Piggypop Diary
|
|||
พระพุทธรูป พุทธศิลป์แห่งความงามของศิลปะเพื่ออุทิศแด่พระศาสนา แผนที่การเดินทาง //g.co/maps/prq2w แฟนเพจเฟสบุ๊คไปไหว้พระ //www.facebook.com/paiwaipra เว็บไซต์ของเรา //www.paiwaipra.com ทุกท่านที่ติดตาม BLOG ของผมถ้าชื่นชอบในงานเขียนหรือมีข้อเสนอแนะในงานเขียนรบกวนช่วยแวะเวียนไปเป็นแฟนเพจไปไหว้พระดอทคอมได้นะครับที่ facebook และเร็วๆนี้เตรียมพบกับเว็บไซต์ของเรา paiwaipra.com เพราะในเฟซบุ๊คจะมีการอัพเดทรูปหรือรายละเอียดต่างและพูดคุยเเลกเปลี่ยนข้อมูลข้อคิดเห็นกันเพื่อจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นในเรื่องข้อมูลครับ วันนี้จะพาไปเดินชมพระพุทธรูปสมัยต่างๆ เพื่อให้ทุกคนได้ชมความสวยงามของงานช่างศิลป์ในสมัยโบราณที่ได้สร้างผลงาน ให้โลกได้จารึกถึงงานศิลปะที่ทำเพื่อพุทธศาสนา เพื่อให้คนรุ่นเราได้เห็นถึงคุณค่าว่างดงามไม่แพ้งานช่างศิลป์แบบตะวันตก สิ่งที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือในสมัยโบราณไม่ได้มีการบันทึกว่าศิลปินท่านใดเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้ขึ้นมา ส่วนใหญ่จะมีระบุเฉพาะผู้ที่สร้างเท่านั้น นอกจากเราจะสมารถชมศิลปะวัตถุได้ที่พิพิทภัณฑ์แล้วยังสามารถที่จะหาชมได้ตามวัดต่างๆ แต่ที่มาชมวันนี้เรียกว่าได้ชมทุกยุคทุกสมัยเลยครับ คือระเบียงรอบๆพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร นั่นเองครับ ซึ่งนอกจากที่วัดเบญจแล้วเรายังสามารถหาชมพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ได้ที่ วัดโพธิ์ ครับ ซึ่งถ้าใครได้มาสองวัดนี้แล้วลองเดินทัศนาดูครับ อย่าแค่ไหว้พระเสร็จแล้วกลับผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายสิ่งให้เราได้ชมกัน ส่วนเรื่องประวัติเกี่ยวกับวัดเบญจมบพิตร จะนำเสนอในคราวต่อไปวันนี้เราลองมาชมกันว่าพระในแต่สมัยเป็นอย่างไร เชิญทัศนาได้แล้วทุกท่าน พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรถ่ายจากซุ้มประตูด้านหลัง พระอุโบสถมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ซึ่งภายในโบสถ์จะมีภาพเขียนพระมหารธาตุเจดีย์สำคัญทั่วประเทศแสดงอยู่ในซุ้มภายใน ซึ่งหนึ่งในภาพนั้นเป็นฝีมือการเขียนของ อ.เฟื้อ หริพิทักษ์ ด้วย ภายในโบสถ์สวยงาม แสงไฟด้านหลังองค์พระพุทธชินราชเสมือนรัศมีที่เปล่งออกมาให้เราอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กราบ วันทีถ่ายชาวต่างชาติบางคนถึงกับเอ่ยปากว่า Very beautiful ครับ พระพุทธชินราช องค์จริงอยู่ที่วัดมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งใครผ่านไปทางภาคเหนือมักแวะสักการะขอพรก่อนเดินทางต่อ สมัยก่อนบริเวณหน้าวัดจะมีบ้านเรือนแพไม้สักอยู่หลายลำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว หลังจากสัการะพระประธานและเดินชมความวิจิตรในโบสถ์แล้วเรา มาเดินชมพระสมัยต่างๆกันครับ องค์แรกพระพุทธธรรมจักร ซึ่งเป็นแบบสมัยลพบุรีซึ่งมีอิทธิของขอมเข้ามาปนอยู่มากสังเกตุจากรูปสิงห์ที่แสดงท่าการแบบกรับพระพุทธรูป รูปร่างท่านจะอวบอิ่มแต่ยังคงมีกลิ่นอายแบบอินเดีย และทราวดีปนอยู่ด้วย ต่อไปจะพาไปชมพระพุทธรูปแบบลพบุรีครับ สังเกตุพระพักต์ให้ดีจะมีใบหน้าเหมือนคนสูงอายุ ในส่วนตัวผมไม่เคยเห็นพระพักต์แบบนี้มาก่อน ส่วนองค์นี้เป็นพระสมัยทราวดี พระศิลา ปางแสดงธรรมซึ่งศิลปะทราวดีจะได้รับอิทธิพลแบบอินเดีย ส่วนองค์นี้เป็นพระศิลาศิลปะแบบลังกา พระปางประทานอภัย ซึ่งจะเป็นแบบอินเดีย พระปางมารวิชัย พระพุทธรูปแบบอู่ทองสมัยอยุธยาตอนต้น งแบบอยุธยายังมีลักษระแบบลพบุรีผสมอยู่ ในสมัยหลังจะมีพระพุทธรูปที่ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ซึ่งผมคิดว่าเป็นเอกลักษณ์ศิลปะอยุธยาจริงๆ พระพุทธรูปปางนั่งขัดสมาธิ แบบขอมซึ่งถ้าสังเกตุจะคล้ายๆ แบบลพบุรีและอยุธยา พระพุทธรูปปางลีลา สมัยสุโขทัยซึ่งพระแบบสุโขทัยจะออ่นหวาน ลายผ้าพริ้วไหวสวยงามแบองค์เรียกได้ว่าพระสมัยสุโขทัยมีความงดงามที่สุดยุคหนึ่งเลยทีเดียว พระพุทธรูปปางประธานชัยมังคล สมัยอยุยา ซึ่งปางนี้ผมเห็นที่นี่ซึ่งเรียกว่าทรงเครื่องจริงมีซุ้มเรือนแก้วด้านหลังที่สวยงาม รายละเอียดต่างๆ มีความงดงามมาก นิ้วมืออ่อนไหวเหมือนภาพจิตรกรรม พระพุทธรูปปางมารวิชัย แบบศิลปะเชียงแสน ซึ่งเป็นงานศิลปะแบบล้านนาทางเหนือเชียงราย เชียงใหม่ พระพุทธรูปปางแสดงทุกกริยา เป็นศิลปะแบบกรีก คันธะราษฏร์ ลักษณะเหมือนคนจริง เพราะการปั้นพระพุทธรูปครังแรกปั้นโดยช่างชาวกรีก เพราะกรีกเคยเข้ามาทำสงครามกับอินเดียและนำศิลปะมาเผยแพร่ และยุคต่อมาของอินเดียก็จะมีอิทธิพลกรีกผสม แต่ถ้าเป็นแบบอินเดียสมัยต่อแบบคุปตะจะมีรูปร่างอ้วนท้วมอิ่มเอิบตามแบบศิลปะอินเดีย พระพุทธรูปแบบศิลปะญี่ปุ่น หลังศรีษะจะมีแสงรัศมีโดยรอบ ที่นำเสนอให้ชมแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ถ้าใครว่างๆ วันหยุดลองไปเที่ยวชมดู ครานี้นอกจากเราได้ไหว้พระขอพรทำบุญแล้วเรายังได้รู้ถึงว่าพระพุทธรูปแบบนี้อยู่ในสมัยใด ไปวัดมีแค่ของน่าดูน่าชมครังต่อไปจะพาไปไหว้พระที่ไหนติดตามกันนะครับ ขอบคุณที่นำชมค่ะ ...เราก็ชอบเที่ยววัดเช่นกัน แต่ไม่ได้เขียนละเอียดขนาดนี่
โดย: นัทธ์ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:24:59 น.
|
DJ.piggypop
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |