Group Blog All Blog
|
ที่สุดของหัวใจ
ที่สุดของหัวใจ บริษัท กันตนา พับลิชชิ่ง จำกัด พิมพ์ครั้งที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ ราคา ๑๙๙ บาท
รวมเรื่องราวน่ารักๆ และซาบซึ้งระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับปวงชนชาวไทย
เสียงปริศนา ...ในวันเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่ประทับรถพระที่นั่งไปสู่สนามบินดอนเมือง ทรงได้ยินเสียงตะโกนดังๆ ว่า "ในหลวง อย่าทิ้งประชาชนนะ" ทำให้ทรงนึกตอบบุคคลผู้นั้นในพระราชหฤทัยว่า "ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้" เป็นที่น่าประหลาดว่า ต่อมาอีกประมาณ ๒๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพบชายที่ร้องตะโกนทูลพระองค์ไม่ให้ทิ้งประชาชนนั้นเป็นพลทหาร และในปัจจุบันเขาออกไปทำนาอยู่ในต่างจังหวัด เขากราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่ทรงทิ้งราษฎร เขาทูลว่าตอนที่เขาร้องไปนั้น เขารู้สึกว้าเหว่และใจหาย ที่เห็นพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จไปจากเมืองไทย กลัวจะไม่เสด็จกลับมาอีก เพราะคงจะทรงเข็ดเมืองไทย เห็นเป็นเมืองที่น่ากลัวน่าสยดสยอง เขาดีใจมากที่ได้เฝ้าฯ อีก กราบบังคมทูลถามว่า "ท่านคงจำผมไม่ได้ ผมเป็นคนร้องไม่ให้ท่านทิ้งประชาชน" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "เราน่ะรึที่ร้อง?" "ใช่ครับ ตอนนั้นเห็นหน้าท่านเศร้ามาก กลัวจะไม่กลับมา จึงร้องไปเหมือนคนบ้า" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบ "นั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา" (ที่มา: สมุดภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ จัดทำขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานเป็นที่ระลึกแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ในวโรกาส เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๑)
ไล่ออกก็ยอม นางสาว ชูทิศ แสงชัย (ขณะนั้นอายุ ๒๕ ปี) ...ภูมิพโลภิกษุทรงลาสิกขาในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ รวมเวลาที่ทรงพระผนวชเป็นเวลา ๑๕ วัน ทันทีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ในฉลองพระองค์ชุดเศวตพัสตร์ แต่ไม่ทรงฉลองพระมาลา ประชาชนสตรีจำนวนมากก็เฮโลล้อมหน้าล้อมหลัง เมื่อเสด็จผ่านหญิงสาวผู้หนึ่งที่นั่งพับเพียบราบอยู่ใกล้พระบาท ได้นำดอกไม้มาถวาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับดอกไม้ แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีผู้ใดคิดว่าจะอุบัติก็อุบัติขึ้น สตรีผู้นั้นได้ฉวยโอกาสขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับดอกไม้ คว้าพระหัตถ์มาจูบเสียฟอดใหญ่แล้วก้มกราบ ซึ่งพระบาทสเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผ่อนตามด้วยสีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินไป "ตั้งแต่พระองค์ท่านทรงพระผนวช หนูไม่ได้มีโอกาสมาเฝ้าเลย จะลางานเขาก็ไม่ให้ลา วันนี้เลยหนีงานมา จะขอเฝ้าและจูบพระหัตถ์พระองค์ท่านให้ได้ ถึงจะตายก็ไม่ว่า และแม้ว่าบริษัทจะไล่ออกก็ยอม หนูเลยจูบพระองค์ท่านเสียฟอดใหญ่ แหม...พระหัตถ์ท่านหอมและเย็นดีจังค่ะ..." (ที่มา: หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๙) ตื่นเต้น หม่อมราชวงศ์บุตรี วีระไวทยะ ผู้อำนวยการกองในพระองค์ สำนักราชเลขาธิการ ถ้าเผื่อใครมีโอกาสไปเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พอมองพระเนตรสักพักหนึ่งจะมองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าท่านดุหรืออะไรเลย แต่ว่าพระบารมีท่านมากเหลือเกิน เราจะมองสบพระเนตรท่านไม่ได้เลย บางครั้งอย่างเช่นพวกราชองครักษ์ ครั้งแรกที่ไปรับราชการไปถวายตัว จะต้องมีการเข้าเฝ้าฯ หรือแม้เมื่อกระทั่งเสด็จเข้าในพระตำหนัก จะต้องมีการรายงานตัว บางคนเริ่มต้นเสียงดัง ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรี.............จำชื่อตัวเองไม่ได้ มีเป็นประจำ... แค่ชื่อตัวเองยังจำไม่ได้เลย... (ที่มา : การอภิปราย "พระเจ้าอยู่หัวของเรา" จัดโดย สมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย สำนักงาน กพ. วันเสาร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๐) ยังเอียงนะ ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ปฏิมากร
ตายด้วยกัน ...ขณะที่ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่บนพลับพลา ณ สนามโรงพิธีช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา และกำลังพระราชทานรางวัลแก่โต๊ะครู การพระราชทานต้องหยุดชะงักลงทันที เพราะมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น ๒ ครั้งในหมู่ราษฎรที่นั่งรอเฝ้าฯ... ราษฎรที่นั่งรอเฝ้าอย่างมีระเบียบต่างก็ลุกขึ้นเป็นอลหม่าน บ้างก็นอนคว่ำอยู่กับพื้น บ้างก็ออกวิ่งให้ห่างจากจุดที่มีเสียงระเบิด พากันวิ่งตัดสนามผ่านหน้าพลับพลา ถ้ามีใครหกล้มกับพื้นข้าพเจ้าคิดว่าคงมีการเหยียบกันตายให้เห็นต่อหน้าเป็นแน่...ทุกคนที่อยู่บนพลับพลาต่างก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เห็นราษฎรที่ต่างก็วิ่งรุดไปข้างหน้าจนไกลด้วยความตกใจสุดขีด และสักครู่เขาก็วิ่งกลับมาที่เดิมใหม่ เมื่อไม่มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นอีก เหตุการณ์สงบ สักครู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานรางวัลแก่โต๊ะครูจนเสร็จพิธี ต่อจากนั้นทั้งสองพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่กลับมารอเฝ้าฯ ด้วยพระอิริยาบถและพระราชจริยวัตรเป็นปกติ... มีเด็กสาววิ่งเข้ามาเขย่าพระกรสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ร้องไห้พลางปากก็ร้องว่า "เขาจะฆ่าท่านทำไม ท่านก็รักราษฎร แล้วท่านก็ดีกับพวกหนู" ผู้หญิงแก่คนหนึ่งก็เข้ามากราบบังคมทูลว่า "ท่านอย่าโกรธฉันนะจ๊ะ เสียงมันดังปังขึ้นมา ฉันก็ตกใจวิ่งหนี แต่พอวิ่งไปแล้วนึกขึ้นได้ว่าท่านยังอยู่ที่นั่น ก็เลยต้องวิ่งกลับมาหา คิดว่าถ้าเป็นอะไรขึ้นมาก็มาตายด้วยกัน" (ที่มา: ทำเป็นธรรม โดย ท่านผู้หญิงเกนหลง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา มูลนิธิกตเวทิน จัดพิมพ์น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒)
|
นักแปลเท้าปุย
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] Link |