N e x t to t h e Beginn ing !!
แบลลล่.... โฮะ...โฮะ...โฮะ....ฮัลโหล...ฮับ...
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 

แนน-อมิตา: ต้องลองรักสักกี่ครั้ง

ไม่แน่ใจมากๆเลยว่าสมควรนำเรื่องนี้มาลงที่นี่หรือเปล่า คือ ไม่มั่นใจในเรื่องลิขสิทธิ์ (เพราะหนังสือกำลังวางแผงอยู่) และความเหมาะสมของผู้อ่าน (โปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์เรื่องนะคะ)

อย่างไรก็ตาม เจ้าของ Blog ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีกับผู้เขียนนะคะ คือ อ่านแล้วค่อนข้างกระทบกับความรู้สึกมากๆๆ ว่าทำไม และ อะไร จึงทำให้ผู้เขียนใช้ชีวิตโดยการไล่ล่าความฝันเช่นนั้น..... (อ่านไปก็วิเคราะไปน่ะคะ) ดังกล่าว จึงขอนำเรื่องนี้มา Share ที่นี่นะคะ

* หากพบว่าไม่เหมาะสมหรือไม่อย่างไร ก็แจ้งมาให้ทราบด้วยละกัน....



ต้องลองรักสักกี่ครั้ง
แนน อมิตา ชินสำเร็จ

กระเทาะหัวใจ “แนน”

บทนำ
ก่อนอื่นแนนอยากจะบอกว่าหนังสือเล่มนี้ของแนนไม่ได้มีเจตนาที่จะแฉใครต่อใครให้อายนะคะ หากอ่านกันดีๆจะพบว่าแนนไม่ได้บรรยสยถึงบทรักอะไรเลย นอกจากบอกใบ้ตัวบุคคลแค่เพียงนิดๆหน่อยๆแต่ไม่ได้ระบุแบบชัดเจน ทั้งนี้ก็เพราะว่าจุดประสงค์หลักๆก็คือ แนนอยากจะบอกว่า การที่ใครสักคนหนึ่งจะพบเจอรักแท้นั้นเราไม่ควรเอาร่างกายของเราเข้าไปทดสอบกับใครต่อใคร เพราะความรักมันไม่ใช่เสื่อผ้าที่จะถอดแล้วใส่ ถอดแล้วลองไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น ความรักจะต้องใช้หัวใจเท่านั้น แนนอยากจะขอบคุณและขอโทษทุกๆคนที่กล่าวอ้างถึงในหนังสือเล่มนี้ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์แห่งชีวิตของแนน มาช่วยสอนให้แนนได้เรียนรู้อะไรมากมายบนโลกใบนี้ ในหนังสือเล่มนี้ยังคงมีอะไรๆที่เป็นความลับของเราสองคน แนนบอกเล่าแค่เพียงบางส่วนเท่านั้น ขอบคุณทุกๆคนด้วยใจจริง

แนน อมิตตา

สารบัญ

- ก้าวที่พลาด
- จุดเริ่มต้น (อยากมีแฟนเป็นดารา)
- แฟนคนแรก..นักร้องหน้าตี๋
- นักร้องอินดี้หัวสีทอง
- พระเอก 5 ดาว
- SEX ในลิฟท์กับนักร้องมาร์ดเซอร์
- ดีเจ...เสียงใสๆ
- รสรัก...พระเอกไม่มีดั้ง
- มือกีต้าร์ขาร็อค!
- ฉันรักผัวเขา !!
- รักชั่วคราวจากตัวประกอบ
- เรื่องคาวๆกับพระเอกหนัง
- แฟนตัวจริง
- แอบกินนักร้องหน้าละอ่อน
- หนุ่มแรพ-เขย่ารัก
- ผู้ชายคนสุดท้ายกับหัวใจที่เป็นจุดจบ!
- บทส่งท้าย

ก้าวที่พลาด

“แนนทำไมช่วงนี้อ้วนจัง”
“ไปทำอะไรมาเนี่ยแนน ดูอ้วนขึ้นนะ”
“แนนท้องหรือเปล่าเนี่ย”
“แนนดูเหมือนคนท้องเลยนะเนี่ย”

หลายคำถามที่แนนได้ยินจากคนใกล้ตัวในระยะนี้ทำให้แนนต้องกลับมาย้อนถามตัวเองว่าเป็นเพราะว่าอะไรนะ..... ในตอนแรกที่โดนทักว่าอ้วน ยังพอจะตอบตัวเองได้ว่า สงสัยเราจะกินเยอะ นอนมาก ออกกำลังกายน้อยแน่ๆ หุ่นถึงได้ฉุขึ้นๆอย่างปิดใครไม่มิด

แต่พอคำว่า “ท้อง” มาสะกิดใจ...สมองก็ทำงานมากขึ้น เหตุผลต่างๆถูกรวบรวมมากลั่นกรอง จนได้ข้อสงสัยเพิ่มขึ้น ประจำเดือนที่หายหน้าไปเกือบสองเดือน, อาการอยากกินอาหารมากผิดปกติ, รูปร่างที่ฉุขึ้นมาอย่างรวดเร็วเกินปกติ แถมด้วยอาการหน้ามืดบ่อยๆ อาเจียนอีกเรื่อยๆ และเมื่อแนนเริ่มเอะใจว่าตัวเองจะท้อง แนนก็ไม่รอช้า รีบไปซื้อเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองมาพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะทันที

เย็นวันนั้นแนนไม่รอช้าที่จะทำการตรวจปัสสาวะตามวิธีการที่แนะนำในกล่อง
และผลองมันก็ออกมาว่า “แนนตั้งครรภ์”
แต่แนนไม่เชื่อหรอก เพราะเครื่องมือที่ผลิตออกมาไม่รู้กี่พันกี่แสนโหลมันก็มีสิทธิ์มั่วได้ไม่ยาก แถมวิธีแนะนำการใช้ยังระบุอีกว่า การตรวจปัสสาวะ โดยการใช้ปัสสาวะ โดยการใช้ปัสสาวะในช่วงเช้าจะได้ผลที่ดีที่สุด และถูกต้องที่สุด

คืนนั้นแนนนอนแทบไม่หลับ แอบลุ้นในใจว่าผลที่ได้มันจะออกมาไม่เหมือนอย่างการตรวจครั้งแรก แนนนอนคิดไปคิดมาหลายตลบจนไม่รู้ว่าตัวเองผลอยหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็เช้าตรู่ แน่นอนว่าแนนไม่รอช้า ตื่นปุ๊บรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อเช็คปัสสาวะตัวเองทันที

และผลออกมาก็ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง เพราะคำตอบที่ได้มันไม่ต่างจากเมื่อคืนเลยแม้ว่าจะใจเสียไปไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดใจ แนนพยายามคิดว่าผลปัสสาวะอาจจะผิดเพื้ยนไปได้ เพราะความเครียดที่เกิดขึ้น และที่สำคัญแนนซื้อที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเองมาถึงสามชุด เนื่องจากกลัวว่าผลที่ได้จะไม่ชัวร์ แนนเลยต้องการเช็คชัวร์ซึ่งเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ทั้งสามชุดแสดงผลไม่ต่างกัน ทำให้แนนมั่นใจว่าตัวเองท้องชัวร์ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาฟันธง

วินาทีแรกที่รู้ว่าตัวเองท้อง ยอมรับว่าสับสนมากๆ สับสนจนน้ำตาไหล
“เราจะทำยังไงกับชีวิต”
นี่คือคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจ ไหนจะงานที่รับเอาไว้มากมาย ไหนจะด้วยความเป็นลูกผู้หญิง ท้องตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน แม่จะเสียใจแค่ไหน คนที่เป็นแฟนเรา เป็นพ่อของลูกในท้อง ถ้าเขารู้ตัวว่าเขากำลังจะได้เป็นพ่อคน เขาจะรู้สึกยังไง หลากหลายความคิดตีกันอยู่ในสมอง

สุดท้ายแนนตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาพ่อของลูกในท้อง เขาเป็นผู้ชายที่แนนรักมาก และแนนก็เชื่อมั่นว่าเขาเองก็รักแนนไม่น้อยเหมือนกัน แม้ว่าเขาอาจจะรักแนนไม่มากเท่าที่แนนรักเขา แต่แนนก็แอบคิดว่าอย่างไรเสีย เขาคงจะรู้สึกดีใจบ้างไม่มากก็น้อย ที่เขาจะได้มีลูกกับแนนอย่างที่เราสองคนเคยวาดฝันเอาไว้ด้วยกัน

“ฮัลโหลพี่ แนนมรเรื่องสำคัญจะบอกพี่”
“มีเรื่องอะไรเหรอแนน”
“พี่...แนนท้อง”

น้ำเสียงของแนนตอนนั้น ถ้าอัดเทปไว้ฟังก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน
“ท้อง?!? ท้องกี่เดือนแล้ว”
น้ำเสียงเขาดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย และเขาก็ปรับเสียงเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้อย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“น่าจะเกือบสองเดือนแล้วพี่”
แนนตอบไปพร้อมๆกับพยายามหยั่งความรู้สึกของคนทางปลายสาย ว่าเขารู้สึกอย่างไร
“เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวพี่โทรกลับนะแนน พี่ทำงานอยู่”
“ได้ค่ะ แนนจะรอ”

และหลังจากวันนั้นจวบจนวันนี้ แนนก็ยังคงรอ...รอ และรอ ตามคำที่เขาบอก ซึ่งเขาไม่เคยโทรมาหาแนนอีกเลย เรื่องลูกไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะนำพามาคุยกับแนน
แนนเข้าใจผิด
แนนคิดผิด
แนนคิดว่าเขากำลังยุ่งกับเรื่องตรงหน้าอยู่จริง ถ้าเขาว่างเขาคงโทรมาหาแนนเองตามคำที่เขาบอก แต่เปล่าเลย เขาไม่คิดจะโทรมา เขาไม่คิดแม้จะเหลียวแลใส่ใจ ผู้หญิงอย่างแนนหรือแม้กระทั่งลูกในไส้ของขา ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ในท้องของแนน!!!

วันนี้แนนไม่เสียใจสักนิดที่กำลังจะมีลูก และจะได้เป็นแม่คน
แต่วันนี้แนนเสียใจที่สุดที่แนนไม่มีเขาคนที่แนนรักยืนอยู่เคียงข้าง

แต่แนนเข้าใจว่าเพราะอะไร เขาถึงได้จากแนนไป เขาไม่ได้ผิด เป็นเพราะตัวแนนเอง ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี แต่แนนก็ทำ แนนใช้ความเป็นเด็กบ้าดาราสร้างประสบการณ์ต่างๆในชีวิตมากมาย และประสบการณ์เหล่านั้นแหละที่ทำให้แนนเป็นผู้หญิงที่ท้องไม่มีพ่ออย่างทุกวันนี้

ส่วนใครที่อยากจะรู้ว่าพ่อเด็กคนนี้คือใคร...ปริศนาที่นักข่าวพยายามติดตามแต่ไม่ได้คำตอบ...ลองอ่านดูไปเรื่อยๆก็แล้วกันค่ะ......




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2550
19 comments
Last Update : 19 พฤษภาคม 2550 16:01:04 น.
Counter : 2357 Pageviews.

 

จุดเริ่มต้น (อยากมีแฟนเป็นดารา)

ชีวิตของแนนก่อนจะเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง แนนก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง เป็นนักเรียนมัธยมต้น ซึ่งมีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง โดยการนำพาของโมเดลลิ่ง ซึ่งวิถีชีวิตก็คงไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นหลายๆคนในวันนี้

คนอ่านหลายคนอาจจะนึกภาพแนนในวัย 14 ปีที่เพิ่งเริ่มต้นเข้าวงการไม่ออก ขอบอกว่าวันนั้นกับวันนี้ต่างกันมากมายนะคะ แนนในวันนั้นเป็นเด็กใสๆดูเหมือนไม่รู้ประสีประสาอะไรกับใครเขา ความแรดที่มีอยู่ในตัวก็ถูกซ่อนเอาไว้ลึกๆ เหมือนที่บางคนอาจจะเรียกกันว่า “แรดเงียบ”

และด้วยความที่แนนมาจากโรงเรียนหญิงล้วน เวลาที่มาทำงานในวงการบันเทิง ต้องไปออกงาน ไปประกวดตามเวทีต่างๆต้องเจอเพื่อนๆมากหน้าหลายตาทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย บอกตามตรงว่าเวลาเจอผู้ชายทีไร แนนก็จะรู้สึกวางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะทความรู้จักยังไง จะเรียกว่าตื่นต้นก็ไมผิดนะคะ

ความตื่นเต้นที่ได้มีเพื่อนผู้ชาย บวกกับความชื่นชมดาราเป็นพิเศษ หรือจะเรียกแบบชาวบ้านๆก็คือแนนเป็นเด็กบ้าดารา ทำให้เวลาแนนเจอดาราดังๆหรือคนมีชื่อเสียง แนนอดจะขอเช็คเรทติ้งความสวยไม่ได้เสียทุกที บางคนอาจจะเกิดความคิดว่าแนนเนี่ยสวย มีความสวยอะไรให้เช็ค ขอบอกว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสินกันนะคะ เพราะถ้าได้ฟังเรื่องที่แนนจะเล่าต่อไปนี้ แล้วคุณอาจจะต้องหยุดคิดใหม่อีกหน แม้แนนจะไม่ได้สวยหยาดเยิ้ม แต่เชื่อสิว่าแนนคงมีดีอะไรบ้างล่ะน่า ถึงทำให้มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามได้แบบไม่ธรรมดา

และด้วยความเป็นเด็กบ้าดารา แน่นอนว่าแนนก็มีความใฝ่ฝันสูงสุด คือหวังว่าจะหาแฟนเป็นดาราให้ได้สักคน อย่าเพิ่งตัดสินว่าแนนเป็นคนมีความคิดปบบคนไร้สมองเลยนะคะ ก็เด็กบ้าดาราคนหนึ่ง จะฝันอะไรมากไปกว่าการได้ดาราที่ชื่นชอบมาเป็นแฟนล่ะคะ ลองดูสิแฟนคลับที่วิ่งตามดารากันให้เหนื่อยอยู่ทุกวันนี้ ลองไปถามดูได้ ถ้าเขาไม่โกหก ถ้าเขากล้าเปิดเผยความจริงในใจ แนนว่าทุกคนแหละนะคะ อยากได้เป็นแฟนดาราที่ตัวเองชื่นชอบทั้งนั้น หรืออย่างน้อยๆก็ขอให้ได้นอนกับดาราสักครั้งในชีวิต!!

และด้วยความรู้สึกของเด็กบ้าดาราอย่างแนน การที่ได้เป็นแฟนดารา การที่ได้มีคนดังเป็นแฟนมันทั้งโก้ ทั้งเก๋ เท่ห์ไม่หยอกเลยละคะ เดินไปไหนก็มีแต่คนมอง เพื่อนๆที่โรงเรียนก็พากันอิจฉา แนนกลายเป็นดาวของดรงเรียนได้ก็เพราะมีแฟนเป็นดารานี่แหละคะ
เพราะฉะนั้นผู้ชายเดินดินธรรมดาในเวลานั้นไม่ต้องมาเสียเวลาจีบแนนให้ยากเลยนะคะ เพราะแนนไม่มีเวลามาชายตามอง หรือเหลือบตาไปใส่ใจใยดีด้วยสักนิด เพราะเวลาทั้งหมดที่แนนมีให้กับความรัก แนนมุ่งมั่นตั้งใจไปเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น ถ้าไท่ใช่ดารา ไม่ใช่คนดัง แนนเชิ่ดใส่สถานเดียว




แฟนคนแรก...นักร้องหน้าตี๋
แฟนคนแรกของแนนเป็นนักร้อง หน้าตาดี ที่กำลังออกเทปกับค่ายหนึ่งค่ะ เขาเป็ผู้ชายคนแรกที่แนนคบหาด้วยในวงการบันเทิง สมมติว่าเขาชื่อทีนะคะ ทีเป็นคนมีอนาคต ฐานะทางบ้านดี การศึกษาก็ดี เคยโด่งดังกับรักหวานๆทรมานหัวใจวัยรุ่น ปัจจุบันแม้ว่าทีจะไม่ได้ทำงานในวงการแล้วแต่ทีก็ยังส่งน้องชายสุดหล่อของเขามาเฉิดฉายอยู่ในจอทีวีมาร้องเพลงหวานๆให้แนนได้เห็นและหวนคิดถึงเขาอยู่บ่อยๆ

พูดถึงทีแล้ว แนนมีโอกาสเจอเขา เพราะว่าไปประกวดหนุ่มสาวหน้าใส ซึ่งแนนได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดเวทีนี้ด้วยนะ แต่เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งคิดว่าผู้ชายคนที่แนนว่าเขาเป็นรางวัลที่ทางกรรมการแจกให้แนนนะคะ

เรื่องของเรื่องมันอยู่ที่ว่า ระหว่างการประกวดก็มีการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้ประกวดทั้งหมด ซึ่งภายในงานก็ได้รับเกียรติจากศิลปินหน้าใหม่ที่เพิ่งจะออกเทป และเริ่มมีชื่อเสียงอย่างทีมาเป็นแขกรับเชิญ แรกเริ่มแนนก็ยังไม่ได้คิดอะไรหรอกนะคะ รู้แต่ว่าเขาเป็นศิลปิน เจอหน้าก็แค่ขอถ่ายรูปคู่ธรรมดาๆ เหมือนเด็กที่ชื่นชอบศิลปินคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ดังมาก แต่แนนก็ได้ยินประวัติมาว่าเขาเป็นคนเรียนเก่งมาก แล้วหน้าตาก็ดีพอสมควร แถมเขายังมาพูดคุยแบบใกล้ชิดกับแนนอีกด้วย ทำให้เกิดความปลื้มขึ้นในใจ

และที่ประทับใจไม่มีวันลืมเลยก็คือ ครั้งแรกที่สบตากัน แนนยังจำความรู้สึกวันนั้นได้ มันเหมือนว่าเราปิ๊งกัน คือเราหันไปทีไร เขาก็แอบมองอยู่ทุกที และพอตาประสานตาทีไร เขาก็จะออกอาการเขิน ซึ่งแนนเองก็เขินเหมือนกันนะคะ เพราะตอนนั้นแนนก็ยังเด็กๆอยู่ ไม่ค่อยกล้าเหมือนกัน แต่ในใจตอนนั้นก็คิดว่า ถ้าเราต่างเขินต่างนิ่งกันไป ไม่พยายามที่จะคุยกัน ก็คงต้องต่างคนต่างแยกย้ายกันไป โดยที่ไม่ได้รู้จักกันแน่ๆ แนนก็เลยพยายามหาเรื่องคุยกับเขาจนได้

หลังจากที่ได้นั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน โดยแนนก็เล่าให้เขาฟังถึงการเดินสายประกวดเวทีต่างๆ เขาก็เล่าประสบการณ์การเป็นนักร้องให้แนนฟัง สุดท้ายก่อนลาจากกันก็ทำการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน.....บอกตามตรงแบบไม่โหกเหมือนกัน พอแยกกันมาแล้ว แนนรู้สึกประทับใจเขามากกว่าเดิมเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาก็อยากจะโทรหาเขามาก แต่ก็ไม่โทรนะ คือเขาไม่โทรมา แนนก็ไม่โทรไปเหมือนกัน เราเป็นลูกผู้หญิงนี่คะ จะให้โทรไปตามจิกผู้ชายก่อนก็กระไนอยู่ ตอนนั้นยังเด็กๆอยู่ด้วย อายุยังไม่ถึง 15 เต็มที่เลย

และแล้วเวลาก็ผ่านมาได้เกือบเดือน แนนก็เจอกับทีอีกครั้งที่งานสังคมแห่งหนึ่ง พอเจอหน้ากันปุ๊บต่างคนก็ต่างจำกันได้ ทักทายกันด้วยความคิดถึงไปตามประสา แล้วพอเลิกงานเขาก็เริ่มโทรมาคุยด้วย ซึ่งลักษณะการโทรมาคุยของเขาตอนนั้น แนนก็รู้เลยนะคะว่าเขาต้องสนใจเราแน่ๆ ซึ่งเราเองก็สนใจเขาอยู่เหมือนกัน

แนนกับทีคุยโทรศัพท์กันอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน เขาก็ขอนัดออกมาเจอบ้างด้วยความคิดถึง ยังจำได้เลยค่ะ วันนั้นเขานัดแนนมาเดินเซ็นทรัล ลาดพร้าว พาแนนไปกินข้าว แล้วก็เดินดูของ ซึ่งตอนนั้นเขาเองก็ยังไม่ดังมากนะคะ เทปก็เพิ่งจะวางได้ไม่นาน แต่เดินไปไหนมาไหนคนก็มองอยู่นะ แนนเองก็ปลื้มไม่น้อย มีแฟนเป็นนักร้อง แถมเป็นหนุ่มในสเปคอีกต่างหาก

คือ เขาเป็นคนหน้าตาดี สูง แล้วก็เรียนเก่งด้วย คือชีวิตเขาค่อนข้างจะเพอร์เฟคมาก ฐานะทางบ้านทุกอย่างดีหมดเลย ตอนแรกก็คิดว่าถ้าเป็นแฟนก็คงโก้ดีเนอะ และพอได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ มันก็เหมือนฝันเป็นจริงนะคะ

วันที่เขานัดแนนออกมาเดท นี่แนนไม่คิดนานเลยนะคะ ด้วยความชอบเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ยิ่งเขามาตามจีบเราอีกด้วย แนนก็ตกปากรับคำทันทีเลย และก็ภูมิใจมากเวลาเดินด้วยกัน ใครๆก็มองว่าเราเป็นแฟนเขาและช่วงยุคนั้นยังฮิตใช้เพจเจอร์กันอยู่ เขาเองก็เพจมาหาแนนบ่อยๆ
ทานข้าวหรือยังครับ
ทำอะไรอยู่ครับ
แนนก็ได้เอาข้อความเหล่านี้ไปอวดเพื่อน ว่านี่นักร้องคนนี้เพจมาหาฉันนะเธอ ไม่ธรรมดานะจ๊ะ ซึ่งเวลานั้นแนนภูมิใจมากๆตามประสาเด็กบ้าดาราคนหนึ่ง แต่เพื่อนเชื่อในสิ่งที่เราบอกหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แล้วก็มีถ่ายรูปคู่กันไว้รูปหนึ่งแนนจำได้ แนนก็เอารูปไปแปะที่โต๊ะเรียนเลย นั่งเรียนอยู่ก็เห็นเขาตลอด ประหนึ่งว่าเป็นแฟนที่สวีทกันมากๆ

เพื่อนๆบางคนพอรู้ว่าแนนเป็นแฟนนักร้องก็เอาไปเม้าท์ต่อกันในโรงเรียนว่าคนนี้มีแฟนเป็นนักร้องชื่อนี้ๆนะ ซึ่งแนนก็ภูมิใจนะคะที่เขาเอาไปเม้าท์กัน เพราะเราก็อยากให้คนรู้อยู่แล้ว แต่เพื่อนบางคนก็จะอารมณ์แบบว่าจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ คืออาจจะหมั่นไส้เล็กก็มี แต่แนนก็ไม่ซีเรียสนะ จะคิดยังไงก็ช่าง เรื่องจริงเป็นยังไงชั้นนี่แหละรู้ดี

วันแรกที่นัดเจอกัน พอเดินเที่ยวเสร็จเขาก็ชวนไปเที่ยวบ้านเขา ที่อยู่ตรงแถวเกษตร ซึ่งตอนนั้นแนนก็ไม่ได้คิดอะไรนะคะ รู้แต่ว่าบ้านเขามีฐานะ ครอบครัวเขาดูดี ก็อยากไปเที่ยวเขาอยู่แล้ว พอไปถึงก็ได้เจอคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งพ่อแม่เขาก็ต้อนรับเราดีนะคะ เหมือนเราเป็นเพื่อนลูกชายเขา

ตอนแรกพอไปถึงก็นั่งดูทีวีกันพร้อมหน้าพร้อมตาตรงห้องรับแขก แต่เหมือนพ่อแม่เขาจะเป็นใจนะคะ รู้ว่าลูกสาวพาเพื่อนสาวมาบ้านนี่คงไม่ธรรมดาหรอก มันจะพามานั่งดูทีวีแยๆเหรอ สักพักแม่ก็ลุกออกไปหาโน่นนี่ทำ พ่อก็ลุกไปที่อื่น เหมือนจะเปิดโอกาสให้เราสองคน สักพักเขาก็บอกว่า
“แนนไปดูทีวีในห้องเราดีกว่า ครงนี้ไม่มีใครดูแล้ว ไปนั่งดูในห้องกันดีกว่า”
แต่ปรากฎว่าพอเข้าไปถึงห้องเขาปุ๊บ ก็ไม่ได้ดูทีวีหรอกค่ะ ดูกันเองมากกว่า ดูกันไป ดูกันมาก็เรียบร้อยกันไปตามประสาหนุ่มสาวอยู่กันสองต่อสองในห้องหับมิดชิดซึ่งแนนก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนะคะ เพราะแนนเองก็ชอบเขาอยู่เหมือนกัน และรู้สึกภูมิใจจะตายมีแฟนเป็นนักร้องดัง

หลังจากวันนั้นมาเราก็มีคุยโทรศัพท์กันเหมือนเดิม แต่ว่าเจอกันน้อยลง เพราะเป็นช่วงที่เขาต้องโปรโมทเทปพอดี แล้วแนนเองก็มีงานเข้ามาค่อนข้างเยอะในเวลานั้น ก็เลยเหมือนว่างไม่ตรงกัน เขาว่าง แนนไม่ว่าง ก็เลยไม่ได้เจอกัน สุดท้ายก็เลยห่างๆกันไป

แนนไม่เสียใจมากมายนะคะที่พลาดหวังจากรักครั้งแรกไป แม้ว่าจะเป็นรักที่ไม่สมหวัง แต่ระหว่างที่เราสวืทหวานกันนั้น เขาก็ทำให้แนนมีความสุขไม่น้อย และอย่างน้อยๆจะว่าไปแล้วความรักครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ให้อะไรกับแนนเลยนะคะ เพราะอย่างน้อยๆก็สอนให้แนนรู้ว่าการมีแฟนเป็นคนดัง เขามักจะไม่มีเวลาให้กับเราเท่าไหร่ และการที่ต่างคนต่างไม่มีเวลาให้แก่กัน มันก็ทำให้ความรักที่มีอยู่จางหายไป

และแฟนนักร้องคนแรกของแนนก็จากไปด้วยประการฉะนี้

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:50:58 น.  

 

นักร้องอินดี้หัวสีทอง


แม้ว่าความรักครั้งแรกจะจบไปอย่างไม่สวยหรูเท่าไหร่นัก แต่แนนก็ไม่เข็ดกับการวิ่งตามความฝันที่จะมีแฟนเป็นดารา นักร้องให้ได้สักคน จะว่าไปแล้วแฟนนักร้องคนแรกของแนน นอกจากจะไม่ได้ทำให้แนนรู้สึกเข็ดหลาบแล้ว เขายังเป็นเหมือนความหวังให้แนนอีกด้วย อย่างน้อยๆคนแรกที่แนนๆด้มา ก็ดังซะขนาดนั้น นี่ขนาดยังไม่มีประสบการณ์นะ และนี่แนนมีประสบการณ์แล้ว คนต่อไปจะไม่ดังได้ไงล่ ดีไม่ดีอาจจะหล่อกว่า ดังกว่าคนแรกก็ได้ใครจะรู้ แนนจึงไม่หยุดอยู่นิ่งกับที่ ก้าวตามหาความฝันต่อไปอย่างคนมีไฟ

ชีวิตของแนนในวงการบันเทิงก็ดำเนินต่อไปตามปกติ มีเวทีไหนจัดประกวดขึ้นมา แนนก็สมัครไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมประกวดประจำ ซึ่งก็ได้รางวัลทุกเวทีเลยนะคะ จนกระทั่งมาประกวดแฮ็คส์ ซึ่งเวทีนี้ได้เจอหนุ่มๆเยอะมากๆ และโดยส่วนตัวแนนเป็นเด็กเรียนโรงเรียนหญิงล้วน อีกทั้งมีแม่คอยตามคุมตลอดชีวิตก็เลยเหมือนไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอผู้ชายเท่าไหร่ เวลาเจอผู้ชายก็จะเขินมาก

ซึ่งสุดท้ายแล้วแนนก็ได้ตำแหน่งสาวแฮ็คส์ปี 98 ต่อจากพี่อั้ม พัชราภา หลังจากได้รางวัลก็ต้องไปงานโน่นนี่เยอะมาก และมีอยู่งานหนึ่ง แนนได้เจอกับพี่แว่น สาวหล่อนักบาส เห็นปุ๊บก็เลยชอบ ตามประสาเด็กๆด้วยความว่าตอนนั้นเขาดังมาก แต่แนนก็ชอบนะ เพราะว่าเขาเป็นคนดัง คือยังคงคอนเซปต์ในการนิยมคนดังจริงๆนะ

แต่เขาไม่ได้สนใจแนนเลย แม้ว่าแนนจะพยายามทำตัวให้เขาสนใจก็เถอะ ตอนนั้นด้วยความยังเด็ก ชุดที่ต้องใส่ไปออกงานจะเป็นกระโปรงสั้น ซึ่งแนนก็มีความกระเปิปกระป๊าบอยู่แล้ว เวลาจะนั่ง จะเดินอะไรก็ไม่ค่อยได้ระวังเท่าไหร่ ก็มีกระโปรงเปิกหวอออกโดยไม่ตั้งใจบ้าง ตั้งใจบ้างเพราะหวังให้พี่แว่นเขามองแล้วเขามาเตือน จะได้มีโอกาสคุยกัน แต่เปล่าเลยค่ะ เขาไม่ได้อะไรด้วยเลย ก็แห้วไปตามระเบียบ

เหมือนว่าดวงชะตาชีวิตจะไม่คลิกกับผู้หญิง จนกระทั่งแนนต้องไปงานคอนเสิร์ตอยู่งานหนึ่ง ก็ได้เจอกับพี่นักร้องอินดี้หัวสีทองคนหนึ่ง ที่ร้องเพลงได้ เล่นกีต้าร์ได้ พี่คนนี้ไม่หล่อมาก รูปร่างล่ำสัน ไม่ได้สูงโปร่งหล่อเทห์เหมือนพระเอกละคร ออกเทปมาอัลบัมแรกๆดังมากพอตัว แต่หลังๆมานี้ออกมากี่ชุดก็ดูจะแป๊กๆไป

ซึ่งตอนแรกที่เห็นนี่แนนไม่ได้สนใจเขาเลยนะคะ แทบจะเรียกได้ว่าไม่รู้จักพี่เขาเลยก็ว่าได้ แล้วหน้าตาพี่เขาก็ไม่หล่อถูกใจเลยด้วย และที่สำคัญ วันนั้นหนูแอบปลื้มพิธีกรหนุ่มลูกครึ่งของงานอยู่ค่ะ เห็นเขา สปีกอิงลิช คล่องแคล่วดูเท่ห์เหลือเกิน และเขาก็เทคแคร์แนนดีมากๆก็เลยแอบปลื้ม แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเรา นอกเหนือจากว่าเราเป้นรุ่นน้องคนหนึ่งในวงการ เพราะแนนมารู้ทีหลังว่าเขาไม่นิยมชมชอบเพศตรงข้ามสักเท่าไหร่!!! ----- แป่วว
จนกระทั่งขึ้นไปบนเวที ซึ่งก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่นักร้องหัวทองนิดนึง แต่เน้นนะคะว่านิดเดียวจริงๆ ซึ่งแนนเองก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรพี่เขาเลยสักนิด จนเสร็จงาน แนนก็สวัสดีร่ำลาทุกๆคน
“สวัสดีค่ะ แนนกลับก่อนนะคะ ขอบคุณพี่ๆ ทุกๆคนมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับน้องแนน รีบกลับเหรอ เดี๋ยวไปทานข้าวกัน”
พี่นักร้องหัวทองพูดกับแนน.....ตอนนั้นแค่ประโยคที่ว่า “เดี๋ยวไปทานข้าวกัน” แค่นี้เองแหละ ที่ทำให้เขามาอยู่ในสายตาแนนทันที แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไปทานด้วยกันหรอกนะคะ เพราะว่าตอนนั้นตอนแนนจะกลับนี่พี่เขายังไม่เสร็จงานเลย ถ้าจะไปกินข้าวด้วยกัน แนนก็ต้องนั่งรอพี่เขาก่อน ซึ่งแนนไม่อยากนั่งรอ ก็เลยแค่แลกเบอร์กันไว้ เผื่อโอกาสหน้ามีงานอะไรจะได้คุยกัน

พอเย็นนั้นเขาก็ไม่รอช้า รีบโทรมาเลย แล้วเขาคุยน่ารักมากๆไม่ได้มาทำนองจีบเลยนะคะ แต่จะคุยแบบเป็นพี่เป็นน้องกันมากๆ คือแสดงความเป็นห่วงเป็นใยแนนมาก เป็นพี่ชานที่แสนดีสุดฤทธิ์
“ตอนนี้น้องแนนทำอะไรอยู่บ้างคะ”
“ก็มีงานโชว์ตัวเรื่อยๆค่ะ เพราะแนนก็เพิ่งประกวดเสร็จ ช่วงนี้นอกจากจะต้องออกไปขอลคุณพี่ๆสื่อมวลชน ขอบคุณสปอนเซอร์ แล้วก็มีโชว์ตัวตามงานต่างๆอ่ะค่ะ” แนนบอก
“ประกวดยากมั้ยน้องแนน” พี่เขาพยายามหาเรื่องคุย
“ก็ไม่ยากเท่าไหร่นะคะ อาจจะเป็นเพราะแนนผ่านมาหลายเวทีด้วยแล้วมั้งคะ”
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย แนนบอกพี่ได้เลยนะ พี่ยินดีช่วยแนนทุกเรื่องเลยนะครับ หรือ ถ้าไปงานไหนต้องร้องเพลงนี่ก็บอกพี่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวพี่สอนให้”
“ได้เลยค่ะ ไว้แนนต้องมีโอกาสได้รบกวนพี่แน่ๆเลยค่ะ”

ซึ่งแนนเองจากที่แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้คิดสนใจเขาเลย ก็เริ่มมีใจแอบชอบเขานิดๆ แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ชายในสเปค แต่เขาก็คุยน่ารัก เป็นนักร้องด้วย และที่สำคัญเขามาชอบเราก่อน

หลังจากวันนั้นเราก็แมสเสจหากันเรื่อยมาสักพักหนึ่ง เขาก็นัดเจอค่ะที่เอมโพเรียม ตอนนั้นแนนยังเรียนอยู่เลยนะคะ ประมาณ ม.4 ได้ สาเหตุที่นัดกันที่เอมโพเรียมก็เพราะว่าห้องอัดของพี่เขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนั้น แล้วแนนเองโรงเรียนก็อยู่แถวๆละแวกนั้นเหมือนกัน ก็เลนสะดวกที่สุดที่จะเจอกันตรงนั้น

พอหลังเลิกเรียนก็นัดเจอกันประจำ กินข้าว เดินเล่น แต่ยังไม่ได้คุย หรือตกลงว่า เราเป็นแฟนกันนะคะ คือปกติแนนจะมีนิสัยที่ไม่ว่าจะคบกับใครก็ตาม แนนจะไม่เป็นฝ่ายถามก่อนว่าเราคบกันแบบไหน เราเป็นอะไรกัน ตอนนี้เราเป็นแฟนกันหรือเปล่า คือแนนจะเป็นคนไม่ถามจริงๆนะ จะรอให้ฝ่ายชายเป็นคนพูดก่อน ซึ่งพี่เขาก็ไม่เคยพูดนะ แต่ชีวิตช่วงนั้นก็คือคุยโทรศัพท์กันทุกวัน พี่เขาก็แมสเสจมาหากันตลอด เลิกเรียนก็ไปกินข้าว เดินเล่นกันเป็นประจำ บางวันตกดึกพี่เขาก็พาแนนไปผับเพื่อนเขาแถวๆนั้น ซึ่งแนนก็ไปทั้งชุดนักเรียนนั่นแหละค่ะ ถือกระเป๋านักเรียนเข้าไปนั่งผับกับพี่เขาประจำเลย และพี่เขาก็ให้เกีรติแนนมากเลยนะคะ ไม่ว่าจะไปเจอเพื่อนเขาที่ไหน เขาก็จะแนะนำแนนตลอด “นี่น้องแนนนะ”

คือ ไม่ใช่ว่าพาเราไปนั่งเฉยๆแล้วเพื่อนๆเขาก็น่ารักด้วย แนนคุยกับเพื่อนๆพี่เขาได้ทุกคนเลย คือไม่ใช่ว่าพาแนนไปแล้วทำให้รู้สึกว่าเหมือนพาแนนไปปล่อยเกาะ แนนไม่เตยรู้สึกโดเดี่ยวเลย เพราะว่าเพื่อนๆเขาทุกคนจะสนใจ ใส่ใจ ดูแลแนนดีมากๆเลย แม้ว่าเขากับแนนกับเขาจะไม่ได้เอ่ยปากตกลงกันว่าเราเป็นแฟนกันนะ แต่จากพฤติกรรม คนอื่นๆก็คงรู้แหละค่ะว่าเราเป็นแฟนกัน

หลังจากที่ไปนั่งร้านเพื่อนเขาเป็ปกติ ก็มีอยู่วันหนึ่งเขาก็ชวนไปเที่ยวบ้านเพื่อนเขาต่อซึ่งก็อยู่ละแวกนั้เหมือนกัน ตอนนั้นก็คือดึกมากแล้วเหมือนกัน แนนก็กลัวแม่ว่าเหมือนกันนะคะที่ไปเรียนแล้วกลับบ้านดึกมาก แต่ในใจตอนนั้นกลัวแม่ก็กลัว แต่อยากไปเที่ยวต่อกับพี่เขาก็อยากไป สุดท้ายแล้วแนนก็ไปค่ะ

ไปถึงบ้านเพื่อนเขาก็เจอเพื่อนๆเขาอยู่กันหลายคน แล้วบ้านหลังนี้มันใหญ่โตมากอย่างกับวังเลยค่ะ มีหลายห้องมากๆ พี่เขาก็พาแนนทัวร์เลย พาดูห้องโน้นห้องนี้ไปเรื่อย
“นี่เครื่องเสียงอันนี้มันดีมากเลยนะ เสียงมันใสมากๆ”

คือ เขาก็พยายามพาชมของในห้องต่างๆ ไปเรื่อยๆ และดวยความที่เขาเป็นนักดนตรี เขาก็พยายามอธิบายเรื่องเครื่องเสียงฝห้แนนฟัง ซึ่งบอกตามตรงว่าตอนนั้นก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่า อะไรยังไง ภาษาเรื่องดนตรีที่เขาพูด แนนก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็เออๆ ออๆ กับเขาไปเรื่อย
“ห้องนี้พวกมันชอบมาปาร์ตี้กัน”
“ห้องนี้เป็นที่นอนประจำของพวกมันเลยนะเนี่ย”
เขาก็พาแนะนำห้องต่างๆ เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ซึ่งแนนก็เดินดูกับเขาไปเรื่อยๆ แบบรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แล้วเขาก็บอกว่า
“นี่ๆ น้องแนนมาดูห้องนี้ดีกว่า มีเก้าอี้นวดหลังด้วย”

เขาดูตื่นเต้นที่จะพาแนนไปดูเก้าอี้นวดหลังมากๆ แนนก็โอเคค่ะ พี่ตื่นเต้น หนูก็ตื่นเต้นด้วย แต่พอเข้าไปในห้องปุ๊บเขาก็ปิดห้องเลย ตอนนั้นแนนก็คิดอยู่ในใจว่า ชั้นต้องโดนแน่ๆเลย คือ เริ่มรู้ตัวนะคะ แต่ก็คิดต่อไปอีกว่าจะยอมดีไหม มันจะดีหรือเปล่า คือความคิดกำลังสับสน....แล้วเขาก็ให้แนนลองนั่งเก้าอี้นวด ซึ่งพอนั่งปุ๊บเขาก็จะคอยถามว่าดีไหม สบายไหม แนนก็ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ค่ะๆๆไปเรื่อย แต่ตอนนั้นใจแนนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วนะคะ คิดแต่ว่าจะทำยังไงดีว๊า แล้วพอนวดเสร็จปุ๊บ เขาก็พาแนนมานั่งที่โซฟาเบด

ก็คือนั่งคุยกันไปมา ก็มีการจับไม้จับมือ หอมแก้มไปมา ซึ่งเวลานั้นแนนยังคิดอยู่นะคะว่าจะไม่ยอม แต่แล้วอารมณ์มันก็พาไป เขาจับๆลูบๆไปมา แล้ววันนั้นแนนใส่กระโปรงนักเรียน เขาก็พยายามจะถกกระโปรงแนน ซึ่งแนนก็พยายามยื้อสุดฤทธิ์เหมือนกัน เพราะตอนนั้นแนนก็กลัวนะคะ กลัวมากๆเลย กลัวว่าถ้าเกิดแนนยอมเขาไป แล้วเขาจะพาเพื่อนเขาที่อยู่ข้างนอกอีกหลายคนมาทำอะไรแนนหรือเปล่า คือกลัวว่าถ้าเรายอมไปจะไม่ได้เจอเขาคนเดียวหรือปล่า จะต้องรับมือกับเพื่อนๆเขาอีกหลายคนด้วยหรือเปล่า แต่ระหว่างที่แนนพยายามยื้ออยู่ เขาก็จะพร่ำพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ น้องแนนไม่ต้องกลัวนะครับ พี่ไม่ทำอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว ทำตัวสบายๆอย่าเกร็ง” คือระหว่างที่พูด มือเขาก็ไม่อยู่สุข นัวเนียแนนไปเรื่อยๆสุดท้ายแนนก็ลงเอยกับพี่เขาไปแบบเรียบร้อย ซึ่งพี่เขาก็น่ารัก ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เราคาดคิดไว้ คืนนั้นพี่เขาก็ไปส่งแนนที่บ้าน


หลังจากนั้นพี่เขาก็น่ารักหมือนเดิมนะคะ มีนัดเจอกันเหมือนเดิม แต่เวลาที่เขาไปทำงานที่ซอยทองหล่อ ซึ่งใกล้ๆบ้านแนนเนี่ย เขาก็โทรหาแนนตอนดึกๆ ซึ่งตอนนั้นแนนยังเรียนอยู่ ปกติก็จะนอนเร็ว 4 ทุ่มก็หลับแล้ว แต่ช่วงที่คบพี่เขานี่แนนเป็นอะไรที่นอนดึกมาก เพราะต้องรอคุยโทรศัพท์กับพี่เขา ซึ่งเขาก็จะคอยบอกว่า “เนี่ยพี่มาแถวๆบ้านหนูเนี่ย ออกมาเจอกันเปล่า”

ซึ่งหนูก็อยากออกมามากๆ แต่ว่าขอแม่ไม่ได้สักที
“แม่....หนูแวะออกไปหาพี่เขาแป๊บนึงได้เปล่า พี่เขาอยู่แถวนี้เอง” หนูพยายามอ้อนวอนขอแม่ เวลาที่พี่เขาโทรมาเรียก
“จะออกไปทำไมนี่มันกี่โมงแล้ว อาบน้ำใส่ชุดนอนแล้วด้วย ไปนอนเลยื ไม่ต้องออกไป”
แม่จะว่าอย่างนี้ประจำ
แต่คือแนนอยากไปมากๆ เลยนะคะ อยากไปเจอหน้า คิดถึง ยิ่งเรามีอะไรกันแล้วด้วย ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พิเศษมากๆ อยากเจอหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส แต่แม่ก็ไม่ให้ไป จนมีอยู่คืนหนึ่งพี่เขาก็เปลี่ยนเวลาที่จะมาที่ออฟฟิศเขา คือจากที่เคยเข้ามาห้าทุ่มเที่ยงคืน ก็มาไวหน่อย สองทุ่มก็โทรตามแนนแล้ว ซึ่งคราวนี้แม่คงรำคาญ เห็นแนนขอทุกวัน ก็เลยตัดรำคาญด้วยการบอกว่า
“เออ...อยากไปไหนก็ไป”

พอแม่อนุญาตเท่านั้นแหละ แนนก็รีบเลย ไปหาพี่เขาด้วยความดีใจ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรกันนะคะ ก็แค่พี่เขาขับรถพาเที่ยว นั่งรถเล่น แล้วก็พามาส่งบ้าน คือน่ารักมากๆ

สิ่งที่แนนประทับใจพี่เขามากๆก็คือ เขาขับรถที่แนนชอบ เป็นรถญี่ปุ่นเท่ห์ คือ มันเป็นรถที่แนนใฝ่ฝันอยากจะได้มากๆ แล้วพี่เขาก็ขับรถรุ่นนี้ รุ่นที่แนนฝังใจมาตลอดว่าอยากจะได้ แล้วอยู่ๆก็มีคนขับรถที่เราอยากนั่ง มาให้เรานั่ง มันน่าประทับใจมากๆ และเวลาอยู่บนรถนะคะ พี่เขาก็จะเทคแคร์ดีมากๆ คอยเปิดเพลงนั่นโน่นนี่ให้ฟัง เพลงอัลบัมใหม่เขาก็เอามาให้แนนฟังก่อน แล้วก็คอยถามว่า
“เพลงนี้ดีไหม”
“เพลงนี้จะขายได้ไหม”

คือเขาจะเอาเพลงมาให้แนนฟังก่อนตลอด ซึ่งนี่ก็เป็นอีกความภูมิใจหนึ่งตอนที่คบพี่เขา เพราะแนนก็จะมีเพลงใหม่ๆที่ยังไม่วางขายไปให้เพื่อนฟัง แล้วก็บอกเขาว่านี่เป็นเพลงใหม่ของพี่เขา ที่ยังไม่มีใครได้ฟัง ชั้นเอามาให้เธอฟัง แต่เธออย่าไปบอกใครนะ คือรู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากๆ เพื่อนๆก็ไปเม้าท์กันว่าแนนมีแฟนเป็นนักร้องอีกแล้ว ก็ได้ดูเท่ห์ไปในสายตาเพื่อนๆ

ช่วงนั้นชีวิตก็มีความสุขดีนะคะ น่ารักดี คบกันเกินครึ่งปีเหมือนกันนะ พี่เขาไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน แนนก็ตามไปนั่งดู ชีวิตก็ดูหวานแหววดี มีถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ด้วยกันเยอะแยะ แล้วก็มีถ่ายรูปคู่กัน ซึ่งแนนเอาไปอัดขยายที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว แล้วทางร้านก็อัดมาแปะโชว์ที่หน้าร้านด้วย เป็นอะไรที่ภูมิใจมากๆ ชั้นได้เป็นแฟนกับดาราอีกแล้ว


แม้ว่าผู้ชายคนที่สองของแนนจะไม่ได้หล่อเท่ากับคนแรก แต่ความดังของเขาก็ไม่น้อยหน้าใครหมือนกันนะคะ ความทรงจำดีๆเกิดขึ้นมากมายระหว่างที่แนนรักกับเขา และแนนก็หวังว่าความรักครั้งนี้จะทำให้แนนเกิดความรักครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะแนนได้เรียนรู้การใช้ชีวิตเป็นแฟนกับดารา นักร้องมากขึ้นเดิมอีกขั้นหนึ่งแล้วค่ะ....



พระเอกดัง 5 ดาว

การพยายามไขว่คว้าความฝันที่หวังไว้ว่าในการมีแฟนเป็นดาราสักคน ยังคงดำเนินต่อไปทุกครั้งที่มีโอกาส พร้อมๆกับการผลักดันตัวเองเข้าไปอยู่ในวงการบันเทิง เพื่อที่ว่าวันหนึ่งเมื่อมีแฟนเป็นดาราดัง แนนเองก็เป็นดาราเหมือนกัน จะได้คู่ควรเหมาะสมกันดังกิ่งทองกะใบหยกประมาณนั้น

ชีวิตของแนนในช่วงนั้นจะพัวพันกับบริษัทเทปค่ายหนึ่งค่อนข้างมาก ก็ต้องเข้าไปประชุม ไปร่วมงานต่างๆ กับเขาค่อนข้างเยอะ และแนนก็มีโอกาสได้เจอกับผู้ชายคนใหม่ของแนนที่ตึกนี้แหละคะ

วันนั้นแนนไปแคสMV ของเขา ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเจ้าชู้สุดขั้ว ที่เคยมีข่าวว่ากับบรรดานางเอกดังๆมาก่อน และงานที่แนนปแคสในวันนั้น แนนก็ได้นะคะ แล้วแนนก็ได้ร่วมงานกับเขาเป็นครั้งแรก ตอนนั้นบอกตามตรงว่าแนนค่อนข้างกลัว และก็เกร็งมากๆ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงโด่งดัง และคนก็พูดถึงเขาเยอะในแง่ที่ว่าเขาป็นผู้ชายที่มีฐานะร่ำรวย แล้วก็เจ้าชู้มากๆซึ่งตอนแรกที่เจอหน้า แนนไม่คิดเลยนะคะว่าคนเขาจะมาสนใจแนน ตอนนั้นคิดว่าเราคงไม่อยู่ในสายตาเขาแน่ๆเพราะรอบๆกายเขามีผู้หญิงเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นนางเอก นางแบบนี่เขาจัดการมาหมดแล้ว

แต่พอได้ร่วมงานกัน แนนก็อดไม่ได้ที่จะหลงเสน่ห์เขาเข้าอีกคน เพราะเขาเป็นคนพูดจาดีมาก มีความเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว และก็มีเหตุให้แนนกับเขาต้องแลกเบอร์โทรศัพท์กัน เนื่องจากงานที่ถ่ายทำกันครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าจะถ่ายวันเดียวเสร็จ พรุ่งนี้ยังต้องมีถ่ายต่ออีก และด้วยความที่กลัวว่าจะหลงทางกัน ก็เลยแลกเบอร์กันเอาไว้เผื่อเช็คเส้นทาง ซึ่งจริงๆจะว่าไปแล้วนัดกับทางทีมงานก็ได้แหละนะ แต่ไหนๆมีโอกาสแลกเบอร์กันแล้ว มีเบอร์กันเอาไว้ก็ไม่เสียหาย ก็เลยแลกเบอร์โทรศัพท์กัน

“แนนรู้หรือยังครับว่าพรุ่งนี้ต้องถ่ายที่ไหน” เขาถาม
“พี่เขาบอกแนนแล้วค่ะ”
“แล้วแนนไปถูกหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ถ้าไปไม่ถูกยังไงเดี๋ยวแนนโทรถามพี่เขาดูก็ได้ค่ะ”
“โทรหาผมก็ได้นะถ้าไปไม่ถูก เดี๋ยวผมบอกทางให้” เขาเสนอ
“อ๋อ....ได้ค่ะ”
“งั้นแนนจดเบอร์โทรศัพท์ผมไว้นะครับ เผื่อหลงทางจะได้โทรมาถูกนะ”
แน่นอนแนนไม่รอช้าที่จะเมมเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้ในเครื่องตัวเอง พร้อมกับรีบยิงเบอร์ตัวเองเข้าเครื่องเขาทันที เพื่อบอกให้เขาได้รู้เบอร์แนนด้วยเช่นกัน

ซึ่งการถ่ายทำสองวันนั้นก็มีฉากเข้าพระเข้าง กุ๊กกิ๊กหวานแหววเป็นระยะๆซึ่งก็ไม่รู้ว่าเรารู้สึกไปฝ่ายเดียวรึเปล่า แต่เวลานั้นคือแนนค่อนข้างอินกับบทมากๆพอต้องเข้าฉากหวานใส่กัน แนนก็ชอบอีกแว หลงรักเขาอีกแล้ว จริงๆผู้กำกับสั่งให้รักแค่ในจอ แต่แนนอารมณ์เคลิ้มตามออกมารักนอกจอด้วย


และยิ่งเขาแสดงท่าทีว่าอยากจะสานสัมพันธ์ต่อกับแนน ซึ่งแน่นอนแนนไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะแนนเองก็แอบชอบเขาเหมือนกัน พอเขามาจีบก็ได้ทีเข้าทางชั้นเลย เขาน่ารักไม่น้อยนะคะ ตอนนั้นอย่างที่บอกว่าแนนยังเรียนอยู่ พอเลิกเรียนเขาก็จะขับรถมารับ

และขอโทษนะคะเพื่อนๆในโรงเรียนนี่ฮือฮากันมากๆ ตกเย็นมีหนุ่มหล่อ ชื่อดัง ขับรถมาจอดรอรับหน้าโรงเรียน ในโรงเรียนนี่แห่กันออกมามุงดูเขา จนรถในซอยติดไม่ขยับเลยนะคะ นี่ไม่ได้พูดเว่อร์นะคะ แต่มันเป็นเรื่องจริงๆ ผู้ชายคนนี้ทำให้แนนรู้สึกภูมิใจมากๆ เพราะหนุ่มเจ้าชู้ขนาดนี้เขาไม่น่าจะมาแลแนนหรอก แต่นี่เขามาตามจีบแนนเป็นเรื่องเป็นราว

ชีวิตช่วงนั้นที่คบกับเขา พอเลิกเรียนเขาก็จะมีรับที่หน้าโรงเรียน แล้วก็พาไปเดินเล่นที่เวิล์ดเทรด เพราะเขามีร้านอยู่ที่นั่น ก็จะไปเดินกันบ่อยมาก หลังจากที่ไปเดินที่ร้านกันอยู่บ่อยๆ ก็เริ่มหากิจกรรมอื่นทำนอกเหนือจากไปร้านที่เวิล์ดแทรด เขาก็พาแนนไปคอนโดของเขาห้องหนึ่งในละแวกนั้น
“วันนี้เดินเที่ยวเสร็จกันแล้ว แนนอย่าเพิ่งกลับบ้านได้ไหม”
“ทำไมเหรอคะ จะพาแนนไปต่อไหนเหรอ”
“ผมยังอยากอยู่กับแนนอยู่เลยอ่ะ ไปนั่งเล่นที่ห้องผมกันก่อนเนอะ”
“แต่ว่าแนนกลับดึกไม่ได้นะ”
“โอเคครับ ไปนั่งเล่นที่คอนโดผมใกล้ๆตรงนี้เอง แล้วเดี๋ยวผมพาไปส่งบ้านนะ สัญญาว่าไม่ดึกแน่นอนครับ”
เขาส่งยิ้มหวานๆมาหลังประโยค

คอนโดเขาใหญ่มากๆเลยนะคะ ชั้นหนึ่งมีอยู่แค่สองห้องเท่านั้น ไฮโซมากๆไม่ใช่ใครก็เข้าได้นะคะ ในลิฟท์จะต้องมีกุญแจไข เพื่อกดชั้นต่างๆ ซึ่งช่วงแรกๆแนนก็ไปพร้อมกับเขา แต่หลังๆบางทีเขายุ่งไม่สามารถมารับแนนที่โรงเรียนได้ เขาก็จะนัดแนนที่คอนโดนี้เลย บางทีเขาก็รออยู่ที่คอนโด ซึ่งพอเลิกเรียนปุ๊บแนนก็จะหิ้วกระเป๋านักเรียนไปหาเขาที่คอนโด จนคนที่คอนโดจะรู้จักแนนกันหมด

แล้วคอนโดเขานี่ไฮโซมากๆเลยนะคะ ชั้นหนึ่งมีอยู่สองห้อง เวลาเข้าลิฟท์ก็ต้องมีกุญแจไขด้วย ไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นไปได้ เวลาแนนไปถึงก็จะโทรบอกเขาว่ามาถึงแล้ว เขาก็จะมากดลิฟท์แล้วก็คอยรับแนนอยู่ด้านบน คือมันเป็นคอนโดที่หรูหราโฮโซมากๆ

แต่ว่าคบกันได้ไม่กี่เดือน เขาก็ทิ้งแนนไป ซึ่งแนนก็เข้าใจนะคะว่าเขาคงเบื่อแนน เพราะว่าตลอดเวลาที่คบกัน กิจวัตรประจำวันของเรามันค่อนข้างซ้ำซากจำเจมากๆ เลิกเรียนเสร็จถ้าไม่ไปเดินเล่นเวิล์ดเทรด ก็จะไปนั่งเล่นที่คอนโดเขา ชีวิตมีอยู่แค่นี้ และด้วยความเจ้าชู้ของเขาด้วย ทำให้เขาเบื่อแนน เพราะชีวิตของเราสองคนไม่มีอะไรน่าสนใจเลย และสุดท้ายก็เลยห่างๆกันไป

บางคนอาจจะมองว่าแนนถูกหลอกฟันรึเปล่าเขาเองอาจจะไม่เคยได้คิดสนใจแนนเลย นอกจากสนใจอยากจะได้ความสาวของแนนเท่านั้น แต่ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหลอก หรือไม่ตั้งใจหลอก แนนก็ไม่คิดกล่าวโทษเขาหรอก เพราะอย่างน้อยๆเขาก็หล่อ และดัง และมันก็ทำให้แนนเริ่มรู้ว่า ถ้าแนนคิดจะมีแฟนเป็นดาราดัง แนนก็ต้องทำใจที่จะเจอกับคนแบบนี้อีกไม่น้อย เพราะยิ่งหล่อ ยิ่งรวย ยิ่งดัง ความจริงใจก็ยิ่งหาได้ลำบากยิ่ง


แต่มาถึงวันนี้ ถ้านั่งนึกย้อนไปถึงความประทับใจที่มีในตัวเขาวันนั้น แนนตอบได้เลยนะว่าแนนประทับใจเขามาก เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก แล้วก็เทคแคร์แนนดีในระดับหนึ่งเลย แต่ที่ภูมิใจสุดๆในเวลานั้นคือด้วยความเป็นเขา ซึ่งเขากำลังดัง และก็มีข่าวเรื่องความเจ้าชู้ของเขามากๆ มันทำให้แนนภูมิใจลึกๆว่า ผู้ชายเจ้าชู้ รูปหล่อ พ่อรวยคนนี้ คนที่สาวๆหมายตาไว้เนี่ย ชั้นได้กินแล้วนะยะ...

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:51:38 น.  

 

Sex ในลิฟท์กับนักร้องมาร์ดเซอร์

ชีวิตของแนนดูเหมือนจะมีความรักผ่านเข้ามาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็หาใช่รักแท้สักครั้ง แนนเองก็เคยคิดเหมือนกันนะว่าเมื่อไหร่ แนนถึงจะได้เจอรักที่แท้จริงเหมือนคนอื่นเขาสักที ทำไมรักแท้ที่ป็นดารามันถึงหาได้ยากเย็นอย่างนี้ก็ไม่รู้สินะคะ แต่เอาเถอะยังไงซะแนนก็ยังไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ประสบการณ์ร้ายๆที่ผ่านมา แนนหวังว่ามันจะทำให้แนนแข็งแกร่งขึ้น และก้าวไปสู่จุดที่มุ่งหวังได้ในเร็ววันนี้

และแนนก็ได้เจอกับรักครั้งใหม่ค่ะ

เขาเป็นนักร้อง (อีกแล้ว) มาดเซอร์เสียงแหบ นอกจากอาชีพนักร้องแล้ว เขายังทำธุรกิจผับกลางคืนอีกด้วย ในยุคหนึ่งเขามีชื่อเสียงค่อนข้างมาก โด่งดังในหมู่วัยรุ่นอยู่เหมือนกัน แต่เขาเป็นรุ่นพี่แนนอยู่หลายปีโขเลยนะคนนี้ เท่านั้นไม่พอ เขายังเป็นนักแสดงอีกด้วย ละครที่เขาเล่นก็เรตติ้งดีติดลมบนเหมือนกันนะคะ

ครั้งแรกที่ได้เจอกันก็เพราะตามเพื่อนคนหนึ่งไปห้องอัดเสียง ไปนั่งดูเพื่อนทำเพลง พี่คนนี้เขาก็มาชวนคุย
“สวัสดีครับ เออ...น้องอะไรครับเนี่ย”
พี่เขาเข้ามาหาเรื่องชวนคุย
“แนนค่ะ”
“เราเป็นสาวแฮ็กส์ใช่มั้ย พี่จำได้”
“ใช่ค่ะ”
ตอนนั้นแอบปลื้มเหมือนกันนะคะที่เขาจำเราได้
“พี่ขอเบอร์หน่อยสิ ตอนนี้พี่กำลังทำเพลงอยู่ เผื่อจะใหช่วยมาเป็นนางเอกเอ็มวีให้พี่หน่อย ได้รึเปล่า”
“อ๋อได้ค่ะ”

แล้วแนนก็ให้เบอร์พี่เขาไป แต่ไม่ได้ขอเบอร์พี่เขามานะ พอหลังจากวันนั้นพี่เขาก็โทรมาหาเลย แต่ไม่ได้บอกนะว่าเป็นเขา คือโทรมาอำ อย่างนั้นอย่างนี้ แสดงออกชัดเจนว่ามาจีบแน่ๆ แต่แนนไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จำได้แต่ว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเลขสวยมากๆ

วันแรกที่เขาโทรมาคุย ถามยังไงเขาก็ไม่ยอมบอก ซึ่งวิธีนี้มันทำให้แนนสนใจเขาได้เหมือนกันนะ เพราะว่าอยากรู้มากๆว่าเขาเป็นใคร วันที่สองเขาก็โทรมาอีก แนนก็พยายามจักเสียงให้ได้ว่าใคร แล้วก็พยายามคิดไตร่ตรองว่าช่วงนี้เรามีให้เบอร์โทรศัพท์ใครไปบ้าง แล้วก็คิดถึงพี่เขานี่แหละ เพราะว่าน่าจะเข้าข่ายมากที่สุด ก็ลองสุ่มทายไปว่าใช่เขาหรือเปล่า เพราะตอนนั้นก็ค่อนข้างมั่นใจว่าต้องเป็นพี่นกร้องผมยาวคนนี้แน่ๆ เพราะเขาเพิ่งขอเบอร์เราไป แต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมรับ


จนมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาโทรมาแล้วหลุดคุยเรื่องเพื่อนของแนน คนที่แนนตามไปที่ห้องอัดนั่นแหละ แนนก็เลยมั่นใจว่าต้องใช่เขาแน่ๆ พอคอนเฟิร์มได้ว่าเป็นเขา ก็รู้สึกดีนะที่เขาชอบเรา และมาจีบเรา แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายหล่อ แต่ตอนนั้นเขาดังมาก แนนชอบเขามากตอนที่ดูเขาเล่นละคร...และอีกสาเหตุที่ตกลงปลงใจชอบเขาก็เพราะว่า โดยส่วนตัวแล้วเนี่ยแนนชอบผู้ชายเซอร์ๆ สูงๆ แล้วก็เสียงแหบ ซึ่งเขาก็ค่อนข้างตรงสเปคมากๆ เซอร์ๆ เสียงแหบๆ ถึงจะไม่สูงมากแต่ก็ให้อภัยได้

พอเริ่มคบกัน ชีวิตของเราสองคนก็จะอยู่ที่ห้องอัดเสียง เพราะเป็นช่วงที่เขากำลังทำเพลง พอทำงานเสร็จก็จะไปนั่งกินโจ๊กที่ซอยโชคชัยร่วมมิตร ตอนนั้นพี่เขาขับรถสีใบไม้ แนนจำเรื่องของพี่เขาได้แม่นเหมือนกันนะคะ อย่างเวลากินน้ำ เขาก็จะไม่ชอบดูดหลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำอะไรก็ตาม เขาบอกว่าเขากินจากแก้ว ได้กินน้ำแข็งไปด้วยพร้อมๆกันมันอร่อยกว่า

แล้วก็มีอยู่สันหนึ่งหลังจากที่กินโจ๊กกันเสร็จ เขาก็จะทำท่าเหมือนจะขับรถไปส่งแนนที่บ้านแล้ว แต่พอขึ้นรถปุ๊บ เขาก็เริ่มเลย
“เดี๋ยวพี่ไปส่งแนนเสร็จ พี่ต้องไปหาเพื่อนคุยเรื่องงานอีกนะเนี่ย เดี๋ยวก่อนจะไปส่งแนนพี่ขอตัวแวะเอาของที่ห้องพี่แป๊บนึงได้มั้ย”
“ได้ค่ะได้”

พอขับรถไปถึงคอนโด แนนก็ไม่ลงจากรถนะ คิดว่าเขาคงขึ้นไปเอาของแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ลงมา แนนก็เลยขอตัวนั่งรออยู่ในรถ
“น้องแนนขั้นมาบนห้องพี่ก่อนสิ จะมานั่งรอในรถทำไมเดี๋ยวเบื่อ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แนนรอได้ค่ะ พี่ขึ้นไปเอาของเถอะค่ะ ไม่เป็นไร”
“ขึ้นมาก่อนเถอะ แป๊บเดียวเอง จะมานั่งเหงาๆรอในรถทำไม”
คือ เขาแสดงอาการว่ายังไงซะก็ไม่ยอมให้แนนนั่งรอในรถแน่ๆต้องเอาแนนขึ้นไปห้องเขาให้ได้ ซึ่งเวลานั้นแนนก็คิดในใจเหมือนกันว่าเสร็จแน่ๆ ชั้นต้องมีอะไรกันแน่ๆ ถ้ามาอีหรอบนี้ เหมือนว่ารู้ว่ายังไงก็ต้องขึ้นไปแน่ๆ เพราะฉะนั้นก็ขึ้นเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลายื้อกันนาน

พี่มาดเซอร์คนนี้แกไวได้ใจจริงๆนะคะ เพราะยังไม่ทันจะขึ้นถึงห้องแกเลย สิ่งที่แนนคิดก็ฟันธงได้แล้ว เพราะว่าแค่เข้าลิฟท์ปุ๊บ แนนก็โดนเลย ไวมากๆ ลิฟท์ปิดปุ๊บเขาก็เริ่มนัวเนียที่ตัวแนนเลย เรียกว่าพอถึงห้องปุ๊บนี่ไม่ต้องเล่าต่อแล้วนะคะ ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไง

หลังจากนั้นก็คบกันต่อมาอีกนานพอสมควร ตัวค่อนข้างจะติดกัน เขาไปหาเพื่อน ทำธุระที่ไหน เขาก็จะพาแนนไปด้วย เขาทำผับก็ให้แนนไปนั่งเฝ้าด้วย เวลาแนนไปเรียนพอเลิกเรียนเขาก็จะมารับที่โรงเรียน ซึ่งก็แน่นอนว่าแนนก็ดังอีกแล้ว เพราะมีแฟนเป็นนักร้องอีกแล้ว

ช่วงที่แนนเรียนนี่แนนเป็นสางฮอตมากๆเลยนะคะ ใครๆในโรงเรียนก็รู้จักแนน เพราะแฟนแนนแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่กับพี่คนนี้แนนก็ไม่ได้อวดเพื่อนมากมายนะคะ เพราะว่าพี่เขาไม่ได้ดังมากมาย ไม่เหมือนตอนหนุ่มคนก่อน ที่หล่อมาก ดังมาก แนนแทบจะประกาศให้คนทั้งโรงเรียนรู้ว่า เขาเป็นแฟนชั้นนะยะ


ซึ่งตอนที่คบกับพี่คนนี้แทบจะเรียกได้ว่าแนนอยู่กับเขาเลยนะคะ เพราะว่าอยู่ด้วยกันเยอะมากๆ บางทีเขาบอกว่าจะไปรับแนนที่โรงเรียน แต่ถ้าอยู่ๆไม่ว่างก็จะให้แนนมานอนรอที่ห้องซึ่งแนนกับเขาจะมาลงเอยกันที่ห้องเป็นประจำ ซึ่งพี่เขาเนี่ยเป็นพวกที่มีเซ็กซ์รุนแรงมาก เรียกว่าแต่ละทีนี่แนนเจ็บตัวตลอด

และสุดท้ายแล้วแนนกับพี่เขาก็ห่างหายกันไป ด้วยความที่ต่างคนต่างงานเยอะส่วนหนึ่งและความรุนแรงของเขา แนนก็ไม่ชอบเท่าไหร่ แนนก็เลยเริ่มเฉยๆกับพี่เขา แต่ก่อนเวลาที่เขาโทรมาตามให้ไปหา ไม่ว่าจะง่วงจะเหนื่อยแค่ไหน แนนก็พยายามปลีกตัวไปหาเขาให้ได้ ด้วยความที่ช่วงแรกๆมันเหมือนมีอะไรให้น่าค้นหาเยอะมาก แต่ว่าพอหลังๆมันเริ่มไม่มีอะไรน่าสนใจให้ค้นหาอีกแล้ว ก็เลยมีการปฏิเสธกันมากขึ้น โทรมานัดก็มาว่าง เรียกให้ไปหาก็ไม่ไป คือเริ่มเบือ่ๆก็เลยเริ่มห่างๆกันไป แล้วสุดท้ายก็ทางใครทางมันเพราะเวลาที่ไม่ตรงกันเอาซะเลย อีกทั้งก็เหมือนแนนจะเบื่อๆเขาอย่างที่บอกเนื่องจากเขาไม่ได้อย่างที่ใจแนนหวังไว้ แนนก็เลยทำตัวยุ่งกว่า เพื่อให้ไม่มีเวลาว่างสำหรับเขาเหมือนกัน ก็ไม่หล่อมาก แถมไม่ดังถึงที่สุดแยยนี้ แนนเอาเวลาไปลุ้นกับคนใหม่ที่จะเข้ามาไม่ดีกว่าเหรอคะ!!





ดีเจ....เสียงใสๆ

การใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงมันง่ายต่อการเจอผู้ชายหลากหลายหน้ามากเลยนะคะ ไม่ว่าจะไปไหน ไปทำอะไรก็ได้เจออยู่เลยเรื่อย และไม่รู้จะเป็นเฉพาะคนในวงการบันเทิงหรือเปล่าที่การพบเจอกันแต่ละที มันพูดคุยทำความรู้จักกันได้ง่ายดายเหลือเกิน

ผิดจากการทำความรู้จักกับผู้ชายนอกวงการนะคะ คือแนนมีความรู้สึกว่าคนวงการอื่นๆเวลาที่เจอหน้ากัน ยังเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเนี่ย กว่าจะกล้าพูดคุย กว่าจะกล้าทำความรู้จักกันอย่างจริงๆจังๆมันต้องใช้เวลา มันต้องมีฟอร์มค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเป็นคนในวงการบันเทิงแล้ว ทำเหมือนกัน เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรก พูดคุยกันสองสามคำก็ดูเหมือนสนิทสนมกันมานานได้ในทันที ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเรามองว่าเรามันพวกเดียวกันอยู่แล้ว หรืออาจจะเปนเพราะความเป็นดาราที่สอนสั่งให้เรามีอัธยาศัยที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้วก็เป็นได้

เกริ่นมาตั้งนานจะบอกว่าผู้ชายคนต่อไปที่แนนจะเล่าให้ฟัง แนนก็เจอเขาเพียงครั้งเดียว ความเป็นเพื่อนของแนนกับเขาก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ แนนเจอเขาที่กองถ่ายละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งพอดี ตอนแรกที่ไปถึงเขาคนนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาแนนเลยสักนิด เรียกว่าเดินผ่านไปผ่านมาก็ไม่ได้สะดุดเข้าตาแนนเลยสักน้อย และด้วยความที่ แนนเองไม่เคยดูซิทคอมเรื่องนี้มาก่อน ก็เลยไม่นรู้ว่าเขาคนนี้เป็นนักแสดงคนหนึ่งของเรื่อง ตอนที่เขามานั่งใกล้ๆ แนนยังหลงคิดไปว่าเขาเป็นแค่เด็กฝึกงานเท่านั้น

ตอนที่แนนนั่งแต่งหน้าอยู่ เขาก็มานั่งอยู่ด้านหลังแนน คุยกับพวกพี่ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมระหว่างที่แนนนั่งหันหลังฟังเขาเม้าท์ แนนก็รู้สึกสะดุดหูขันมาทันที คือหน้าตาไม่สะดุดตาแนนสักนิด แต่เสียงเขานี่สะดุดหูแนนมากๆ เสียงเขาทำให้แนนเข้าใจผิดคิดว่ามีใครเปิดวิทยุอยู่แถวนั้น เนื่องจากว่าเสียงเขาเหมือนดีเจในคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่ที่แนนฟังเป็นประจำเลย

และเมือาเกิดความสนใจแน่นอนแนนหันไปมอง และก็ทักทายทันที ตามประสาคนอารมณ์ดีช่างพูดช่างคุย มนุษยสัมพันธ์ดีเลิศอย่างแนน
“ตกใจหมดเลยเสียงเหมือนมีใครมาเปิดวิทยุเลยนะเนี่ย”
“55 จริงเหรอครับ”
“ทำไมเสียงถึงเหมือนดีเจที่แนนฟังในวิทยุเลยละ”
“ก็ผมเป็นดีเจนี่ครับ ว่าแต่ฟังคลื่นที่ผมจัดด้วยเหรอครับ ดีใจจัง”
“แนนฟังประจำเลยแหละ เป็นแฟนประจำเลย”

หลังจากพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย แนนก็ได้รู้ข้อมูลเพิ่มมาว่าเขาเป็นคนขายเสียง แถมเป็นเสียงประจำที่ปกติแนนฟังผ่านวิทยุเสียด้วย และสำหรับกองละครซิทคอมเรื่องนี้ เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ซึ่งการพูดคุยกันครั้งแรกของเราดูออกจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะความเป็นคนอัธยาศัยดีของแนน ด้วยกับความช่างพูด และอารมณ์ของเขา อีกทั้งเขายังเป็นเพื่อนกับผู้ชายคนหนึ่งของแนนอีกด้วย


เมื่อรู้ว่าแนนรู้จักเพื่อนเขา เราสองคนก็ยิ่งมีเรื่องคุยกันมากขึ้นไปอีก แต่เขาเพียงแค่รู้นะคะว่าแนนเป็นเพื่อนกับเพื่อนของเขาเท่านั้น เขาไม่ได้รู้ลึกขนาดที่ว่าเพื่อนของเขาเป็นผู้ชายของแนนหรอกนะคะ...การถ่ายทำละครในวันนั้นก็ผ่ายพ้นไปได้ด้วยดี แนนได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และการทำงานกับเพื่อนก็เป็นอะไรที่สนุกอยู่แล้ว ชีวิตในกองถ่ายวันนั้นแนนกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน มีการพูดคุยหยอกล้อกันเป็นที่สนุกสนาน

แต่สิ่งที่แนนมั่นใจก็คือ เวลานั้นแนนไม่ได้คิดอะไรกับเขาพิเศษมากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยจริงๆ ให้ดิ้นตาย เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ตรงสเปคแนนเลยสักนิด เอาว่าถ้าจัดเปรียบเทียบกับสเปคแนนแล้ว เขาแค่ได้ความสูงเท่านั้นที่แนนชอบ ส่วนหน้าตานี่ไกลจากสเปคแนนมากมาย เพราะอย่างที่แนนบอกว่า แนนเป็นคนชอบผู้ชายเซอร์ หน้าตาเซอร์ๆ นี่จะกรี๊ดโดนใจมาก แต่เขาคนนี้หน้าตาห่างไกลจากคำว่าเซอร์เหลือเกิน เพราะฉะนั้นแนนจึงไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน อันนี้แนนมั่นใจ

แต่ก่อนจะแยกย้ายกันไปในวันนั้น เราสองคนก็มีการแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กันเอาไว้ ซึ่งมันเป็นการแลกเบอร์ของเพื่อนกับเพื่อนเท่านั้นนะคะ อย่าได้คิดเกินเลย ซึ่งแน่นอนว่าแนนไม่ได้คิด และแนนก็คิดว่าเขาเองก็คงไม่ได้คิดเหมือนกันแหละ แต่ไหนๆเป็นเพื่อนกันแล้ว รู้จักกันแล้วก็แลกเปลี่ยนเบอร์กันเอาไว้ไม่เสียหายอะไร

งานนี้ขอบอกนะคะว่าแนนไม่ได้เริ่มเรื่อง แนนอยู่ของแนนเฉยๆ สายวันต่อมา เสียงโทรศัพท์ของแนนก็ดังขึ้น หยิบมาดูหน้าจอโชว์ชื่อเขาเพื่อนใหม่คนเมื่อวานโทรเข้ามา

“ว่าไงๆ” แนนทักมายตามประสาเพื่อนกัน
“ตื่นหรือยังครับเนี่ย”
“ตื่นแล้ว สายป่านนี้ไม่ตื่นได้ไงล่ะ”
“แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานที่ไหนเหรอครับ”
“ไม่จ้า วันนี้ว่างเลยตั้งใจนอนอยู่บ้านทั้งวัน ขี้เกียจออกไปข้างนอกด้วยแหละ”
“ละครที่มาถ่ายเมื่อวานสนุกมั้ย”
“ก็สนุกดีนะ”
พูดคุยกันไปสักพักแนนก็เริ่มคิดในใจแล้วว่าเขาจะมาแนวไหนกันแน่ อยู่ๆก็โทรมาคุยเล่นเรื่อยเปื่อย หาประเด็นไม่ได้ คือแบบว่ายังไงจ๊ะเนี่ย มันดูเหมือนจะไม่ธรรมดาแล้วน๊า เพื่อนกันไม่น่าโทรมาคุยกันนานขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องอะไรให้คุยมากมาย เขาก็พยายามสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุย ไม่มีทีท่าว่าจะยอมวางสายง่ายๆเสียด้วย

หลังจากคุยกันไปได้สักพัก เขาก็พยายามจะชวนแนนออกไปข้างนอกให้ได้ ซึ่งมาถึง ณ จุดนี้แนนก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าเขามาแนวไหน เขาสนใจเรา เขาจะมาจีบเราแน่ๆ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่หนุ่มในสเปคเลย เราไม่ได้คิดชอบเขาสักหน่อย แต่ก็นะเขาก็คุยสนุกดี จะว่าไปแล้วนั่งคุยกับเขาก็เพลินดี

ใจหนึ่งไม่สนใจเขา แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายที่จะปล่อยเขาไป ก็แหม...ผู้ชายอุตส่าห์มาจีบ จะปล่อยให้หลุดไปก็ไม่ดีสิเนอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ เก็บไว้เป็นประสบการณ์สักคนก็แล้วกัน

และเมื่อเขาจะพยายามทู่ซี้จะชวนแนนออกไปข้างนอกให้ได้ แนนก็เลยตัดสินใจชวนเขามานั่งเล่นที่ห้องแนนซะเลย ก็ด้วยความขี้เกียจออกไปข้างนอกอันนี้สำคัญ ส่วนประเด็นรองลงมาก็คือ จะได้ดูได้ชัดๆว่าเขาจะมาแนวไหนกันแน่

แน่นอนเขาไม่ปฏิเสธคำชวนของแนนสักนิด ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงเขาก็มาถึงห้องพักของแนน และแล้วสิ่งที่แนนคิดก็ไม่ผิด เขาตั้งใจจะจีบแนนจริงๆ

หลังที่นั่งเล่นกันไปได้สักพัก ด้วยอารมณ์ ด้วยบรรยากาศต่างๆที่พาไป แนนกับเขาก็ลงเอยกันที่เตียงนอนของแนนเองนั้นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การบังคับขืนใจ แต่เป็นการยินยอมพร้อมใจ และเต็มใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะบอกว่าเขาไม่ใช่ชายในฝัน ไม่ใช่หนุ่มในสเปค แต่แนนก็ไม่เสียใจนะที่ได้เขามาเป็นแฟน เพราะข้อดีในด้านอื่นเขาก็มีอยู่แหละ...อย่างน้อยๆก็ได้แฟนเป็นคนขายเสียงอีกคนหนึ่งไงคะ
แต่ตอนนั้นแนนยังไม่รู้หรอกนะคะว่าการที่เราทำตัวแบบนี้มันยิ่งดึงตัวของเราให้ตกตำลงเรื่อยๆ!!

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:52:14 น.  

 

รสรัก....พระเอกไม่มีดั้ง

แม้ว่าชีวิตการงานในวงการบันเทิงของแนนจะไม่ได้พุ่งโชติช่วง เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเหมือนใครๆ แต่แนนก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ แบบม่ขาดสายเหมือนกัน พอๆ กับเรื่องวิ่งตามความฝันที่ว่าจะหาดารามาเป็นแฟนให้ได้สักคน แต่แฟนแบบฉาบๆฉวยๆ แบบที่แค่คิดมาหลอก (ฟัน) หรือหลอกให้เสียใจเล่นเนี่ย พอทีเถอะ แนนอยากได้ใครสักคนที่มาเป็นแฟนแนนแบบจริงๆ จังๆ คบกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ย้ำนะคะว่าขอเป็นคนดังเท่านั้น

หลังจากที่ผ่านงานละครมาแล้วหนึ่งเรื่อง พี่ๆในวงการก็ส่งแนนไปแคสติ้งหนังเรื่องนางนาก ของพี่อุ๋ย นนทรีย์ ซึ่งครั้งแรกที่ไปแคสนี่ได้เจอกับพี่โอ (นามสมมติ) พระเอกละครผิวสีแทนเข้ม จากค่ายย่านรถติด ถึงแม้ตัวจะไม่สูงมาก แต่ก็มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอก เขาก็มาแคสเรื่องนี้เหมือนกัน

ตอนแรกที่เจอหน้าเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะคะ แต่ว่าพอเข้าฉากร่วมกันปุ๊บ มันเป็นฉากเข้าพระเข้านาง ต้องมีกอดกัน หอมแก้มกัน ซึ่งแนนก็อินอีกแล้วค่ะ คืออาจเป็นเพราะแนนเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาด้วยมั๊งคะ ทำให้รู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้ชาย

แต่ครั้งนี้แค่อินกับบทนะคะ เพราะยังไม่มอะไรเกินเลย แค่ก่อนจากกันก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้แค่นั้น แต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตอนที่แลกเบอร์กันนี่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะสานต่อความสัมพันธ์กันเลยนะคะ เพียงแค่พอมาคุยกันแล้ว ทราบว่าพี่โอเขาเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับแนนมาก่อน สมัยประถม ก็เลยเหมือนมีเรื่องเก่าๆ คุยกันเยอะ ตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง

ซึ่งหลังจากนั้นก็เหมือนพี่อุ๋ย ผู้กำกับเขาจะมีแนนเป็นหนึ่งในช้อยส์ที่เขาสนใจ เขาเลยเรียกแนนไปแคสอีกครั้ง แต่คราวนี้ไปไม่ได้เข้าฉากกับพี่โอแล้วค่ะ พระเอกคู่กับแนนกลายเป็นพี่บอย (นามสมมติ) หนุ่มนักเรียนนอกอีกแล้ว ซึ่งตอนแรกที่แนนเห็นก็รู้สึกว่าหน้าใหม่แน่ๆ เพราะไม่เคยเห็นเขามาก่อน

ก็พยายามสืบประวัติว่าเขาเป็นใคร ก็ได้ข้อมูลว่าเขาเป็นลูกชายผู้กำกับท่านหนึ่ง แต่ข้อมูลที่ได้มาก็ไม่ได้ทำให้แนนรู้จักเขามากขึ้นเฃยนะคะ แต่พอดีว่าช่วงที่มาแคสกันนั้น พี่บอยเขาเหมือนจะไม่สบาย นั่งไอตลอดเลย ด้วยความหวังดี แนนก็เลยถามเขาว่า
“พี่ไม่สบายเหรอคะ เอายาแก้ไอไหมพี่ หนูมียานะ”
“อ๋อ.....ไม่เป็นไรครับ”

แนนกับพี่เขาก็ได้พูดกันประมาณนี้ แม้ว่าจะมีฉากเข้าพระเข้านางกันบ้าง แต่กับผู้ชายคนนี้แนนกลับมารู้สึกสปาร์คสักนิดนะคะ ด้วยความที่เขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอก พูดภาษาไทยแปลกๆ แล้วก็ดูสุภาพ นิ่งๆ มากเลย ก็เลยไม่ค่อยได้รู้สึกอะไรกันเท่าไหร่แต่ก็มีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน เพราะว่าหลังจากที่มานั่งคุยกันเรื่องงานที่มาแคสด้วยกันแล้ว แนนก็เล่าให้เขาฟังว่าก่อนหน้านี้แนนได้มาแคสกับพี่โอด้วยนะ ก็เล่าถึงความยากง่ายให้เขาฟัง ก็เล่าถึงความยากง่ายให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็มีกังวลเหมือนกันว่าจะได้หรือไม่ได้ ก็เลยแลกเบอร์กันเอาไว้ เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้มาแคสด้วยกันอีก จะได้เตี๊ยมกันมาก่อนเรื่องแอ๊คติ้ง เพราะหนังเรื่องนี้เขาแคสกันหลายรอบมากๆ เฉพาะแนนคนเดียวไปแคสตั้ง 7-8 รอบแน่ะ

หลังจากนั้นผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาก็โทรมาหาแนนก่อน แนนไม่ได้คิดโทรไปหาเขาเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าแนนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอยู่แล้ว และไม่ได้เฝ้ารอให้เขาโทรมาหาด้วยนะคะ เพราะตอนที่แลกเบอร์กันก็คิดแต่ว่าเอาไว้คุยเรื่องงานเท่านั้น......แต่แล้วอยู่ๆวันหนึ่งเขาก็โทรมา
“น้องแนนเหรอคับ เป็นยังไงบ้าง ตกลงงานที่เราไปแคสด้วยกันได้หรือเปล่าครับ”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะพี่ เพราะเขาก็เงียบหายไปเลย ยังไม่เห็นติดต่อแนนมาเลย เขาได้ติดต่อไปทางพี่บ้างหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีเหมือนกันครับ”

หลังจากนั้นก็โทรมาคุยเรื่องงานกันอยู่เรื่อยๆ พอเริ่มคุ้นกัน เขาก็เริ่มสืบประวัติว่าแนนเป็นใคร ทำอะไรบ้าง มีงานอะไนบ้าง แต่ตอนนั้นแนนก็ยังคิดว่าเขามาพูดคุยกับแนนในฐานะเป็นพี่เป็นน้องกัน ไม่ได้คิดอะไร
จนกระทั่งเขานัดแนนไปกินข้าว ซึ่งแนนก็ยังไม่รู้สึกว่าเขาจีบอยู่ดีนะ เพราะว่าเขาไม่ได้มาในแนวจะจีบแนนเลยสักนิด ก็แค่เหมือนพี่คนหนึ่งชวนน้องไปกินข้าวไม่มีอะไร เขาชวนมา แนนก็ไป

ระหว่างกินข้าวกัน เขาก็สุภาพมากๆ เป็นสุภาพบุรุษมากๆ ดูนิ่งๆ ดูไม่เจ้าชู้ ไม่ออกอาการจีบเลยสักนิด ชวนคุยแต่เรื่องงานตลอด พอกินข้าวกันเสร็จ เขาก็ถามว่าแนนจะไปไหนต่อไหม ซึ่งแนนก็บอกเขาไปตามตรงว่าไม่ไปแล้ว เขาก็ขับรถไปส่งแนนตามปกติ...
แต่ที่มันไม่ปกติก็คือ พอเขาขับรถผ่านโรงแรมแห่งหนึ่งแถวซอยมหาดไทย ซึ่งไม่ใช่โรงรมม่านรูดนะคะ เขาก็ถามแนนว่า

“น้องแนนอยากทานขนมไหม ที่โรงแรมนี้ขนมหวานเขาขึ้นชื่อมากเลยนะ อร่อยมากๆ แวะทานกันก่อนมั้ย”
“อืม…แต่แนนยังอิ่มอยู่เลยค่ะ”

คือระหว่างที่คุยกันเขาก็เลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมเลย แต่แนนก็ยังไม่ได้คิดว่าเขาจะพาแนนเข้าดรงแรมนะ คือในความรู้สึกของแนนในตอนนั้น ด้วยความที่ยังเด็กๆอยู่ด้วยแหละ ก็คิดว่าถ้าผู้ชายจะพาผู้หญิงเข้าโรงแรมมาทำอะไรเนี่ย มันต้องพาเข้าม่านรูดเท่านั้น การที่เขาพามาโรงรมที่ดูดีแบบนี้ แสดงว่าเขาไม่ได้คิดไม่ดีกับเราหรอก เขาคงอยากจะกินขนมที่เขาว่าอร่อยจริงๆ หรือไม่เขาก็คงแวะมาทุระอะไรของเขาละมั้ง
“เดี๋ยวแวะกินขนมกันก่อนเนอะน้องแนน อร่อยมาก”
“แต่หนูยังอิ่มอยู่จริงๆนะคะ”
“ซื้อไปฝากคุณแม่ก็ได้”

โอ้โห....ได้ยินคำนี้เข้าไป แนนยิ้มแก้มบานเลยค่ะ พี่เขาน่ารักจังมีคิดถึงคุณแม่ด้วย มีคิดจะซื้อขนมไปฝากคุณแม่ด้วย แนนปลื้มมากๆ เพราะปกติแล้วแนนก็ชอบซื้อของไปฝากคุณแม่อยู่แล้ว พอเขาพูดแบบนี้แนนก็รีบลงจากรถวิ่งตามพี่เขาไปดูขนมที่จะเอาไปฝากคุณแม่ทันที

แล้วพี่เขาก็พาแนนไปเลือกขนม เพื่อซื้อไปฝากแม่จริงๆ หลังจากที่เลือกขนมกันเสร็จ เขาก็บอกกับแนนว่า
“น้องแนนรอพี่ตรงนี้แป๊บนึงนะครับ พี่ขอเวลาแป๊บนึง”
“โอย... ไม่ต้องรีบหรอกพี่ เรื่อยๆได้เลย เดี๋ยวแนนเข้าห้องน้ำเหมือน”

คือ แนนคิดว่าเขาจะไปทำธึระ หรือไม่ก็คงจะแวะมาหาเพื่อน ก็ไม่อยากเร่งเขา พอเขาเดินไป แนนก็เข้าห้องน้ำ สักพักแนนออกมาจากห้องน้ำก็เจอพี่บอยยืนยิ้มหวานรออยู่ แล้วก็ไม่พูดไม่จาอะไรนะคะ เดินจูงมือแนนขึ้นลิฟท์เลย ซึ่งจะว่าซื่อ หรือโง่ก็ได้นะคะ เพราะขณะตอนที่ขึ้นลิฟท์แนนยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ได้แต่งงว่าเอ๊ะ...จะพาชั้นไปไหน แต่ก็ยังแอบคิดว่าคงจะพาแนนไปหาเพื่อนเขาด้วยมั๊ง จนมารู้ตัวอีกที ตอนที่เขาพาเข้าไปในห้องแล้วปรากฎว่าในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน มีแค่เขากับเราเท่านั้นแหละ แนนรู้เลยว่าอีกเดี๋ยวจะต้องเจออะไรแน่ๆ
“น้องแนนเอาของวางตรงนี้ก่อน นั่งพักก่อนๆ”
ปากเขาก็พูด มือเขาก็หยิบของที่แนนถิไปวาง และจับแนนมานั่งลงที่เตียง
จากนั้นก็เริ่มฉากเข้าพระเข้านางเลย มีโอบมีกอด มีหอมแก้ม ประหนึ่งเหมือนกำลังแคสหนังเรื่องนางนากที่เคยเข้าฉากด้วยกันเด๊ะ หลังจากนั้นคงไม่ต้องเล่าต่อแล้วนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะสุดท้ายแล้วก็จบลงตามแบบที่ทุกคนคิดไว้นั้นแหละคะ

หลังจากครั้งนั้นเขาก็มีโทรมาตามอยู่เรื่อยๆนะคะ แล้วเวลาคุยกันทุกครั้ง เขาก็ยังสุภาพเหมือนเดิมนะ ทำตัวเหมือนเป็นพี่ชายมากๆ ซึ่งแนนงงกับเขามากเลยค่ะ เพราะคนบุคคลิกอย่างเขาไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้เลยในความรู้สึกแนน แนนไม่คาดคิดมาก่อนเลยนะคะว่าจะได้กับผู้ชายคนนี้ อย่างที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกสปาร์คเลย และเขาก็ไม่หล่อด้วย แนนยังเคยคิดเลยว่านักเรียนนอกอะไรเนี่ย ดั้งก็ไม่มี หุ่นก็แปลกๆ ไม่คิดว่าเขาจะดัง แต่ทุกวันนี้เขาดังมาก

ถ้านึกย้อนไปถึงวันนั้น แล้วถามว่าประทับใจอะไรในตัวเขาบ้าง ขอบอกเลยว่าไม่มีเลยค่ะ แต่สำหรับวันนี้ประทับใจ ภูมิใจมากค่ะ เพราะเขากลายเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงแทบทุกคนหมายปอง เปิดโทรทัศน์ไปเจอเขาเป็นพระเอกละคร สาวๆก็จะกรี๊ดกันสนั่น เพราะวันนี้ความเปลี่ยนไปของเขาทั้งรูปร่างหน้าตา และตำแหน่งหน้าที่การงาน เขาเป็นทั้งพระเอกหนัง พระเอกละคร เรื่องล่าสุดที่เล่นก็เรตติ้งถล่มทลาย เขาว่ากันอย่างนั้นนะ แนนก็เลยแอบภูมิใจอยู่ลึกๆ ว่าผู้ชายที่ใครๆก็อยากได้คนนี้ “ชั้นกินมาแล้วจ้ะ”

หลังจากพี่บอยห่างหายไป แนนก็กลับไปสนิทกับพี่โออีกครั้ง เพราะเราต่างก็มีเบอร์โทรศัพท์ของกันและกันอยู่ ก็มีโทรมาคุยกันเรื่องงาน เตี๊ยมกันก่อนจะได้ไปแคส เพราะอย่างที่บอกว่า เรื่องนางนากที่แนนไปแคสบ่อยจริงๆ ก็เลยเจอกันอยู่เรื่อยๆ จนรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกัน

พี่เขาก็เลยชวนแนนไปกินไอติม ดู้หมือนเด็กๆนะคะ นัดกินไอติม แต่พี่เขาดูว่าแนนเป็นเด็กจริงๆนะ เพราะตอนที่ไปกินไอติมกัน เขายังให้ชวนแม่ไปด้วยเลย แต่แม่ก็ไม่ไป ปล่อยให้แนนไปกับพี่เขาสองคน ด้วยความที่เห็นว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน เดี๋ยวพี่เขาต้องมาส่งอยู่แล้ว พี่โอเขาก็พาไปนั่งกินไอติมหวานๆ ไปเดินช้อปปิ้ง ซึ่งด้วยความที่เขาเป็นคนกรุ้มกริ่มๆ เขาก็มีหยอดใส่แนนบ้าง พูดขำๆบ้างว่า “งั้นน้องแนนมาเป็นแฟนพี่มั้ย”

แต่ถึงเขาจะหยอด แนนก็ไม่ได้คิดอะไรมากนะคะ เพราะคิดว่าเขาแค่พูดเล่นๆคงไม่ได้จริงจังอะไร เพราะว่า เขากล้าเข้าหาแม่แนน เวลาโทรมาหาแนนที่บ้าน แล้วถ้าแม่รับ เขาก็จะชวนคุยไปเรื่อย
“คุณแม่เหรอครับ ผมจะชวนน้องแนนไปกินไอติม คุณแม่ไปกินด้วยไหมครับ”

คือปกติ ผู้ชายที่มาจีบแนน เขาจะไม่ค่อยกล้าหาแม่เท่าไหร่ แต่กับพี่โอนี่ตีซี้แม่มากๆ ทำให้แนนคิดว่า เขาคงคิดว่าแนนเป็นน้องสาวแน่ๆ คงไม่ได้คิดจะจีบแนนจริงๆหรอก แต่พอไปกินไอติมด้วยกันสักพัก แทนที่เขาจะพาแนนไปส่งบ้านเหมือนเคย เขาก็ชวนไปเที่ยวบ้านเขา แนนก็ยังไม่ได้คิดอยู่ดีว่าพี่เขาจะทำอะไรเราหรือเปล่า คิดแต่ว่าที่เขาชวนไปเที่ยวบ้าน เป็นเพราะว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน พี่เขาคงอยากให้เรารู้จักกันเอาไว้

พอไปถึงบ้านปุ๊บ ก็เจอพี่สาวเขา ซึ่งพี่เขาก็ต้อนรับดีมากๆ หาขนม หาของมาให้กิน แล้วก็ดูโทรทัศน์อยู่ด้วยกันตามปกติ สักพักเหมือนพี่สาวจะรู้ใจน้องชาย อยู่ๆก็ขอตัวออกไปข้างนอก พออยู่กันสองต่อสอง เขาก็เริ่มแล้ว มีหอมแก้มเล่นๆ และพอเขาเห็นแนนไม่โวยวายอะไร เขาก็เริ่มนัว ซึ่งตอนนั้นแนนก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพี่เขานะ และก็เริ่มรู้แล้วว่าเดี๋ยวเรื่องจะลงเอยแบบไหน แต่ก็แอบคิดในใจว่าจะเอาตรงนี้เลยเหรอ นี่มันห้องรับแขกนะ ถ้าอยู่ๆมีคนเดินเข้ามาเห็นจะทำยังไง คือกังวลอยู่ในใจแค่นี้แหละแนนตอนนั้น

ซึ่งพี่โอเขาก็นัวบ้าง พักดูโทรทัศน์บ้าง หอมแก้มบ้าง จุบมือบ้างสลับไปมาเรื่อยเปื่อย แล้วอยู่ๆก็เหมือนเขาดูเชิงอยู่พักใหญ่ว่าแนนไม่ปฏิเสธเขาแน่ๆ ถ้าเขาจะทำอะไรมากกว่านี้ เขาก็ลุกขึ้นจูงมือแนนเข้าห้องเลย และก็จบลงเอยกันที่ห้องนอนพี่เขานั่นแหละ

หลังจากนั้นเวลาพี่เขาโทรมาคุยก็เริ่มชัดเจนเลยว่า เขาไม่ได้คิดกับเราแค่พี่น้องแล้ว เพราะเขาจะโทรมาหยอด มาหวานตลอด เริ่มมีคิดถึงจง คิดถึงจัง วันละหลายๆรอบแต่แล้วก็ไม่รู้ยังไง ถึงได้ห่างๆหายๆกันไป จนกระทั่งพี่เขาได้เล่นละครเรื่องหนึ่ง พอแนนเห็นก็เลยไปหาเขาไปแสดงความดีใจกับเขาที่ได้งาน เขาก็ดีใจที่ได้คุยกันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายกันพักใหญ่ และพอกลับมาคุยกันครั้งนี้ ก็เลยเหมือนกลับมาคบกันอีก ซึ่งกลับมาคราวนี้พี่เข่ก็เหมือนเดิมนะคะ พาไปกินไอติม ไปเที่ยว แล้วก็แวะมาต่อกันที่บ้าน คือไม่มีอะไรต่างไปจกเดิมเลย

สิ่งที่ประทับใจพี่โอมากๆเลยคือ เขาเป็นคนน่ารักเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากๆ เทคแคร์ดี เอาใจใส่ดี อย่างตอนที่หวานๆกันอยู่ เขาก็จะบอกว่าเดี๋ยววันเกิดแนนพี่ขอจัดงานเลี้ยงให้นะแต่ช่วงก่อนจะถึงวันเกิดแนนมันเป็นช่วงที่ห่างๆกันพอดี แต่เขาก็ไม่ลืมนะคะ ก่อนวันเกิดแนนไม่กี่วันเขาก็พยายามโทรมาหา แต่แนนไม่รับ พอถึงวันเกิดเขาโทรมาแนนก็ไม่ได้รับ เขาก็เลยแมสเสจมาว่า
“ไหนบอกว่าจะให้พี่จัดงานวันเกิดให้ไง หายไปไหนล่ะเนี่ย”
คือแนนอ่านข้อความแล้วประทับใจมากๆ ดูเขาใส่ใจเรามาก น่ารักมากๆ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เหมือนกับว่าเขาก็เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่คนของเราอ่ะนะ เขาก็เลยจากไปตามทางของเขา แนนก็อยู่ตามทางของแนน ซึ่งเป็นการหันหลังจากกันโดยดีที่สุด

ชีวิตการวิ่งตามหาความรักแบบเด็กบ้าดาราอย่างแนน เริ่มเจออุปสรรคในชีวิตรักเพิ่มขึ้น มากขึ้นทุกวัน ทั้งมาหลอกให้รัก มาหลอกฟัน ทำไมนะผู้ชายหล่อๆในวงการบันเทิง ถึงได้มีนิสัยคล้ายคลึงกันอย่างนี้



มือกีต้าร์ขาร็อค!

ชีวิตของแนนช่วงนี้ว่างๆจากความรักและงานค่ะ เรื่องความรักอาจเป็นเพราะว่าแนนเริ่มเหนื่อย ที่ไม่เจอคนที่ใช่สักที แต่ถามว่าเข็ดขยาด ขลาดกลัวกับความรักไปเลยไหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะคะ เพราะลึกแล้วแนนก็ยังหวังอยู่ว่าจะต้องมีผู้ชายักคนมารัก และหวังดีกับเราด้วยความจริงใจ

แล้วเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเพื่อนสาวของแนนคนหนึ่ง เขาชื่นชอบนักร้องวงร็อกอยู่วงหนึ่ง ด้วยความชอบของเขา ทำให้เขาตามไปดูแทบจะทุกคอนเสิร์ตของวงนี้ ซึ่งเวลานั้นวงนี้กำลังดังมากๆเลยนะคะ โดยเฉพาะข่าวฉาวของเขาเมื่อไม่นานมานี้แต่ข่าวเกี่ยวกับอะไรขอไม่บอกนะคะ เพราะว่าถ้าบอกไปนิดเดียวคงจะร้องอ๋อกัน....ก็อย่างที่บอกนั่นแหละค่ะว่าแนนไม่ได้อยากจะมาแฉใครมากมายเอาแค่ใบ้กันนิดๆหน่อยๆ แนนแค่อยากจะบอกเล่าว่าช่วงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแนนนั้นก้าวพลาดมาแล้วกี่ครั้งและการก้าวของแนนก็ไม่ได้เป็นความผิดของใครๆที่เข้ามาในชีวิตของแนนแต่มันเป็นเพราะตัวของแนนคนเดียว!!

กลับเข้าเรื่องกันดีกว่านะคะ...เพื่อนแนนเขาปลื้มมือกลองของวง เขาก็เลยชวนแนนไปกรี๊ดเป็นเพื่อน ซึ่งคอนเสิร์ตแรกของเขที่แนนไปดูขอบอกว่าไม่สนุกเอาซะเลย ไม่สนุกเอามากๆเพราะว่าแนนไม่รู้จักเพลงของเขาเลยแต่ระหว่างที่ยืนดูอยู่นั่น แนนก็รู้สึกสะดุดตามือกีต้าร์ของเขา คือเขาไม่ได้เป็นผู้ชายหล่อนะคะ แต่เขาดูเท่ห์มาก ด้วยลีลาที่มากมายในการเล่นกีต้าร์ แล้วก็มาดเขาดูเท่ห์ไม่เบา ก็เลยแอบๆมอง แต่ก็ยังไม่ได้ชอบอะไรมากมายนะคะ แค่รู้สึกว่าเขาเท่ห์ดี

พอคอนเสิร์ตจบเพื่อนแนนก็พาเข้าไปหลังเวที ด้วยความที่เขามาดูบ่อย เขาก็จะสนิทกับทุกคนในวง แล้วเขาอยากจะถ่ายรูปคู่กับคนที่เขาปลื้ม แต่โทรศัพท์ของเขาถ่ายรูปไม่ได้ ก็เลยยืมโทรศัพท์ให้ถ่ายให้หน่อย ตอนแรกเข้าไปถึง เขาก็ให้แนนถ่ายรูปให้เขา พอถ่ายของเขาเสร็จ เขาก็จัดให้แนนบ้าง ด้วยการเดินไปบอกมือกีต้าร์ว่าแนนชอบ จริงๆแล้วแนนแค่หลุดปากชมออกไปเองนะคะ ว่าเขาดูเท่ห์ดี แต่เพื่อนแนนได้ยินแค่นั้นก็จัดให้เลยค่ะซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้อะไรกับแนน ถ่ายรูปเสร็จ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอเบอร์เพื่อนแนนไป หลังจากนั้นเขาก็โทรมาหาเพื่อนแนน แต่ว่าคอยถามถึงแนนว่าแนนเป็นยังไงบ้าง ทำอะไรอยู่แล้วก็จะคอยโทรมาคิวว่าวันไหนเล่นที่ไหน ยังไง แล้วก็จะย้ำทุกครั้งให้พาแนนไปดูด้วย

หลังจากนั้นเวลาเพื่อนแนนจะไปดูวงนี้เล่นคอนเสิร์ตที่ไหนก็ต้องลากแนนไปด้วย จนกลายเป็นแฟนคลับวงนี้กันไปเลย และไปทุกครั้งพวกเราสองคนก็จะจองที่หน้าเวทีตลอด แนนก็ไม่ทำอะไร ยืนจ้องมือกีต้าร์อย่างเดียว คือไม่ได้ว่าชอบเขามากมายหรอกนะ แต่ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ ก็เลยยืนเช็คเรทติ้งตัวเองว่ายังพอไหวอยู่รึเปล่า ซึ่งก็ได้ผลนะคะ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็โทรมาหาเพื่อนแนน แล้วก็ขอเบอร์แนน

พอได้เบอร์แนนไปปุ๊บเขาก็ไม่รอช้าเลย โทรมาหวานกับแนนทันที น้องแนนน่ารักอย่งโน้นอย่งนี้ แล้วก็จะโทรมาตามให้แนนไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตทุกที ซึ่งแนนก็ไปนะคะ อย่างที่บอกว่าตอนนั้นทำตัวไม่ต่างจากแฟนคลับวงนี้เลยแหละคะ และทุกครั้งที่เขาเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ เพื่อนแนนก็ต้องลากแนนเข้าไปหลังเวที เพราะเขาอยากใกล้ชิดกับมือกลองที่เขาชอบ แต่สุดท้าย แล้วไม่รู้ยังไง เขาดันได้ใกล้ชิดกับมักร้องนำของวงไปซะงั้น

ช่วงนั้นเพื่อนแนนกับพี่นักร้องนำก็สวีทหวานกันสุดฤทธิ์ พี่เขาก็โทรมาชวนไปโน่นไปนี่ตลอด เพื่อนแนนก็ด้วยความอยากไป แต่ไม่มีรถ จะเดินทางไปไหนก็ลำบาก มันก็มาชวนกึ่งบังคับให้แนนนี่แหละไปเป็นเพื่อนมัน เพราะว่าแนนมีรถ จะเดินทางสะดวก

ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งหลังจากเสร็จงานคอนเสิร์ตแล้ว เขาต้องไปซ้อมดนตรีกันต่อที่บ้านของพี่มือกีต้าร์ แนนกับเพื่อนก็ตามไปตามคำชวน ไปถึวพี่มือกีต้าร์เขาก็นั่งคุยกับแนนดี แต่เขาเป็นคนคุยไม่เก่งเท่าไหร่ แต่คือแนนก็รู้นะคะว่าเขาพยายามจีบแล้ว แต่เขาอาจจะยังจีบไม่เก่งท่าไหร่ แต่แนนก็ไม่ได้อะไรมากมาย เพราะก็ไมได้ชอบเขามากมาย แค่ปลื้มๆที่เขาดูเท่ห์ดี แต่เพื่อนแนนสิคืนนั้นก็ลงเอยกับนักร้องนำที่บ้านหลังนั้นแหละ

หลังจากนั้นก็ไปที่บ้านหลังนั้นอีกประมาณ 4-5 ครั้ง ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อนไปเป็นเพื่อนเพื่อน แต่ครั้งสุดท้ายแนนก็ได้กับพี่เขาจนได้ จริงๆแล้วไม่คิดว่าจะยอมหรอกนะคะ เพราะว่าเขาไม่หล่อ ไม่ใช่คนในสเปค จะว่าเป็นคนดัง เขาก็ไม่ใช่คนที่ดังที่สุดในวง ถ้าจะเลือกเอาคนดังแนนเลือกพี่นักร้องนำมากกว่า แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นมันเหมือนภาวะจำยอม เพื่อนแนนก็ไปนัวเนียอยู่กับนักร้องนำ เพื่อนในวงคนอื่นก็หายไปไหนหมดไม่รู้ เหลือแนนนั่งคุยกับพี่กีต้าร์กันสองคน ทุกอย่างมันก็เลยเหมือนเลยตามเลย

แต่จะว่าไปแล้วจริงๆ พี่นักร้องนำเขาก็แอบมากีกแนนเหมือนกันนะคะ ทั้งๆที่เขาควงเพื่อนแนนอยู่นี่แหละ แต่เขาก็โทรมาหาแนน แมสเสจมาหาแนน จนมีอยู่ครั้งหนึ่งเพื่อนแนนมาแอบเห็นแมสเสจที่พี่เขาส่งมาให้ มันโกรธแนนไปพักหนึ่งเลย หาว่าแนนจะแทงข้างหลัง แต่แนนไม่ได้เล่นด้วยนะ เพราะว่าแนนก็ได้กับมือกีต้าร์ไปแล้ว และพี่นักร้องก็เป็นแฟนกับเพื่อนแนน ก็ไม่ไม่อยากยุ่งให้มันวุ่นวาย ให้มันเป็นคู่ๆไปดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะมั่ว จะยุ่งกันไปใหญ่

แนนกับพี่มือกีต้าร์ก็คบกันอยู่พักหนึ่ง มาเริ่มหายๆจากกันไป ช่วงที่พี่เขาไปเล่นคอนเสิร์ตต่างจังหวัดไกลๆ คือ มันกลายเป็นว่าไม่มีเวลให้กัน เข้าคอนเซ็บต์ของคนดังนั่ยแหละค่ะเพราะพี่เขาทัวร์ต่างจังหวัดเยอะมาก เวลาอยู่กรุงเทพฯก็มีคอนเสิร์ตตามผับตลอด เพราะว่าเขากำลังดังมากๆ พอไม่มีเวลาให้กันมากๆเข้ามันก็เลยเหมือนเลิกกันไปดดยปริยาย หรือว่าจริงๆแล้วแนนจะต้องทำใจรับให้ได้กับการไร้เวลาเอาใจใส่


สิ่งที่ประทับใจพี่คนนี้มากที่สุดก็คือเขามีนามสกุลเป็นชื่อวงห้อยท้าย แค่นี้เองที่แนนประทับใจ เพราะว่าวงเขาดังมากๆ มากๆจริงๆนะคะ นั่นพูดไปพูดมาแนนเริ่มจะมองว่าใครก็ได้ซะแล้ว ขอให้เป็นคนดังก็พอ สเปค และความถูกใจเริ่มไม่เกี่ยง อาจจะเป็นเพราะว่าเจอรูปหล่อตรงสเปคมาแล้ว แต่ไม่มีได้ดีสักคน เลยขอลองแบบอื่นๆในสายตาคนดังบ้างแล้วกันแนอะ เผื่อจะสมหวังในรักกับเขาบ้าง แต่ที่ไหนได้ คนดังก็คือคนดังวันยังค่ำ ไม่ว่าจะเป็นนักร้องนำ มือกลอง หรือมือกีต้าร์ก็เถอะ สุดท้ายก็ชิ่งหนีกันหมด!!



ฉันรักผัวเขา


เมื่อแนนยังไม่หยุดคิดจะมีรักกับคนในวงการบันเทิง แน่นอนว่าความรักครั้งใหม่ของแนนก็จะต้องเกิดขึ้นอีกเป็นธรรมดา และรักครั้งนี้ของแนนก็เป็นข่าวโด่งดังทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าแนนแย่งแฟนชาวบ้านเขาด้วยนะคะ ผู้ชายคนนี้เขาเป็นนักร้องของค่ายย่านรถติดแห่งหนึ่ง รูปร่างเล็ก ปากแดง ผมสั้นเกรียน แต่ว่าไม่ดังมากเท่าไหน่ มีแฟนสาวที่พยายามทำตัวเซ็กซี่คนหนึ่งในวงการ!!

แนนได้เจอกับเขาตอนที่ไปรับเล่นหนังVCDเรื่องหนึ่ง ตอนแรกแนนไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้เลยว่าเคยเป็นนักร้องมาก่อน ไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนของคนในวงการบันเทิง คือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย รู้แต่ว่าต้องมีฉากเลิฟซีนด้วยกัน

เข้าฉากเลิฟซีนด้วนกันครั้งแรก แนนยังไม่เกิดอารมณ?อินตามไปนะคะ เพราะว่าเขายังแสดงไม่ค่อยเก่ง แนนรู้สึกรำคาญมากกว่า เขาจะรีบรุกไปถึงไหน อยากจะลุกขึ้นไปสอนเขามากๆแต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงก็ทำอย่างที่คิดไม่ได้ ก็เลยต้องปล่อยให้เป้นหน้าที่ผู้กำกับเขาจัดการสอนสั่งกันไป

และพอถึงเวลาถ่ายทำจริง แนนรู้สึกได้ว่าเขาเล่นจริงกับแนนมากๆ คือแนนรู้สึกได้เลยว่าเขาไม่ได้แค่แสดงอ่ะ เขาเล่นจริงกับแนนเลย ตอนนี้แนนก็เริ่มมีอินบ้างแล้ว และหลังจากฉากเลิฟวีนเราก็ต้องเข้าฉากอื่นด้วยกันอีกเยอะ ก็เลยมีจังหวะได้พูดคุย ได้ทำความรู้จักกัน และก็ได้รู้ว่าเขาชอบเที่ยวร้านแถวหน้าบ้านแนนมากๆ พอเขารู้ว่าบ้านแนนอยู่ในซอยร้านที่เขาเที่ยวเป็นประจำ เขาก็เลยชวนเลย
“วันหลังพี่ไปเที่ยวแถวนั้น พี่ชวนแนนออกมาเที่ยวด้วยกันบ้างได้ไหม”
“ได้ค่ะพี่ไปเมื่อไหร่ โทรมาบอกได้เลยนะคะ”

วันนั้นหลังจากถ่ายเสร็จเขาก็กลับบ้านเลย และคืนนั้นเขาก็โทรมาชวนแนนเที่ยวเลย คือ ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าจริงๆ แต่แนนไม่ได้ไปนะคะ คืนแรกดทรมาชวนก็ไม่ได้ไป คืนที่สองชวนก็ไม่ได้ไป

คือคืนแรกเนี่ยเพิ่งเสร็จงานกลับมาแนนเหนื่อยมาก ก็เลยไม่ไป และแนนเป็นคนที่เวลาเหนื่อยทีจะเหนื่อยหลายวัน คืนที่สองก้เลยขี้เกียจไป ยังไม่พร้อม ขอนอนให้เต็มที่ก่อน พอคืนที่สามก็โทรมาชวนอีก คือพี่เขาโทรมาตามทุกคืนเลยนะคะ ซึ่งคืนที่สามนี่แนนหายเหนื่อยแล้ว พร้อมแล้ว ก็เลยตอบตกลงไป

พี่คนนี้มีนิสัยเสียตรงที่เมาแล้วชอบนัว วันนั้นพอกินเหล้าเข้าไปแล้วเริ่มเมาก็เริ่มนัว ซึ่งหนูก็เข้าใจคนเมาก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเที่ยวกันเสร็จ เขากับเพื่อนจะไปแทงสนุ้กฯกันต่อแถวเหม่งจ๋าย เขาก็ชวนแนนไปด้วย ซึ่งแนนก็ไปนะคะ พอขึ้นรถไปเขาก็เริ่มนัวแนนอีก แต่ก็ยังทำอะไรได้ไม่มาก ด้วยความเมา บวกกับต้องขับรถด้วย แต่ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปโต๊ะสนุ๊กฯ เขากับเพื่อนก็โทรคุยกันตลอดทาง สุดท้ายก็สรุปว่าไม่มีใครไปแทงสนุ๊กฯต่อแล้ว เขาก็เลยต้องมาแทงแนนแทน
คือพอรู้ว่าไม่ไปโต๊ะสนุ้กฯแล้ว เขาก็ชวนให้ไปเที่ยวบ้านเขาแทน ตอนนั้นแนนเองก็มึนๆ เขาก็เมาๆ ก็ไม่รู้จะห้ามเขายังไง แต่รู้นะว่าถ้าไปถึงบ้านเขาเนี่ยเสร็จเขาแน่ๆ แต่อารมณ์นั้นมันเหมือนมึนๆเมาๆก็เลยยอมไปกับเขา และก้เป็นอย่างที่แนนคิดล่ะค่ะ เรียบร้อยสบายเขาที่บ้านเขานั่นแหละ

หลังจากนั้นก็เริ่มมีข่าวออกมาว่าแนนแย่งแฟนชาวบ้าน ซึ่งบอกตามตรงว่าตอนแรกแนนไม่รู้เรื่องเลยนะคะว่าเขามีแฟนแล้ว มารู้ก็ตอนที่ไปนอนบ้านเขานั่นแหละ เพราะแนนไปเปิดลิ้นชักเก็บของดู เห็นมีสติ๊กเกอร์อันเล็กๆอันหนี่งที่เขาถ่ายคู่กับแฟนเขา ติดแอบๆแอาไว้ในลิ้นชัก ก็เลยรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว เป็นคนในวงการ ทุรกิจร้านอาหาร สระว่ายน้ำและก็อื่นๆอีกมากมาย

แต่แนนก็ไม่ได้ไปถามไปซักอะไรเขานะ คือรู้สึกว่าเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา แนนก็เลยคบกับเขาต่ออีกระยะหนึ่ง มีไปเที่ยวด้วยกัน ไปนั่งรอเขาแทงสนุ๊กฯ แม้ช่วงที่มีข่าวออกมาแล้วว่าเขามีแฟน แต่ผู้ชายก้ยังไม่เลิกคบกับแนนนะ เขาก็ยังไปไหนมาไหนกับแนนเหมือนเดิม และก็ไม่เคยพูดถึงแฟนเขาเลยด้วย ซึ่งเขาไม่พูดแนนก็ไม่สนใจ!!

จนกระทั่งเพื่อนกระเทยของแฟนเขา โทรมาวีนแนน ซึ่งแนนก็ยังไม่ว่าอะไรนะคะจนกระทั่งมีข่าวออกมาเรื่อยๆว่าแนนควงแฟนของสาวเซ็กซี่คนนี้ ซึ่งแนนก็ออกมาปฏิเสธตลอดเวลาว่าไม่มีอะไร เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน เลิกงานแล้วก็ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทางฝ่ายเขาไม่ยอมจบง่ายๆ เขายังออกมาวีนกับสื่ออีกว่า แนนอยากดัง เลยพยายามเอาชื่อเขาเข้าไปพ่วงในข่าว หวังจะไต่ชื่อเขาดัง อาศัยใช้เขาเป็นสะพาน

ตอนนั้นจริงๆแล้ว แนนจะเลิกลากับผู้ชายคนนี้ไปเลยก็ได้นะคะ เพราะจริงๆแนนก็ไม่ได้รักเขามากมายอะไร และอีกอย่างพอรู้ว่าเขามีแฟน แนนยิ่งไม่สนใจเขาใหญ่เลย แต่ด้วยความที่ผู้หญิงของเขาออกมาด่าแนนทางสื่อเยอะไปหน่อย แนนก็เลยไม่ยอมเลิกง่ายๆ เพราะถือว่าไหนๆก็ด่าแนนไปแล้ว แนนก็เลยเล่นยาวซะเลย

จนแนนรู้สึกเบื่อ เพราะผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรน่าพิสวาสเลย เวลาเมาก็น่ารำคาญมาก ชอบนัวเนียเยอะเหลือเกิน แนนไม่รู้สึกสนุกกับเขาด้วย วันหนึ่งแนนเลยเลือกจะเดินจากเขามา เลือกทางเดินชีวิตให้กับตัวเองใหม่

ชิวิตที่จะมีผุ้ชายสักคนมารักจริง
ชิวิตที่จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง
แต่ขอเถอะนะ แฟนแนนคนนั้น ขอให้เขาเป็นคนดังทีเถอะ สาธุ!!

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:53:15 น.  

 

รักชั่วคราวจากตัวประกอบ


แนนใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงมาเริ่มนับเวลาได้หลายปี ชีวิตรักของแนนก็ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง สุขบ้าง เศร้าบ้างคละเคล้ากันไป และเนื่องด้วยการที่แนนใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิง จึงดูจะเหมือนว่าเป็นความดชคดีของแนนมากกว่าเด็กบ้าดาราคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นคนในวงการบันเทิงตรงที่ แนนสามารถเจอผู้ชายที่อยู่ในวงการบันเทิงได้มากกว่า และผู้ชายส่วนมากที่เดินเข้ามาหาแนนนั่นก็จะเป็นคนในวงการบันเทิงซะส่วนใหญ่

และแล้วความรักของแนนก็เริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากล้มเหลวจากรักครั้งที่แล้วได้ไม่นานเท่าไหร่ แนนก็ได้พระรองผิวเข้มจากค่ายละครที่เคยสิงสถิตย์ริมถนนวิภาวดีมาเป้นเพื่อนใจ แทนคนเก่าที่จากไป พี่คนนี้เขามาแบบหล่อมาดเข้ม เนี้ยบสุดๆ ถ้าเดาไม่ผิด แนนคิดว่าพระรองคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่พี่อ้อม เดอะ พีอาร์ เจ้าของหนังสือ คืนที่ฉันนอนกับดาราได้แน่ๆค่ะ คิดว่าน่าจะคนเดียวนะคะ จากการคาดเดาแต่ถ้าไม่ใช่ยังไงก็ต้องขอโทษพี่อ้อมด้วยค่ะ ถ้ายังไงลองไปหาอ่านจากหนังสือคืนที่แนนอนกับดาราดูนะคะว่าใช่คนเดียวกันมั้ย

แนนจำไม่ได้ว่าเขากับแนนรู้จักกันได้ยังไง รู้แต่ว่าแนนชอบเขาก่อน คือปลื้มเขาตั้งแต่ดูละครที่เขาเล่นแล้วล่ะ พอได้เจอตัวจริง ก็เลยไม่รอช้าที่จะแลกเบอร์โทรศัพท์กันและพอเขาได้เบอร์แนนไปปุ๊บ เขาก็ไม่รอช้าที่จะโทรมาหาแนนเหมือนกัน

ครั้งแรกที่เขาโทรมานี่เขาเอาเบอร์ที่ทำงานเขาโทรมาเป็นเบอร์ 02 ซึ่งแนนไม่ได้เป็นคนรับเอง คุณแม่เป็นคนรับ เขาก็คุยกับคุณแม่เป็นเรื่องเป็นราว ทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันสักครั้ง
“คุณแม่เหรอครับ นี่ผมเอก (นามสมมติ) เองนะครับ คุณแม่สบายดีไหมครับ”

คือเขาทำตัวสนิทกับแม่มากๆ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้ากันสักครั้ง ซึ่งการทำอย่างนี้ก็ทำให้แนนรู้สึกดีนะคะ ว่าผู้ชายคนนี้น่ารักดี รู้จักเข้าทางแม่ด้วย

หลังจากนั้นเขาก็โทรมาคุยกับแนนอยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็นัดแนนออกมากินข้าว ซึ่งแนนก็ไปนะคะ เพราะเขาก็ดูน่ารัก สุภาพดี และแนนเองก็ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย จากที่เห็นเขาในละคร

วันนั้นเขาพาแนนไปกิน 13 เหรียญ สาขาอิมพีเรียล ลาดพร้าว ซึ่งขอบอกว่าวันนั้นแนนตื่นเต้นมากๆที่ออกไปกับเขา แต่งตัวเต็มยศชุดใหญ่เลยค่ะ เพราะอยากให้ตัวเองดูดีที่สุดในวันนั้น คือแนนชอบเขามาก หน้าไทยๆพูดจาสุภาพดี ชอบมาก

พอกินอาหารที่ 13 เหรียญกันเสร็จ เขาก็บอกว่าจะขับรถไปส่งแนนที่บ้าน แต่ไม่ได้มุ่งหน้าไปส่งแนนเลยนะคะ คือจะหวานตลอดทาง แล้วก็จะขับรถวนไปวนมา
“พี่ยังไม่อยากกลับบ้านเลย อยากอยู่กับน้องแนนต่อ”
“ค่ะ” แนนก็เขินนะคะ ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน
“น้องแนนอยู่กับพี่ต่อนะ อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยนะ พี่อยากอยู่กับน้องแนนจริงๆ”
“แต่แนนต้องรีบกลับบ้านนะคะ นี่มันก็เริ่มดึกแล้วด้วย”
“แต่พี่คิดถึงน้องแนนมากเลยนะครับ พี่ยะงไม่อยากไปส่งแนนที่บ้านเลยจริงๆนะ”

ปากเขาก็หวานกับแนนไปเรื่อยๆ ส่วนตัวเขาก็ขับรถวนทั่วเมือง ไม่ได้อยู่ในเส้นทางกลับบ้านแนนเลย สุดท้ายเขาก็วนเข้าม่านรูดปีบอิน คือเขาไม่ได้แสดงอาการลวนลามแนนนะ เพียงแต่บอกว่าอยากอยู่กับแนนต่อ แต่คือแนนต้องกลับบ้านแล้ว เขาก็พยายามอ้อนไปอ้อนมา แล้วอยู่ๆแนนไม่ทันตั้งตัว เขาก็เลี้ยวรถเข้าม่านรูดซะงั้น

คือแนนไม่ได้ยอมเขาง่ายๆนะคะ มีการขัดขืนกันด้วย คือปีบอินนี่มันไม่เหมือนม่านรูดที่อื่นนะคะ ที่เป็นแค่ๆห้องเดียว แต่ทีนี้มันมีบันไดวนขึ้นไปชั้นสองได้ด้วย คือในห้องเนี่ยมันจะมีสองชั้น ก่อนลงจากรถแนนก็มีอิดออดนิดหน่อย เพราะคำว่าม่านรูดมันฟังดูแล้วไม่ดีเท่าไหร่ แนนก็เลยอิดออดอยู่พักหนึ่ง
“พี่พ่แนนเข้ามาในที่แบบนี้ แนนว่ามันไม่ดีนะคะ”
“ไม่เผ็นไรครับน้องแนนอย่าคิดมากนะ ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่เป็นไรหรอก”
พอเข้าไปในห้องแนนก็นั่งตัวแข็งอยู่ที่โซฟานั่นแหละ เขาก็เข้ามาประคองแนนขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง พอขึ้นไปปุ๊บเขาก็เริ่มเข้ามานัวเนีย พอเขาเริ่มนัวเนียแนนมากๆ แนนก็เดินหนีลงมาข้างล่าง คือเวลานั้นบอกตรงๆว่าแนนค่อนข้างสับสนอย่างมาก ไม่รู้จะทำอะไรยังไงดีจะยอมดีหรือเปล่า และที่สำคัญคือแนนคิดไม่ถึงว่าแนนจะเจอกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่าพี่เขาดูสุภาพมากๆ เขาไม่น่าจะกล้าพาแนนเข้าม่านรูดเลย แนนรู้สึกเสียใจเหมือนกันนะ แนนปลื้มเขามากเหมือนกัน เขาไม่น่าจะพาแนนมาเข้าม่านรูดวันนี้เลย มันก็เลยทำให้แนนสับสนอย่างมาก

พอเห็นว่าแนนเดินหนีลงมาข้างล่าง เขาก็ตามลงมาตื๊อให้แนนขึ้นไปอีก พอเห็นว่าแนนทำท่าจะไม่ยอมขึ้นไปจริงๆ เขาก็เริ่มนัวข้างล่างเลย แล้วก็พยายามออดอ้อนแนนทุกวิถีทาง สุดท้ายแนนก็เลยยื่นข้อเสนอกับเขา
“เอาเป็นว่าแนนนั่งอยู่กับพี่ก็ได้นะคะ แต่พี่รับปากแนนได้ไหมว่าพี่จะไม่ทำอะไรแนนนะ พี่อย่าทำอะไรแนนเลยนะ เรานั่งคุนกันเฉยๆเถอะนะ”
คืออารมณ์ตอนนั้นกลัวจริงๆนะคะ มันเหมือนยังไม่พร้อมที่จะมีอะไรกับเขาจริงๆ อต่เขาก็ออดอ้อนอย่างนั้นอย่างนี้ไปเรื่อยตามประสาผู้ชาย จนสุดท้ายแนนก็ตกเป็นของเขาจนได้

แต่หลังจากนั้นก็คือคบกันเป็นแฟนเลยนะ ช่วงนั้นคือแนนย้ายออกมาอยู่คอนโดกับเพื่อน เขาว่างก็จะแวะมาหาแนนที่คอนโดตลอด เช้า สาย บ่าย เย็น ขอให้ว่างเขาจะแวะซื้อขนมซื้อโน่นซื้อนี่มาฝากตลอด คือดูแลดีมากๆ เพื่อนๆแนนจะชอบเขาทุกคน เพราะเขาน่ารัก

แต่แล้วก็ถึงคราวต้องห่างกันไปอีก เพราะนอกจากเขาจะต้องถ่ายละครแล้ว เขายังต้องมีงานและกิจการของเขา พระเอกคนนี้มีชื่อเล่นแปลว่า ลูกชายคนแรกของปี และด้วยงานของเขาและธุรกิจความงามที่ทำอยู่ เขาก็เลยมีเวลาน้อย และที่สำคัญคือแนนไปแอบสืบเรื่องของเขา คือคนนี้เหมือนแนนจะรักเขาจริงๆ ก็เลยอยากรู้เรื่องของเขา ว่าเขาเป็นมายังไงกันแน่ ก็เลยไปสืบกับรุ่นพี่ที่เล่นละครค่ายเดียวกันกับเขา

“พี่รู้ไหมว่าพี่คนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง”
“โอย...มันมีแฟนแล้วนะ ที่สำคัญมันมีผู้หญิงเลี้ยงด้วย จะคบมันก็ระวังๆหน่อยล่ะ” พี่เขาเตือนแนนด้วยความหวังดี
ตอนแรกที่ได้ฟังมาแบบนั้น ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเชื่อนะ เพราะว่ามาดเขามันไม่ได้เป็นแบบที่พี่เขาเตือนมาเลย แต่อีกใจก็พยายามเป็นกลาง ไม่รักเขามากเกินไป แล้วก็พยายามใช้สติในการกลั่นกรอง พอได้หยุดใช้ความคิดแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะจริงได้เหมือนกัน

เพราะว่าวันแรกที่เขาขับรถมาหาแนนคือรถยุโรปแต่วันหลังๆนี่ขับรุ่นที่ลดลงมา แนนก็สังเกตดู และปกติคนที่เขามีจริงๆเนี่ยเขาจะไม่ค่อยพยายามพรีเซนต์ตัวเองว่าที่บ้านมีโน้นมีนี่ แต่พี่เขาจะพรีเซนต์ตลอด เดี๋ยววันนี้ต้องไปนี่กับคุณแม่ วันั้นต้องไปนั่นกับคุณแม่อีกแล้ว คือจะมีข้ออ้างมาแยอะแยะให้แนนรู้สึกว่าบ้านเขามีฐานะ

เรื่องบ้าพักเขาอีก เขาก็มาบอกแนนว่าเขามีบ้านสองหลัง หลังแรกเนี่ยอยู่ลาดพร้าว อีกหลังอยู่ชานเมืองหน่อย เขาจะมาพูดประมาณว่าเนี่ยบ้านเขาเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าแนนไม่เชื่อไปดูได้เลย ซึ่งแนนองก็ไม่ได้อยากจะไปดูอยู่แล้ว แต่เขาก็จะพูดอย่างนี้บ่อยๆ
แล้วเรื่องโทรศัพท์อีก ถ้าเกิดว่าแนนโทรไปหาเขา มักจะไม่ค่อยรับเท่าไหร่ แต่อีกสักพักก็จะหาเวลาโทรกลับมาเอง เหทือนว่าเขาอยู่กับใคร ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ แต่จะสะดวกเป็นฝ่ายโทรมาหาแนนมากกว่า คือ พฤติกรรมเขาจะแปลกๆเยอะค่ะ เขาสามารถมาหาแนนได้ คุยกับแนนได้ทุกที่ ทุกเวลา ยกเว้นเวลาที่เขาอยู่บ้าน เขาจะคุยโทรศัพท์กับแนนไม่ได้เลย อย่างเวลาเขาคุยกับแนนตอนขับรถกลับบ้าน เขาก็จะคุยได้ยาวเลยนะ แต่พอใกล้ๆถึงบ้าน เขาก็บอกแนนว่า “โอเคนะ เท่านี้แล้วกันเนอะ พี่ใกล้ถึงบ้านแล้วครับ”

คือแนนก็รู้สึกว่ามันแปลกๆนะ เพราะถ้าเป็นแนน คุยโทรศัพท์กับแฟนกำลังต่อเนื่องเนี่ย แนนสามารถคุยได้ยาว ลงจากรถก็คุยต่อกันได้ยันเข้าไปนั่งคุย นอนคุยในบ้านเลย แต่พี่เขาไม่เคย ไม่มีสักครั้งที่จะคุยกับแนนตอนอยู่บ้าน จะคุยอย่างมากแค่ถึงหน้าบ้านแล้วก็จะรีบวาง แนนก็เลยคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ

และแนนก็เอาเหตุการณ์ทั้งหมดมาบวกๆกันก็คิดว่าสิ่งที่ได้รับคำเตือนมามันอาจจะเป็นจริงก็ได้ เพราะพฤติกรรมเขามันก็ส่อแววว่าจะมีคนเลี้ยงได้จริงๆ นั่นแหละ มันก็เลยทำให้แนนถอดใจ ตอนแรกอย่างที่บอกว่าเกือบจะหลงรักเขาไปเต็มๆใจแล้ว แต่พอเขารู้ว่าเขามีผู้หญิงเลี้ยงแบบนี้ ก็เลยพยายามทำตัวห่างๆ

แต่มันก็ตัดใจยากนะคะ ผู้ชายคนนี้ทำแนนเฮิร์ทด้วยนะ พอดีช่วงนั้นพอแนนเริ่มห่างๆพี่เขาก็หายไป แนนไปถ่ายเอ็มวีที่ต่างจังหวัด อยู่ๆก็คิดถึงเขาขึ้นมา คิดถึงขนาดมีร้องห่มร้องไห้เลยนะคะ พอเขาโทรมาทีก็ดีใจ เพื่อนๆจะรู้เลย พอพี่เขาโทรมาที เพื่อนๆก็จะแซว “แฟนโทรมาหน้าบานเลยนะจ๊ะ”

แนนใช้เวลาทำใจอยู่พักหนึ่งเหมือนกันกว่าจะเลิกกับเขาได้ขาด เพราะว่ามันค่อนข้างจะผูกพันกันมาก เนื่องจากว่าใช้ชีวิต ทำกิจกรรมด้วยกันเยอะ ไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเดินเที่ยวด้วยกันบ่อย เวลาแนนมีปัญหาเขาก็จะมาช่วยเหลือ รถแนนเสียเขาก็มารับมาส่ง พาไปดูรถที่อู่ คือทำหน้าที่แฟนที่ดีเลยแหละค่ะ

แต่ถึงยังไง ผู้ชายที่อาศัยผู้หญิงเลี้ยง แนนขอบายดีกว่าค่ะ ถึงจะรูปหล่อ มีชื่อเสียงโด่งเง เป็นคนในวงการ แนนก็ขอทางใครทางมันเหมือนกันนะคะ !!! เชิ่ดใส่ !!



เรื่องคาวๆกับพระเอกหนัง


หลังจากอกหักกับคนที่รัก แนนก็ไม่ได้มีผู้ชายคนใหม่เลยนะคะ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ทำแต่งาน และช่วงนั้นตลาดหนังวีซีดีค่อนข้างจะมาแรง ต้องไปงานโปรโมทนั่นนู่นนี่อยู่เรื่อยๆ และมีงานหนึ่งแนนได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาคนนี้ได้เป็นพระเอกหนังมาเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ดังมาก เคยเกือบจะได้เป็นพระเอกละคร แต่ดันมีข่าวเรื่องฉาวๆแ เรื่องเกาะผู้ญิงแทรกแซงอนาคตที่ใกล้รุ่งเสียก่อน ทุกวันนี้แม้จะมีงานออกมาก็ไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร

ตอนแรกแนนก็ไม่ได้รู้จักเขาหรอกนะคะ แต่อยู่ๆเขาก็เดินมานั่งโต๊ะเดียวกับแนนเฉยเลย ซึ่งตอนนั้นที่เห็นก็ไม่ได้ชอบนะคะ ได้แต่รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้หน้าตาดี หุ่นดี น่ามอง จนตอนหลังมารู้ว่าเขารู้จักกับเพื่อนแนน เพราะเล่นหนังวีซีดีเรื่องเดียวกันมา และช่วงนั้นเวลาที่แนนไปเที่ยวกับเพื่อนที่ร้านบูธ เพื่อนแนนก็จะต้องชวนพี่พระเอกคนนี้มาด้วยทุกครั้ง ซึ่งเท่าที่แนนมองก็พอจะรู้ว่าเขากับเพื่อนแนนต้องเป็นกิ๊ก หรือไม่ก็เป็นแฟนกันแน่ๆ ก็เลยยิ่งไม่ได้สนใจเขามากมายใหญ่
แต่มีอยู่วันหนึ่งหลังจากที่เที่ยวกันเสร็จ ทุกคนในกลุ่มลงความเห็นกันว่ายังสนุกไม่เลิก จะไปต่อกันที่ห้องพี่นางแบบคนหนึ่ง ซึ่งจำได้ว่าวันนั้นแนนไม่ได้เมา และแนนก็เอารถมาด้วย ก็น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาที่แนนจะต้องขับรถตัวเองไป แต่ดันมีเพื่อนแนนคนหนึ่งที่มันเป็นโรคจิตชอบขับรถ พอออกจากร้านปุ๊บมันก็บอกว่า
“เฮ้ย! ชั้นว่าแกเมาแน่ๆ มานี่ชั้นขับรถให้”

พูดเสร็จมันก็แย่งกุญแจรถจากมือแนนไปเลย แต่จริงๆแล้วแค่มันจะขับรถให้น่ะไม่เป็นไรหรอก ถ้ามันยอมให้แนนนั่งรถไปด้วย แต่ไม่รู้มันเมา หรือมันมึน มันเล่นขับรถแนนไป โดยปล่อยแนนทิ้งเอาไว้ที่ร้าน ซึ่งทุกคนก็ทะยอยออกกันไปหมดแล้ว เหลือแนนกับพี่พระเอกหุ่นล่ำ ซึ่งพี่เขาก้เรียกแนนขึ้นรถไปกับเขาด้วย แต่แนนก็ยังไม่ได้คิดอะไรอยู่ดีนะ เพราะว่ามันเหมือนเรื่องบังเอิญที่จำเป็นจะต้องไปกับเขาจริงๆ แนนก็นั่งรถไปตามปกติ

ระหว่างที่นั่งรถไปกับพี่เขาสองคน พี่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนะ ก็พูดคุยกันตามปกติ ไม่มีอะไรส่อแววว่าพี่เขาจะคิดอะไรกับแนน แล้วแนนไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาด้วย แล้วอยู่ๆพี่เขาก็ถามขึ้นมาว่า
“เราหิวหรือเปล่า”
“ไม่หิวท่าไหร่ค่ะ” แนนบอก
“แต่พี่หิวว่ะ ก๋วยเตี๋ยวไก่นายแว่นนี่มั้ย อยู่ใกล้ๆนี่เอง”

คือพอพี่เขาเปิดมาแบบนั้น แนนก็เลยเออออ เพราะว่าเกรงใจพี่เขา ก็เขาบอกว่าเขาหิวและแนนเองก็ไม่ได้สนิทกับเขามากมาย ก็ไม่กล้าขัดใจเขา ก็เลยไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน แต่ระหว่างที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวแนนก็โทรศัพท์กับเพื่อนตลอดเลยนะ
“ตอนนี้แกอยู่ตรงไหนแล้ว ชั้นกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ แกจะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวชั้นจะซื้อไปฝาก”

คือแนนก็คุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆ พอแนนวางปุ๊บ พี่พระเอกเขาหยิบโทรศัพทืแนนไปดูทันที แต่ไม่ได้ดูแบบน่าเกลียดนะ คือเขาจะเนียนสุดๆ
“แนนใช้โทรศัพท์รุ่นไหนเนี่ย ไหนพี่ดูสิ”

ปากเขาถาม แต่มือเขาไม่ได้รอแนนอนุญาตหรอกนะคะ เขาหยิบไปดูเรียบร้อยแล้ว และเขาก็กดเบอร์แนนเข้าเครื่องเขาซะครั้ง กดเองเสร็จสรรพ แต่ตอนนั้นแนนไม่รู้นะคะว่าเขากดเบอร์แนนไปมิสคอลไว้ที่เครื่องเขาเรียบร้อยแล้ว คือตอนนั้นเขาไม่รู้กิติศัพท์ว่าเขาเป็นคนเนียนแบบนี้

คืนนั้นพอกินก๋วยเตี๋ยวไก่กันเสร็จ ก็ตามไปต่อที่ห้องพี่นางแบบกับเพื่อนๆ ซึ่งแนนรู้สึกว่าปาร์ตี้คืนนั้นมันไม่สนุกเลย แนนก็นั่งของแนนไปคนเดียว ส่วนเพื่อนแนนก็หวานชื่นกับพี่พระเอกคนนี้ นอนถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน ซึ่งพอแนนรู้สึกว่าตัวเองไม่สนุกเอามากๆก็เลยขอตัวกลับก่อน

พอวันรุ่งขึ้น ช่วงบ่ายๆ พี่พระเอกคนนี้เขาก็โทรมาหาแนน ตอนแรกก็แอบงงว่ามีเบอร์เราได้ยังไง แต่ก็ไม่ได้สนใจ พี่เขาโทรมาคุยด้วยดี แนนก็คุยด้วยดี เพราะว่าเกรงใจพี่เขาเป็นแฟนเพื่อน เขาก็ถามว่า
“คืนนี้จะไปเที่ยวอีกล่ะสิ”
“ใช่พี่ นี่ว่าจะไปบูธกัน พี่ไปมั้ย”
คือแนนก็ชวนตามประสาว่าเขาเป็นเพื่อน
“จริงๆ แล้วพี่เป็นคนไม่ชอบเที่ยวหรอกนะ ทำไมพวกเราไม่คิดจะทำอะไรอย่างอื่นให้มันมีประโยชน์กับชีวิตบ้างนะ รู้มั้ยว่าการเที่ยวเนี่ยมันไม่มีประโยชน์เลยนะ”

คืออยู่ๆ เขาก็มาออกแนวรุ่นพี่ มาบ่นเรื่องพวกแนนเที่ยวเยอะ คือออกแนวต้องการสั่งสอนซะอย่างงั้น
“นี่แนนแล้วจะไปเที่ยวกันตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ”
“อ๋อ....ยังหรอกค่ะ รอดึกกว่านี้หน่อยค่อยไป เดี๋ยวแนนคงออกไปหาอะไรทำก่อนสักพัก”
“เอางี้สิ แนนมานั่งอ่านหนังสือกับพี่ที่บ้านไร่กาแฟ เอกมัยก่อนดีกว่า อยู่ใกล้ๆร้านด้วย เดี๋ยวถึงเวลาเราก็ค่อยเข้าที่ร้านพร้อมกัน”
“อืม….ก็ได้ค่ะ”

แนนตอบตกลงไปเพราะความเกรงใจ เห็นเขาเป็นแฟนเพื่อน จะไปเยอะแยะใส่ไม่ไปอย่างโน้นอย่างนี้เดี๋ยวจะดูไม่ดี แนนก็เลยตอบโอเคไปแต่พอออกเดินทางมาแล้ว เขาก็โทรมาบอกว่าเขาไม่มีรถ ให้แนนวนรถไปรับเขาที่ห้องหน่อย ซึ่งเขาจะเป็นคนบอกทางให้ ซึ่งเขาให้ไปรับ แนนก็ไปรับ แต่พอไปถึงปุ๊บ เขาก็ลงมาหาแนนที่รถ แล้วก็บอกว่า
“เราจะไปบูธกันตอนนี้เลยเหรอ พี่ว่ามันเช้าไปนะ อีกสักพักค่อยออกไปดีกว่านะ มานั่งอ่านหนังสือเล่นที่ห้องพี่ก่อนดีกว่า”

เขาพูดอย่างนี้จริงๆนะคะ มานั่งคิดว่า แนนรู้สึกมากๆ กับมุขชวนอ่านหนังสือของเขาและรู้ไหมคะหนังสือที่เขาชวนอ่านเนี่ย หนังสือธรรมะด้วยนะ

ตอนแรกที่ขึ้นไปที่ห้องเขาแนนคิดว่าห้องเขาคงเป็นแบบห้องชุดใหญ่ๆ มีห้องนอนแบ่งเอาไว้ มีห้องรับแขกให้แนนนั่งอ่านหนังสือเล่น แต่เปิดประตูเข้าไปเปล่าเลย ไม่ได้มีอะไรอย่างนั้นสักนิด มันเป็นห้องเล็กๆ ที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอเตียงนอนเลย

พอเห็นแบบนั้นแนนก็เริ่มสะกิดใจเล็กน้อยว่า จะมานั่งอ่านหนังสือกันจริงเหรอเนี่ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าขึ้นมาแล้ว พูดอะไรไปก็จะดูเป็นไม่ไว้ใจพี่เขา เขาเป็นเพื่อนเรานะ เดี๋ยวจะดูน่าเกลียดกันไปใหญ่ ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา

สุดท้ายแนนก็ต้องนั่งอยู่ที่เตียงเขา และเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมแนนว่า การไปเที่ยวเนี่ยไม่ดีนะ การศึกษาธรรมมะดีกว่ามากๆ แล้วเขาก็พยายามค้นหาหนังสือธรรมะมาให้แนนอ่าน แนนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าไม่ไหวนะ เล่มหนาๆทั้งนั้นๆ แต่ก็พยักหน้าเออออว่าดีไปกับเขาด้วย เขาจะได้ไม่เสียกำลังใจ แล้วสักพักเขาก็ถามแนนว่า
“ชอบดูหนังเปล่า”
“ชอบค่ะ แนนเป็นคนชอบดูหนัง”

แล้วเขาก็นำเสนอเลย หนังจีนเรื่องหนึ่ง ซึ่งแนนจำชื่อเรื่องไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร แต่ว่าพอนั่งดูไปได้สักพัก แนนก็จำได้ว่าเคยดูแล้วหนังเรื่องนี้ ก้เลยบอกว่า
“พี่ๆ เรื่องนี้แนนเคยดูแล้วค่ะ”
แต่ถึงแนนจะบอกว่าแนนเคยดูแล้วเขาก็ไม่สนใจนะคะ ปล่อยให้แนนนั่งดูอยู่ที่ปลายเตียงต่อไป ส่วนตัวเขานอนไขว่ห้างดูอย่างสบายใจ สักพักก็หยิบหมอนให้แนน แล้วก็บอกว่า
“เอ้า...นอนก่อน นอนดูสบายกว่านะจะได้ไม่เมื่อย นอนสบายๆ ยังไม่ถึงเวลาไปเที่ยว เดี๋ยวอีกสักพักค่อยออกไปกัน”

ตอนนั้นยังไม่ได้นอนนะ ได้แต่หยิบหมอนที่เขาส่งให้มานั่งกอดเอาไว้ แล้วก็ทนดูหนังเรื่องที่ดูแล้วตามเขาไป ในใจก็คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาไป้ที่ยวสักที

“เฮ้ย! มานอนสิ นอนดูก็ได้ อย่าคิดมาก นอนสบายๆ ไม่มีอะไรหรอก เอ้า! นอนๆๆ”

แนนทนเสียงตื๊อเขาไม่ไหวก็เลยเอาหมอนวางแล้วก็เอนๆ นอนนิดๆ ส่วนตัวเขาก็ทำเป็นไม่สนใจ พูดถึงแต่หนังที่กำลังดู
“เนี่ยหนังเรื่องนี้ทางกองถ่ายเขาให้พี่ดูเลยนะ เพราะหนังเรื่องใหม่ที่พี่เล่นเนี่ยจะต้องมีฉากบู๊เยอะมาก พี่เลยต้องเอามาดูเพื่อศึกษา”

คือเขาก็พล่ามไปเรื่อย แนนก็ฟังบ้าง ในใจคิดแต่ว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาไปเที่ยวสักทีนะ แล้วอยู่ๆแนนก็ต้องสะดุ้ง เพราะนอนดูหนังไปมาอยู่ดีๆ เขาก็เอามือมาก่าย พอเขาก่ายปุ๊บ แนนก็รู้เลยว่าเขาไม่บริสุทธิ์ใจแล้วล่ะ แล้วอยู่ๆก็ไม่รู้อารมณ์ไหน เขาก็ลุกไปหยิบกางเกงขาสั้นมาให้แนนเปลี่ยน

“พี่ว่าแนนเปลี่ยนกางเกงก่อนดีกว่านะ กางเกงยีนส์มันอึดอัดใส่นอนแล้วไม่สบายหรอก ใส่กางเกงขาสั้นนอนดีกว่า สบายเนื้อสบายตัวดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวก็ไปเที่ยวแล้ว”
“ไม่เอาน่า อย่าดื้อ ไปเปลี่ยนซะจะได้นอนสบายๆ”

คือเขาตื๊อให้แนนเปลี่ยนกางเกงมากๆ แนนก็เลยพยายามโทรหาเพื่อนๆ ว่าถึงไหนกันแล้ว เพื่อนก็ไม่ยอมถึงกันสักที ทั้งๆที่แนนใจจะขาดอยู่แล้ว อุตส่าห์บอกเพื่อนว่าเดี๋ยวออกไปจองโต๊ะให้ก่อนก็ได้นะ เพื่อนมันก็ยังหวังดีว่าไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอีกสักพักค่อยออกมาก็ได้จะได้ไม่ต้องรอนาน

แล้วพี่เขาก็ไม่ยอมเลิกตื๊อให้แนนเปลี่ยนกางเกง ซึ่งแนนก็รู้แล้วว่าเสร็จแน่ๆ แต่ก็มองหาทางหนีทีไล่แล้ว ก็ไม่รู้จะหนีไปทางไหนดี เพราะว่าห้องก็มีอยู่แค่นั้นเอง ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนก็เปลี่ยน พอเปลี่ยนเสร็จ พี่เขาก็นอนดูหนังอยู่เหมือนเดิม แนนก็มานั่งอยู่ที่ปลายเตียง เขาก็เริ่มอีก
“อ้าว....แนนจะนั่งทำไมเนี่ย มานอนสิ นอนได้นะ สบายๆ อย่าคิดอะไรมาก”

พอเห็นว่าเรียกยังไงแนนก็ไม่ยอมนอน เขาก็เลยลุกขึ้นมานั่งบ้าง ทีนี้เขาก็เริ่มจะนัวแล้ว และอยู่ดีๆ เขาก็กดแนนนอนไปกับเตียงเลย แต่ยังไม่ทำอะไรนะคะ คือเหมือนบังคับให้นอนเฉยๆ ซึ่งตอนนั้นแนนก็เริ่มเกร็งแล้ว แต่เขาก็ยังนอนดูหนังของเขาเฉยๆ จนเวลาผ่านไปสักพักมือเขาก็เริ่มมาก่าย เริ่มเข้ามานัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไม่ได้ดูหนัง มานอนดูกันเองซะงั้น และสุดท้ายก็ไม่ได้ไปเที่ยวบูธ เพราะเรียบร้อยกันอยู่ที่ห้องเขาหลายรอบ!!

คือจริงๆแล้วผู้ชายคนนี้เขาเป็นคนที่เซ็กซี่มากนะ หน้าเขาจะแทะโลมตลอดเวลา แนนจะไม่กลาสบตาเขา เพราะสายตาเขาแทะโลมจนเรารู้สึกเขิน ถ้าถามว่ามีใจชอบเขาอยู่บ้างไหมก็พอมีนิดๆหน่อยๆ แต่ที่ทึ่ง และประทับใจมากๆ ก็คือการที่เขาเก่งมาก ที่เอาธรรมะมาล่อหลอกสาวไปทำอะไรอย่างนี้ได้ เขาเก่งจริงๆค่ะ

พอหลังจากวันนั้นแล้ว เขาก็พยายามโทรมาหาแนนอยู่เรื่อยๆนะ คอยถามว่าแนนไปไหนทำอะไร ซึ่งช่วงนั้นแนนติดงานตลอด เขาก็บอกว่า
“นี่ถ้าแนนว่างก็ดีนะ พี่จะพาไปไหว้พระที่จังหวัดอยุธยา”
คือสุดท้ายแล้วก็ยังไม่เลิกที่จะเอาธรรมะมาอ้างอยุ่ดี คิดๆแล้วก็ปวดหัวกับผู้ชายคนนี้นะคะ เอาธรรทะมาหลอกฟันผู้หญิง เฮ้อ....ผู้ชายอย่างนี้ก็มีด้วย !!!

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:54:11 น.  

 

แฟนตัวจริง


หลังจากที่แนนเฝ้ารอมานาน ว่าจะเจอรักแท้ เจอรักจริงไม่อิงนิยายสักครั้ง กับผู้ชายในวงการบันเทิง และแล้วแนนก็ได้ผู้ชายที่แนนคบจริงๆจังๆ ควงออกงาน บอกใครต่อใครได้ว่าเป็นแฟน เขาเป็นหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง มาร์ดเซอร์มากๆ ตรงสเปคแนนสุดๆ มีดีกรีเป็นพระเอกหนังมาด้วยนะ เร็วๆนี้กำลังจะมีผลงานของเขาออกมาอีกเรื่อง เขาคนนี้ถึงแนนจะไม่เอ่ยชื่อเขา แต่เชื่อว่าใครๆก็คงรู้จัก เพราะเขากับแนนไม่ได้ปิดบังที่คบกัน เราออกจะประกาสตัวว่าเป็นแฟนกัน ใครก็รู้ ในตอนนี้แนนขอเล่าแบบขำๆนะคะ คือ เล่าเพราะประทับใจเขาในความซื่อและความดีที่เขามี

แนนเจอเขาในงานๆหนึ่ง ซึ่งตอนแรกที่เจอหน้ากันปุ๊บ เขาก็ยกมือไหว้แนนเลย ด้วยความที่แนนเป็นรุ่นพี่ในวงการ พอเข้าไปนั่งในงาน เขาก็พยายามจะมาชวนแนนคุย แต่แนนก็แกล้งเขาไป
“รู้จักกันเหรอ มาคุยกันเนี่ย”

และด้วยความเป็นน้องใหม่ เจอแนนแกล้งไปอย่างนี้ เขาก็เหวอๆไปเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ละความพยายามที่จะชวนแนนคุยนะ ตอนนั้นแนนก็ยังไม่ได้คิดอะไรกับเขามาก คิดแค่ว่าคนนี้มันเท่ห์ดีจริงๆนะ เพราะว่าอย่างที่บอกแนนชอบผู้ชายเซอร์ๆอยุ่แล้ว และหน้าเขาก็เหมือนพี่แบงคื ปวริศว์เลย ซึ่งแนนชื่นชอบพี่แบงค์อยู่แล้วด้วย ก็เลยแอบๆชอบเขาเหมือนกัน แต่ที่แนนไม่ได้อะไรมาก เพราะเห็นอาการเพื่อนในกลุ่ม ที่พยายามจะชวนเขาคุยมากๆ อะไรๆก็เขาตลอด แนนก็พอรู้ว่าเพื่อนชอบแน่ๆ ก็เลยไม่ค่อยได้คิดอะไร เพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน

แล้วหลังจากนั้นก็มีอยู่งานหนึ่งที่ต้องไปแจกผ้าห่มด้วยกันที่จังหวัดนครพนม ซึ่งหลุ่มหล่อเซอร์คนนี้เขาก็ไปด้วย และด้วยความที่เขาไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อน เขาก็กลัวมาก หน้าซีด ปากสั่น คือดูอาการแล้วว่าเขากลัวจริงๆ แนนด้วยความสงสารก็เอายาดมให้ เอาลูกอมให้พอขึ้นเครื่อง เขาก็จับมือแนนแน่น แต่ไม่ได้มาแต๊ะอั๋งนะคะ คือเขาจับด้วยความกลัวจริงๆ เห็นแล้วสงสารมาก กว่าจะผ่านพ้นอาการกลัวอย่างนั้นไปได้

และหลังจากที่แจกผ้าห่ม ทำงานกันเสร็จแล้ว คืนนั้นก็มีงานเลี้ยง ทุกคนก็เมากันปลิ้น แล้วคืนวันนั้นแนนเมาแบบไม่มีแอ๊บเลยนะคะ เพราะว่าไม่ได้เล็งใครในกลุ่มเอาไว้เลย คือปกตินิสัยแนนเนี่ย ถ้าเกิดว่ามีใครที่แนนแอบเล็งอยู่ แนนจะไมยอมเมาจนหลุดอาการจริงๆ ออกมาให้เขาเห็นแน่ๆ แต่ด้วยความที่คืนนั้นแนนไม่ได้มีเป้าหมายเป็นใคร ก็เลยปล่อยเมาสุดๆ สนุกทากๆ และกลับจากทริปนี้ทุกคนก็แลกเบอร์กัน

กลับมาถึงกรุงเทพฯๆด้สักพัหเขาก็โทรมาหาแนน แต่ว่าทำเป็นแกล้งโทรผิดเบอร์นะคะ ฟอร์มจัดๆ ทำเป็นว่าโทรหาคนอื่น แต่มาติดเบอร์แนน
“ขอสายกุ้งครับ”
“ไม่ใช่กุ้งค่ะ นี่แนนค่ะ”
“อ้าว...แนนเหรอ นี่เราเองนะ แนนทำอะไรอยู่ ไว้แนนว่างๆแวะมาเที่ยวที่ร้านเราสิ”
เขาชวนแนนไปเที่ยวร้านที่เขาเปิดไว้
“ได้สิๆ ไว้วันไหนรวมตัวกันได้หลายๆคน แล้วจะแวะไปเที่ยวนะ” แนนบอก
แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งที่เพื่อนๆ ที่ได้ไปแจกผ้าห่มด้วยกันครั้งนั้นนัดเจอกัน ก็เลยแวะไปเที่ยวที่ร้านเขา พอเจอกันคราวนี้ ด้วยความเจ้าชู้ เขาก็เริ่มมาหยอดๆ แล้วก็เริ่มถามถึงแฟน
“มีแฟนรึยัง”
“แฟนเป็นยังไงบ้าง”

ซึ่งแนนรู้เลยว่าผู้ชายที่มาถามมาสนใจเรื่องแฟนเราเนี่ย แสดงว่าเขาต้องชอบเราแน่ๆ ซึ่งวันนั้นแนนก็บอกเขาไปว่าเลิกกับแฟนไปนานแล้ว และหลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสไปร้านเขาบ่อยๆ เพราะเพื่อนๆชอบๆปนั่งกัน แนนเป็นคนติดเพื่อนอยู่แล้ว เพื่อนไปแนนก็ไป ระหว่างนั้นเขาก็โทรมาหยอดๆแนนตลอด คือต้องการบอกให้เรารู้ว่าเขาจะจีบเรานะ แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงคบกันเป็นเรื่องเป็นราวอะไรและอีกสักพักแนนกับเขาก็ได้ไปแจกผ้าห่มที่ดอยอินทนนท์ด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ไปกันไม่เยอะเท่าไหร่ มีผู้ชายอยู้สองคนทั้งทริป คือเขาและพี่ที่คุมพวกเราไป

หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจ ก็มีงานเลี้ยงอีกเหมือนเดิม ซึ่งด้วยอากาศที่หนาวเหน็บมากๆ ทุกคนก็กินกันจนเมาปลิ้นอีก คราวนี้แนนเมาจนไท่รู้เรื่องอะไร เมาจนจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ มารู้เรื่องราวทั้งหมดตอนเช้าที่ตื่นมาจากพี่คนที่เป็นคนคุมพวกเราทุกคนไป

พี่เขาเล่าให้ฟังว่าตกดึกแนนเมาไม่รู้เรื่องแล้วเขาก็เอาแนนขี่คอ เดินลงเนินไปเข้าบ้าน ซึ่งจริงๆแล้วพี่เขาจัดบ้านไว้ให้นอนกันแยกหลัง ผู้ชายหลังหนึ่ง ผู้หญิงหลังหนึ่ง แต่คืนนั้นเขาไม่ยอมกลับบ้านเขา ดันมานอนอยู่กับแนน ซึ่งแนนก็ไม่รู้เรื่องจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะว่าเมามากๆ แนนรู้สึกอีกทีเกือบๆเช้า เพราะว่าปวดท้องฉี่ พอลุกขึ้นมาพบก็ตกใจ เพราะตัวเองไม่ได้ใส่กางเกงนอน คือมีเสื้อใส่อยู่นะ แต่ไม่ได้ใส่กางเกง ก็พยายามมองหากางเกงในรอบๆตัว ก็เจอเศษสตางค์หล่นเกลื่อนไปหมด แล้วก็เจอกางเกงตัวเอง ก็หยิบมาใส่ แล้วก็ออกไปเข้าห้องน้ำ ยังไม่ได้คิดอะไร เพราะว่ายังมึนๆหัวอยู่

พอเช้าพี่เขาก็มาปลุกพวกแนนที่ห้อง เพราะว่าแต่ละคนนี่นอนหลับกันเพลินมาก คือพี่จะมาปลุกให้หนุ่มมาร์ดเซอร์ของแนนเนี่ยกลับไปบ้านก่อนที่คนอื่นจะตื่นกัน จะได้ดูไม่น่าเกลียดว่ามานอนอยู่ในห้องผู้หญิง แต่ปลุกยังไงเขาก็ไม่ยอมตื่น ประมาณว่าหลับสบายมากๆ พี่เขาก็เลยพยายามดึงผ้าห่มออก ปรากฎว่าพอผ้าห่มโดนดึงหลุดก็ได้รู้ว่าเขานอนโป๊อยู่เหมือนกัน พี่เขาก็ถามเลยว่ามันยังไงกันแน่เมื่อคืน
“อ๋อ....ปกติผมเป็นคนนอนไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่แล้วครับ”
เขาแก้ตัวออกไปหน้ามึนๆ ตลกจังเลยค่ะ น่ารักมากๆ

ส่วนแนนพอเช้านั้นอาบน้ำเสร็จก็พยายามรวบรวมความคิด ความทรงจำว่าตกลงแล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วมันก็เกิดภาพจางๆ เหมือนฝันว่าเรามีอะไรกันจริงๆ และด้วยความเมา เหมือนมีจะตกเตียงด้วยนะ คือมันเป็นภาพลางๆ มากๆแต่หลังจากกลับมาจากดอยอินทนนท์ แนนกับเขาก็คบกันเป็นแฟนเลยนะคะ คือคบกันเป็นเรื่องเป็นราว ประกาศให้ทุกคนรู้ มีถ่ายแบบด้วยกัน รักกันมากๆ แต่ว่าคบกันอยู่ได้ปีกว่าๆ ก็เลิกกัน

เพราะเขาเป็นคนขี้งอน มีนิสัยเหมือนผู้หญิง คือเวลาที่เขาตั้งใจจะมาทำอะไรเซอร์ไพรส์แนนสักอย่างแล้วถ้ามาถึงแนนไม่ทำท่าตกใจอย่างที่เขาหวังไว้ เขาก็จะกลับบ้านทันที แล้วก็จะโทรไปฟ้องเพื่แนๆ ดูสิว่าทำไมแนนไม่ตกใจ ไม่ดีใจเลย ซึ่งจริงๆแล้วแนนก็ดีใจแหละนะ แต่แนนรู้อยู่แล้วทุกครั้งว่าเดี๋ยวเขาต้องมาหา ก็เลยไม่ตกใจ ก็กลายเป็นว่าแนนผิดอีก

และสาเหตุที่ทำให้เลิกกันจริงๆ ก็เพราะแนนชอบเมา คือด้วยความที่เขาเปิดร้านเหล้าอยู่ พอเป็นแฟนกัน แนนก็ต้องไปช่วบงานที่ร้าน ทีนี้ไปก้ต้องกินเหล้าทุกคืน จากที่กินเหล้าไม่เก่ง ก็เริ่มกินเก่งขึ้นเรื่อยๆ จนวันนั้นไปงานวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่ง แนนก็ไปเมาปลิ้นเลย เขาก็งอนแนนไปอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ ด้วยสาเหตุที่ว่าเขารับไม่ได้ที่แนนเมาขาดสติขนาดนั้น แต่สุดท้ายแล้วพี่ๆก็เคลียร์ให้กับมาดีกันอีกครั้ง มันคือความผิดของแนนคนเดียวเลย


และวันนั้นที่กำลังเคลียร์กันอยู่ เหตุผลกำลังเริ่มจะดีแล้ว หลังจากที่ต่างคนต่างนั่งร้องไห้หูตาบวมกันมาสักพัก ก็เริ่มเหมือนจะเข้าใจกันแล้ว เริ่มจะดีกันแล้ว อยู่ๆก็มีนายแบบฝรั่งคนหนึ่งที่หล่อมากๆ ที่เขาเคยมาเที่ยวที่ร้าน และเขาก็แอบชอบแนนอยู่ เดินเข้ามาทักทายแนนด้วยการหอมแก้มทีหนึ่ง เท่านั้นแหละที่อุส่าห์นั่งเคลียร์กันมานาน พังหมดเลย กลายเป็นต้องเลิกกันไปจริงๆ

แต่ด้วยความที่ยังต้องทำงานกันอยู่บ้าง ก็ทำให้ต้องเจอกันอยู่บ่อยๆ พี่ๆเขาก็พยายามเคลียร์ให้กลับมาคบกันอีก ซึ่งก็ได้กลับมาคบกันอีกนะคะ แต่คราวนี้เหมือนคบๆเลิกๆ เป็นอยู้อย่างนี้ 3-4 ครั้ง

กับคนนี้แนนพูดได้นะคะว่าเขาเป็นคนที่แนนรักมาก จากที่ผ่านๆมาแต่ละคน แนนอาจจะแค่ชอบๆ ไม่ได้รัก แต่กับคนนี้แนนรักจริงๆ เพราะว่าเราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันบ่อย รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ซึ่งจริงๆเขาเป็นคนดีมากเลยนะ เขาเป็นคนรักครอบครัว รักที่บ้านเขามาก แล้วเขาเป็นคนไม่แอ๊บมากๆ ไม่มีเงินก็บอกว่าไม่มีเงิน เป็นคนใฝ่ดีด้วย เป็นคนขยันทำงาน คือเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลย เพียงแต่ข้อเสียของเขาคือเขาง่องแง่งมีความเป็นผู้หญิงมากไปหน่อย ก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ แนนก็เหมือนกันนะคะ แต่ทำไม่ไงได้ คิดซะว่าเขาไม่ใช่คู่เรา

ระหว่างที่แนนกับเขาคบๆเลิกๆ กันอยู่พักหลังๆนั้น แนนก็ได้ไปเจอกันใหม่เหมือนกัน คือวันนั้นแนนไปงาน แล้วมีโอกาสได้เจอชายในฝันของแนน คนที่หน้าเหมือนแฟนแนนนั่นแหละ สองคนนี้เขาเหมือนกันจริงๆนะคะ ใครๆก็บอกว่าเขาเหมือนกันจนเกือบจะบอกได้ว่าเป็นฝาแฝดกันเลยทีเดียว แต่พี่คนนี้เขาออกจะหล่อกว่า เซอร์กว่า ดังกว่าแฟนแนนสักนิด แต่เขานี่แหละที่ทำให้แนนสะดุดตาแฟนแนนในตอนแรก เพราะว่าลึกๆแล้ว แนนแอบหลงรักพี่คนนี้มานานแล้ว พอดีว่าเพื่อนแนนรู้จักกับพี่เขา เพื่อนก็เลยชงให้ใหญ่เลย พาไปแนะนำให้รู้จัก แล้วก็ไปบอกพี่เขาว่าแนนชอบงั้นงู้นงี้ซึ่งพี่เขาเป็นเหมือนชายในฝันจริงๆนะคะ เขาน่ารักมากๆ สุภาพมากๆ อยู่ในงานก็เดินจูงมือแนนตลอด แนนจะไปเข้าห้องน้ำก็จูงมือพาแนนไป ทำให้แนนรู้สึกปลื้มเขาเข้าไปใหญ่เลย

แต่คืนนั้นแนนเองก็เสน่ห์รงนะคะ เพราะในมือแนนก็มีพี่ชายในฝันคนนี้อยู่ อีกฝั่งหนึ่งก็มีพี่ตัวร้ายจากละครสุดหล่อ ส่งสารมาบอกว่าชอบแนน ซึ่งจริงๆแล้วแนนก็ชอบพี่เขาเหมือนกันนะคะ เพราะหน้าพี่เขาก็เซ็กซี่อยู่เหมือนกัน แต่ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่ชายในฝันของแนน ในมือแนนตอนนี้มีชายในฝันที่ตัวจริงพอเจอแล้วเหมือนในฝันเลย แนนเลยไม่เหลือสายตาไปมองใครได้อีก

คืนนั้นก็เที่ยวกันสนุกสนานอยู่ด้วยกันจนงานเลิก ก่อนจะกลับบ้านใครบ้านมัน ก็มีการแลกเบอร์กันเอาไว้ พอเช้าอีกวันตื่นมาพี่ชายในฝันของแนนเขาก็โทรมาหา คือโทรมาทุกวัน วันละหลายๆรอบ โทรมาถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทำอะไรอยู่กินข้าวหรือยัง คือโทรมาหยอดอยู่ประมาณสองอาทิตย์ได้ เขาก็ชวนไปเที่ยวตรงโชคชัยสี่...แนนก็ไป

หลังจากนุกสนานกันจนร้านปิด พี่เขาก็ชวนให้ไปต่อตรงบ้านแถวๆ นั้น ก็นั่งกินเหล้ากันจนถึงเช้า ซึ่งตอนเช้าออกมากินโจ๊กกัน แนนก็ใส่ชุดนอนออกมากิน พี่เขาก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการถอดเสื้อเชิ้ตเขามาคลุมให้แนน เพราะกลัวแนนโป๊ คือแต่ละเรื่องที่พี่เขาทำให้ นี่ทำเอาแนนปลื้มแล้วปลื้มอีก คือเขาสุภาพบุรุษมาก ลงจากรถก็เปิกประตูรถให้ จะเดินไปไหนก็ต้องเดินจูงมือ คือแนนชอบมากๆผู้ชายแบบนี้

แล้วหลังจากกินโจ๊กเสร็จก็กลัไปนอนกันที่บ้านเพื่อน ซึ่งแนนกับเขาก็ลงเอยกันเช้านั้นนั่นปหละ แต่ตอนบ่ายแนนมีงานต้องออกไปทำงานก่อนพี่เขา พอตอนเย็นพี่เขาจะออกไปจากบ้านเพื่อน เขาก็โทรมารายงานแนนด้วยนะ ว่าเขาออกมาแล้วนะ คือเขาทำตัวน่ารักมากๆ

หลังจากนั้นก็คบกันเป็ยเรื่องเป็นราวอยู่พักหนึ่ง มีไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆพักที่ห้องแนน จนมีข่าวออกมาว่าพาสาวขึ้นคอนโด แต่จริงๆแล้วข่าวมั่วนะคะ เพราะคอนโดนั้นมันคอนโดแนน เขาไม่ได้พาสาวขึ้นคอนโดซะหน่อย แนนต่างหากที่พาเขาขึ้นคอนโด!!!

ชีวิตรักของแนนกับพี่เขาดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ดีนะคะ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องมาห่างกันไป เพราะว่าพี่เขากำลังจะทำเพลง ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ที่ผ่านมา เขาก็ทำให้แนนภูมิใจมาก ประทับใจมากๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาทำตัวน่ารักมากๆ เทคแคร์แนนดีมากๆ แล้วจะมีผู้หญิงสักกี่คนกันละเนอะที่มีโอกาสได้ชายในฝันอย่างแนน!!! เห็นมั้ยคะบอกแล้วว่าแนนไม่ได้เล่าแบบแฉใครให้อาย แค่เพียงบอกเล่าถึงความน่ารักของคนที่แนนเคยคบเท่านั้นเอง


แอบกินนักร้องหน้าละอ่อน


เรื่องราวของแฟนแนนคนที่ว่าเลิกกันไปแล้ว จริงๆ แล้วมันไม่ถึงกับเลิกกันขาดหรอกนะคะ ก็ยังมีโทรมาหึงหวงกันอยู่เป็นพักพักๆ ก็อย่างที่บอกว่าหลังๆมันเป็นการคบๆเลิกๆซะมากกว่า ซึ่งช่วงที่เลิกๆ กันแนนก็ไปเจอคนนั้นคนนี้

ซึ่งคนล่าสุดที่จะเล่าให้ฟัง เขาเป็นหนุ่มเหนือ ตอนนี้ได้ข่าวทำธุรกิจเกี่ยวกับสารเคมีโรงงงานอุตสาหกรรมและก็ขายต้นไม้ เขาคนนี้มีดีกรีความเจ้าชู้ชนิดคนในวงการรู้กันดี แนนได้เจอกับเขาตอนงานช่วยสังคมงานหนึ่ง ซึ่งตอนแรกที่ไปเจอกันก็ไม่มีอะไรนะ แนนก็ไม่รู้หรอกว่าเขาแอบชอบแนน และแนนก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาด้วย จนแยกย้ายกันไปแล้ว รุ่นพี่ที่แนนรู้จักเขาก็โทรมาบอกว่ามีเพื่อนเขาในกลุ่มเนี่ยชอบแนนมาก แนนก็สนใจอยากรู้ทันทีว่าใคร เขาเลยให้แนนได้คุยโทรศัพท์กับพี่นักร้องเสียงดี
หลังจากที่เขาโทรมาจีบแนนได้สักพัก เขาก็พยายามชวนให้แนนไปดูเขาเตะบอล แต่แนนก็ไม่ได้ไปสักที พอเห็นว่าชวนไปเตะบอลไม่ได้ ก็เปลี่ยนใหม่เป็นชวนไปร้านโอเล้ง ซึ่งแนนไม่ได้ชอบร้านนี้เลย เพราะรู้สึกว่ามันเป็นร้านของคนมีอายุเขาเที่ยวกัน แนนไม่ชอบก็เลยไม่ไป

จนมีอยู่วันหนึ่งที่แนนรู้สึกเกรงใจเขา เพราะว่าเบี้ยวมาหลายทีแล้ว ก็เลยลองไปดู แล้วมันก็ไม่สนุกจริงๆอย่างที่คิดนั่นแหละ ก็เลยไปนั่งอยู่แป๊บเดียวแล้วก็ขอตัวกลับก่อนซึ่งเขาก็พยายามชวนแนนอยู่นะคะ ไปร้านโอเล้ง ไปเตะบอล คือชวนอยู่สองอย่างนี้แหละ ไม่คิดจะชวนไปที่อื่นเลย ซึ่งที่ที่เขาชวนนี่มันไม่ได้น่าสนใจเลยนะคะ มันไม่ได้ดึงดูดให้แนนอยากไปเลยสักนิด จนอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่แนนเที่ยวอยู่กับเพื่อนๆเขาก็โทรมา
“น้องแนนอยู่ไหนครับ มาเที่ยวโอเล้วกับพี่ไหม” ยืนยันโอเล้งเหมือนเดิม
“ไม่ดีกว่าค่ะ แนนเที่ยวกับเพื่อนแถวทองหล่อค่ะ”
“แล้วเดี๋ยวเที่ยวเสร็จ น้องแนนไปไหนต่อ”
“ก็ไม่ได้ไปไหนค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวเที่ยวเสร็จ แล้วไปกินข้วกับพี่นะ”
คือคืนนั้นแนนก็เหงาๆอยู่เหมือนกัน พอเขาชวนไปกินข้าวก็เลยโอเค อย่างน้อยๆก็ไม่ใช้โอเล้ง และไม่ใช่สนามบอล พอแนนเที่ยวเสร็จก็ขับรถไปรับเขาที่โอเล้ง เพราะว่าคืนนั้นพี่เขาไม่มีรถ แล้วก็มานั่งกินก๋วยเตี๋ยวไก่นายแว่น ตรงเอกมัยกัน พอกินเสร็จปุ๊บก่อนจะกลับบ้าน เขาก็ชวนแนนไปกินคอกเทลต่อที่ ค๊อฟฟี่ช้อบโรงแรมเอราวัณตรงพระรามเก้า
“คอกเทลที่นี่ รสชาติดีมากเลยนะน้องแนน ว่างพี่ชอบมานั่งกินเพลินๆ มีความสุขดี”
แนนก็โอเค นั่งกินอยู่กับพี่เขาแก้วสองแก้ว ก็รู้สึกมึนๆเหมือนเมามาก อาจจะเป็นเพราะว่าแนนกินเหล้ามึนๆจากที่อื่นมาแล้ว พอมาเจอคอกเทลก็เลยเมา พอเขาเห็นแนนมึนๆก็เลยชวนกลับบ้าน ซึ่งแนนก็ขับรถไปส่งเขาที่คอนโด
“พี่ว่าน้องแนนขึ้นไปพักที่ห้องพี่ก่อนดีกว่านะ ดูท่าน้องแนนเมามากเลยนะเนี่ย นั่งพักให้สร่างก่อนดีกว่าเดี๋ยวค่อยขับรถกลับเนอะ”

ซึ่งตอนนั้นแนนก็คิดในใจว่ามันต้องมาลงเอยที่นี่กันแน่ๆ แต่ด้วยความเมาบวกความมึน ขึ้นก็ขึ้น เพราะอาการตอนั้นขับรถก็อันตรายเหมือนกัน แต่ปรากฎว่าผิดคาดนะคะ พอเข้าไปในห้องเขาปุ๊บ เขาก็เปิดโทรทัศน์ให้แนนดู แล้วเขาก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย ไม่ได้ทำอะไรแนนเลยสักนิด ผิดคาดมากๆ แนนเองก็แอบงงเหมือนกันนะคะ ว่าทำไมพี่เขาเป็นคนดีอย่างนี้เนี่ย ไม่ได้คิดฉวยโอกาสกับเรา ดีจังเลย

สักพักแนนเริ่มรู้ว่าตัวเองอาการดีขึ้นแล้ว เริ่มไหวแล้ว คือพอได้นั่งพักสักหน่อยมันก็เหมือนเริ่มสร่าง แนนก็บอกพี่เขาว่าแนนพร้อมจะกลับบ้านแล้ว
“โอเค ไหวแน่นะ ถ้าไหวแล้วเดี๋ยวพี่ลงไปส่ง”

แต่เขาไม่ได้ลงไปส่งเฉยๆนะคะ แทนที่เขาจะไปส่งที่รถแล้วก็กลับขึ้นห้องไป เขาดันอาสาจะขับรถไปส่งแนนที่บ้าน แล้วเขาจะนั่งรถแท๊กซี่กลับมาบ้านเขาเอง ด้วยเหตุผลว่าเป็นห่วงแนน ไม่อยากให้แนนขับรถกลับบ้านคนเดียว

แนนก็งงว่าเอ๊ะ....ถ้ารู้ว่าจะขับรถไปส่งบ้านตั้งแต่แรก จะมานั่งเสียเวลาทำไมอยู่ที่ห้องตั้งนาน จะว่าตั้งใจพาแนนมาทำอะไรก็ไม่เห็นได้ทำอะไรหนิ งงเหมือนกันค่ะตอนนั้น แต่ก็โอเคพี่เขาอยากไปส่ง ก็ไปส่ง แนนก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่แล้วสิ่งที่แนนไม่คาดคิดไว้ก่อนก็คือ พี่เขาขับรถอยู่ดีๆก็เลี้ยวเข้าโรงแรมเอราวัณซะงั้น คราวนี้ไม่ได้เลี้ยวเข้าโซนค๊อฟฟี่ช้อบนะคะ แต่เลี้ยวเข้าม่านรูดเลย!!!

ตกลงคืนนั้นแนนกับเขาก็เรียบร้อยกันอยู่ที่เอวัณด้วยประการฉะนี้

หลังจากนั้นเขาก็โทรมาชวนแนนไปโน่นไปนี่อยู่เป็นระยะๆ ซึ่งแนนก็ไม่ได้ไปกับเขาสักเท่าไหร่ มาเจอกันจังๆอีกทีก็ตอนที่ไปช่วยสึนามิที่ต่างจังหวัดด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้แนนก็ไปกับแฟนแนนที่รักๆ เลิกๆ นี่แหละ พี่เขาก็เนียนมากๆไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย เขายังแซวแนนกับแฟรแนนเล่นเลยคือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นประมาณนั้น ซึ่งมันทำให้แนนรู้สึกสงสารแฟนแนนมาก ทุกๆครั้งผ่านมาแนนเลยไม่เคยโทษใคร แนนเองต่างหากที่เป็นคนผิด ผิด ผิด และผิดมาตลอด

แต่ถึงแม้ในใจจะรู้สึกผิดกับแฟนมากๆ แต่แนนก็ยังพลาดทำผิดมหันต์กับเขาได้อีกนะคะ คืนนั้นเขาก็ได้ชวนแนนไปเที่ยวกับเขา แต่แนนไม่ไป แนนเลือกไปเที่ยวกับแฟน แล้วก็เพื่อนๆแนน ซึ่งพี่เขาก็แมสเสจมาอยู่เรื่อยๆว่า
“จะมาหาพี่สักที”
“แวะมาเที่ยวกับพี่ไหม”
คือ แมสเสจมาอยู่เรื่อยๆ แต่แนนก็ไม่ได้สนใจ เพราะกำลังสนุกอยู่กับเพื่อนๆ ตามจิกยังไงแนนก็ไม่ไป จนกระทั่งกลับถึงโรงแรม แนนก็นอนกับเพื่อนผู้หญิง ส่วนแฟนแนนเขาก็นอนห้องเดียวกับเพื่อนๆ ผู้ชาย ซึ่งพี่นักร้องที่ตามจิกแนนอยู่เนี่ยเขานอนอยู่อีกห้องหนึ่งคนเดียว ซึ่งห้องเขาอยู่ตงข้ามกับห้องแนนเลย ส่วนห้องแฟนแนนนี่อยู่ห้องข้างข้างๆ


ตอนแรกก็ไม่ได้คิดหรอกนะคะว่าจะไปหาพี่เขาที่ห้อง แต่พอแนนเข้าห้องเตรียมตัวจะนอนแล้ว พี่เขายังไม่เลิกแมสเสจจิกแนน พอแนนบอกว่าถึงห้องแล้ว เขาก็พยายามตื๊อให้แนนไปหาเขาที่ห้องให้ได้ สุดท้ายไม่รู้อะไรดลใจให้ไปหาเขาที่ห้อง

และคืนนั้นแนนก็นอนกับพี่เขาที่ห้องจนเช้าตื่นมาไม่กล้ากลับห้อง เพราะกลัวว่าระหว่างที่เดินออกจากห้องพี่เขาจะมีใครเห็น ก็โทรไปหาเพื่อนที่ห้อง ให้ออกมาดูลาดเลาให้หน่อยว่าปลอดภัยหรือเปล่า ซึ่งเพื่อนด้วยความรักเพื่อนก็ช่วยสุดฟทธิ์ ออกมาเคลียร์ทางให้

ซึ่งตอนที่ออกจากห้องนี่เป็นอะไรที่ลุ้นมากๆ แล้ว เพราะกลัวว่าโผล่หัวออกไปปุ๊บ เจอใครเข้าสักคนตายแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วก็รอดตายออกมาได้ เพราะไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นมาก แต่แนนก็รู้สึกผิดมากๆ ต่อแฟนแนนนะคะ ที่แนนทำตัวแบบนี้ สงสารเขามากๆ รู้สึกผิดมากๆ

แต่มันก็ผิดไปแล้ว
แนนเสียเขาไป เพราะความเป็นเด็กบ้าดาราจริงๆ เลยค่ะ ถ้าแนนไม่บ้าดารา ถ้าแนนรู้จักคำว่าพอ แนนอาจจะมีรักที่สมบูรณ์แบบไปแล้วก็ได้เนอะ

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:55:32 น.  

 

หนุ่มแร็พ เขย่ารัก


ชีวิตของแนนนอกจากจะเป็นเด็กบ้าดารา แนนยังเป็นเด็กใจแตกรักการเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ในช่วงนั้นแนนติดเที่ยวร้านบูธมากๆ และที่ร้านก็จะเอาคอนเสิร์ตมาลงที่ร้ายบ่อยและที่นี้แหละที่แนนได้เจอกับพี่แร็พโย่ ชื่อดัง และหนุ่มฮิบฮอบสามสีที่ทำเพลงกับค่ายไม่ใหญ่มาก เป็นค่ายเล็กๆที่มีพนักงานไม่กี่คน

ซึ่งเรื่องวันนั้นหลังจากดูคอนเสิร์ตเสร็จ แนนก็ไปยืนเล่นอยู่หน้าร้าน บังเอิญกับพี่ร็พโย่นี่เขาก็นั่งกับเพื่อนเขาอยู่หน้าร้านเหมือนกัน แล้วอยู่ๆ เขาก็หันไปสะกิดบอกเพื่อนเขาว่า

“ผู้หญิงคนนี้สวยมาก หน้าคมมาก หน้าไทยมาก”

คือเขาคุยกับเพื่อนเขานะคะ แต่บังเอิญว่าแนนได้ยินเข้าพอดี ก็ยืนเก๊กเลย สวยเลย ปรากฎว่าเพื่อนเขาดันรู้จักแนน ก็เลยเดินเรียกแนนไปแนะนำให้เขารู้จัก แล้วก็เรียกแนนนั่งร่วมวงกับพวกเขาเลย

พอร้านปิดพวกเขายังไม่เลิกสนุก ยังจะไปต่อกันออฟฟิสเขา ซึ่งก็ไม่ไกลจากคอนโดแนนเท่าไหร่ พอเขาชวนแนนไปด้วย แนนก็เลยไป

ระหว่างที่ปาร์ตี้กันต่อที่บ้านก็ไม่มีอะไรนะคะ มีแต่พี่แร็พโย่นั่งโอบเอวแนนก็แค่นั้น หลังจากปาร์ตี้เลิก พี่เขาไม่ได้เอารถมา เขาก็ขอให้แนนขับรถไปส่งเขาที่บ้าน ซึ่งก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แนนก็โอเคไปส่ง ระหว่างทางเขาก็ขอเบอร์แนนเอาไว้
“วันหลังพี่ขอชวนแนนไปไหนได้บ้างรึเปล่า”
“พี่ชวนไปไหนล่ะคะ”
“ก็ไปกินข้าวอะไรอย่างนี้”
“อ๋อได้ค่ะ”

พอเขาส่งเสร็จ เขาก็โทรตามมาส่งแนนถึงบ้าน ด้วยความเป็นห่วง และหลังจากนั้นเขาก็โทรมาหา บอกว่าวันนี้เขาว่างจะไปขูดหินปูนที่โรงพยาบาล อยากให้แนนไปเป็นเพื่อน แนนก็คิดแล้วว่าเขาเป็นคนดัง...มีโอกาสไปเดินควง ก็ขอไปเดินด้วยหน่อยแล้วกัน แต่ครั้งนี้แนนไม่ขอขับรถไปรับนะ เขานั่งแท๊กซี่มาหาแนนที่คอนโด

หลังจากที่ขูดหินปูนเสร็จ พี่เขาก็พาไปกินข้าว แล้วแนนก็ไปส่งพี่เขาที่บ้าน ซึ่งก็ยังไม่ได้มีอะไรกันนะคะ หลังจากนั้นพี่เขาก็โทรมานัดแนนไปโน่นไปนี่ แนนก็ไปได้บ่ง ไม่ได้ไปบ้าง ชวนไปดูคอนเสิร์ตที่เขาเล่น แนนก็ไม่ค่อยได้ว่างไป

พี่เขาก็เริ่มบ่นว่าแนนเบี้ยวเก่งจัง เบี้ยวตลอด ซึ่งจริงๆแนนก็ไม่ได้อยากเบี้ยวหรอกนะคะ แต่ว่ามันมีเหตุผลที่ไม่สะดวกทุกครั้งเลย จนครั้งนั้นเขาโทรมาชวนให้แนนไปดูบอลที่ห้องของเขา และแนนก็ว่างอยู่พอดี ก็เลยไปหาเขาที่ห้อง ไปนั่งดูบอลด้วยกันสองคนหวานๆ และก็เลยลงเอยจบกันที่ห้องเขานั่นแหละ

แต่ก็ไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจบเลยนะคะ เพราะหลังจากนั้นก็คือเรายังคบกันต่อ ยังไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วงเขาถ่ายหนังแนนก็ไปใช้ชีวิตอยู่ที่กองถ่ายเขา ไปหาเขาที่กองถ่าย คือคนก็พอรู้กันว่าแนนกับเขาคบกันอยู่ แต่ด้วยความที่ไม่ใช่หนุ่มในสเปคอยู่แล้ว ที่แนนคบด้วยก็เพราะนิสัยความเป็นเด็กบ้าดารา เห็นเขาดัง ใครๆก็กรี๊ด ก็เลยยอมที่จะไปคบกับเขา แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นรักเขาจริงจัง มันก็เลยห่างๆหายๆกันไปตามเวลา
แนนอยากให้อ่านหนังสือเล่มนี้ดีๆนะคะ แนนยังยืนยันว่าไม่ได้แฉใครให้อายแต่แนนแค่อยากบอกเล่าถึงช่วงชีวิตที่เราก้าวพลาดมาว่าเราพบเจอใครมาบ้าง ยังไงๆหนังสือของแนนก็ไม่รุนแรงเท่ากับหนังสือคืนที่ฉันนอนกับดาราของพี่อ้อมแน่นอนค่ะ ของรายนั้นเค้าแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนเกินไป

และช่วงที่ได้สนิทกับพี่เขานี่แหละ ก็ได้รู้จักกับหนุ่มฮิปฮอบสามสี ซึ่งคนนี้แนนไม่ได้หน้าใครสักคนนะคะ เพราะว่าหน้าแย่หมดทุกคน หน้าไม่ไหวเอามากๆ แต่ดันไปหลงเสน่ห์หนุ่มไฟแดงเข้า ด้วยความที่เขาร้องเก่ง เต้นเก่ง ดูเท่ห์ดี

แล้ววันนั้นเรื่องของเรื่อง คืออยากจะลองเช็คเรทติ้งตัวเองด้วยเหมือนกันว่าเสน่ห์ของฉันมันไปถึงไหนกันแล้ว ระหว่างที่หนุ่มสามสีเล่นคอนเสิร์ตอยู่บนเวที แนนซึ่งยืนอยู่หน้าเวทีก็ลองยืนจ้องหนุ่มไฟแดงคนนี้ดู ซึ่งพอเขาเห็นว่าแนนจ้องเขา เขาก็ไม่ยอมแพ้ จ้องกลับเหมือนกันและคอนเสิร์ตคืนนั้นก็คือ กลายเป็นว่าเขาเล่นกับแนนคนเดียวเลย จ้องกันไปจ้องกันมา เหมือนตั้งใจจะจ้องให้ตายไปข้างหนึ่งเลย

แต่สุดท้ายแล้วแนนก็ไม่ได้อะไรนะคะ ก็แค่จ้องขำขำ แต่พอเขาเล่นคอนเสิร์ตเสร็จ เขาก็ให้ลูกน้องเขาเข้ามาขอเบอร์แนน ซึ่งตอนนั้นแนนไม่อยู่ที่ต๊ะแล้ว แต่เพื่อนแนนก็ให้เบอร์แนนกับเขาไปและเขาก็พยายามโทรมาคุยกับแนน แต่เขาก็เป็นคนเปิดเผยดีนะ เขาก็บอกแนนว่าเขามีแฟนแล้วนะ และแนนเองก็หน้าเหมือนแฟนเขาเลย ซึ่งแนนก็ว่าเขาดีนะ เขาไมปิดบัง กล้าเปิดเผยดี และเขาก็พยายามชวนแนนไปโน้นมานี้ แต่แนนก็ไม่ได้ไปกับเขาดีนะ เขาไม่ปิดบัง กล้าเปิดเผยดี และเขาก็พยายามชวนแนนไปโน้นมานี่ แต่แนนก็ไม่ได้ไปกับเขาสักที

จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งเขามาเล่นคอนเสิร์ตที่ RCA ซึ่งมันตรงกับวันเกิดเพื่อนแนนพอดี แนนกับเพื่อนก็ไปฉลองกัน ก็เจอเขา พอคอนเสิร์ตเลิกเขาก็มาสนุกกับพวกแนน พอร้าปิดเขาก็ชวนมาสนุกต่อที่ห้องเขา ซึ่งพอแนนไป ก็เลยกลายเป็นได้ลงเอยที่ห้องเขานั่นแหละ

คือถึงแม้จะไม่ได้ชอบเขามากมาย แต่เขาเป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขดี ข้อดีของเขาคือ เขาเป็นคนที่พูดตรงๆดี เขาเป็นคนตรงๆบ้านๆ
“เขาไม่หล่อนะ แนนจะชอบผมเหรอ”
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าแนนจะชอบผมจริงๆ เพราะผมไมหล่อ วันนั้นผมเห็นแนนจ้องผม ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลย”
เขาตรงมาแนนก็ตรงไปเหมือนกันค่ะ
“จริงเหรอ ผู้หญิงสมัยนี้เขาเป็นกันอย่างนี้เหรอ”
เขาก็เหวอไป เจอคำอธิบายตรงๆ ของแนน

ซึ่งจริงๆแล้วแนนชอบเขา ที่เขาเป็นคนไม่ปิดบัง มีแฟนแล้วก็บอกว่ามีแล้ว เพราะฉะนั้นแนนเองก็ไม่ปิดบังเขาเหมือนกัน เขาถามว่าแนนมีแฟนหรือยัง แนนก็บอกว่ามีแล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าแฟนแนนเป็นใคร เขาเองหลังจากวันนั้นก็หมั่นโทรหาแนนอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งที่แนนเข้าไปบริษัทของเขากับพี่แร๊พโย่เพื่อนเขา
พอพี่ไฟแดงเขาเห็นแค้นั้นแหละ เขาก็ไม่กล้ายุ่ง ไม่กล้าตอแยกับแนนอีกเลย เพราะเข้าใจทันทีว่าแนนเป็นแฟนเพื่อนเขา แล้วเขาก็เหมือนคนเสียเซลฟ์ไปเลย เจอแนนก็ไม่กล้าอะไรอีกเลยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
-.........................
เรื่องราวของคอนเสิร์ตยังไม่หมดนะคะ เพราะว่าคอนเสิร์ตอีกนี่แหละที่ทำให้แนนได้เจอคนนั้น คนนี้อีกเยอะ ซึ่งคนที่แนนจะเล่าต่อไปนี้เขาไม่ได้เป็นนักร้อง แต่เป็น DJ ชื่อน่ารักๆแปลกๆ มี character เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน แนนกับเขาได้เจอกันในงานคอนเสิร์ตนี้แหละ ซึ่งตอนแรกแนนก็ไม่รู้หรอกว่าเข่แอบปลื้ม แอบชอบแนนมานานสามปีแล้ว แต่พอรู้ก็ดีใจนะคะ แต่อีกใจหนึ่งก็แหม......พี่เขาทั้งอ้วน ทั้งเตี้ยเลยนะ มันก็อะไรไม่ไหวเหมือนกันนะ แต่สุดท้ายแนนก็แพ้ความพยายามของเขา เพราะเขาดิ้นรนไปหาเบอร์แนนมาจนได้ แล้วก็โทรมาหาแนน

ปรากฎว่าคุยกันแล้วแนนปลื้มมาก เพราะเขาเป็นคนคุยสนุกมาก มุขเขาเยอะมาก คือเขาเป็นคนตลก สนุก ซึ่งปกติแนนชอบอยู่กับคนตลกอยู่แล้ว เพราะมันทำให้ชีวิตมีความสุข เขาก็นัแนนออกไปเที่ยว ไปกินข้าว ซึ่งแนนก็ไปนะ เพราะไปแล้วมันมีความสุขมาก ขำตลอด ทั้งๆที่ตอนแรกตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงซะชั้นก็ไม่คบเธอเป็นแฟนแน่ๆ ไม่เอานะๆ แต่สุดท้ายแล้วความขำความตลกก็พาไปให้พลั้งเผลอ มีอะไรกันจนได้ที่ห้องเขา

แต่พอคบกันแล้วก็รู้ว่าหน้าตาไม่เกี่ยวหรอกนะคะ เพราะพี่ดีเจ เขาเป็นคนดีมาก เขาเป็นห่วงเป็นใยแนนมากๆ ไม่อยากให้แนนมีข่าวไม่ดี ไม่อยากให้แนนแต่งตัวโป๊ ไม่อยากให้แนนทำตัวแรงๆ คือ เขาเป็นห่วงแนนมากๆ ตอนแรกแนนก็เกือบจะหลงรักความดีของเขาแล้วละ แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าใจนะคะว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่สเปคของแนน มันก็ขำขำกันได้พักหนึ่ง แต่ก็รักกันต่อได้ไม่ยาว เพราะในใจยังไงก็ค้านว่ามันไม่ใช่ ไม่ได้นะ

อันที่จริงแนนเองก็เพิ่งจะมาเข้าใจว่าความรักมันไม่ได้เกิดจากหน้าตาแต่มันคือหัวใจ แนนอยากจะขอโทษเขา แนนไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขาแต่ ณ เวลานั้น แนนเองยังมีความคิดแย่ๆ ความคิดที่มันฉุดดึงแนนให้ดิ่งลงไปในเหวลึกอย่างกู่ไม่กลับ
.........
เรื่องราวของคอนเสิร์ตยังไม่จบนะคะ แนนยังได้เจอกับหนุ่มฮิบฮอปผมสกินเฮดอีกคนหนึ่ง คนนี้หล่อมาก หุ่นสูงชะรูด เจาะลิ้น และชอบเปลี่ยนสีผมหลายๆสี เคยทำผมโมฮอคและเดทร็อคผสมกัน ในวงมีอยู่ด้วยกันหลายคน เป็นขวัญใจสาวๆและด้วยความที่แนนเป็นผู้หญิงเหมือนโรคจิต ว่างไม่ได้ชอบเช็คเรทติ้งตัวเอง พอยืนดูคอนเสิร์ต ก็พยายามจ้องคนที่ดูดีที่สุดบนเวที คือ ตั้งใจจ้องให้มันอายไปเลย แต่ปรากฎว่าฮิปฮอปรูปหล่อคนนี้มันไม่อายนี่สิ มันเห็นแนนจ้องมันก็จ้องด้วย เล่นกับแนนด้วยซะงั้น

กลายเป็นว่าการเช็คเรทติ้งของแนนคืนนั้นได้ผลอีก เพราะพอเขาลงจากเวทีกันปุ๊บ ก็มีเด็กเสริฟเดินเอาเบอร์โทรศัพท์ของเขามาให้ ซึ่งแนนก็ไม่ได้เล่นตัวนะคะ เขาให้เบอร์มาแนนก็โทรไปหา ก็มีโทรคุยกัน แต่กับคนนี้ไม่ได้สานสัมพันธ์กันต่อยืดยาว เรียกว่าลงเอยกันเร็ว แบบไม่ต้องมีการหลอกล่อกันให้เสียเวลาด้วย เพราะวันทีนัดเจอกันก็เหมือนต่างคนต่างรู้แล้ว เขาให้แนนไปหาเขาที่คอนโดตรง RCA พอไปถึงเขาก็ลงมารับขึ้นไปเล่นบนห้อง ซึ่งก็วันนั้นแหละที่ลงเอยกันเรียบร้อย แบบไม่ต้องพร่ำพูดอะไรมากมาย

สำหรับคนนี้แนนบอกไม่อายเลยว่าที่แนนยอมไปมีอะไรกับเขา เพราะความที่เขาเป็นนักร้องดังจริงๆ ชื่อวงเขานี่บอกไปใครๆก็รู้จัก ชื่อเขาบอกไปใครๆก็รู้จัก คือเขาดังมากๆ ดังมากจริงๆนะคะ แล้วเขาก็หล่อไม่ธรรมดาด้วย และที่สำคัญนะคะเขาเป็นคนที่เพื่อนๆแนนปลื้มกันเยอะมากๆสาวๆในกลุ่มนี่ใครๆก็ชอบเขา คลั่งไคล้เขากันกันมากๆ อยากได้เขากันมาก

แนนก็เลยไม่ยอมพลาด เมื่อโอกาสมาเยือนถึงที่ ก็อย่างที่บอกแหละคะ แนนมันเด็กบ้าดารา

 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:56:28 น.  

 

ผู้ชายคนสุดท้ายกับหัวใจที่เป็นจุดจบ !


กฃแนนไม่ขอถามถามว่าจะมีใครเชื่อไหมว่าชีวิตความรักของแนนจบลงที่ผู้ชายคนนี้ คนที่ไม่ใช่นักร้องดัง ไม่ใช่พระเอกหนัง เขาเป็นเพียงนักแสดงคนหนึ่ง ที่รับบททีไรก็ได้เป็นพระรองทุกทีแต่แนนจะขอบอกให้ทุกคนรู้ไปพร้อมๆกันว่า ผู้ชายคนนี้แหละที่เป็นจุดจบของความรักในใจแนน

แม้ว่าเขาจะหล่อสู้ผู้ชายหลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแนนไม่ได้ แม้ว่าเขาจะดังสู้ผู้ชายหลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแนนไม่ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีอะไรดีเกินหน้าเกินตาผู้ชายที่ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแนน
แต่แนนก็รักเขา
รักเขาสุดหัวใจ
...............................

ความรักของแนนเริ่มที่ร้านบูธยี่แหละ ไม่อยากจะบอกเลยว่าร้านบูธเป็นแหล่งพบรักของแนนไปแล้ว ผู้ชายหลายคนได้เจอกับแนนที่นี่เป็นที่แรก ซึ่งผู้ชายคนนี้ของแนนเขาก็นั่งเมาอยู่ที่ร้านนั่นแหละ

วันนั้นจะด้วยความเมาของเขาหรืออะไรไม่ทราบ ทำให้เขาฝากบอกมากับเพื่อนแนนที่รู้จักเขาว่า เขา น่ะชอบแนนมาก ซึ่งเพื่อนแนนด้วยความที่เป็นคนรักเพื่อนไม่ไม่น้อย พอเห็นมีผู้ชายชอบ เพื่อนก็ไม่รอช้า รีบจัดให้ทันที พามาแนะนำให้รู้จักกันเสร็จสรรพแต่ตอนนั้นแนนยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะคะ เพราะว่าด้วยอาการของเขาแล้ว แนนดูก็รู้ว่าเขาเมามาก ก็คิดว่าเขาอจจะพูดไปด้วยความเมา คงจะไม่ได้คิดอะไรจริงจังหรอก เขาขอเบอร์ แนนก็ให้ ซึ่งเขาไม่ได้จดหรอกนะ แต่กดเข้าเครื่องตัวเองเลย

หลังจากที่เขาได้เบอร์ไปแล้ว เขาก็ไม่เคยโทรมาหาแนนนะ ไม่มีเลยสักครั้ง ซึ่งแนนก็เฝ้ารอนะ เพราะการที่เราให้เบอร์ผู้ชายไปเนี่ย มันเหมือนเป็นการเช็คเรทติ้งอย่างหนึ่งด้วยนะ เพราะถ้าเราให้เบอร์กับผู้ชายไปแล้ว เขาไม่โทรมาเนี่ยแสดงว่าเรทติ้งเราตกนะ และแนนเองก็ไม่เคยเจอด้วย ส่วนใหญ่ผู้ชายคนไหนมีเบอร์แนน เขาก็จะรีบโทรมาทันที แต่พี่คนนี้ไม่เลย เงียบหาย ไม่เคยโทรมาเลย

จนมาถึงวันหนึ่งที่ไปงานเดียวกัน ก็ได้เจอกันอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้เจอกันจังๆ นะคะ เพราะงานวันนั้นมันจัดที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งแนนยืนอยู่ชั้นบน ส่วนเขายืนอยู่ชั้นล่าง พอแนนเห็นปุ๊บ แนนก็ลองกดโทรศัพท์ไปหา แต่ปรากฎเขาไม่ยอมรับสายซึ่งจากเหตุการณ์เหล่านั้นมันทำให้แนนรู้สึกสนใจเขามากๆ สนใจใคร่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มันเป็นอะไรนักหนา ปกติผู้ชายเขาเห็นชั้นเขาก็จะชอบแต่เธอเป็นอะไรยะ มาบอกว่าชั้นชอบก่อนแต่พอชั้นจะอะไรด้วย ดันทำเชิ่ดใส่ซะงั้น มันเลยดูน่าสนใจ !!

แหม...พี่ก็ไม่ใช่พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ซะหน่อย ทำไมถึงได้เชิ่ดใส่หนูขนาดนี้คะ !!!
แต่วันนั้นที่ไปเจอกันที่งาน พอเขาไม่รับโทรศัพท์แนน ก็กลายเป็นว่าไม่ได้เจอกันอีกเหมือนเดินสวนทางกัน ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้คุยกันแล้วก็มาได้เจอกันอีกที่ร้านบูธ แนนก็ให้เพื่อนที่รู้จักเขา เข้าไปจัดการเลยว่าขอเบอร์ไปแล้วทำไมไม่เห็นโทรมาหาเลย
“ยังไงจ๊ะเนี่ยพี่ ขอเบอร์เพื่อนหนูไปก็ไม่เห็นโทรมาหาเลย ไหนวันนั้นบอกว่าชอบไง”
“เฮ้ย! พี่ต้องขอโทษจริงๆเว้ย วันนั้นพี่เมากดเบอร์แล้วไม่ได้เมมไว้ เบอร์หายไปไหนไม่รู้”
“แล้ววันนั้นที่งานน่ะ เพื่อนหนูโทรไปหาก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์นะ หยิ่งนะพี่นะ จำไว้เลย”
“อ้าว....นั่นเบอร์แนนเหรอ พี่ไม่รู้นี่ ปกติเบอร์แปลกๆ พี่ม่รับอยู่แล้ว พี่ฝากขอโทษแนนด้วย พี่ไม่ได้ตั้งใจจะไม่รับสายเลย ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์แนนพี่รีบรับไปแล้ว”

พอเคลียร์กันได้ความเสร็จว่าเขาไม่ได้เชิ่ดใส่ด้วยการไม่โทรมาหาหรอก แต่มันก็เพราะความเมาที่ทำเบอร์หาย เลยไม่รู้จะโทรมาหายังไง ก็พอทำให้แนนยิ้มออกมาได้อีกครั้ง และเช้าอีกวันเขาก็ยืนยันว่าเขาก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้เมาจนทำเบอร์หายอีกครั้งด้วยการส่งแมสเสจมาหาแนนแต่เช้าเลยว่า
“เมื่อคืนเมาหรือเปล่าครับ จำได้ไหมครับว่าใคร”
แนนกดมือถืออ่านเจอข้อความปุ๊บ ก็ไม่รอช้ารีบตอบกลับไปเลยว่า
“จำได้ค่ะ”
คือตอนนี้มันเริ่มชอบเขาแล้วเหมือนกันนะ จากเดิมที่เฉยๆ แต่ช่วงที่เขาทำให้แนนรู้สึกว่าต้องวิ่งตามเนี่ย มันทำให้แนนเริ่มรู้สึกสนใจเขา และแอบชอบเขานิดๆแล้ว

และช่วงนั้นก็คือเราไม่นิยมคุยโทรศัพท์กันนะ แต่จะแมสเสจคุยกันตลอด คือแทนที่จะกดโทรศัพท์คุยกันให้รู้เรื่องมันเหมือนจะง่ายกว่า แต่ก็ไม่มีใครทำนะคะ เราเลือกที่จะแมสเสจมามากๆ
“กินข้าวหรือยังครับ”
“เดี๋ยววันนี้ผมจะไปทำงานที่นั่น ที่นี่”
“ทำอะไรอยู่ครับ”
“คิดถึงมากนะครับ”

คือกลายเป็นแนนกับเขาแมสเสจคุยกันตลอด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้แนนกับเขาแมสเสจคุยกันหกร้อยกว่าข้อความ ซึ่งแต่ละข้อความนี่น่าประทับใจทั้งนั้น ช่วงที่แมสเสจคุยกัน เราก็เจอกันบ่อยๆที่ร้านบูธ แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง เขาก็เมาๆ แนนก็มึนๆ พอเลิกจากบูธเสร็จ เขาก็มากินต่อที่ห้องแนน แล้วสุดท้ายก็ลงเอยที่ห้องแนนนั่นแหละ

ไม่รู้ว่าจะมีใครหาว่าแนนรักง่ายหรือเปล่า แต่แนนจะบอกว่าคนนี้แนนรู้สึกรักเขาจริงๆ อาจจะเป็นเพราะว่าแนนโตขึ้นมาแล้ว แนนมีอะไรกับเขาแบบที่รู้สึกดีมากๆ มันเป็นความรู้สึกในใจที่ดีมากๆ ยากที่จะหาคำมาอธิบายได้ แต่พอเขากลับบ้านไป แล้วแนนรู้ตัวเองเลยว่าคิดถึงเขามากๆ ไม่อยากจากเขาไปเลย อยากอยู่กับเขา คือมันป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเองแบบไม่รู้ตัวเลยนะคะ

อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ค่อยโทรมาคุยกัน แต่จะแมสเสจคุยกัน มันก็เลยทำให้มีอะไรให้นึกถึงเขาอยู่ตลอดเวลา และแมสเสจที่เขาส่งมาแต่ละข้อความก็อย่างที่บอกว่ามันน่ารักมากๆ บางอันก็เสี่ยวๆนะคะ แต่จะบอกว่าเสี่ยวในความรู้สึกคนอื่นนะ แต่แนนชอบมากๆ รู้สึกว่ามันโดนใจแนนมากๆ อย่างเช่น
“รักนะเด็กโง่”
“คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว”
“แนนเป็นที่หนึ่งในใจผม”

คือข้อความที่เขาส่งมามันเยอะมากๆ ซึ่งแนนเก็บเอาไว้ทั้งหมดเลยนะคะ เพราะย้อนกลับไปอ่านทีไรแนนก็มีความสุข อย่างมีอยู่ข้อความหนึ่ง เขาส่งมาตอนที่แนนจะไปต่างประเทศ
“จัดของดีๆนะ อย่าลืมของนะ อนุญาตให้ยืมได้อย่างเดียว คือลืมใจเอาไว้แถวๆนี้ ผมจะดูแลให้”
มันอาจจะดูเป็นข้อความที่เสี่ยวๆนะคะ แต่มันโดนใจแนนมากๆ และแนนก็ชอบมากๆ มันเป็นข้อความที่ทำให้แนนประทับใจมากๆ

ช่วงระยะเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เขาก็น่ารัก นิสัยดี เทคแคร์แนนดีมากๆ เวลาที่ไปกินเหล้าด้วยกัน แม้จะเมาๆอยู่ แต่ถ้าเพื่อนเขาทำท่าจะมาแกล้งแนน แหย่แนน เขาก็จะออกโรงปกป้องทันที
“เฮ้ย! อย่าเล่นๆ นี่เมียกู”

พูดเสร็จแล้วเขาก็จะเดินมากอดแนน ซึ่งการที่เขากล้าประกาศกับเพื่อนๆเขาขนาดนี้ ยิ่งทำให้แนนรู้สึกประทับใจในตัวเขา แล้วก็รักเขามากขึ้น และบางทีไปร้านบูธแนนก็เต้นอยู่กับโต๊ะเพื่อนแนน ส่วนเขาก็เดินเทคแคร์แขกในร้าน พอเหมือนเขาเหนื่อยๆ เขาก็จะเดินมาหาแนนที่โต๊ะ แล้วก็บอกว่า
“ขอกอดหน่อยสิ”
แล้วเขาไม่ได้พูดเฉยๆนะคะ เขาสวมกอดแนนต่อหน้าทุกคนเลย แล้วเขาก็กอดแนนแน่นมากๆ ซึ่งความรู้สึกเขาที่ถ่ายทอดออกมาทางอ้อมกอดมันทำให้แนนรู้สึกได้ว่า

ผู้ชายคนนี้แหละคือคนที่ใช่
ผู้ชายคนนี้แหละคือคนที่ชั้นเฝ้ารอตลอดชีวิต
ผู้ชายคนนี้แหละคือคู่แท้ของชั้น

พอแนนคิดได้ดังนี้ แนนก็เลิกนิสัยเจ้าชู้ เลิกนิสัยเป็นเด็กบ้าดารา ไปกับคนโน้นที ไปกับคนนี้ทีทันทีเลย เพราะเหมือนที่ผ่านมาแนนยังไม่เคยเจอคนที่ว่าใช่สำหรับชีวิตแนนจริงๆ แนนก็เลยยังใช้ชีวิตแบบเผื่อเลือกไปเรื่อยๆ แต่วันนี้พอแนนได้มาเจอเขา แนนรู้เลยว่าชีวิตแนนไม่ต้องการใครอีกแล้ว แค่มีเขาคนเดียว แนนก็มีความสุขมากมายแล้ว

แนนจึงเลิกนิสัยเก่าๆทันที...เพื่อเขา

แม้ว่าแนนจะเคยบอกว่าแนนรักแฟนแนนคนที่นิสัยง่องแง่งมากเหมือนกัน แต่พอมาเจอคนนี้ แนนรู้ทันทีเลยว่าแฟนเก่าแนนคนนั้นไม่ใช่หรอก เขาดีมาก แต่เขาควรอยู่ในฐานะเพื่อนมากกว่า พี่คนนี้คือคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว คือคนที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกับแนนได้ คือคนที่จะคอยดูแล ปกป้องแนนได้ ...คือคนที่แนนจะฝากชีวิตทั้งชีวิตเอาไว้ได้

แนนกับพี่เขาคบกันอยู่ 2 ปี แนนกล้าพูดเลยว่าแนนรักเขามาก เราคบกันแบบไม่ได้ปิดบังใคร แต่เราก็ไม่ได้บอกใครว่าเราเป็นแฟนกัน เพราะเราสองคนคบกันมาต่างก็ไม่เคยมีใครพูดถึงคำว่าแฟน และโดยส่วนตัวแล้วแนนเป็นคนไม่ค่อยพูดก่อนอยู่แล้วว่าผู้ชายคนนั้นคนนี้เป็นแฟนชั้น ถ้าผู้ชายม่พูดก่อนซึ่งพี่เขาก็ไม่พูดก่อนเหมือนกัน เพราะเคยมีเวลาทะเลาะกัน เขามักจะพูดอยู่บ่อยๆว่าแนนนิ่งๆกับเขาจนเกินไป เขาไม่แน่ใจว่าแนนรู้สึกยังไงกับเขาแน่

ความทรงจำดีๆระหว่างแนนกับเขามันมากมายเหลือเกินนะคะ บ้านเขาที่ต่างจังหวัดแนนก็ไปมาแล้ว คุณพ่อเขาเสียไปแล้ว เหลือแต่คุณแม่คนเดียว ซึ่งคุณแม่ของเขาก็น่ารัก ต้อนรับแนนเป็นอย่างดี...แนนรู้สึกมีความสุขมากๆ ตอนที่ไปเที่ยวบ้านเขา ไปเล่นน้ำ ไปนอนฟังเขาคุยเรื่องครอบครัวเขาให้ฟัง เขาจะชอบเล่าให้แนนฟังว่า ครอบครัวที่ขาดพ่ออย่างเขาเนี่ยมันลำบากยังไง แม่เขาต้องเหนื่อยยังไง และเขารักแม่เขามากขนาดไหนซึ่งยิ่งฟังแล้วแนนยิ่งรักเขามากขึ้นไปอีก เพราะโดยส่วนตัวแล้วแนนชอบผู้ชายที่ทำมาหากิน แต่คิดจะสร้างตัว แล้วก็ขยัน ผู้ชายแบบนี้ดูเป็นผู้ชายรักดี เป็นผู้ชายที่ชนะใจแนนมากๆ

และมันก็มีหลายๆ เหตุการณ์ที่เขาคอยช่วยเหลือปกป้องแนนได้ เวลาไปเที่ยว ไปเมาด้วยกัน มีเรื่องอะไรเขาไม่เคยห่างแนนเลย เวลาไปเที่ยวกันแล้วมีผู้ชายเข้ามาจีบแนน เขาก็จะมายืนใกล้ๆ แล้วกอด แล้วบอกกับผู้ชายคนนั้นว่า
“ขอโทษครับนี่เมียผม”

คืออขาเป็นคนที่แมนมากๆ ในความรู้สึกแนน เป็นคนที่แนนมั่นใจมากๆว่าเขาจะดูแลชีวิตแนนได้แน่ๆ และแนนก็มั่นใจด้วยว่าแนนเลือกคนไม่ผิด

ความเจ้าชู้ของเขาตามประสาผู้ชายอาจมีบ้าง แต่เขาก็ให้เกียรติแนนตลอดในช่วงเวลาที่คบกัน ถึงแม้จะมีผู้หญิงเข้ามาจีบเขา แต่เขาก็จะบอกกลับไปเสมอว่าเขามากับแฟน ไม่เคยปิดบังเลยว่ามีแฟนแล้ว

และอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้แนนเชื่อว่าเขารักแนนมากๆ เหมือนกันก็คือ เราเคยถ่ายรูปคู่กันเอาไว้ในโทรศัพท์แนน แล้วแนนก็ส่งไปให้เขา ซึ่งเขาก็จะเก็บเอาไว้ตลอด แม้กระทั่งตอนที่โทรศัพท์เขาหาย พอเขาไปซือเครื่องใหม่มา เขาก็จะขอให้แนนส่งรูปนั้นให้เขาอีก ซึ่งมันทำให้แนนรู้สึกว่าเขาน่ารัก เขาใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยๆ ของเราได้ดีมากๆ และเขาก็มีเรื่องน่ารักๆให้แนนยิ้มตลอด เขาเป็นคนดีจริงๆนะคะ ดีถึงขนาดที่ว่าวันเกิดแฟนเก่าแนน พี่เขาก็ไปเป็นเพื่อนแนนเลือกซื้อของขวัญให้แฟนเก่า ซึ่งปัจจุบันเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว

แล้วเวลาที่เขาเมาเขาก็จะชอบก็จะระบายความในใจออกมา เรื่องที่เขาพูดอยู่บ่อยๆ ก็คือ เรื่องที่ไปซื้อของขวัญให้แฟนเก่าแนนนี่แหละ
“คิดดูสิว่าผมรักแนนขนาดไหน ขนาดแนนจะไปซื้อของขวัญให้แฟนเก่า ผมยังพาไปเลือกซื้อเลย”

คือแนนฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ เพื่อนๆแนนทุกคนก็ confirm หมดเลยว่าผู้ชายคนนี้รักแนนมากๆ เพื่อนๆทุกคนบอกหมดให้แนนเลิกเจ้าชู้ได้แล้ว เพราะเพื่อนๆไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนรักแนนเท่าผู้ชายคนนี้มาก่อน แม้ว่าเราสองคนจะไม่เคยตกลงเป็นแฟนกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่เขาก็มีสองประโยคที่พูดกับแนนบ่อยมากๆ คือ
“ผมรักแนนมากนะ”
“เมื่อไหร่คุณจะรักผมสักที”
ซึ่งแนนก็จะถามกลับทุกทีว่า
“แล้วเมื่อไหร่พี่จะรักแนน”

คือกลายเป็นว่าพอพูดเรื่องนี้กันทีไรก็ไม่จบสักที ซึ่งแนนก็คิดแต่ว่าเขาถามเล่นๆ ไม่คิดว่าเขาจะถามอย่างนั้นจริงๆ เพราะสิ่งที่แนนทำไปทุกอย่าง แนนก็ว่าเขาน่าจะรับรู้ได้ว่าแนนรักเขามากแค่ไหน เขาเคยบ่นอยากมีลูกกับแนนนะ แต่ทุกครั้งที่เราพูดถึงลูกกันทีไรก็ต้องจบลงด้วยเสียงหัวเราะ เพราะเขาจะพูดเสมอว่า
“ถ้าเราสองคนมีลูกด้วยกัน ลูกต้องเหมือน..........แน่ๆเลย”

แนนยังยืนยันอีกครั้งนะคะว่าเขาเป็นผู้ชายที่แนนรักมาก แม้กระทั่งวันนี้แนนก็ยังรักเขามาก แนนเคยมั่นใจว่าแนนรักแฟนเก่าแนนมาก แต่วันนี้แนนรู้ตัว และรู้ใจตัวเองดีว่า แนนรักเขาคนนี้ของแนนมากกว่าหลายเท่า

แต่แล้วพอถึงวันหนึ่งความรักของเราสองคนก็มีเหตุต้องห่างๆกันออกไป ด้วยความที่เขามีงานละครเข้ามาเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา และอีกอย่างที่สำคัญก็คือ เราคบกันมาสองปีแล้ว แต่ยังไม่เคยคุย หรือตกลงกันให้เป็นเรื่องเป็นราวว่าเราสองคนเป็นอะไรกันแน่ จนมันดูเหมือนกับว่าความรักของเราขาดความมั่นคง แต่ก็ใช่ว่าเขาจะห่างแล้วหายไปจากชีวิตแนนเลย เพราะแม้จะไม่ค่อยว่างมาเจอหน้ากันบ่อยเหมือนเคยที่อยู่ด้วยกันทุกวัน เพราะเขาต้องไปทำงาน แต่เขาก็จะแมสเสจมาแสดงความน่ารักอยู่เสมอ
“ตื่นแล้วหรือยัง ทำอะไรอยู่”
“เที่ยงแล้วอย่าลืมกินข้าวนะครับ เป็นห่วง”

คือเขาจะมีคำหวานมาหยอดอยู่เรื่อยๆ ให้จิตใจแนนได้ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าไม่ได้เจอหน้ากันทุกวัน แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งเดียวในใจแนน
............................................................

“แนนทำไมช่วงนี้อ้วนจัง”
“ไปทำอะไรมาเนี่ยแนน ดูอ้วยขึ้นนะ”
“แนนท้องหรือเปล่าเนี่ย”
“แนนดูเหมือนคนท้องเลยนะเนี่ย”

หลายคำถามที่แนนได้ยินจากคนใกล้ตัวในระยะนี้ทำให้แนนต้องกลับมาย้อนถามตัวเองว่าเป็นเพราะว่าอะไรนะ..... ในตอนแรกที่โดนทักว่าอ้วน ยังพอจะตอบตัวเองได้ว่า สงสัยเราจะกินเยอะ นอนมาก ออกกำลังกายน้อยแน่ๆ หุ่นถึงได้ฉุขึ้นๆอย่างปิดใครไม่มิด

แต่พอคำว่า “ท้อง” มาสะกิดใจ...สมองก็ทำงานมากขึ้น เหตุผลต่างๆถูกรวบรวมมากลั่นกรอง จนได้ข้อสงสัยเพิ่มขึ้น ประจำเดือนที่หายหน้าไปเกือบสองเดือน, อาการอยากกินอาหารมากผิดปกติ, รูปร่างที่ฉุขึ้นมาอย่างรวดเร็วเกินปกติ แถมด้วยอาการหน้ามืดบ่อยๆ อาเจียนอีกเรื่อยๆ และเมื่อแนนเริ่มเอะใจว่าตัวเองจะท้อง แนนก็ไม่รอช้า รีบไปซื้อเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองมาพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะทันที

เย็นวันนั้นแนนไม่รอช้าที่จะทำการตรวจปัสสาวะตามวิธีการที่แนะนำในกล่อง
และผลองมันก็ออกมาว่า “แนนตั้งครรภ์”
แต่แนนไม่เชื่อหรอก เพราะเครื่องมือที่ผลิตออกมาไม่รู้กี่พันกี่แสนโหลมันก็มีสิทธิ์มั่วได้ไม่ยาก แถมวิธีแนะนำการใช้ยังระบุอีกว่า การตรวจปัสสาวะ โดยการใช้ปัสสาวะ โดยการใช้ปัสสาวะในช่วงเช้าจะได้ผลที่ดีที่สุด และถูกต้องที่สุด

คืนนั้นแนนนอนแทบไม่หลับ แอบลุ้นในใจว่าผลที่ได้มันจะออกมาไม่เหมือนอย่างการตรวจครั้งแรก แนนนอนคิดไปคิดมาหลายตลบจนไม่รู้ว่าตัวเองผลอยหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็เช้าตรู่ แน่นอนว่าแนนไม่รอช้า ตื่นปุ๊บรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ เพื่อเช็คปัสสาวะตัวเองทันที

และผลออกมาก็ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง เพราะคำตอบที่ได้มันไม่ต่างจากเมื่อคืนเลยแม้ว่าจะใจเสียไปไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ถึงกับหมดใจ แนนพยายามคิดว่าผลปัสสาวะอาจจะผิดเพื้ยนไปได้ เพราะความเครียดที่เกิดขึ้น และที่สำคัญแนนซื้อที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเองมาถึงสามชุด เนื่องจากกลัวว่าผลที่ได้จะไม่ชัวร์ แนนเลยต้องการเช็คชัวร์ซึ่งเครื่องมือตรวจการตั้งครรภ์ทั้งสามชุดแสดงผลไม่ต่างกัน ทำให้แนนมั่นใจว่าตัวเองท้องชัวร์ โดยไม่ต้องรอให้ใครมาฟันธง

วินาทีแรกที่รู้ว่าตัวเองท้อง ยอมรับว่าสับสนมากๆ สับสนจนน้ำตาไหล
“เราจะทำยังไงกับชีวิต”
นี่คือคำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจ ไหนจะงานที่รับเอาไว้มากมาย ไหนจะด้วยความเป็นลูกผู้หญิง ท้องตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน แม่จะเสียใจแค่ไหน คนที่เป็นแฟนเรา เป็นพ่อของลูกในท้อง ถ้าเขารู้ตัวว่าเขากำลังจะได้เป็นพ่อคน เขาจะรู้สึกยังไง หลากหลายความคิดตีกันอยู่ในสมอง

ตอนแรกแนนตัดสินใจโทรไปคุยกับเขาว่าแนนท้อง แนนไม่ได้หวังถึงขั้นว่าเดี๋นวเราจะต้องแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราวหรอกนะ แนนคิดแค่ว่าอย่างน้อยๆ เขาก็คงจะรับผิดชอบตัวแนน และลูก เราอาจจะยังไม่ต้องประกาศให้คนรู้ก็ได้ อยู่กันแบบแอบๆไปก่อนก็ได้

สุดท้ายแนนตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาพ่อของลูกในท้อง เขาเป็นผู้ชายที่แนนรักมาก และแนนก็เชื่อมั่นว่าเขาเองก็รักแนนไม่น้อยเหมือนกัน แม้ว่าเขาอาจจะรักแนนไม่มากเท่าที่แนนรักเขา แต่แนนก็แอบคิดว่าอย่างไรเสีย เขาคงจะรู้สึกดีใจบ้างไม่มากก็น้อย ที่เขาจะได้มีลูกกับแนนอย่างที่เราสองคนเคยวาดฝันเอาไว้ด้วยกัน

“ฮัลโหลพี่ แนนมรเรื่องสำคัญจะบอกพี่”
“มีเรื่องอะไรเหรอแนน”
“พี่...แนนท้อง”

น้ำเสียงของแนนตอนนั้น ถ้าอัดเทปไว้ฟังก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ไหน
“ท้อง?!? ท้องกี่เดือนแล้ว”
น้ำเสียงเขาดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย และเขาก็ปรับเสียงเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้อย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“น่าจะเกือบสองเดือนแล้วพี่”
แนนตอบไปพร้อมๆกับพยายามหยั่งความรู้สึกของคนทางปลายสาย ว่าเขารู้สึกอย่างไร
“เดี๋ยวอีกแป๊บเดียวพี่โทรกลับนะแนน พี่ทำงานอยู่”
“ได้ค่ะ แนนจะรอ”

และหลังจากวันนั้นจวบจนวันนี้ แนนก็ยังคงรอ...รอ และรอ ตามคำที่เขาบอก ซึ่งเขาไม่เคยโทรมาหาแนนอีกเลย เรื่องลูกไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะนำพามาคุยกับแนน
แนนเข้าใจผิด
แนนคิดผิด
แนนคิดว่าเขากำลังยุ่งกับเรื่องตรงหน้าอยู่จริง ถ้าเขาว่างเขาคงโทรมาหาแนนเองตามคำที่เขาบอก แต่เปล่าเลย เขาไม่คิดจะโทรมา เขาไม่คิดแม้จะเหลียวแลใส่ใจ ผู้หญิงอย่างแนนหรือแม้กระทั่งลูกในไส้ของขา ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ในท้องของแนน!!!

วันนี้แนนไม่เสียใจสักนิดที่กำลังจะมีลูก และจะได้เป็นแม่คน
แต่วันนี้แนนเสียใจที่สุดที่แนนไม่มีเขาคนที่แนนรักยืนอยู่เคียงข้าง….
การตามหาสิ้นสุด....แต่การรอคอยยังคงเดินทางต่อไปท่ามกลางถนนสายหัวใจที่ไม่มีวันจบ



บทส่งท้าย


“แม่แนนท้อง”

พอแนนหลุดคำนี้ออกไปปุ๊บ แนนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของแม่ที่อึ้งไป และแนนก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังมาตามสายโทรศัพท์ แม้ว่าแม่จะไม่ด่าไม่ว่าแนนสักคำ แต่แนนรู้ว่าสิ่งที่แนนบอกแม่ไปนั้นมันทำร้ายความรู้สึก และหัวใจของแม่แค่ไหน

แนนรู้นะคะว่าแม่ทุกคนไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกท้องก่อนแต่งหรอก แม่ทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยากให้ลูกสาวได้แต่งงาน ได้สวมชุดเจ้าสาวสักครั้งในชีวิต และแนนก็เชื่อเหมือนกันว่าแม่แนนก็คิดแบบนั้น แต่แล้วแนนก็ทำให้แม่ผิดหวัง และยิ่งการที่แม่นิ่งเงียบ ไม่ด่า ไม่ตำหนิแนนเลยสักนิด มันยิ่งทำให้แนนรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก แนนรู้สึกสงสารแม่เหลือเกิน แนนรู้ว่าวันนี้แม่ทรมานจิตใจแค่ไหน
“แนนท้องกับใครลูก”

แม่ถามหลังจากที่พอตั้งสติได้
“ท้องกับพี่....ค่ะ”
“แล้วเขาว่ายังไงบ้างลูก แนนบอกเขาหรือยัง”
“บอกแล้วแม่แตเขาเฉยๆ”
“ไม่เป็นไรนะลูก แนนอย่าคิดมากนะลูก แม่เลี้ยงแนนมาได้ แนนก็ต้องเลี้ยงลูกของแนนได้เหมือนกัน แนนไม่ต้องกังวลใจไป ถึงวันนี้แนนจะไม่มีใคร แต่แนนยังมีแม่อยู่นะ แม่พร้อมจะยืนข้างๆลูกนะ และแม่ก็จะเลี้ยงหลานของแม่เอง”
แม่พูดทั้งน้ำตา
.........................................
กำลังใจจากแม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉุดให้แนนลุกขึ้นยืนได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้ง แนนเชื่อแม่ว่าแนนจะต้องผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้ แม่เลี้ยงแนน เลี้ยงน้อง เลี้ยงหลานๆ มาได้ตั้งหลายคนด้วยตัวคนเดียว เพราะพ่อแม่แนนแยกบ้านกันอยู่

แม้ว่าพ่อจะมาส่งเสียเงินทองให้บ้าง แต่ก็มีช่วงระยะเวลาหลายปีที่พ่อแนนหายไปเลย ไม่เคยมาให้เห็นหน้า และแม่แนนเองก็เป็นแค่ข้าราชการธรรมดาๆ คนหนึ่ง เงินเดือนก็ใช่ว่าจะเยอะมากมาย แต่แม่ก็เลี้ยงแนน และน้องมาได้อย่างดีมากๆ เพราะฉะนั้นยังไงซะแนนก็ต้องเลี้ยงลูกของแนนได้อย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องการเอาเด็กออก ขอบอกเลยว่าแนนไม่เคยคิด เพราะเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ชายที่แนนรักมาก อย่างน้อยๆ ลูกในท้องก็เป็นตัวแทนของคนที่แนนโคตรรัก แม้ว่าเขาคนนั้นจะไม่มาสนใจใยดีแนนในวันนี้ แนนก็ไม่โกรธ แนนยังคงรักแหมือนเดิม

วันนี้หากบอกอะไรได้ แนนก็คงไม่มีอะไรจะบอกเขา ผู้ชายที่แนนรักมาก แนนยอมทุกอย่าง เพื่อได้ใช้ชีวิตกับเขา แนนยอมเปลี่ยนตัวเอง จากที่เป็นคนชอบเที่ยว แนนก็เลิกเที่ยวเพื่อนชวนไปไหนแนนก็ไม่ไป เพื่อที่เขาจะได้เดินกับแนนได้อย่างภาคภูมิใจ เพื่อที่เขาจะได้ไม่มีใครว่าได้ว่ามีแฟนแรด แนนยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาทุกอย่างและแนนก็เชื่อนะว่าระหว่างที่คบกัน เขาก็รักแนนมาก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นวันนี้ชีวิตแนนถึงไม่มีเขาอยู่ข้างๆ

.................................

สาเหตุที่ทำให้ชีวิตแนนเป็นอย่างวันนี้ อาจจะเป็นผลจากการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของแนนก็เป็นได้ ซึ่งแนนก็คงจะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเอง ผู้หญิงเจ้าชู้อย่างแนน ก็คงต้องเจอแบบนี้ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนเขารู้สึกได้ถึงความมั่นคงในชีวิตรัก หากคบกับผู้หญิงเจ้าชู้ หากอดีตที่ผ่านมา แนนไม่ได้ใช้ชีวิตเหลวไหลเช่นนี้ วันนี้เขาคนที่แนนรักอาจจะลงเอยกับแนนไปนานแล้ว ก่อนที่แนนจะท้องด้วยซ้ำ

แต่เพราะความที่เขาไม่เชื่อใจ ไม่ไว้ใจ และไม่มั่นใจว่าแนนจะรักเขาได้จริง แนนจะเลิกเจ้าชู้ได้จริง เขาจึงเลือกจะเดินจากแนนไป
................................................

เด็กวัยรุ่นทุกวันนี้ที่นิยมการใช้ชีวิตเหมือนแนนในอดีตยังมีอีกเยอะมากมาย แนนไม่บอกหรอกนะว่าพวกเขาเหล่านั้นทำผิด หรือเป็นคนไม่ดี เพราะแนนเองก็ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาแล้ว หากพูดไปบางคนก็จะบอกว่าของแบบนี้ ไม่ลองด้วยตัวเองไม่มีใครรู้ ว่าเจอกับตัวเองไม่มีทางเข้าใจ และบางคนก็อาจจะคิดว่าเขาอจจะไม่โชคร้ายเจอจุดจบแบบแนนก็เป๋นได้ ทำไมเขาต้องเชื่อในสิ่งที่แนนบอก

เพราะฉะนั้นแนนจะไม่ขอร้องให้ใครเชื่อแนน และจะไม่อ้อนวอนให้ใครเลิกนิสสัยอย่างที่เป็นอย่างแนน เพราะทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะทำ เลือกที่จะเป็น เพียงแต่แนนอยากจะบอกว่าประสบการณืบางอย่างในชีวิตคนเรา เราไม่จำเป็นที่จะต้องก้าวพลาดไปเจอ ไปพบด้วยตัวเอง เพราะจุดจบของมันบางครั้งก็ไม่คุ้มที่จะทุ่มเทชีวิตลงไปเสี่ยงเอง บทเรียนบางอย่างเราก็เรียนรู้ได้จากชีวิตคนบางคนที่เขาเคยพลาดมาแล้ว
ผลจากการใช้ชีวิตเป็นเด็กบ้าดาราอย่างแนน สุดท้ายแล้ววันนี้แนนก็ต้องอุ้มท้องอยู้อย่างโดเดี่ยวไร้คนเคียงข้างที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกในท้อง แนนย้อนกลับไปคิดดูแล้วก็เสียใจเหมือนกันนะคะ ถ้าวันนั้นแนนไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะต้องมีแฟนเป็นคนดัง มีแฟนเป็นดารา ป่านนี้แนนอาจจะมีผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มีหน้าที่การงาน เป็นพนักงานออฟฟิศ ที่พอจะมีเงินเดือนเลี้ยงดูแนน กับลูกได้ มีเวลาให้กับครอบครัว ไม่ปล่อยทิ้งให้แนนอุ้มท้องอยู่คนเดียวเหมือนอย่างทุกวันนี้

ผู้ชายในวงการบันเทิง ดาราดังหน้าตาหล่อ สุดท้ายแล้วแต่ละคนก็ไม่ต่างกัน ต่างก็เห็นผู้หญิงเป็นผักเป็นปลา แต่จะโทษพวกเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกหรอกนะคะ เพราะแนนเองก็หลงในภาพฉาบฉวยเหล่านั้นเอง ลืมคิด ลืมมองไปว่า คนดังเหล่านั้น จริงๆ แล้วเขามีผู้หญิงอีกมากมายที่เข้าคิวมาประเคนความสาว ความสวยให้วันละไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เราเองก็เป็นแค่หนึ่งในช้อยส์ที่เขามีก็แค่นั้น เขาไม่ได้เห็นความสำคัญของความรัก ความจริงใจที่เรามีให้สักนิด เขาเพียงแต่เล่นสนุกกับร่างกาย และจิตใจของเรา พอหมดสนุกเขาก็เขี่ยทิ้ง แบบไม่เหลือเยื่อใย เพราะฉะนั้นก่อนจะคิดทำอะไร คิดให้ดีก่อนนะคะ อย่าคิดหวังสนุกเหมือนอย่างแนน

แนนหวังว่าประสบการณ์ชีวิตของแนน จุดจบในชีวิตของแนน คงพอจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับน้องๆได้บ้างสักนิด แนนไม่ได้ต้องการให้ประสบการณ์ของแนน ทำให้สังคมนี้ไร้คนแบบแนน แนนไม่ได้หวังมากขนาดนั้น แนนหวังเพียงว่าเรื่องของแนน ประสบการณ์ของแนนพอจะสะกิดให้ใครสักคน คนเดียวเท่านั้นรู้สึกตัวว่าสิ่งที่กำลังคิดจะทำ หรือกำลังทำอยู่นั้นมันไม่ดีต่อชีวิตตัวเอง หยุด ละ เลิกมันซะตั้งแต่วันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

จำไว้เถอะ
“ดารามันก็แค่คน อย่าบ้าดารา จนเอาชีวิตไปทุ่มเทให้กับมัน ชีวิตไม่ใช่เรื่องสนุก ที่จะเอาไปใช้แบบขำขำ โดยไม่คิดถึงอนาคต”



 

โดย: birdchicago 19 พฤษภาคม 2550 15:57:20 น.  

 

ดีจังเลยที่เอามาอัพบล็อกเพราะกำลังอยากอ่าน แต่คงไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสือ เพราะไม่ชอบซื้อหนังสือพวกนี้อ่าน

เดี๋ยวขอเซฟบล็อกก่อนนะคะ เอามาอัพเรื่อย ๆ นะคะ จะเข้ามาอ่านอีก

ขอบคุณค่ะ

 

โดย: เสียงซึง 19 พฤษภาคม 2550 20:20:03 น.  

 

ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่อยากซื้อหนังสือแบบนี้เหมือนกัน แต่กับแนน อยากอ่านอ่ะ แหะๆ

 

โดย: นีซ IP: 58.10.102.155 19 พฤษภาคม 2550 20:40:45 น.  

 

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ

 

โดย: โสดในซอย 19 พฤษภาคม 2550 23:52:01 น.  

 

ขอบคุณที่เอามาให้อ่านนะคะ

ไม่เคยเห็นหน้า

สงสัยสวยมากนะคะ

 

โดย: โสดในซอย 19 พฤษภาคม 2550 23:53:01 น.  

 

ยาวมากเลยค่ะ อ่านแล้วก็งงๆ

ท่าทางต้องสวยเสน่ห์แรงมากๆ เลยนะเนี่ย

แบบว่าไม่รู้จักอ่ะค่ะ แหะๆ

 

โดย: cocoa butter 20 พฤษภาคม 2550 1:46:31 น.  

 

ดีจัง ได้อ่าน
จิงๆ ก้อไม่อยากซื้อเหมือนกาน
แต่...ลองไปเดินดูตานร้านหนังสือไม่มีขายอ่ะ
ขายดีมาก
ดูทุกร้านเลยน่ะ


แต้ยังไงก้อขอบคุณมากน่ค่ะ ที่ได้อ่าน

 

โดย: onno IP: 124.120.170.252 7 มิถุนายน 2550 16:40:07 น.  

 

อยากรู้คำตอบค่ะว่าผู้ชายแต่ละคนคือใครบ้าง เพราะเดาไม่ออกจริงๆ

 

โดย: jaa IP: 203.153.176.139 8 มิถุนายน 2550 12:57:53 น.  

 

เรื่องที่เขียนมาไม่เป็นความจิงค่ะ เพราะตอนนี้สื่อเค้าจับได้ว่าแนนไม่ได้ท้องจิงเลยโดนแบน ไม่รู้ว่ากล้าทำได้ยังไงน่ะค่ะ

 

โดย: aom IP: 203.113.70.11 9 มิถุนายน 2550 17:46:05 น.  

 

Really !!!

ไม่เป็นความจริงหรือนี่ !!!

สำหรับคนอ่าน คงเป็นเรื่องที่น่าสนุกจนเบื่อเลยทีเดียว

สำหรับเจ้าของเรื่อง คงเป็นเรื่องที่วัดระดับความจริงใจของใครบางคนได้

ยังโชคดีที่ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่งั้นคงคิดมากน่าดูว่าลูกที่เกิดมาจะโตมากับอะไร

 

โดย: birdchicago 9 มิถุนายน 2550 22:08:29 น.  

 


ขอบคุณมากเลยค่ะที่เอามาให้อ่าน เห็นเค้าบอกว่ามีเรื่องมนต์รักนักเรียนนอก ในพันติ๊ป แต่อยู่กลุ่มไร้สังกัดด้วยค่ะ พยายามแล้วแต่เข้าไม่ได้ค่ะ คุณช่วยหามาลงหน่อยได้มั้ยคะ? ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ หุหุ

 

โดย: I am IP: 202.91.19.204 30 มกราคม 2551 1:52:32 น.  

 

mvkfgtorutpetrl

 

โดย: meen IP: 118.174.216.70 3 มีนาคม 2551 20:43:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


birdchicago
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เราเชื่ออยู่ 5 ข้อ:

1. คนเรา...ทำงานไม่เกินอายุ 60 ปี (จงทำทุกอย่างที่อยากทำ)
2. คนเรา...ไม่ได้มีชีวิตอยู่เกิน 100 ปี (จงอย่ายึดติด ปล่อยวางบ้างก็ได้)
3. คนเรา...ฟ้าลิขิตมาแล้วจะให้เป็นอะไร จึงดลใจให้เรากำหนดตัวเองอย่างนั้น (อย่าดิ้นรนเกินตัว)
4. อะไร...ที่เป็นของของเรา ยังไงมันก็เป็นของเราอยู่วันยังคำ (อย่าทรมานตัวเองเพราะคำว่า "ไม่มี ไม่ได้")
5. ชีวิตยังมีอีกหลายด้าน (มามัวจมกับด้านเดียวซำๆทำไม)



เข้า Blog ครั้งสุดท้ายเมื่อ 21 มีนาคม 2552






Freedom Fog:



1.เปลี่ยนมุมมองดูบ้าง

2. ลองทำอะไรแปลกๆ

3. ลองทำสิ่งที่ไม่ถนัดบ้าง

4. สร้างสรรค์

5. อยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ

6. กล้าคิดออกจากกรอบ

7. อย่าให้อุปสรรคใหญ่เกินตัวเรา

8. อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า









http://phenixx.bloggang.com


Yahhh!! Yahhh!! Yahhh!!








~!@#$%^&*(+~?......-/#฿@6.....YoO!...YoO! BC’s Live Radio 24 hrs
RIT Online
1 min of my favorite Russian piece
Joe (วง Pause): เติมใจให้กัน
. . . . . . . . . . . .












Hi, Wazzz uppp??... BC’s Hits!

<img src="http://i122.photobucket.com/albums/o269/birdchicago/OOO/Like.jpg">
Wow!....WoW!
Friends' blogs
[Add birdchicago's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.