Group Blog All Blog
|
การผสมพันธุ์และการเพาะเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิง หม้อข้าวหม้อแกงลิงแทบทุกชนิด เป็นพืชอนุรักษ์ในบัญชี IIA ในบัญชี CITES ในประเทศไทยเรา นิยมเก็บพืชป่าออกมาขาย มากกว่าจะเพาะเพิ่มจำนวนโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เช่นการ ตัดกิ่งปักชำ การเพาะเมล็ด ซึ่งได้ผลผลิตน้อยและต้องใช้เวลานาน ขณะที่การเก็บไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ลงทุนต่ำ ได้ราคาดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Nepenthes ampullaria ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น หม้อกลมสวย พบในป่าขนาดใหญ่เท่าไขไก่ และมีหม้อดก ขนาดผุดขึ้นเองจากลำต้นใต้ดิน แลดูสวยงามมาก นีโอเอ็กโซทิกแพลนท์ จึงอยากสนับสนุนการขยายพันธุ์ไม้ โดยวิธีวิทยาศาสตร์ เช่นการผสมเกสร และการเพาะเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิงสายพันธุ์แท้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย รวมทั้งผสมข้ามสายพันธุ์กับไม้นอก เพื่อให้เกิดเป็นลูกผสมข้ามพันธุ์ (Hybrids) ใหม่ๆ ที่อาจนำเงินตราเข้าประเทศได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างเช่นที่ประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย อินโดนิเซีย ออสเตรเลีย ศรีลังกา จีน กำลังทำอยู่ขณะนี้ คุณสามารถผสมเกสรและเพาะเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิงได้ด้วยตนเอง แม้จะเป็นมือใหม่ เพราะทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ต้องใช้เครื่องมือที่ซับซ้อน ดังนี้ 1. เลือกพ่อแม่พันธุ์ที่คุณต้องการ ถ้าคุณใช้พ่อแม่เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิงสายแท้พันธุ์เดียวกัน คุณจะได้ลูกที่เป็นสายแท้ หรือไม้สปีชีส์ (species) ถ้าคุณเลือกต้นพ่อ และต้นแม่เป็นไม้ต่าง species ลูกจะเป็นไม้พันธุ์ผสม หรือที่เรียก Hybrid เช่น คุณอาจเลือก แม่พันธุ์เป็น เขมร (N. thorellii "Cambodia") และ N. maxima เป็นพ่อพันธุ์ ไม้ Hybrid ที่ได้มา จะมีลักษณะเด่นจากพ่อแม่ ซึ่งอาจสวยงามกว่าพ่อแม่ มีดีให้อวด จนทำเงินให้คุณได้น่าพอใจ โดยทั่วไป หลักการเขียนชื่อไม้ลูกผสมจะใช้ตัวแม่นำ เช่น เขมร(แม่)เข้าmaxima (พ่อ) จะได้ลูกผสม N. thorellii "Cambodia" x N. maxima (เอาแม่ขึ้นก่อน) การเลือกพ่อแม่พันธุ์ นับว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด เพราะหลักการผสมพันธ์ที่สำคัญ คือการปรับปรุงสายพันธุ์ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ระลึกไว้เสมอว่า ถ้าคุณจะผสมสายพันธุ์แท้ (species) ต้นแม่และพ่อควรมีลักษณะเด่นที่พึงปรารถนา เช่นผสมหม้อแกงลิง ลายจุด (N. ampullaria spotted) คุณต้องศึกษาลักษณะเด่นที่พึงปรารถนา เช่นหม้อควรกลม ยิ่งกลมยิ่งดี ลายควรชัด แต้มใหญ่ สีน้ำตาลเข้ม มีหลักการที่พูดติดปากนักปรับปรุงพันธุ์(Horticulturist) คือ "พ่อให้สี แม่ให้ทรง" หมายความว่า คุณควรเลือกแอมพูลาเรียต้นแม่ที่กลมที่สุด และ ต้นพ่อที่สีดีที่สุด กรณีผสมข้ามสายพันธุ์ มีเรื่องแปลกในพืชประเภทหม้อข้าวหม้อแกงลิง อยู่ประการหนึ่งคือ หากเอาหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่ต่างสายพันธุ์กันมากๆ มาเข้ากัน เช่นหม้อ lowland เข้ากับหม้อ Highland ลูกมักจะสวยกว่าพ่อแม่ เลี้ยงง่ายขึ้น ทนได้ทุกสภาวะ และมักโตเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์ไม่พึงประสงค์สำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด หม้อมักใหญ่โตมโหราฬกว่าพ่อแม่ ไทเกอร์ หรือ N.thorellii ไม้บ้านเรามีจุดเด่นที่สีแดง ไม่ว่าผสมกับสายพันธุ์ใด มักจะแสดงสายเลือดแดงเข้มออกมาเสมอสิ่งควรรู้สำหรับคนที่เพิ่งหัดผสมเมล็ด มีหม้อข้าวหม้อแกงลิงบางสายพันธุ์ที่อาจสร้างเมล็ดได้เองโดยไม่ต้องผสมพันธุ์ เช่น N. maxima, N. bicalcarata, N. ventricosa , N. alata, N. gracilis, N. tobaica, N. rafflesiana, และ N. sibolga เมล็ดพวกนี้ฝ่อลีบ ปลูกไม่ขึ้นสายพันธุ์ต่อไปนี้ หากผสมกัน แทบไม่มีโอกาสติดฝัก - N. faizaliana * N. maxima - N. faizaliana * N. dyeriana, - N. veitchii * N. tobaica - และ N. maxima * N. maxima ส่วนพวกที่ให้เมล็ดน้อยมากคือ - N.maxima * N. tobaica - N. faizaliana * N. khasiana - N. faizaliana * N. veitchii (lowland) ที่ติดง่ายมากคือ N. ventricosa * N. khasiana - N. maxima * N. truncata - N. gracilis * N. mirabilis (winged tendril) - N. ventricosa * N. madagascariensis - N. rafflesiana * N bicalcarata. - N. ventricosa * N.ventricosa. เอาละครับ เพื่อไม่ให้ซับซ้อนเกินไป สมมุติว่าคุณ คิดจะผสมไม้ไทยๆ อย่าง N. thorellii หรือที่วงการตลาดบ้านเราเรียก ไทเกอร์ เลี้ยงจนโต สูงเท่าหัว แล้ววันหนึ่งมันก็แทงช่อดอก อันดับแรกที่ควรรู้ หม้อข้าวหม้อแกงลิง มีต้นตัวผู้และต้นตัวเมียแยกจากกันครับ คุณต้องดูให้ออกว่า ตัวผู้กับตัวเมียต่างกันอย่างไร ต้นตัวเมียหายาก ส่วนใหญ่จะเป็นต้นตัวผู้ ดังนั้นหากคุณมีต้นตัวเมียถือว่าโชคดี ดอกหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะอยู่รวมเป็นช่อ มักบานในหน้าหนาว ดอกบานไล่จากล่างขึ้นบน ดอกตัวผู้จะมีเกสรสีเหลือง ดอกตัวเมียมีรังไข่ทรงรี ด้านบนเป็นกลีบ 3 กลีบ แม้คุณจะมีต้นตัวผู้และตัวเมียพร้อมที่บ้าน แต่ก็ใช่ว่าจะได้ดังใจทุกอย่าง ขณะตัวเมียบานพร้อมผสม ต้นตัวผู้อาจไม่มีดอก หรือมีแต่ยังไม่บาน หรือบานจนแห้งเหี่ยวหัวโตไปแล้ว ทำอย่างไรดี ? คุณควรเก็บดอกตัวผู้ที่บานแล้ว เกสรกำลังเหลืองจัด ตัดก้านดอดทีละดอก วางใส่จานแบนๆ ทิ้งในห้องแอร์สัก 2-3 วันให้แห้ง ใส่ขวดสีชา เข้าตูเย็น ติดฉลากระบุวันที่เก็บ อยูได้นาน 1-3 เดือน หลังดอกตัวเมียบานได้ 2-3 วัน ป้ายเกสรตัวผู้ลงบนเกสรตัวเมียทันที ทำซ้ำอีกสองครั้งในวันต่อไป ถ้าตัวเมียพร้อม ส่วนบนจะมีน้ำเยิ้ม ป้ายติดง่าย เกสรตัวผู้ไม่ร่วงตกลงมา ถ้าติด ดอกจะพองตัวออก และเริ่มเห็นเป็นฝักสั้นๆ ภายในสองอาทิตย์ แต่บางครั้งดอกก็อาจพองแต่ผสมไม่ติด จะรู้ต่อเมื่อฝักแก่ในสองเดือนถัดมา พบว่าภายในจะไม่มีเมล็ด เมื่อฝักเป็นสีน้ำตาล หาถุงกระดาษใสๆ หุ้มไว้ เพราะฝักอาจแตกทันทีทันใด เมล็ดปลิวหายไปกับลม เมื่อเห็นฝักล่าง กระดาษไว้ เพราะฝักจะแตกเร็วมาก เมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิง อายุสั้นอาจเพียง 1 เดือนก็หมดอายุ ต้องรีบเพาะ การเพาะเมล็ด การเพาะเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิง จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก บางคนเพาะ แค่ 5 เม็ด ขึ้นหมด บางคนโรยเป็นร้อย ไม่ขึ้นสักต้น แทบน้ำตาร่วง หากเผอิญเป็นลูกผสมของคุณเองที่ไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อนในโลก เช่น ไวกิ้งเกรดเอฟอร์มกลม เข้ากับแอมพูลลาเรียแดง ได้เมล็ดเกือบพัน แต่ไม่ขึ้นสักต้น คงอยากเอาหัวโขกฝาตาย มีคนกล่าวคำคมไว้น่าฟัง "เพาะขึ้นเท่าไร ไม่สำคัญเท่ากับรอดตายจนโตเท่าไร" จริงครับ การเพาะ เป็นแค่ก้าวแรก แต่ถ้านีล อาร์มสตรองมาทดลองปลูกหม้อฯ จากเมล็ด เขาอาจพูดกลับกันตอนเหยียบดวงจันทร์ว่า "มันอาจเป็นก้าวเล็กๆ ของมนุษยชาติ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม" และเหมา เจ๋อ ตุงก็จะพูดว่า " หนทางหมื่นลี้ เริ่มที่ก้าวแรก" คุณจะเป็นนักปรับปรุงพันธุ์พืชไม่ได้ ถ้าคุณเพาะเมล็ดไม่ขึ้น เครื่องเพาะเมล็ด ขอแนะนำสูตรมาตรฐานของนีโอก่อนนะครับ ที่ฟาร์มใช้พีท+เพอร์ไลท์ อัตรา 70:30 การงอกสูงมาก อาจถึง 95 % วิธีการเพาะ ใช้พีทมอส 7 ส่วน ผสมเพอร์ไลท์ 3 ส่วน เติมน้ำจนชุ่ม คลุกเข้ากัน ใส่ไมโครเวฟ ไฟอ่อน 5 นาที ทิ้งเย็นโดยไม่เปิดฝา จากนั้น เติมน้ำต้มสุกให้ชื้นชนิดที่ว่า ตักด้วยช้อน ตะแคง น้ำจะไหลออกมานิดๆ นำเครื่องปลูกใส่กระถางกว้างและแบน มีรูระบายน้ำ ใส่ถุงพลาสติก น้ำในเครื่องปลูกจะไหลลงในถุงพลาสติกเล็กน้อย ไม่ต้องเททิ้ง ถือว่าเครื่องปลูกชื้นกำลังดี ถ้าไม่มีน้ำเลย ให้เติมน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วอีก จนมีน้ำในถุงพลาสติกเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าเครื่องปลูกเย็นดีแล้ว โรยเมล็ดบางๆ ห่างกันมากๆ อย่าให้เกยกัน แล้วปิดปากถุงแน่น รัดยางให้ถุงโป่งเหมือนถุงใส่ปลา ปิดฉลาก ชื่อพันธุ์ จำนวนเมล็ดที่เพาะ และวันที่เพาะ ถ้าได้แสงสว่าง เมล็ดจะงอกใน 15-25 วัน ไม่ต้องทำไร แต่ถ้าแสงน้อย งอกช้า อาจสองเดือน ซึ่งเสี่ยงกับเชื้อรา แสงแดดที่พอเหมาะควรเป็นอย่างไร ? แสงที่เหมาะกับการเพาะเมล็ด คือแสงจ้าแต่ไม่ใช่แสงตรง เช่นริมระเบียง มองออกไปต้องหยีตา แต่จุดที่เรายืนไม่โดนแดดตรง อย่าให้ถุงโดนแสงแดดเต็มๆ อากาศในถุงจะร้อนจัดถึงขนาดตายนึ่งได้ครับ เอาแถบริมชายคาหรือระเบียงดีที่สุด ตรวจสอบเสมออย่าให้น้ำระเหยแห้ง มีน้ำติดก้นถุงนิดๆ หากหาซื้อพีท+เพอร์ไลท์ ไม่ได้ สามารถทดแทนด้วยขุยมะพร้าวได้ครับ ข้อเสียมีนิดนึงคือเป็นเชื้อราง่าย ต้องอบฆ่าเชื้อให้ดี อีกอย่างขุยมะพร้าวมีกรดแทนนิกค่อนข้างสูง สามารถยับยั้งการงอกของรากใหม่ แก้โดยแช่น้ำไว้ให้สีแดงๆ ละลายออกมา แช่ทิ้ง 3 วันจึงนึ่งก่อนใช้ ส่วน perlite ใช้ทรายแม่น้ำแทนได้ เลือกทรายหยาบ ข้อเสียมันหนักไปหน่อย ระวังอย่าใช้ทรายทะเลเลี้ยงปลาเพราะเกลือที่ตกค้างทำให้ดินเค็ม ต้นอ่อนตาย เคยใช้ขุยมะพร้าว 100 % ก็โอเคครับ ไม่ต้องหาเครื่องปลูกที่ยุ่งยาก เมล็ดจะเริ่มงอกใน2 3 สัปดาห์ ทิ้งไว้อีกสองเดือน ค่อยๆ เจาะถุงพลาสติกเป็นรูทีละน้อย หรือจะทิ้งไว้จนโตก็ได้ บางครั้งเมล็ดหม้อข้าวหม้อแกงลิงอาจงอกยาก บางสายพันธุ์ใช้เวลาเป็นปี ตำราต่างประเทศอ้างว่า GBAสามารถกระตุ้นการงอกได้ จะทำให้เมล็ดงอกเร็วขึ้นเท่าตัว แต่ทดลองแล้วไม่ได้ผล การที่เมล็ดงอก บอกใหรู้ว่าความชื้น แสง อุณหภูมิ เหมาะกับพวกเขาแล้ว เขายังต้องการสภาวะแบบนี้ไปอีก 2- 3 เดือน การอยู่รวมกลุ่มแบบ colony ในระยะแรกจะทำให้ต้นอ่อนโตเร็วมากเมื่อเที่ยบกับการแยกเดี่ยว colony ทำให้เกิดภาวะ microenvironment หมายถึง บรรยากาศแวดล้อมเฉพาะจุดเหมาะและแต่ละต้นช่วยเหลือเกื้อกูลกัน คายน้ำและก๊าซออกมาแลกเปลี่ยนกัน จนเมื่อเกิด Lichen คลุมผิว หรือใบทับซ้อนกัน ค่อยแยกครับ ถ้าแยก ผมนิยมใช้สูตรปลูกไม้เล็ก peat 4 perlite 3 ขุยมะพร้าวละเอียด(คัดไฟเบอร์ยาวๆ ทิ้ง แช่น้ำอย่างน้อย 1 คืน) 1 ส่วน ถ่านแกลบ 0.5 ส่วน เปลือกถั่วละเอียด 0.5 ส่วน การแยกเดี่ยวที่ดี ต้นต้องไม่เล็กกว่าเหรียญบาทครับ อย่าให้น้ำในเครื่องปลูกมากจนเกินไป เดี๋ยวจะเกิดโรคเน่าโคนต้น ถ้าต้นอ่อนเบียดกันแน่น จำเป็นต้องแยกออกเป็นกลุ่มเล็กๆ มิฉะนั้นจะแกร็น สังเกตเห็นว่า ถ้าแข็งแรงดี ต้นขนาดเพียง3 มิลลิเมตรก็มีหม้อแล้ว จากนั้นก็เลี้ยงไปเรื่อยๆ ถ้าแน่น ใบทับกัน ให้แยกออกมา จนในที่สุดอาจเหลือกอละ 2-3 ต้น เมื่อมีใบจริงขึ้นสองใบ ให้แยกกระถางเดี่ยว ใส่ถุงไว้ จะโตเร็วมาก จนเมื่อหม้อขนาดใหญ่เท่าปลายปากกา จึงค่อยเปิดถุงช้าๆ โดยการเจาะรูเล็กๆ อาทิตย์ละรู นาน 2 เดือน ให้เคยชินอากาศข้างนอก ถ้าทำเร็ว จะตายทันที จนเมื่อชินอากาศแล้ว ( 2 เดือนขึ้นไป) ค่อยเปิดปากถุง แต่ยังเอาถุงคาไว้ ถอดช้าๆ วันละนิด ตั้งในที่ร่ม ความชื้นสูง เมื่อแน่ใจ จึงเอาถุงออก แล้วมันจะโตขึ้น แล้วก็กลายเป็นอย่างนี้ คุ้มค่าที่รอคอย โดย: Maihom วันที่: 31 ธันวาคม 2549 เวลา:22:23:18 น.
แง่บ ๆๆ อยากได้หม้อข้าวหม้อแกงลิงมาไว้ชื่นชมที่บ้านบ้าง แต่แพงเหลือหลาย
โดย: biebie999 วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:33:03 น.
|
binlaman
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?] Fern love the life. Friends Blog
Link
|