|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Final Destination 3 : บันเทิงบนเรื่องรุนแรง
(เนื้อหาของบทความเปิดเผยเรื่องราวส่วนสำคัญของหนัง)
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนังซึ่งประสบความสำเร็จสักเรื่องจะต้องมีภาคต่อตามมาอีกหลายต่อหลายภาค เพื่อกอบโกยรายได้จากความนิยมที่สืบเนื่องมาจากภาคก่อนๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ อะไรทำให้คนพร้อมจะไปดูหนังที่เป็นภาคต่อเรื่องนั้นๆ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีเรื่องราวแปลกใหม่ออกมาจากภาคก่อนๆ เลย ในกรณีนี้ก็รวมไปถึง Final Destination สองภาคหลัง ที่ดำเนินเรื่องในแบบเดียวกับภาคแรกแป๊ะ คำตอบอาจจะมาจากความ หลงใหลในความรุนแรง ของผู้ชมที่เป็นแฟนของหนังภาคต่อชุดนี้!
ทุกภาคของ Final Destination นำเสนอการตายหลากหลายรูปแบบที่ทั้งแปลกประหลาดและสยดสยองโหดเหี้ยม ส่วนใหญ่สามารถมองเป็นอุบัติเหตุได้พอๆ กับที่เป็นการลงมือจาก อำนาจลึกลับ หรือมัจจุราชซึ่งโกรธแค้นที่มีคนหลบหนีจากความตายที่เขาได้วางแผนเอาไว้ และลงมือเอาคืนให้หนักกว่าเดิมทำไมต้องหนักกว่าเดิม? อาจจะมีคำตอบห้วนๆ ลอยมาตามลมว่า ก็เพราะว่ามันเป็นหนังสยองขวัญน่ะสิ ทุกๆ นาทีที่ผ่านไปมันก็ต้องรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ให้มันสะใจ
แน่นอนไม่ใช่เรื่องแปลก หนังสยองขวัญประเภท ไล่เชือด ทั้งหลายก็เป็นกัน ไม่ว่าจะเจสัน เฟรดดี้ หรือฆาตกรโรคจิต ผีปีศาจคนอื่นๆ ต่างก็จัดการกับเหยื่ออย่างดุเดือดรุนแรงด้วยกันทั้งนั้น
แต่ผู้เขียนกลับรู้สึกว่า Final Destination ทุกภาคมีความรุนแรงกว่าหนังเหล่านั้นหลายเท่า อย่างน้อยภาพของคนที่สวมหน้ากากฮอกกี้ เอามีดไล่ฟันคน ก็ดูเป็นภาพที่เหนือจริง และมีความเป็นตลกร้ายมากกว่า และตัวละครก็ยังจะพอสู้รบกับฆาตกรได้ ในขณะที่สำหรับ Final นั้น มันมีภาพที่ตลกไม่ออก คือ ตัวละครไม่อาจจะหนีหรือต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้เลย ต้องก้มหน้าก้มตา ตาย อย่างเดียว และตลอดทั้งเรื่อง เราก็จะต้องดูตัวละครแต่ล่ะตัวพากันตายไป คล้ายๆ กับหนังประกาศตัวว่าเป็นการโชว์ของ
มหกรรมการตาย เราไม่อาจจะเอาใจช่วยให้ใครรอดได้เลย ยิ่งเมื่อดูสองภาคแรกแล้วมาดูภาคสาม คุณก็น่าจะรู้สึกหลังจากหมดฉากรถไฟเหาะตกรางว่า เจ้าพวกที่รอดมานี่ต้องตายหมดแหง่มๆ ซึ่งมันก็เป็นจริงตามนั้น และเมื่อคุณคิดได้เช่นนี้ คุณก็น่าจะบอกกับตัวเองว่า แล้วฉันจะเสียเงิน 100 บาทมาทำไมว่ะ?
คุณจะไม่ตั้งคำถามนี้เลย ถ้าหากคุณจะตั้งหน้าตั้งตามาดูการ ตาย อย่างเดียว คุณไม่สนใจที่จะสนใจเอาใจช่วยตัวละคร ไม่สนใจดราม่าของเรื่อง คุณแค่อยากรู้ว่าพวกเขาจะ ตาย ยังไง ขอโทษนะครับถ้าใช้คำนี้ย้ำบ่อยมาก แต่หนังเรื่องนี้มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ มีแต่ความมุ่งหวังที่จะขายตั๋วจากจิตใต้สำนึกที่อยากเห็นความรุนแรงที่ไม่ประนีประนอม เพราะมันทำให้บางคน สะใจ มันไม่ต่างอะไรกับพวก Snuff Film ที่แสดงภาพโหดร้ายรุนแรงของจริง และปราศจากคุณค่าของความเป็นภาพยนตร์โดยสิ้นเชิง
ผมจะไม่ด่าหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนัง ขยะ หรอกนะครับ เพราะเชื่อว่าคนที่ได้ดูส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของหนังชุดนี้ จะบอกได้เองว่ามันขยะหรือไม่ขยะ แต่ผมกล้าพูดว่าหนังเรื่องนี้ปราศจากส่วนสำคัญของหนังบันเทิงเรื่องหนึ่ง ถ้าเขาสนใจแค่ว่าหนังจะได้เงินเท่าไหร่มากกว่าคนจะซาบซึ้งดื่มด่ำ หรือได้รับคุณค่าบางอย่างจากหนังเรื่องใหม่ ผมไม่ถือว่าหนัง Final Destination เป็นหนังขยะ แต่ถือว่าเป็นงานพาณิชย์ศิลป์ที่น่าละอายมากกว่าอะไรทั้งหมด
Create Date : 05 พฤษภาคม 2549 |
|
6 comments |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2549 13:51:14 น. |
Counter : 722 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: octavio 7 พฤษภาคม 2549 12:13:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: GaPPa IP: 124.157.230.241 7 กุมภาพันธ์ 2550 15:26:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: OA IP: 202.91.18.204 6 เมษายน 2551 12:18:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เบล IP: 58.8.137.158 4 กรกฎาคม 2554 21:50:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปล. (กระซิบ) จุ๊ๆๆๆๆ อย่าบอกใครนะครับ ว่าผมแอบมาประชาสัมพันธ์บล็อกตัวเอง แหะแหะ