Piggypop Diary
|
|||
<<Friday Rewind<<The Chemical Brothers<< < มิวสิควีดีโอ Leave Home มิวสิควีดีโอ Life Is Sweet เพลง Song to the Siren เพลง Chemical Beats และเพลงนี้ยังนำไปใช้ใน ซาวนด์แทร็ค เกมส์ Wipe out ของ เพลย์เสตชั่น 1 อีกด้วย กราฟฟิคในเกมส์ออกแบบโดยกลุ่มคนทำกราฟฟิคฝีมือดีอย่าง TDR เพลง One Too Many Mornings สำหรับอัลบั้มนี้หลายเพลงเป็นซิงเกิ้ลที่พวกเขาทำไว้ในสมัยใช้ชื่อ The Dust Brothers ซึ่งชุดนี้ผมจัดในขึ้นหิ้งอัลบั้มเพลงอีเลคโทรนิคในดวงใจผมเลย มันพลิกโฉมบีทและซาวนด์แบบเดิมๆของเพลงเต้นรำเลยครับ อัลบั้มนี้ของพวกเขาสามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มภาคภูมิและยังมีหลายๆเพลงที่ถูกนำไปรีมิกซ์ โดยดีเจเชื่อดังๆด้วย และผลงานชุดนี้ยังส่งผลให้วงเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นและมีการแสดงสดตามเทศกาลดนตรีต่างๆตามมา หลังจากอัลบั้มแรกสองปีพวกเขาปล่อยอัลบั้มที่สองมาย้ำความสำเร็จของพวกเขากับอัลบั้มที่ชื่อ Dig Your Own Hole ในชุดนี่มี Noel Gallagher จากโอเอซิสมาช่วยร้องและเขียนเนื้อเพลงด้วยในเพลง Setting Sun มิวสิคเพลง Setting Sun เพลงนี้ผมบอกได้เลยว่ามันเพลงเทพจริงๆ ดนตรีมันทั้งหลอนแต่เท่ห์มันเป้นทั้งร็อกและแดนซ์ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ผมก็ว่ามันยังเทพอยู่ มิวสิคเพลง Block Rockin' Beats เสียงกีตาร์แบบไซเคิลเดริคกับบีทลูปซ้ำๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจผมให้ทำงานเพลงอีเลคโทรนิคจากโปรแกม Music ในเครื่องเพลย์สเตชั่น1 อีกด้วยไว้วันหลังจะเอามาให้ลองฟังกันครับขอไปค้นจาก my space ก่อนครับ มิวสิคเพลง Don't Stop the Rock มิวสิคเพลง It Doesn't Matter เพลงนี้ค่อนข้างต่างจากเพลงอื่นในชุดนี้เพราะจะเน้นไปทางอีเลคโทรนิคอย่างชัดเจนซึ่งในชุดหลังๆงานเพลงพวกเขาจะมุ่งเน้นไปแนวนี้ครับ มิวสิคเพลง Where Do I Begin อีกเพลงชั้นเยี่ยมระดับห้าดาวซึ่งได้ Beth Orton มาร้องซึ่งบรรยากาศในเพลงนี้แตกต่างจากทุกเพลงและยังจัดได้ว่าเป็นเพลงชิลเอาท์ยุคแรกที่ชัดเจนในความเป็นอีเลคโทรนิคที่มีท่วงทำนองผ่อนคลาย ล่องลอยและแนวการร้องแบบนี้ทำให้เกิดสไตล์การร้องที่เป็นแนวเฉพาะของเพลงชิลล์ด้วย อัลบั้มต่อมาในปี 1999 ก่อนเข้าสู่ยุค 2000 พวกเขาได้ส่งผลงานชุดที่สามออกมาซึ่งช่วงนี้เพลงอัลเทอร์เนทีฟกำลังอยู่ในช่วงพีคสุดๆ แนวดนตรีทดลองต่างเป็นที่โหยหาของคนฟังเพลงที่ต้องการความสดใหม่ Surrender คืออัลบั้มที่พวกเขาส่งมาเพื่อตอบสนองคนที่ต้องการสิ่งนี้ มิวสิคเพลง Out of Control ซิงเกิ้ลแรกที่ส่งออกมากับมิวสิค วีดีโอที่เนื้อหาฉีกแนวด้านตัวเพลงนับว่าทำออกมาได้เยี่ยมสุดๆ จนหาผลงานชิ้นอื่นๆมาเทียบชั้นได้ยากยิ่ง มิวสิคเพลง Hey Boy Hey Girl อีกเพลงที่ดังเปรี้ยงป้าง!!ผับบาร์ร้านเหล้าเปิดกันสนั่น เป็นเพลงเต้นรำที่ไม่ผูกมัดเฉพาะกลุ่มแต่จังหวะที่เร่าร้อนทำให้เพลงนี้แทรกตัวไปทุกฟลอร์เต้นรำ มิวสิคเพลง Let Forever Be featuring Noel Gallagher อีกเพลงที่อยากตะโกนดังๆว่าแหล่มจริงเพลงนี้ ตั้งแต่แนวดนตรีซาวนด์มันใหม่จริง แถมได้เสียงร้องที่ยียวนของ โนล แห่ง โอเอซิส ผมจัดว่ามันเหมือนเพลง The Beatles ในภาคอีเลคโทรนิค เพลง Dream On featuring Jonathan Donahue นับเป็นธรรมเนียมหนึ่งจากชุดที่แล้วของพวกเขาในเพลงสุดท้ายปิดอัลบั้มจะเป็นเพลงช้า เพลงนี้จัดได้ว่าเป็นเพลงชิลเอาท์ชั้นดีอีกเพลงผมว่ามันล้างหูและผ่อนคลายได้ดีจากการที่เราสนุกกับเพลงต่างๆมาหลายเพลง มิวสิคเพลง Come With Us เพลงนี้เป็นอีเลคโทรแบบเต็มตัวกับบีทแบบเบรคบีทซึ่งในช่วงนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในวงการเพลงอีเลคโทรนิค และเพลงนี้ยังมีอีกเวอร์ชั่นที่รีมิกซ์ โดย Fat Boy Slim ซึ่งนิยมเปิดมากตามฟลอร์ Come With Us (Fatboy Slim Remix) มิวสิคเพลง The Test ที่เต็มไปด้วยสำเนียงสวดแบบแอฟริกัน และขับร้องโดย Richard Ashcroft เพลงนี้มีมิวสิคที่สวยงาม และเสียงสังเคราะห์ต่างๆฟุ้งในบรรยากาศของเพลงอีกด้วยและเป็นเพลงปิดท้ายอัลบั้มที่ไม่ได้เป็นเพลงช้าด้วย มิวสิคเพลง Star Guitar อีกเพลงที่ไม่ควรพลาดทั้งด้านดนตรีและการนำเสนอด้วยบีทและเสียงสังเคราะห์ที่ไม่รกหู วันนี้ผมค่อนข้างร่ายยาวเพราะเพลงของ The Chemical Brothers แต่ละชุดมีความน่าสนใจทั้งในเรื่องซาวนด์เนื้อหาแนวเพลงในแต่ละอัลบั้มค่อนข้างมีความเฉพาะตัวไม่เหมือนแต่ละชุดจะเป็นภาคต่อๆกันแต่มันออกมาแบบแต่ละชุดจะมีความเด่นในตัวของมันเอง โยไม่พึ่งพาความสำเร็จจากอัลบั้มก่อนๆ หลังที่นั้นอีกสามปีพวกเขาก็ปล่อยอัลบั้มที่ชื่อ Push the Button ในปี 2005 ผมจัดให้เป็นอัลบั้มทดลองแนวเพลงใหม่ๆของพวกเขาเพราะดนตรีชุดนี้ค่อนข้างจะต่างไปจากชุดอื่นๆพอสมควร ทำให้เเฟนเพลงที่ชอบเพลงแบบฟังง่ายๆถอนตัวกันไปเยอะครับ มิวสิคเพลง Belive เพลงนี้เพลงดังที่สุดของอัลบั้มนี้ก็ว่าได้ ภาคดนตรีค่อนข้างจะเหมาะกับการแสดงสดและเปิดผ่านเครื่องเสียงมากกว่า เพราะดีเทลมันค่อนข้างเยอะถ้าฟังผ่านหูฟังเวียนหัวเอาง่ายๆ มิวสิคสนุกดีนึกว่าดู Transformer เลย มิวสิคเพลง Galvanize มาในแนวฮิปฮอป ที่ผสานสำเนียงอาหรับเข้ามาจากลูปที่ตัดมาใส่เป็นช่วงๆ บ่นโดย Q-Tip Rapper Producer HipHop Rap ชื่อดังชาวอเมริกัน เพลงนี้เปิดอัลบั้มและแปลกสุดในอัลบั้มนี้แล้ว มิวสิคเพลง The Boxer เพลง Come inside มิวสิคเพลง Close You Eyes เพลงได้วง The Magic Numbers มาร่วมเล่นด้วยนับว่าเป็นเพลงร็อกเพลงเดียวในอัลบั้มนี้เลย เพราะมันแทบไม่เป็นอีเลคโทรเลยถ้าไม่มีเสียงซินธ์มาปนเสียงกลองที่แปลกและโดดเด่นมาก ผมชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้มนี้เลยและเพลงนี้ยาว 6 นาทีกว่าด้วยฟังเพลินดีแปลกใหม่ผมจัดเป็นเพลงที่เยี่ยมอีกเพลงตั้งแต่ฟังเพลงมา มาสู่อัลบั้มที่ 6 ของวง We Are the Night ออกมาในปี 2007 หลังจากก่อนหน้า 2 ปี อัลบั้มนี้เพลงในชุดค่อนข้างจะมีซาวนด์ย้อยุยคไปสู่ยุคกำเนิคเพลง อีเลคโทรปอ็ปในช่วง 80'S มีเพลงน่ารักอย่างเพลง The Salmon Dance มิวสิคเพลง The Salmon Dance มิวสิคเพลง Do It Again มิวสิคเพลงนี้มาแปลกอีกแล้วเรื่องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง กับเด็กเลี้ยงแกะสองคนที่ชอบเต้นๆ ซึ่งซาวนด์ไม่ต้องบอกว่ามัน 80 จ๋าๆเลยซึ่งในช่วงนี้วงแนว อีเลคโทรปอ็ปเกิดขึ้นมากมายที่ใช่ซาวนด์แบบ 80 เช่น Mika มิวสิคเพลง All Rights Reversed ดิสโก้แห่งยุค 2007 เพลงที่มีบีทแบบดิสโก้และท่อนประสานเป็นพื้นหลังของเพลงได้วงแนวคิดเดียวกันอย่าง Klaxons and Lightspeed Champion มาร่วมงานด้วยบอกได้ว่าเป้นเพลงที่ไม่ควรพลาดที่สุดในอัลบั้มนี้ มิวสิคเพลง Saturate อีกเพลงที่ผมชอบในอัลบั้มนี้ด้วยเสียงไตเติ้ลแทร็คที่ติดหูง่าย และจังหวะที่สนุกเหมือนกินข้าวโพดคั่ว เพลง The pills won't help you now อีกหนึ่งบทเพลงที่ดีทีสุดในอัลบั้มนี้เลยร้องโดย Mildlake ซึ่งเป็นวงร็อกอเมริกันเเละพวกเขายังชอบนำเพลงนี้ไปร้องเวลาพวกเขาแสดงสดด้วย และแล้วเราก็มาสู่อัลบั้มที่ 7 ของพวกเขานับว่าเป็นอัลบั้มล่าสุดของพวกเขาอัลบั้มนี้ออกเมือกลางปี 2010 ซึ่งผมนับว่ามันเป็น คอนเซ็ปต์อัลบั้มที่ทุกเพลงล้วนถ่ายทอกออกมาเป็นเรื่องราวทั้ง 8 เพลงในอัลบั้มด้วยซึ่งเขาร่วมางานภาพยนตร์กับ Adam Smith และ Marcus Lyal ซึ่งมีจำหน่ายพร้อมแผ่น ดีวีดี และยังเป้นผลงานที่ออกกับสังกัดใหม่ของพวกเขา Parlophone ด้วยซึ่งแต่เดิมพวกเขาสังกัดค่าย Virgin แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสังกัดทั้งสองก็อยู่ใต้สังกัดใหญ่อย่าง EMI UK. อยู่ดีจะย้ายทำไมงง ผลงานอัลบั้มยิ่งล้ำลึกและฟังยากเหมือนกับปกอัลบั้มที่ดำดิ่งลงไปในห้วงมหาสมุทร มันค่อนข้างจะอารต์สูงเลยทำให้แฟนเพลงหายไปเยอะพอควรกับอัลบั้มนี้ ถ้ามองในแง่ความเป็นปอ็ปมันอาจไม่ติดหูง่ายและไม่เต้นรำเสียเลยแต่ถ้ามองในความงดงามแน่นอนมันงดงามกว่างานทุกชิ้นที่ผ่านมา มิวสิคเพลง Escape Velocity มิวสิคเพลง Wonders of the Deep มิวสิคเพลง Another World เพลงนี้ฟังง่ายมีจังหวะไม่ต้องดำน้ำไปฟังครับเพลงนี้ มิวสิคเพลง Snow มิวสิคเพลง Horse Power มิสิคเพลง K+D+B มิวสิคเพลง Dissolve มิวสิคเพลง Swoon ในอัลบั้มนี้ขอไม่แนะนำดีกว่าว่าเพลงไหนเป็นอย่างไรเพราะมันขึ้นอยู่กับคนฟังด้วยว่าชอบแบบนี้ไหมส่วนตัวผมชอบยิ่งมิวสิควีดีโอด้วยแล้วเยี่ยมมากจะหางานดีๆแบบนี้ยากในยุคนี้ เพราะด้วยความที่มันไม่ใช่งานตลาดแต่เป้นงานอีกมุมมองหนึ่งที่พวกเขาอยากทำการทดลองและถ่ายทอดมันออกมา งานแปลกใหม่ๆถ้าคนที่ไม่ชอบดนตรีที่ล้ำยุคหน่อยคงจะผ่านหูยาก ถ้าให้ผมฟังแบบไม่มีมิวสิคก็อยากนอนเหมือนกันงานมิวสิคดีเลยขอเสนอทั้งแปดเพลงเลย ถ้าเป็นเวอรชั้นที่ขายในญี่ปุ่นจะมีเพลง Don't Think และใน I-Tunes ในอเมริกาจะมีเพลง Pourquoi เพิ่มเข้ามาต่างจากที่ขายในอังกฤษ และในปี 2011 พวกเขาก็มีโอากาศได้ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ทั้งในส่วนที่เป็นสกอร์และเพลงประกอบด้วยกับภาพยนตร์ที่ชื่อ HANNA ธีมหลักของภาพยนตร์ HANNA ตัวอย่างภาพยนตร์ HANNA นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจอีกเรื่อง เป้นไงครับหวังว่าคงจุใจกันนะครับกับผลงานทั้งเจ็ดชุดของพวกเขาอันนี้ผมเขียนทุกชุดเพราะอย่างที่บอกไว้แต่ต้นว่าผลงานเขามีการพัฒนาและในแต่ละชุดการนำเสนองานมันก็ต่างกันถ้ามันเหมือนภาคต่อหรือน่าสนใจบางอัลบั้มผมจะไม่ร่ายยาวเช่นนี้ ไว้วันศุกร์หน้าจะเป็นวงอะไรติดตามกันครับสำหรับวันนี้สวัสดีครับ **สำหรับคนที่อยากทดลองก่อนว่าแนวดนตรีพวกเขาเป็นอย่างไรหรือขี้เกียจฟังทุกชุดอยากจะฟังแต่เพลงสุดยอดแล้วแนะนำอัลบั้มรวมเพลงพวกเขาครับ Brotherhood มีเป็นซีดีคู่ครับ** ***หน้าปกอัลบั้มชุดต่างๆ*** Exit Planet Dust Dig Your Own Hole Surrender Come with Us Push the Button We Are the Night Further Hanna |
DJ.piggypop
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ผมเคยตามงานของพวกเขาอยู่สองสามชุดครับ ทำเพลงได้ฟังเพลินดีทีเดียว
ปล.ขอบคุณมากครับ