อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกสิ่งไม่เที่ยง ทุกสิ่งเป็นทุกข์ และทุกสิ่งไม่เป็นตัวตน
ทุกวันนี้..รักษากายให้แข็งแรง..เพื่อให้ใจได้มีโอกาสทำความดีให้มากและนานที่สุด
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของคนสองเงา ®
รักมาก..ก็ให้อภัยมาก..
เรามีความตายอยู่เบื้องหน้า..หายใจเข้าก็ต้องตาย..หายใจออกก็ต้องตาย
จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและตั้งอยู่บนความไม่ประมาท..ทุกลมหายใจ

emoemoหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุท่านพูดเสมอว่า "งานต้องทำ ทำจนไม่มีลมหายใจ ลำบากแค่ไหนก็ต้องอดทน และทำต่อไป"จำขึ้นใจครับemoemo
อดีตแก้ไขปัจจุบันได้ เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ เด้ครับ สู้ๆ ความสุข..ไม่ได้จบเพียงแค่เราสมปรารถนากับสิ่งที่คาดหวัง.. ความสุข..จบที่คำว่า..พอเพียง..
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
2 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ

ในยุคของข้อมูลข่าวสาร
ประชาชนทั่วไปที่เสพข้อมูลมากมาย หากขาดการใช้วิจารณญาณ ก็จักตกในทางอันเป็นอกุศลได้
รวมถึงนักลงทุนที่ต้องบริกหารความเสี่ยงให้มีน้อยที่สุด

ผมคิดว่า หลักกาลามสูตร ๑๐ ซึ่งหมายถึงวิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ จักเป็นตัวช่วยให้เราพิจารณาข้อมูลที่ได้รับ รู้จักถูกรู้จักผิดได้ดี และสามารถนำมาใช้ในทุกยุคทุกสมัย

ดังนั้นผมจึงได้จึงนำบทความ สรณะแท้แห่งชีวิต โดยศ.ดร.ฐาปนา บุญหล้า, FCILT //www.Thapana.net และเนื้อหากาลามสูตร ๑๐ จาก//www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm มาเรียบเรียงและเผยแพร่ต่อเพื่อนชาว blog และสนใจศึกษาธรรมะ และโปรดได้ใช้หลักอย่าเชื่อ 10 ประการ (กาลามสูตร) ในการพิจารณา

สรณะแท้แห่งชีวิต เป็นกระบวนทัศน์ท้าทายความเชื่อและวิถีปฏิบัติของการดำเนินชีวิตของมวลมนุษยชาติทุกชนชาติทุกเผ่าพันธ์ทุกชนชั้นตลอดมา
เป็นความเชื่อว่าผลลัพธ์มาจากการประพฤติปฏิบัติของตนเองทั้งกายวาจาใจจากอถิตสู่ปัจจุบันและสู่อนาคตเป็นแก่นหลัก โดยมีปัจจัยกายเป็นองค์รองประกอบ
บุคคลใดทำดีย่อมได้ผลลัพธ์ดีบุคคลทำชั่วย่อมได้ผลลัพธ์ชั่ว ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุมงคลหรืออำนาจภายนอกอื่นใดมามีอิทธิพลเหนือการลิขิตชีวิตของมนุษย์ได้
ซึ่งเป็นความเชื่อที่ตรงกันกับความเชื่อที่ว่าสัตว์โลกจะเป็นตามพรหมลิขิต วัตถุมงคลหรือสิ่งมีอำนาจภายนอกมากำหนดเป็นหลักการกระทำของบุคคลเป็นองค์รองประกอบ

ความเชื่อชี้นำพฤติกรรม :
คนส่วนใหญ่มักประพฤติปฏิบัติและดำเนินชีวิตทั้งส่วนตัวและประกอบวิชาชีพตามความเชื่อที่ตนมีอยู่ ถ้าเชื่อในทางถูกต้อง (สัมมาทิฐิ) ก็จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อในทางที่ผิด (มิฉาทิฐิ) ก็จะทำในสิ่งที่ผิดพลาดตามด้วย ความเชื่อของบุคคลถูกหลอหลอมจากการอบรมสั่งสอนสิ่งแวดล้อมและการกระทำ (กรรม) ในอดีตที่สู่ผลต่อพฤติกรรมและการปฏิบัติปัจจุบัน ถ้าเราเชื่อว่าวัตถุมงคลสามารถบรรดาลทุกอย่างตามปรารถนาได้เราก็ยอมลงทุนลงแรงแสวงหามาไม่ว่าจะมีราคาแพงหรือยุ่งยากสักปานใดก็ตาม แนวคิดทางพุทธศาสนาเห็นว่า ความเชื่อของบุคคลจะถูกต้องหรือผิดมากน้อยลึกซึ้งเพียงใดขึ้นอยู่กับระดับความรู้และสติปัญญาตามลักษณะบัว 4 เหล่า กล่าวคือ

๑ บุคคลเป็นบัวพ้นน้ำ ก็จะมีระดับสติปัญญาดีรู้ถูกรู้ผิดรู้ดีชั่วรู้กตัญญูโดยตนเอง

๒ บุคคลเป็น บัวปริ่มน้ำ จะมีระดับสติปัญญาปานกลางรู้ถูกรู้ผิดรู้ดีชั่วรู้กตัญญูโดยการฝึกอบรมสั่งสอน

๓ บุคคลเป็นบัวใต้น้ำ จะมีระดับสติปัญญาต่ำลงรู้ถูกรู้ผิดรู้ดีชั่วรู้กตัญญูโดยการฝึกอบรมสั่งสอนซ้ำๆ ทบทวนบ่อยๆ อาจต้องใช้ไม้เรียวบ้าง

๔ บุคคลบัวใต้ดิน จะมีระดับสติปัญญาต่ำสุดไม่ค่อยรู้จักถูกผิด ดีชั่ว หัวดื้อสอนยากเชื่อคนง่ายมักจะเชื่อและประพฤติปฏิบัติในทางที่ผิดหรือทางที่เสื่อมเสียแก่ ตนเองและผู้อื่นอยู่เนืองมักเห็นผิดเป็นชอบเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ใครจะมาอบรมสั่งสอนให้ เห็นถูกเห็นผิดให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมักจะโกรธ และปฏิเสธเพราะจิตหลงผิดติดในอกุศลเป็น อาจินต์จนเป็นนิสัย ไม่นิยมทำงานไม่สู้งาน คิดรวยทางลัดจากการไม่ต้องทำงานหรือด้วยวิธีง่ายๆ อาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนบานศาลกล่าวประทานลาภยศสรรเสริญมาให้

ความเชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของปัจเจกบุคคลต่อสังคมต่อประเทศชาติและต่อพลโลกที่มีผลโดยตรงความสงบสุขและความทุกข์ร้ายถึงขั้นฆ่าฟันทำลายล้างจนก่อเป็นสงครามโลกล้างโลกก็เป็นได้



กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

๑ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
๒ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
๓ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
๔ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
๕ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
๖ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
๗ อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
๘ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
๙ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
๑๐ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ


ตัวอย่าง

๑ อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย

๒ อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส

๓ อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เขาว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย

๔ อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะ อย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก

๕ อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา

๖ อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย

๗ อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต

๘ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก

๙ อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง

๑๐ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้

ดังนั้น ..ถ้าเรายังไม่พ้นจาก ๑๐ อย่างนี้ ก็ควรที่จะทำความรู้สึกเสียใหม่ว่าเรายังไม่ได้เชื่อถือในเหตุผลที่แท้จริง ตามที่พระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักไว้ว่า ไม่ให้เชื่อ ไม่ให้ยึดถือในลักษณะดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และคิดว่าพวกเราคงจะต้องมีอย่างน้อยก็เรื่องตัวอาจารย์ที่มีผู้เชื่อถือกันนี่แหละสำคัญมาก

เมื่อเช่นนี้ควรจะทำอย่างไร จะให้เชื่ออย่างไร พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าต่อเมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเอง ไม่ใช่รู้จากคนอื่น รู้โดยตนเองว่าธรรมะอย่างนี้เป็นอกุศล เป็นบาปและ มีโทษ ผู้รู้ติเตียนธรรมเหล่านี้ ถ้าสมาทานหรือปฏิบัติเพื่อเป็นไปอย่างนั้นให้สมบูรณ์แล้วจะเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์เพื่อทุกข์ เมื่อนั้นแหละท่านทั้งหลายก็ควรละธรรมเหล่านั้นเสีย นี่เมื่อเห็นแล้วด้วยตัวเองว่า นี้มีโทษเป็นบาป เป็นไปเพื่อทุกข์ ก็ละเสีย ให้เชื่ออย่างนี้ แปลว่าได้พิจารณาแล้ว เช่น โลภะ โทสะ โมหะ คืออกุศลมูลทั้ง ๓ มีโทษใช่ไหม เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ให้พิจารณาอย่างง่ายๆ เช่น เรือนจำซึ่งโทษต่างๆ ที่ต้องได้รับเพราะอะไร เพราะทำอกุศลใช่ไหม อย่างนี้ก็จะแลเห็นแล้วว่าเพราะอะไรจึงต้องเข้าไปอยู่ในที่อย่างนั้น ที่เข้าไปอยู่ก็เพราะมูล ๓ อย่างเพราะโลภบ้าง เพราะโกรธบ้าง เพราะหลงรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้างเหล่านี้ อย่างอื่นไม่มีเลย

....มนุษย์จำนวนมาก ถูกภัยคุกคามทุกวันจึงพากันยึดเอาภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ป่าไม้ อาราม สุกขเจดีย์ วัตถุมงคล เป็นสรณะ(ที่พึ่ง) สรณะนั้นไม่ปลอดภัย สรณะนั้นไม่อุดม บุคคลอาศัยสรณะนั้นแล้วจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวงไม่ได้ ส่วนผู้ใดยึดเอา พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะผู้นั้นเห็นอริสัจ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบ คือ เห็นทุกข์เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความหลุดพ้นทุกข์ และมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 อันประเสริฐอันเป็นทางถึงความดับทุกข์ สรณะนี้แหละปลอดภัย สรณะนี้อุดม บุคคลอาศัยสรณะนี้แล้วจะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง....


ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 232
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2546 หน้า 13
พระพุทธเจ้าสอนอะไร แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย โดย ร.ศ.ชูศักดิ์ ทิพย์เกษร และคณะ โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. 2547 หน้า 15-17
คิดอย่างเป็นระบบ และ เทคนิคการแก้ปัญหา ผู้แต่ง ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ สำนักพิมพ์ อริยชน จำกัด หน้า 190-191


ผู้จัดทำขออนุโมทนาบุญให้ผู้ที่สนใจศึกษาธรรม และขออภัยหากมีความผิดพลาดหรือบกพร่องประการ ได้โปรดชี้แนะ


Create Date : 02 มิถุนายน 2550
Last Update : 11 ธันวาคม 2550 18:34:34 น. 3 comments
Counter : 485 Pageviews.

 
555 เจอตัวแล้ว

แอบมาอยู่ห้องนี้เอง

ขยันพิมพ์น่าดู เอ...หรือว่าก๊อปมาคะemoemo


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 2 มิถุนายน 2550 เวลา:16:33:14 น.  

 
พิมพ์เองบ้างบางส่วน

ที่เหลือก็นำมาเรียบเรียงใหม่ครับ
emo


โดย: KyBlueSky วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:8:53:39 น.  

 


โดย: CSULB@FineArt วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:1:08:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KyBlueSky
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





"อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนด้วยตนเอง"

จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
ตนเตือนตนเตือนไม่ได้ใครจะเตือน
ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย


คำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน
เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้น
กลับมาเป็นปัจจุบัน..ก็เป็นไปไม่ได้...
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว
โดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น
เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน

อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้
เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย


องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า
"นัตถิ โลเก อนินทิโต" คนที่ไม่ถูกนินทาเลยไม่มีในโลก



" สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"

อุปสรรคย่อมแพ้ความพยายาม




ลูกรัก
คนฉลาด
เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น
ผู้เขลา
เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง
เดรัจฉาน
เรียนรู้จากธรรมชาติ

ขออย่าให้ลูกของพ่อคนใด
หลงเดินทางผิด
ทั้งเผลอไผล
หรือโดยเจตนาใคร่ลองอยากรู้
เพราะชีวิต
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
นะลูกนะ

พ่อบู

จำคำที่พ่อบูบอกได้เสมอๆว่า

"ให้ทำดีเพื่อความดี
อย่าทำดีเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าเราดี
หรือแค่เพื่อความสุขของจิตใจ
ให้ทำดี เพื่อความดีเท่านัน
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร
ให้จำไว้แค่ว่า เราได้ทำสิ่งที่ดีไปแล้ว"




emoเรื่องราวของหมื่นตา
เรื่องและภาพโดย --- กะว่าก๋า



จงอย่ากลัวว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นความดีของเรา
แต่จงกลัวว่าเราจะไม่มีความดีนั้นอยู่จริงตามที่คนอื่นเห็น
จากบ้านคุณ เสี่ยวเหลียงจือ ครับ



วิริเย ทุกขมัจเจติ
คนจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร

นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีแล้วในโลกนี้

กมฺมุนา วตฺตตีโลโก...สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
อยู่ในธรรมบ้างเถิดสัตว์โลกทั้งหลาย ชีวิตจะมีสุข


รักตัวเอง ก็ต้องไม่ทำให้ตนเองเป็นทุกข์.

-อยากอยู่เป็นสุข ต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น
-อยากเป็นคนงาม ต้องมีความอดทน สงบเสงี่ยม รักษาศีล
-อยากเป็นคนมั่งมี ต้อง ขยันหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้สิ่งที่ควร ไม่คบคนพาล
- อยากอยู่เป็นสุขทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน
ให้เดิน ยืน นั่ง นอน ด้วยความมีสติสัมปชัญญะ
รู้ตัว รู้กาย รู้ใจ ตลอดเวลา



อย่าจม...อยู่กับอดีต.....โดยพระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ)
emo

ความทุกข์ความเดือดร้อนแก่ตนทั้งนั้น
คือ คิดด้วยความโง่เขลา ไม่ได้คิดด้วยปัญญา ในเรื่องอะไรต่างๆ
เรื่องบางเรื่องมันผ่านพ้นไปตั้งนาน แล้ว
แต่เราก็เอามาคิด พอคิดแล้วก็เกิดความไม่สบาย
ใจเป็นทุกข์ขึ้นมาก็เพราะเรื่องอย่างนั้น

บางคนถึงกับว่าน้ำตาไหล ถามว่าทำไมจึงน้ำตาไหล
แหมคิดถึงเรื่องเก่าแล้วฉันเศร้าใจเหลือเกิน...
ก็มันเรื่อง อะไรที่ไปคิดให้เศร้าใจ
อยู่ดีๆ ไม่ว่า ไปหาเรื่องให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน



อตีตํ นานวาคเมยฺย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ
อย่าคิดถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว อย่าคิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง


จากบ้านเพื่อนเวย์ครับ < ==คลิ๊กอ่านโลด
emo


ประกาศ!!


เรียน..มิตรสหายที่รักทุกท่าน



โปรดรักและดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและสม่ำเสมอ

ด้วยรัก..หวังดี...ทุกสิ่งดีๆจากใจมอบให้คร้าบ
Oasiis With you จู๊บๆๆ

๗ กันยายน ๒๕๕๐


น้องพลับขอ 2 ^^

ขอทั้งความรักและมิตรภาพครับ ^^

ปล.ขอบคุณมิตรสหายทุกท่าน
ที่ร่วมด้วยช่วยกันสวนสนาม
ทั้งฝากและไม่ฝากรอยรักครับ




  • อย่าพูดว่า...ฉันไม่รักเธออีกแล้ว
    ถ้าหากคุณยังทำใจไม่ได้
  • อย่าถอดใจ...ถ้าคุณยังรู้สึกทนได้
  • อย่าบอกลา...ถ้าคุณยังมองเห็นหนทาง
    ที่สามารถเดินต่อไปด้วยกัน
  • อย่าบอกว่าคิดถึง...ถ้าคุณไม่ได้คิดถึง
  • อย่าบอกว่ารัก...ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกรัก
  • อย่าบอกว่าห่วงใย...ถ้าเพียงเพราะต้องบอกไป
    เพราะความเคยชิน
    และสุดท้าย......
  • อย่าเสียใจ....ถ้าคุณได้ตัดสินใจดีแล้ว

    05/09/2008..
    สัมผัสสุดท้าย..ถือเป็นการสิ้นสุดคำว่าเรา



    ความทรงจำ.............ย้ำความผูกพัน

    ความดึงดัน.........ยันใจห่างเหิน

    ความฐิฑิ............ทำเราหมางเมิน

    ความผิวเผิน........ทำเราไม่เข้าใจ



    ช่างมันเถิด..........อะไรจะเกิดต้องยอมรับ

    มีเกิดดับ.............เป็นเรื่องให้หวั่นไหว

    อโหสิกรรม.........ทำใจให้อภัย

    เรียนรู้ไว้.............พาใจไร้กังวล



    ห่วงใย..............ทำใจให้เกิดทุกข์

    ความสุข............ทำใจให้สับสน

    กิเลสตัณหา.........พาใจให้วกวน

    ทุกข์ทน.............กงกรรมกงเกวียน

    Oasiis with you ๒ ม.ค.๒๕๕๑


    ที่ใดมีรัก..............ที่นั่นมีทุกข์
    นี่คือสัจธรรมที่พระพุทธเจ้า
    ท่านมองไกลและกินขาด

    ผมพยายาม หาข้อโต้แย้ง
    ด้วยคำว่ารักเป็น
    แต่ต้องยอมจำนน
    เพราะก็ยังหนีไม่พ้นทุกข์อยู่ดี

    ยอมรับให้ได้กับความจริง
    ยอมรับให้ได้กับทุกสิ่ง
    ยอมรับให้ได้แม้ต้องถูกทิ้ง
    ยอมรับความจริง............ทุกสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง

    ที่ผ่านมาเป็นอดีต ผมแก้ไขอะไรไม่ได้
    แต่ผมนำอดีต มาแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้นได้
    และเมื่อปัจจุบันดีแล้ว
    อนาคตผมคงไม่ต้องคิดหรือคาดหวังอะไรอีกต่อไป

    Oasiis With You ๓ ม.ค. ๒๕๕๑








  • Link emo เพนกี้กิ๊กลิง
    URL :../mainblog.php?id=oasiiswithyou&month=21-05-2007&group=7&gblog=19
    ดูวิธีทำที่ Oasiis With You ที่ 17
  • Link ศูนย์รับแจ้งเชื้อผด
    URL : ../viewdiary.php?id=oasiiswithyou&group=16
  • Link มาบ้านผม
    URL : http://oasiiswithyou.bloggang.com/

    วิธีทำ Link มาบ้านผม
    เข้าไปหลังบ้านที่หัวข้อ จัดการ Link แล้ว ใส่
    oasiiswithyou.bloggang.com/
    ลงในช่อง Url ต่อท้าย http:// ครับ













  • ไม่รู้ก็ไม่เสียใจ..


    มาก็เพราะคิดถึง
    ไม่มา ก็ยังคิดถึง
    ไม่ว่าอยู่ไหนก็ถึง
    เพียงแค่คิด..ก็ถึงทุกที
    Load Counter
  • น้องกิ๊กลิง
    น้องเพนกี้
    น้องลิงกี้
    X
    X
    X
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.