วันนี้เรานัดกันสายหน่อยถ่ายรูปกัน รออาหารเช้าที่นี่เสิร์ฟประมาณ 7.30 น.
เป็นอาหารเช้าที่อร่อยเลยค่ะ จัดโต๊ะเล็กๆไว้ ทานอิ่มพอดีมีไข่ด้วย ทำให้พิเศษ
ทานอาหารเล้วเราเข้าไปดูห้องเก็บไวน์ที่นี่กับเดินชมโรงแรม น่ารักมากค่ะ เขาบอกว่าเจ้าของโรงแรมนี้เป็นหมอหรือลูกหมอเนี่ยแหละ
ก่อนเดินทางเราก็ซื้อไวน์ติดรถกันไปฝากคนที่เมืองไทยคนละหลายขวดอยู่
ออกจากโรงแรมเราพุ่งไปเที่ยว ที่ Ephesus กันก่อน
นักท่องเที่ยวที่ไร้การเตรียมตัวอย่างเราเน้นกันแต่เรื่องถ่ายรูป (ตัวเอง กับวิว) ค่ะ เขาให้จ้างไกด์ก็ไม่เอาเดินอ่านป้ายไปมั่ง แอบฟังไกด์ชาวบ้านมั่ง อิอิ
เมืองนี้เป็นเมืองโบราณที่มีสภาพสมบูรณ์มากคล้ายอยุธยาเหมือนกันค่ะ
เวลา เที่ยวเมืองนี้เราจินตนาการกันว่าเราเดินอยู่บนถนนสุขุมวิท ที่ต้นถนนเป็นโรงละครโอเปร่าสำหรับชมมหรสพ (จินตว่าเป็นลิโด) ระหว่างทางก็จะเป็นร้านค้า วัด น้ำพุบ้านคนธรรมดา บ้านเศรษฐี คอนโด สมัยโบราณ ซึ่งทางเดินปูด้วยหินอ่อน ตื่นตาตื่นใจมากสำหรับเรา
ระหว่างทางเราแวะชมคอนโดเศรษฐีกันต้องจ่ายเงินค่าเข้าเพิ่มอีก
ด้าน ในเป็นเหมือนหมู่ตึกของคนชั้นสูงซึ่งแต่ก่อนอยู่อาศัยกันเป็นเหมือนคอนโด ด้านในปกติจะมีคนทำงานต่อโมเสกที่ขุดพบที่นี่เพื่อเตรียมนำมาบุรณะ
เสียดายเรามาวันเสาร์อาทิตย์ ไม่มีคนทำ ..ไพล่นึกไปถึงพวกแฟนพันธุ์แท้ต่อจิ๊กซอว์คงจะชอบงานที่นี่น่าดู
ออก จากบ้านเศรษฐีเราเดินชมเมืองกันไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยรู้หรอกอะไรเป็นอะไร แต่เชื่อว่าถ้าดูรูปพวกเรารับรอบว่าเราถ่ายมาครบกว่าพวกไปทัวร์แน่ อิอิ
ต่อไปเป็นไฮไลต์จุดหนึ่งคือห้องสมุดโรมัน ซึ่งใหญ่โตมาก ในอดีตมี 3 ชั้น
อีกไฮไลต์คือโรงละครขนาดใหญ่มาก สภาพยังสมบูรณ์มากด้วยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆถนนก็กว้างขึ้น แสดงว่าเรามาถึงท้ายเมือง มีสุสานอยู่ด้วย
พวก ที่ไปเที่ยวกับทัวร์ก็ออกที่ประตูท้ายเมืองได้เลย แต่คนที่ขับรถมาเองอย่างเราต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิม ...เอิ่ม ค่อนข้างเหนื่อยค่ะ
ระหว่าง ทางเดินกลับเห็นคนมุงภาพรอยเท้าที่สลักไว้กับหินอ่อนตรงทางเดิน ไทยเราเข้าไปมุงด้วยเขาบอกเป็นรอยเท้าที่ชี้ไปบ้านคณิกาในสมัยโรมัน โอ้...ทางไปพระราม9 นี่เอง
ต่อจาก Ephesus เราแวะไปดูวิหารอาร์เตมิสที่ทุกคนต้องไปดู ...อืม อดีตอลังการ เหลือเสาต้นเดียวจริงๆค่ะ
หมด ภาระที่ Ephesus เราแวะ Kipa หรือโลตัสนั่นเองกินไรเร็วๆ ซื้อของกินเต็มพิกัดก่อนเดินทางต่อไปเมืองปราสาทปุยฝ้าย Pamukkale หรือน้ำตกหินปูนสีขาวที่เลื่องชื่อ
ระหว่างทางเจอ
นี่ก็ระหว่างทาง
ถึง ปามุคคาเล่ก็5 โมงเย็นแดดกำลังสวย ฟ้ากำลังใส เจ้าหน้าที่บอกว่าอุทยานนี้เปิด 24 ชั่วโมงกลางคืนก็มีไฟ ถ้าเราอยากไปดูก็ได้แต่เพื่อนในทริปของเราคนหนึ่งท่าทางจะไม่สบาย อ้วกทันทีที่ลงจากรถเราเลยตัดสินใจเข้าโรงแรมก่อน พรุ่งนี้เช้าจะเข้ามากันใหม่ค่ะ
โรงแรม ที่เราพักคืนนี้เป็นโรงแรมเล็กๆอยู่ตรงข้ามกับน้ำตกหินปูนเลยค่ะ HalTur เจ้าของโรงแรมบอกว่าที่นี่เมื่อก่อนเป็นไร่มะเขือเทศ ปู่ย่าตายายยกให้มาทำเป็นโรงแรมคุณยายเจ้าของก็ทอพรมอยู่หลังบ้าน ที่โรงแรมเขามีร้านขายพรมเปอร์เซียอยู่ด้วย
ห้องพักก็สะอาดดีมีระเบียงให้มองออกไปเห็นปราสาทอยู่ตรงหน้าเลย
พระ อาทิตย์ยังไม่ตกดินเราทิ้งของแล้วออกไปถ่ายรูปตรงข้ามโรงแรม เป็นบึงน้ำที่เป็นที่รวมของน้ำตกที่ไหลลงมาจากเขามีเป็ดน้ำอยู่เต็มไปหมด พอค่ำก็มีเรือหงส์ไฟเธคมาบริการนักท่องเที่ยวด้วยน้ำใสมากค่ะ
ไม่อยากเดินทางไปทานไกลเพราะเรามีเพื่อนที่ป่วยอยู่ เราเลยทานอาหารเย็นกันที่โรงแรมนับว่าอร่อยมากเลยค่ะ ทั้งปลา ทั้งแกะ ทั้งเนื้อ ผิดคาดมาก อร่อยจริงๆไรจริง
ทานเสร็จแล้วเราก็ไปดูพรมตามคำเชิญของเจ้าของโรงแรม แกขายของเก่งมาก เกือบใจอ่อนไปแล้วถ้าไม่แพงซะอย่างเดียว 555