ลมหายใจของใบไม้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
15 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
:::ครูยุคปฏิรูป:::




เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 14 มีนาคม ณ โรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูปภัมภ์ฯ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดงานแถลงข่าวเปิดโครงการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้ระดับประถม ศึกษาครั้งที่ 1/2554 ด้วยการร่วมแลกเปลี่ยนสถานการณ์ต้อนรับปิดเทอมของเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาที่ประสบปัญหาการอ่านแต่จับใจความและ วิเคราะห์ไม่เป็น สถิติล่าสุดจากรายงานสภาวการณ์เด็กและเยาวชนปี 2550-2552 ระบุว่า เด็กประถมใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการเล่นเกมส์ เพิ่มจาก 23% เป็น 32% เฉลี่ยวันละ 2-3 ชั่วโมง และท่องอินเตอร์เน็ตเพิ่มจาก 18% เป็น 22% โดยเด็กประถมเพียง 50% ระบุชอบไปโรงเรียนมาก และมีสถิติลดลงจาก 57% เป็น 50% เท่านั้น นอกจากนี้เด็กประถมมีอัตราเรียนพิเศษเพิ่มขึ้นรวม 27% โดยประมาณ 1 ใน 7 ของเด็กประถมถูกส่งไปเรียนพิเศษ แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจต่อการเรียนการสอนในห้องของผู้ปกครอง

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า เด็กนักเรียนวัยประถมศึกษาต้องจัดการศึกษาที่เรียกว่า “เรียนปนเล่น” ฉะนั้น “ครูยุคปฏิรูป” ต้องเปลี่ยนจาก “ครู” เป็น “วิทยากรกระบวนการ” ที่ไม่ใช่เพียงการสอนในหนังสือ แต่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและส่งเสริมให้เด็กเกิดสถานการณ์แห่งการเรียนรู้ ที่สอดคล้องตามความต้องการของเด็ก โดยเฉพาะ “การอ่าน” ที่เป็นทักษะซึ่งต้องใช้ตลอดชีวิตนั้น นักวิจัยชาวอเมริกันได้เปรียบเทียบว่า เด็กใช้เวลาเรียนรู้ทักษะการอ่านเฉลี่ยตลอดชีวิตเพียง 0.2% ขณะที่ทักษะนี้จะส่งผลระยะยาวต่อชีวิตที่เหลืออยู่มากถึง 98% สะท้อนให้เห็นว่า เด็กช่วงวัยประถมศึกษานั้นเป็นอีกช่วงเวลาที่สำคัญในการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ขณะที่เด็กประถมไทยมีผลวิจัยชี้ชัดว่า กว่า 30% ไม่สามารถอ่านวิเคราะห์ได้ และค่าเฉลี่ยจะยิ่งสูงขึ้นสำหรับเด็กไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“ปัจจุบันการเรียนการสอนยังเป็นระบบ 70:30 คือ เรียนในตำรา 70% และทำกิจกรรม 30% ฉะนั้นสำหรับโครงการเด็กประถมนั้นก็น่าจะกระตุ้นให้สัดส่วนของกิจกรรมมาก ขึ้น ขณะเดียวกันครึ่งหนึ่งของการเรียนรู้ในตำราก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับวัยเด็ก ประถมที่ต้องเน้นการเล่นไปด้วยเรียนไปด้วย ซึ่งการประยุกต์ใช้นิว มีเดียกับเด็กก็น่าจะถือเป็นอีกช่องทางในการฉกฉวยโอกาสสร้างการเรียนรู้ให้ เป็นไปตามสิ่งที่เขาชอบ เช่น เด็กติดเกมส์ ติดอินเตอร์เน็ต ก็ใช้สื่อเหล่านี้สอนเด็ก เขาก็จะสนุกกับการเรียนการสอนมากขึ้น” รศ.ดร.สมพงษ์กล่าว

อ.นคร ตังคะพิภพ อดีตผู้เชี่ยวชาญพิเศษระดับ 10 เทียบเท่าตำแหน่งอธิบดี คนแรกของประเทศไทยกล่าวในฐานะเป็นหนึ่งในคณะผู้ติดตามโครงการส่งเสริมนวัต กรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้ระดับมัธยมครั้งที่ 1/2553 ที่มีผู้ได้รับทุนรวม 226 โครงการพบว่า ถือเป็นโอกาสเพิ่มช่องทางให้ครูได้เริ่มคิดค้นกระบวนการเรียนการสอนเพื่อ ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้สอดคล้องต่อสภาพแวดล้อมและตามความต้องการของเด็ก จากเดิมที่เคยเรียนรู้แบบแห้ง และนิ่งจากตำราในห้องเรียน อาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สนุกสนาน ก็เปลี่ยนเป็นกระตุ้นให้ครูได้เปิดกิจกรรมที่เคลื่อนไหวและตรงกับวิถีชีวิต และความต้องการนักเรียน ซึ่งจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการเรียนได้มากขึ้น แม้การเปิดให้ทุนในระดับประถมจะเป็นกลุ่มโรงเรียนที่มีขนาดเล็กกว่าและมี บุคลากรจำนวนน้อยกว่าโรงเรียนระดับมัธยม แต่ถ้าสามารถสนับสนุนโรงเรียนประถมเดี่ยวๆให้รวมตัวกัน ก็จะทำให้เกิดการทำงานเป็นเครือข่ายโรงเรียน “พี่น้อง” ที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเป็นพลังขับเคลื่อนการศึกษาจากภาคประชา สังคมได้อย่างแท้จริง

น.ส.ประพาฬรัตน์ คชเสนา นักวิชาการ สสค.กล่าวถึงแนวคิดที่ต้องการให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อให้เด็กและเยาวชนค้นพบศักยภาพและความถนัดของตนเอง มีทักษะและสามารถพัฒนาตนเอง จนเป็นที่มาของโครงการส่งเสริมนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้ระดับประถม ศึกษาครั้งที่ 1/2554 ประเด็นสำคัญคือ ต้องการส่งเสริมค่านิยมสำนึกรักท้องถิ่น ด้วยการสร้างหลักสูตร หรือกิจกรรมที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะครูท้องถิ่นจะมีกระบวนการสร้างการเรียนรู้อย่างไรให้เด็กรักท้องถิ่นตัวเอง

“วัยประถมศึกษาเป็นช่วงวัยที่สำคัญในการพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการ เรียนรู้ในด้านต่างๆ รวมทั้งทักษะชีวิต และมีคุณลักษณะที่ดี เพื่อเตรียมพร้อมในการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และเจริญเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติต่อไป โดยหัวข้อการให้ทุนครั้งนี้จะมุ่งเน้น 1.การพัฒนาสมรรถนะการอ่าน 2.การเรียนรู้ที่ทำให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกและอยากเรียนรู้ไปพร้อมกัน และ 3.การเรียนรู้ที่พัฒนาคุณลักษณะที่ดีงามของผู้เรียน โดยแบ่งโครงการเป็น 2 ลักษณะคือ 1.โครงการเดี่ยว: ภายใต้เงินสนับสนุน 50,000 บาท 2.โครงการกลุ่ม: สนับสนุนให้เกิดการช่วยเหลือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อสร้างเครือข่ายโรงเรียน พี่โรงเรียนน้อง ภายใต้เงินสนับสนุน 50,000-500,000 บาท ระยะเวลาดำเนินงานระหว่าง 8-12 เดือน โดยสามารถเริ่มโครงการภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554”

สามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ //www.QLF.or.th และส่งใบสมัครได้ที่ primaryschool@QLF.or.thจนถึง 14 เมษายนนี้ โทรศัพท์ 02-619-1811 โทรสาร 02-619-1812 หรือส่งข้อเสนอโครงการได้ที่ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)ตู้ ปณ. 34 ปณฝ. สนามเป้า กทม. 10406 วงเล็บมุมซอง: (เสนอโครงการ สสค.)”



ที่มา -มติชนออนไลน์



Create Date : 15 มีนาคม 2554
Last Update : 24 มีนาคม 2554 19:10:43 น. 0 comments
Counter : 575 Pageviews.

Peakroong
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]





"หากต้องตัดสินใครสักคน

เริ่มจาก "ทำไม"คงจะดีกว่า"อย่างไร"

เพราะสิ่งที่มองเห็นไม่แน่ว่ามีอยู่จริง

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าไม่มี

สิ่งที่คิดว่าใช่อาจไม่ใช่

สิ่งที่ไม่คิดว่าใช่สำหรับคุณ

มันอาจใช่เลยสำหรับใครอีกคน"


"
๐ ให้ลมหายใจของใบไม้เป็นบันทึกคนกล่อง
คำเขียนของคนล้มลุกคลุกคลาน
แต่ยังมีลมหายใจเป็นของตัวเอง
แม้ไม่ใช่ทุกอย่างที่มีหากเป็นทุกอย่างที่เป็น
เก็บความว่างเปล่าไว้เติมเต็ม..

๐ ขอบคุณตัวละครทุกตัว
ทั้งที่มีอยู่จริงและที่ไม่มีตัวตน
ขอบคุณวันเวลา-ครูบา-อาจารย์
ที่สอนให้เก็บเกี่ยว ฝึกให้คิด สอนให้เขียน

๐ ขอบคุณเพื่อนเพื่อนชาวไซเบอร์
ที่กรุยทางให้สร้างสรรรค์บล็อคได้เท่าใจ
ขอบคุณทุกภาพงดงามจากบล็อกน้องญามี่ขอบคุณ https://www.thaipoem.com
ที่ให้เพลงประกอบเป็นอมตะนิรันดร์กาล

๐ ขอบคุณความเป็นเธอ..
ที่ส่งผ่านการ"ให้"มาเสมอฝัน
ขอบคุณความเป็นฉัน..
คนเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างวันมาถักทอ


'ปีฆรุ้ง
27 มกราคม 2553


Friends' blogs
[Add Peakroong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.