ดูเหยี่ยว เที่ยวทะเลแหวก ที่บ้านไร้แผ่นดิน .. จันทบุรี
วันหยุดสั้นๆ เราก็เดินทางไปเที่ยวใกล้ๆกรุง งานนี้เราไปที่บางชัน จ.จันทบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. จากกรุงเทพ ผ่านสมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง และก็จุดหมายคือ จันทบุรี ใช้เวลาไม่นานเราก็ผ่านมาตั้งหลายจังหวัดเราวิ่งผ่านเมืองจันไปที่บางชันกันเลย จุดหมายคือหมู่บ้านไร้แผ่นดิน แต่ถ้าเพื่อนๆจะแวะตัวเมืองทานก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงก็จะเป็นการดีไม่น้อย
ครั้งนี้เราไปแบบไม่ได้แพลน เลยตกๆหล่นๆไปบ้าง เวลาไม่พอ ก็เที่ยวเท่าที่ได้ ใช้ถามเค๊าเอา ชาวบ้านว่าเราสามารถเหมาเรือจากท่า"น้ำแดง" ได้ เราก็ไปหาเอาตรงนั้นกันเลย เหมาไป เรือเล็กก็ 1000 เรือใหญ่อีกนิดก็ 1200 บาท เราออกเดินทางกันเลยค่ะ
เริ่มออกเดินทาง ก็ชมบ้านเรือนสองข้างทางกันไป กับป่าโกงกาง
คุณลุงคนขับเรือ และเป็นไกด์จำเป็นของเรา
คุณลุงคนขับเรือเล่าว่าสมัยก่อนแถวนี้มีหอยนางรม กุ้งเยอะไปหมด เดี๋ยวนี้จับทียังไม่พอทำกับข้าวมื้อนึง สภาพของคราบการเก็บหอยที่หลงเหลืออยู่น่าจะพอทำให้เราเห็นถึงร่องรอยของความอุดมสมบูรณืแต่ก่อน ลุงว่าสมัยก่อนคนชอบจับกุ้งไปขาย ปลาก็ชุม แต่กุ้งได้ราคากว่าจึงจับแต่กุ้ง แต่ปลาที่เยอะขึ้นมันก็จะกินกุ้งหมด ชาวบ้านจึงใช้ยาเบื่อปลา พอปลาตายหมด ต่อมากุ้งก็หายหมดไปด้วย
ที่ทำนากุ้ง จะเปิดน้ำเข้าออกแล้วเอาอวนไปดักอีกด้าน
ตอนนี้จึงกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อหอยแทน สถานที่เพาะเลี้ยง เดิมๆ ใช้ไม้และเชือกกับปูนมาทำบ้านหอย
แต่ปัจจุบันไม้มันแพงชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาใช้ขวดพลาสติกแทน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อย environment friendly เท่าไหร่
คุณลุงเล่าว่าเชือก 1 เส้น เจ้าของจะได้กำไร 1 บาท ยัยพลอยรีบถามแค่นั้นเหรอ มีตั้งหลายตัวใน 1 เส้นนะ และดูเหมือนว่าจะต้องเลี้ยงนานไม่ใช่เหรอ กว่าหอยจะโต ฮีว่าเลี้ยงแค่ติดเชื้อหน่ะหนู แค่มีเชื้อก็ขายได้แล้ว พวกคนแถวระยอง ปากน้ำประแส เค๊ามาเหมาเอาไปทำนาต่อ แถวนั้นเค๊าไม่ค่อยมีเชื้อ เชื้อเค๊าไม่ดี ก็เลยต้องซื้อเชื้อที่นี่ไปลง
สักพักเรือก็แล่นไปถึงหมู้บ้านริมน้ำ ที่เป็นบ้านไร้แผ่นดิน ลุงเล่าว่าสมัยก่อนเป็นคนจีนกรุงเทพอพยพมาอยู่กันที่นี่ เพราะตอนเดินเรือมาทำการค้าจากกรุงเทพมองเห็นว่าที่นี่เป็นแห่งที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงย้ายมาลงหลักปักฐานที่นี่และมาทำอาชีพประมง ตอนนี้ก็จะเป็นเจน 3 หรือ 4 แล้ว สมัยก่อนแถวนี้เค๊าเรียกกันว่า "โรงไม้" เพราะคนที่นี่เค๊าตัดไม่โกงกางไปเผาถ่านขาย และรัฐให้สัมปทานการตัด ต่อมาสัมปทานหมด คนที่ทำกินอยู่แถวนี้ก็เลยตั้งรกรากที่นี่กัน
เราลงเรือที่ท่าน้ำหน้าวัดบางชัน หรือวัดอรัญสมุทธาราม
วัดก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณ 130 กว่าปีก่อน
ด้านในโบสถ์
เดินออกมาจากวัก จะเจอโรงเรียนวัดบางชัน ก็ตอกเข็มอยู่บนเลนเหมือนกัน
โรงเรียนเค๊าน่าเรียนมากเลย แต่ละห้องเป็นบ้านหลังเล็กๆ หลังๆไป
หมู่บ้านไร้แผ่นดิน มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "ชุมชนบางชัน" อยู่ที่ ต.บางชัน อ.ขลุง จ.จันทบุรี บริเวณคลองบางชันใหญ่ ไหลไปที่แม่น้ำเวฬุ เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะหมู่บ้านไม่ได้ตั้งอยู่บนแผ่นดิน แต่ใช้ตอกเสา สร้างบ้านกันตรงดินเลน ตามแนวป่าชายเลน สัญจรกันทางเรือเป็นหลัก และประกอบอาชีพประมง แต่ตอนนี้หลายๆบ้านก็มีอาชีพใหม่คือ โฮมสเตย์
เมื่อเดินเล่นก็สอบถามไปเรื่อยๆ ได้ความว่าค่าที่พักจะอยู่ประมาณ 1500-1800 / คน/คืน รวมค่าอาหาร ไม่รวมค่าเรือเดินทางมา บางโฮมก็เป็นบ้านดิบๆเดิมๆ บางโฮมก็จัดแต่งสวยงามน่ารัก สมกะการรับนักท่องเที่ยว
วิถีชาวบ้านทั่วไป
ทำนาเลี้ยงหอย
ชาวบ้านชาวช่อง
ทำประมงและขายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทะเลที่เก็บได้
อายุมากแล้วแต่ยังคิดเลขทำงานคล่องปรื๊อ
ส่วนใหญ่เป็นกุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง กะปิ
อุดมสมบูรณ์แค่ไหนดูเอาเอง เสาบ้านก็ยังมีอาหาร หอยทั้งนั้น
ศาลเจ้าจีนยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ เท่าที่เห็นอิฉันเห็น 2 แห่ง แต่ที่นี่เป็นศาลเจ้าพ่อปากแม่น้ำเวฬุ ซึ่งสร้างพร้อมๆกับการเกิดของชุมชน
อีกศาลเจ้าที่ผ่านชม
เมื่อได้เวลาเราก็ไปทะเลแหวกกัน ทะเลแหวก จะอยู่ในบริเวณปากแม่น้ำเวฬุ ช่วงก่อนที่จะไหลออกทะเล คุณลุงว่าสมัยก่อนชาวเลเค๊าเรียกตรงนี้กันว่า "โขด" เป็นที่รู้กันของชาวประมงว่าถ้าเดินเรือมาตรงนี้แล้วจะทำให้เรือติด อย่ามาใกล้แถวนี้ ให้ล่องในร่องน้ำอื่น เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจ แต่พอพังงาเค๊าโปรโมททะเลแหวก ชุมชนจึงเอ๊ะ เราก็มีทะเลแหวกเหมือนกันหนิ จึงเริ่มโปรโมทบ้าง
คุณลุงก็ชวนให้นั่งแพเปียกแบบนี้ แต่อิฉันขอบาย คุณลุงเลยเศร้าเบาๆที่ต้องเสียน้ำมันพาอิฉันไปเที่ยวต่อ นั่งเรือมาสัก 15 นาที เราก็มาถึงทะเลแหวก ลงไปเดินเล่นสักพัก แล้วเรากลับไปดูเหยี่ยวแดงกัน
เห็นเกาะช้างไกลๆ
ขนาดเรือเล็กที่เราเช่ามา สนนราคา 1000 บาทค่ะ
ขากลับเราจึงวกกลับไปที่ใกล้ๆ ชายหมู่บ้านอีก เพราะเยี่ยวจะออกมาพร้อมกับแพเปียก เมื่อแพเปียกเปิดเพลงดัง เหยี่ยวก็รู้งานว่าต้องออกมาโชว์ตัวได้แล้ว
แพเค๊าจะเลี้ยงเปลวหมูให้เหยี่ยวกิน ทีนี้ก็เยี่ยวก็จะออกมาแดนซ์ให้เราชมบนท้องฟ้ามากมาย ตามเวลาประจำ มันมากมายเลย
ไม่ได้ตั้งใจมา เลยมีแต่กล้องมือถือ เลยได้เหยี่ยวเท่าที่เห็น
เย็นย่ำแล้วถ้าใครประสงค์จะนอนที่โฮมสเตย์ก็พักที่นี่ ส่วนอิฉันกลับก่อนค่ะ จากหมู่บ้านถึงท่าเรือใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ ชมวิวป่าโกงกางและวิถีชาวบ้านปนๆกันไป
ขากลับขับรถผ่านสะพานข้ามทะเลยาวๆไป วิวดี๊ดี อยากจอดรถลงไปถ่ายภาพ แต่คิดว่าเป็นการไม่ควรเพราะเป็นทางสัญจร
ถ้าเพื่อนๆหาอะไรทำวันหยุด หรือ ต้องการความสงบ กินปู ดูดาว ที่นี่ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่ดีไม่น้อยนะคะ เผื่อไว้เป็นอีกตัวเลือกยามว่างแล้วต้องการหาที่ไป จะไปแล้วอย่าลืมจัดครีมกันแดดหนักๆด้วยนะคะ
Ploy Journey Journal
Create Date : 02 พฤษภาคม 2561 |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2561 15:36:40 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1703 Pageviews. |
|
|