให้ไม่หยุด ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนใจเบาๆ เมื่อเหลือบมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ ในขณะนี้เพราะเธอนั่งเชิดหน้ามองไปทางอื่นนิ่งๆ

........................

รถจี๊ปของกายเทพแล่นไปตามถนนมุ่งหน้าไปทางอู่ซ่อมที่อยู่นอกเมือง ลมเย็นๆ พัดเส้นผมยาวสลวยของชริลปลิวสะบัดกระจายไปด้านหลัง ดูเหมือนว่าลมเย็นๆ จะไม่ได้ทำให้อารมณ์ของสาวน้อยผ่องแผ้วอย่างควรจะเป็น หนำซ้ำไม่พูดไม่จาจนกายเทพต้องเหลือบมองบ่อยๆ

“เป็นอะไรหรือครับ” กายเทพเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางของสาวน้อยเอาแต่นั่งนิ่งราวกับว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วง

“โกรธผมหรือ” เขาถามขึ้นอีก แต่คนนั่งข้างๆ ไม่พูดอะไรนอกจากมองไปด้านนอกนิ่งๆ จนเขาเองก็อดหัวเราะขำไม่ได้

“คุณต้องโกรธผมเรื่องดอกไม้แน่ๆ เลย”

คำเอ่ยของกายเทพทำเอาชริลต้องเบือนหน้ามองเขาตาคว่ำก่อนจะสะบัดไปทางอื่น

“ฉันไม่ได้โกรธ” เธอบอกไม่ได้โกรธ แต่น้ำเสียงยังกะมะนาวไม่
มีน้ำ

“แน่ใจว่าไม่ได้โกรธผม” เขาหันมาถามครั้นเห็นเธอยังนิ่งจึงเอ่ยต่อ “ถ้าเป็นเรื่องดอกไม้...ผมอธิบายได้...จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะซื้อมาฝากคุณ...แต่ว่า...มันผิดพลาดนิดหน่อย”

ร่างบางทำเป็นไม่สนใจแต่ก็คอยเงี่ยหูฟัง กายเทพหันมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ

“ไม่คิดเลยว่าคุณกุลจะเข้าใจว่าผมซื้อมาให้เธอ”

“แล้วไม่ใช่อย่างนั้นหรือคะ” เธอบอกเสียงสะบัด

“ไม่ใช่...ผมอยากจะปฏิเสธว่าไม่ได้ซื้อมาให้คุณกุล คุณก็เห็นไม่ใช่หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”

ชริลหัวเราะแค่นๆ กายเทพเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง

“แต่ไม่เป็นไร...เพราะผมซื้อเสื้อให้คุณแล้ว”

“ซื้อทำไมคะ ฉันไม่อยากจะได้สักหน่อย” เธอบอกอย่างไม่ไยดี

“ไม่อยากได้แต่ผมอยากซื้อให้คุณนี่”

ร่างบางยิ้มคล้ายเยาะเมื่อเบือนมองหน้าคมเข้มของสารถีหนุ่ม

“ดูคุณจะช่ำชองเรื่องเสื้อผ้าผู้หญิงเหลือเกินนะคะ อยู่ที่ออสเตรเลียคงซื้อให้สาวๆ เป็นว่าเล่น” คำตอบประชดของหญิงสาวทำเอากายเทพหัวเราะเบาๆ

“คุณหึงผมหรือ” เขาหันมาถามตรงๆ เล่นเอาสาวน้อยหน้าร้อนผ่าว

“ไม่ค่ะ...ไม่เลย...ฉันกลัวว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่จะทำให้นุเข้าใจผิดต่างหาก”

“แน่ใจว่ากลัวคุณนุจะเข้าใจผิด...ไม่ใช่หึงผมจริงๆ” เขาถามยิ้มๆ ชริลได้แต่ค้อนควัก

“เรื่องอะไรฉันจะต้องหึงคุณด้วย...ฉันก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าผู้ชายปากกับใจไม่ตรงกันเอาซะเลย โดยเฉพาะคุณ!”

กายเทพเลิกคิ้วมองร่างบางแล้วก็ยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี...จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่เพราะหึง

“แต่คงเป็นคนอื่นไม่ใช่ผม”

“งั้นหรือคะ...เชื่อตายล่ะ” ชริลบอกอย่างฉุนแล้วแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะนั่งนิ่งเชิดหน้ามองไปทางอื่นไม่พูดกับเขาอีก

ไม่นานนักรถของกายเทพก็แล่นมาถึงอู่ซ่อม ทั้งสองลงจากรถแล้วเข้ามาถามราคาค่าซ่อม เจ้าของอู่เป็นชายร่างคล้ำหนาออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับบอกราคาค่าซ่อมเสร็จสรรพ แต่เมื่อจะตกลงจ่ายเงินค่าซ่อม ชริลกลับนำเงินมาไม่พอจ่าย กายเทพเห็นเธอยึกยักจึงเอ่ยอย่างรู้ทัน

“เดี๋ยวผมจ่ายให้เองก็แล้วกัน”

“ไม่ต้อง รถของฉัน...ฉันจ่ายเองได้” เธอตอบอย่างหยิ่งๆ

“แน่ใจว่ามีเงินพอค่าซ่อม”

“เอ๊ะ!” เธอหันมามองคนหน้าหล่อนิ่งๆ ช่างซ่อมได้แต่เกาหัวแกร็กๆ พลางมองหน้าทั้งสองสลับกันอย่างงงๆ

“ถ้าเงินไม่พอค่อยมารับรถวันหลังก็ได้นะครับ”

ชริลไม่ยอมแพ้ เธอค้นหาเงินในกระเป๋าสตางค์ทุกซอกทุกมุมแล้วก็ไม่ครบ แถมลืมเอาบัตรเอทีเอ็มมาอีก กายเทพเห็นดังนั้นจึงหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมให้เธอแทน สาวน้อยได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านที่ทำอะไรไม่ได้จำต้องสะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถกระบะของตัวเอง แล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับรถกระบะคันโตของสาวน้อยก็พุ่งทะยานออกไปจากอู่อย่างไม่รีรอ กายเทพเห็นดังนั้นจึงหันมาขอบคุณช่างซ่อมแล้วรีบเดินไปกระโดดขึ้นรถจี๊ปสตาร์ตก่อนจะเร่งเครื่องตามรถกระบะของชริลไป

ชายหนุ่มขับรถตามหลังรถกระบะของชริลไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านไร่ หญิงสาวเลี้ยวรถเข้าจอดในโรงจอดรถแล้วก็เดินลิ่วเข้าบ้านทันที ไม่แม้แต่จะเหลือบมองว่ากายเทพขับรถตามมาหรือเปล่า พอร่างบางลับเข้าบ้านไปแล้ว รถของกายเทพก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดี ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เมื่อมองเข้าไปในบ้านก่อนจะหันมาหยิบถุงเสื้อผ้าแล้วก้าวลงมายืนอยู่ข้างรถ

‘ยัยตัวร้ายจุ้นหัวใจเขาอีกแล้ว’

จบบทที่ 12



Create Date : 08 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2551 16:36:27 น. 4 comments
Counter : 327 Pageviews.  

 
ขออนุญาต add blog คุณไว้อ่านนิยายด้วยคนนะคะ...


โดย: phaclam วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:24:53 น.  

 
ฮ่ะ ๆ ๆ เปลี่ยนชื่อเรื่องเลยค่ะ "ยัยตัวร้ายจุ้นหัวใจนายหน้าหล่อ"


โดย: ขาวน้ำผึ้ง วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:59:19 น.  

 
คุณ phaclam อนุญาตแอดไว้อ่านนิยายได้ครับผม
คุณ ขาวน้ำผึ้ง ท่าจะดี ชื่อน่ารักดีครับ

ก็รอกันนานเลยนะครับเพราะเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน
แต่ตอนต่อไปก็คงจะเข้าสู่ภาวะปกติครับ
ขอบคุณครับ


โดย: พันชิต วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:12:57 น.  

 
ขออนุญาตแอ๊ดนิยายเอาไว้อ่านค่ะ ลงตอนใหม่เร็วๆนะคะ


โดย: gracias (Gracias ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:38:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

พันชิต
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add พันชิต's blog to your web]