Movie Review by negima
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

Dumb & Dumber - " ใครว่าเราแกล้งโง่ หือ ?" (1994)



Dumb & Dumber - ใครว่าเราแกล้งโง่ หือ ? (1994)


Lloyd Christmas หนุ่มซึ่งถูกมองว่าเป็นคนโง่ โดยกมลสันดานกิริยาอาการกระด้างและน่ารังเกียจพร้อมในตัว แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะมีโอกาสได้พบหญิงสาวสักคนที่จะมายืนยันการใช้ ชีวิตร่วมกับเขาบนโลกกว้างที่ว่างเปล่านี้ และเขาก็พบกับ Mary Swanson สาวที่กำลังเดินทางไปสนามบินด้วยรถที่มี Lloyd เป็นผู้ขับ เขาปักใจว่า Mary คือเนื้อคู่ในทันทีที่พบเห็น แต่เมื่อถึงสนามบิน Lloyd เกิดโศกเศร้าที่เห็นนางในฝันเดินขึ้นเครื่องบนโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเองก็ได้เห็นกระเป๋าที่เธอลืมไว้ เขาตัดสินใจที่จะเดินทางนำกระเป๋าไปคืน Mary ด้วยตนเอง โดยหารู้ไม่ว่ากระเป๋าใบดังกล่าวบรรจุเต็มไปด้วยเงินจำนวนมหาศาลเป็นเหตุให้ เขาถูกตามล่าจากสมาชิกแก็งค์มาเฟีย 2 คนโดยไม่รู้ตัวเพื่อช่วงชิงกระเป๋า แต่เขาก็หนีรอดมาได้ อย่างหวุดหวิด Lloyd หนีมาพักอยู่กับเพื่อนชื่อ Harry Dunne เพื่อนผู้มีสติที่ใกล้เคียงกับ Lloyd และเมื่อทั้งคู่ตกลงจะขับรถตู้ที่แต่งเป็นหมาแสนน่ารักเพื่อเอากระเป๋าไป ส่งคืนให้กับ Mary การผจญภัยสุดฮาก็เริ่มขึ้น !




Dumb & Dumber เข้าฉายในปี 1994 เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของพี่น้องตระกูล "Farrelly" ครับ ถือเป็นหนังเปิดตัวที่สร้างชื่อและแจ้งเกิดได้อย่างสวยงามทีเดียว เพราะนอกจากหนังจะได้นักแสดงตลกที่ขายดีและกำลังมาแรงที่สุดในเวลานั้นอย่าง “Jim Carrey” มารับบทนำแล้ว หนังยังเปิดตัวด้วยตัวเลข 25 ล้านเหรียญ และยึดอันดับ 1 ใน Box Office นานถึง 4 สัปดาห์ สะด้วย !! เท่านั้นยังไม่พอ เพราะหนังทุนสร้างเพียง 19 ล้านเรื่องนี้ เป็นหนังตลกที่ฮิตที่สุดของปี 1994 โดยการันตีด้วยรายรับสูงถึง 127 ล้านเลยทีเดียว



ตัวละครเอกทั้ง 2 ของเรื่องจัดว่าเป็นคู่หูคู่ฮาที่มีสีสันและมีบุคลิกเฉพาะตัวเด่นมาก (ถึงมากที่สุด) คู่หนึ่งของทำเนียบหนังตลก Hollywood ครับ ซึ่งตรงนี้นอกจากต้องชมตัว ผกก. Farrelly ที่มาร่วมเขียนบทแล้ว ก็คงต้องยกความดี ความชอบให้กับพี่ “Jim Carrey” และ “Jeff Daniels” ที่ตีบทได้แตกกระจุยสุดๆครับ โดยสิ่งที่ทำให้ตัวละครทั้ง Lloyd และ Harry โดดเด่นก็คือการที่ตัวละครทั้งสองเป็นคนมองโลกในแง่ดี ฉลาดน้อย (ถึงน้อยที่สุด) มีระบบการคิดที่ไร้ซึ่งตรรกะ เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตสุดกู่ มีพฤติกรรมหลุดโลก ทำอะไรเป็นเรื่องเล่นๆไปสะทุกเรื่อง โดยที่ลึกๆแล้วพวกเขาก็เป็นคนดีครับ


ด้านนักแสดง “Jim Carrey” เข้าถึงบท Lloyd ชนิดที่เรียกว่าไม่มีใครเหมาะกับบทนี้ไปอีกแล้วนอกจากเขาครับ พูดถึงความสามรถด้านการแสดงบท “ตลกทางสีหน้า - ท่าทาง” ส่วนตัวว่ายังไม่มีใครเทียบเท่าพี่ Jim เลยสักคนครับ ในฐานะคนที่โตมากับหนังของ Jim Carrey ไล่กันมาตั้งแต่ Ace Ventura: Pet Detective (1994), The Mask (1994), Dumb & Dumber (1994), Batman Forever (1995) , Ace Ventura: When Nature Calls (1995) และ Liar Liar (1997) ซึ่งทุกเรื่องเขาได้มอบการแสดง และสร้างตัวละครที่มีบุคลิกเฉพาะตัวที่น่าจดจำทั้งสิ้น และจะมีนักแสดงสักกี่คนที่สามารถเล่นหนังเกิน 100 ล้าน 4 เรื่องติดกันได้ ! ( และถ้าตอนนั้นพี่ Jim ไม่ไปเล่นใน The Cable Guy (1996) พี่แกคงมีสถิติเล่นหนัง 100 ล้าน 6 เรื่องติดกันไปแล้ว ) กลับมาถึงบท Lloyd ในเรื่องนี้ Jim แสดงเป็นคนที่ดูโง่สุดๆ และ ใส่ซื่อนิดๆในตัว ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเดิน การพูดจา การทำหน้าทำตา ที่งัด “ลูกบ้า” ออกมาแสดงชนิดไม่มีกั๊กครับ นับเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ดีที่สุดที่ Jim ได้งัดความสามารถในการแสดงบทตลกขั้นเทพให้โลกได้เห็นครับ


ส่วน “Jeff Daniels” ในบท Harry ก็ถือว่าเป็นการแสดงที่มีสีสันไม่แพ้กันครับ Jeff แสดงได้เข้าขากับ Jim อย่างน่าตกใจ ตัวละครของเขาไม่ต่างไปจากตัวละคร Lloyd มากนัก เว้นแต่เพียงเรื่องที่เขามักตกเป็นเหยื่อการแกล้งของ Lloyd เท่านั้นเอง



มาถึงส่วนของฉากตลกของเรื่องที่บอกได้เลยครับ ว่าหนังแจ้งเกิดของพี่น้อง Farrelly เรื่องนี้ ไม่ได้มาจากมุขใต้สะดือเลย ! แต่มาจากพฤติกรรมหลุดโง่ และระบบการคิดของตัวละครเอกทั้งคู่ รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องครับ แต่ถึงอย่างนั้นทุกมุขในหนังเรื่องนี้ก็เรียกเสียงฮาได้สุดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นฉากตำรวจจราจรเรียกรถของสองเพื่อนซี้ให้จอด และจบลงด้วยเบียร์รสเด็ด!? , ฉากการกินเกล็ดน้ำแข็งของ Harry ที่แสดงถึงระดับกราฟสมองอย่างชัดเจน ,ฉาก การรำกังฟูของ Lloyd ที่ท่าทางกวนบาทาดีแท้ ,ฉากสลอดเจ้ากรรม !? ,ฉากฆ่านกฮูกด้วยจุกไวน์, ฉากการช่วยชีวิตด้วยสารหนู และอีกสารพัดมุขมากมายในเรื่องครับ ที่ชวนขำสะจริงๆ (อ้อ เกือบลืม ฉากเอานกแก้วหัวขาดไปขายเด็กตาบอด และ ฉากถูกคนแก่นั่งรถเข็นปล้นของไปดื้อๆของ Lloyd อีก ) และที่เด็ดสุดคือฉากจบของเรื่องครับ ที่เป็นการตอบย้ำชื่อเรื่อง Dumb & Dumber เลยก็ว่าได้

ยังไม่พอครับ เพราะนอกจากหนังจะมีบทที่ดี นักแสดงชั้นยอดแล้ว เรื่องของเพลงประกอบของเรื่องก็ถือว่าคัดมาได้ลงตัวกับหนังมากๆด้วย โดยเฉพาะเพลง “Boom shaka laka” ที่อยู่ในฉากเปิดเรื่อง และ เพลง “Whiney, Whiney” ในฉากบาร์เหล้าช่วงกลางเรื่อง ที่ทำนองเพลงเข้ากับอารมณ์เรื่องสะจริงๆ



โดยรวมแล้ว Dumb & Dumber นอกจากจะอุดมไปด้วยความบันเทิงขึ้นสูงแล้ว หนังก็ยังมีข้อคิดเล็กๆให้เราด้วย คือ แม้กับคนที่โง่ถึงโง่ที่สุดอย่างตัวละคร Lloyd และ Harry แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายใครครับ แม้บางครั้งความหวังดีของพวกเขาอาจจะทำให้คนรอบข้างต้องปวดหัวบ้างก็ตาม แม้เวลาจะผ่านไป 10 กว่าปีแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังคงความสนุกและมุขตลกก็ยังชวนฮาอยู่ไม่เปลี่ยนครับ

*เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนังเรื่องนี้**


- Dumb & Dumber มีรายได้สัปดาห์ที่ 2 สูงกว่าสัปดาห์แรกที่เปิดตัวอยู่ 1 ล้านเหรียญครับ โดยทำไป 26 ล้านเหรียญ และยังครองอันดับ 1 ใน Box Office เช่นเดิม

- นักแสดงนำทั้งคู่ของเรื่อง มีหนัง 100 ล้านคนละ 2 เรื่อง ในปี1994 !! โดยหนังอีกเรื่องของ “Jeff Daniels” คือ หนังแอกชั่นสุดม้ามืดของปี Speed (1994) ส่วนรายของ “Jim Carrey” คือหนังตลกเอฟเฟ็กหลุดโลก The Mask (1994)





 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2553
3 comments
Last Update : 18 เมษายน 2554 3:02:31 น.
Counter : 3577 Pageviews.

 

ดูนานแล้ว ลืมไปแล้ว
แต่หลังๆ ชอบ Jim Carrey มากขึ้นเรื่อยๆ มีหนังดีๆ ของเขาหลายเรื่องเลย เช่น Eternal Sunshine...

 

โดย: คนขับช้า 17 พฤษภาคม 2553 20:29:36 น.  

 

ชอบ “Jim Carrey” มากครับ โตมากับหนังพี่เค้าเลยละ ^^

 

โดย: negima_xx 21 พฤษภาคม 2553 16:22:09 น.  

 

อยากได้ DVD เรื่องนี้
เคยซื้อมา
แต่เสียงพากย์ใหม่ ไม่เข้าท่าเท่าเสียงพากย์โรงเลยครับ

 

โดย: noxez IP: 10.0.1.107, 182.52.120.122 24 ธันวาคม 2553 8:05:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


negima_xx
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




!#@# สวัสดีครับ กับทุกๆคนที่เข้ามาสู่ Blog นี้ของผม ขอให้สนุกกับการอ่านรีวิวภาพยนตร์ต่างๆนะครับ อาจจะมีถูกใจมั้ง ไม่ถูกใจมั้ง เพื่อนๆคนไหนคิดเห็นเหมือนกัน หรือแตกต่างกันตรงไหนก็บอกกล่าวกันได้ครับ ^^ #@#!