|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฉลองปีใหม่ในเงามืด
ดูเหมือนว่า วันสิ้นปีของปี พ.ศ.2549 จะเป็นเหมือนเช่นวันสิ้นปีของปีอื่นๆ หลายๆ คนเตรียมที่จะฉลอง อาจจะฉลองอยู่ที่บ้านของใครบ้านของมันเงียบๆ อาจจะเตรียมฉลองเปิดปาร์ตี้เล็กๆ กับเพื่อนฝูง หรือไม่ก็ไปหาความสุขในที่ชุมชน ซึ่งมีได้ตั้งแต่ผับหรือบาร์ ไปจนกระทั่งถึงงานเคานท์ดาวน์ที่จะจัดตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้าเซ็นทรัล เวิล์ด พลาซ่า ที่ถนนราชดำริ หรือย่านเซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์
งานเคาท์ดาวน์ไม่มีอะไรซับซ้อน มันก็คืองานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่วนใหญ่คือมีการแสดงจากศิลปินดารานักร้อง การจับฉลากแจกของรางวัลแก่ผู้มาร่วมงาน และการร่วมกันนับถอยเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ ตามด้วยพลุที่จะสวยงามตระการตาแค่ไหนขึ้นอยู่ที่งบประมาณในการจัดงานของแต่ล่ะที่จะดลบันดาลได้
ผมไม่เคยได้มีโอกาสไปร่วมงานเคาท์ดาวน์เหล่านี้เลย เหตุผลหลักๆ ก็คือความขี้เกียจ ไม่อยากเบียดเสียดกับคนจำนวนล้านแปดอย่างที่เคยเห็นในโทรทัศน์ ไปเพื่อดูการแสดงที่ดูที่บ้านก็ได้ หรือไปเพื่อนับถอยหลังจาก 10 ถึง 1 ผมเคยคิดเล่นๆ ถึงความเป็นไปได้ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย เกิดระเบิดหรืออะไรขึ้นมา คนคงจะได้เหยียบกันตายแน่ๆ
ส่วนเหตุผลรองลงมาที่ทำให้ผมไม่อยากไปงานเคาท์ดาวนก็คือ ผมไม่มีใครไปด้วย การไปคนเดียวมันคงจะไม่สนุกอะไร ดีแต่จะสร้างอารมณ์เหงาๆ ให้เกิดแก่ใจตัวเองมากกว่าครับ
แต่พอมาช่วงๆ ปลายเดือนธันวาคม 2549 ผมก็มีความคิดที่เปลี่ยนไป ผมอยากจะมีส่วนในงานเคาท์ดาวน์พวกนี้บ้าง ด้วยอารมณ์ที่อยากจะสัมผัสเหตุการณ์แบบสดๆ เป็นหลัก สองก็คือตอนนี้ผมหาเพื่อนที่จะไปงานเคาท์ดาวน์ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง ผมเลยตัดสินใจที่จะลองอยู่ร่วมในงานเคาท์ดาวน์ดูสักปี เผื่อว่าอาจจะได้เจออะไรสนุกๆ บ้าง
ผมนัดกับเพื่อนของผมไว้ตอนเย็น และเราได้นัดเพื่อนอีกคนสองคนไว้ว่าจะเจอกันตอนหัวค่ำ ที่ผมนัดกับเพื่อนคนแรกไว้ช่วงเย็น ก็เพราะว่าเธอชวนผมดูหนังก่อน ยังมีหนังไทยตลกๆ เรื่องหนึ่งที่ใครต่อใครพากันไปดูจนหมดแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ดูเลย แล้วเพื่อนของผมคนนี้ เธอก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกันนะครับ และเพื่อนของเธอซึ่งไม่ใช่เพื่อนของผมก็ยังไม่ได้ดู เธอเลยชวนเราสองคนมาดูหนังกับเธอ แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่เธอชวนเรามาดูก็คือ บัตรดูหนังของเธอที่เหลืออยู่สี่ที่นั่งกำลังจะหมดอายุ เธอเสียดายก็เลยอยากจะใช้ให้หมด (ซึ่งก็ยังเหลืออยู่อีกหนึ่งที่นั่ง)
ขอกลับไปเล่าเรื่องของเพื่อนของผมคนนี้สักหน่อย เธอ เป็นผู้หญิงนะครับ ในขณะที่ผมยังเป็นคนที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เธอคนนี้เป็นผู้หญิงทำงานที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และก็มีเสน่ห์เฉกเช่นเดียวกับผู้หญิงยุคใหม่ทั่วๆ ไป ซึ่งถ้าจะให้เท้าความไปอีกว่าเราสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้ยังไงเนี่ย เรื่องมันก็คงจะยาวยืดออกไปและอาจจะออกนอกทะเลไปด้วย ดังนั้น ผมจึงขอเล่าแค่อุปลักษณะและอุปนิสัยของเธอก็แล้วกันนะครับ เพราะผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อเรื่องที่กำลังจะเล่าต่อไปครับ
หนังไทยที่เราได้ดูเป็นหนังตลกที่ทำให้ผมหัวเราะได้ทั้งเรื่อง ผมและเพื่อนสนุกไปกับหนังจนไม่คาดคิดว่า เมื่อเราออกมาจากโรงหนังแล้ว เราจะเจอสถานการณ์ที่ทำให้เราหัวเราะไม่ออก
เรื่องเริ่มต้นจริงๆ เมื่อหนังจบ ผมไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้ว่ากี่โมง เนื่องจากความทรงจำต่อรายละเอียดพวกนี้ของผมมันเลื่อนลางลงไปมาก ผมจำได้ก็เพียงว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะมีงานเคาท์ดาวน์เกิดขึ้น เมื่อผมเดินก้าวออกมาจากโรงหนัง ผมจึงคิดถึงแต่เรื่องที่ว่าจะเอายังไงต่อระหว่างรอให้งานเคาท์ดาวน์เริ่มต้น ระหว่างที่ก้าวเท้าออกจากโรงหนัง โทรศัพท์มือถือของเพื่อนผมก็ได้รับข้อความแปลกๆ เธอบอกกับผมว่า มีเพื่อนของเธอส่งข้อความมาบอกว่า เกิดระเบิดในกรุงเทพฯ 6-7 จุด และมีคนส่งข้อความประเภทนี้มาสองคน
ผมถามเพื่อนของผมไปว่าโดนอำหรือเปล่า แต่ถึงจะยังรู้สึกไม่เชื่อ ผมก็ต้องรีบเปิดมือถือที่ผมปิดไว้ระหว่างดูหนัง เพราะถึงตอนนั้นผมก็อยากรู้เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า เมื่อผมเปิดมือถือผมจึงได้รู้ว่าพ่อผมได้พยายามติดต่อผม และขอให้ผมโทรกลับด่วน ระหว่างที่ผมโทรศัพท์กลับไปหาพ่อที่บ้าน เพื่อนของผมก็ลองเช็คข่าวจากเพื่อนอีกคนที่ทำงานด้านข่าว และเราก็พบว่าเรื่องที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง
เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องจริงแล้ว ผมตกใจมาก และด้วยความที่รับรู้แค่ว่า เกิดระเบิด การตีความจากข้อความนี้จึงใหญ่โตเกินเหตุ ผมนึกภาพระเบิดแบบวินาศกรรมตึกถล่มไปโน้นเลย ยิ่งเมื่อนึกภาพไปว่าน่าจะมีคนเสียชีวิตมากมาย และคิดว่าน่าจะมีเหตุการณ์ระเบิดตามมาอีกตามที่ต่างๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกใจเสีย ความกลัวค่อยๆ ก่อนตัวขึ้นภายในใจของผม
แถมพ่อของผมก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย นอกจากบอกให้ผมรีบกลับมาที่บ้านโดยด่วน ผมจึงยิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดระแวง และมีความรู้สึกว่า ขืนอยู่ต่อไปก็คงจะหาความสนุกไม่ได้ และที่สำคัญก็คงจะไม่มีใครสนุกด้วยแน่ ผมเริ่มคิดว่างานเคาท์ดาวน์ทั้งหมดจะต้องโดนยกเลิกอย่างแน่นอน เราดูหนังกันที่สยาม พารากอน ซึ่งก็จะมีการจัดงานเคาท์ดาวน์เหมือนกัน ผมเลยพาเพื่อนเดินออกมาเพื่อเช็คดูว่างานเคาท์ดาวน์จะโดนยกเลิกอย่างที่คิดไว้จริงๆ หรือเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น มีการประกาศจากผู้จัดงานขอให้ทุกๆ คนที่มาร่วมงานแยกย้ายกลับบ้านโดยด่วน แต่เขาไม่จำเป็นจะต้องมาบอกอะไรผมก็พร้อมที่จะกลับบ้านอยู่แล้ว
คนเราก็คงจะเป็นแบบนี้กันหมด เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะมีเหตุการณ์อันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นกับเรา เราก็จะต้องอยากไปหลบหนียังที่ๆ เราเชื่อว่าปลอดภัยที่สุด นั้นก็คือบ้านของเรา เพราะภายในจิตใต้สำนึกของเรา คงจะไม่มีที่ไหนที่จะคุ้มครองเราได้มากเท่าที่นี่อีกแล้ว
ผมตัดสินใจกลับโดยการโดยสารรถไฟฟ้าที่สถานที่สยามสแควร์ ส่วนเพื่อนของผมและเพื่อนของเธออีกคนตัดสินใจอยู่ต่อ พวกเขาคงยังเสียดายไม่อยากรีบกลับ หรือไม่ก็คงจะไม่กระต่ายตื่นตูม มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตเท่ากับในมุมมองของผม ผมรีบกลับมากจนลืมที่จะจ่ายค่าตั๋วหนังให้เธอ
ที่สถานีรถไฟฟ้า ผมไม่เคยเจอความโกลาหลแบบนี้มาก่อน คนมาอัดแน่นกันโดยมิได้นัดหมาย แต่ผมมั่นใจได้ว่าทุกคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน นั้นคือบ้านใครบ้านมัน บางคนอาจจะกลัวว่าตัวเองจะโดนระเบิด บางคนอาจจะรู้สึกกร่อยที่งานเคาท์ดาวน์โดนยกเลิก แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น หลายๆ คนระหว่างที่อยู่บนรถไฟฟ้า ต่างโทรศัพท์มือถือถามไถ่ความเป็นไปของญาติๆ ไม่ก็ซุบซิบพูดคุยกันเองถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ระหว่างที่อยู่บนรถไฟฟ้า ผมก็ยังคงไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งผมต้องลงรถไฟฟ้าที่สถานีอ่อนนุช ผมแวะที่ห้างโลตัสที่อยู่ตรงสถานีนั้น เผื่อว่าจะมีข่าวทีวีให้ได้ดู และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมและคนกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งมุงดูทีวีเครื่องเล็กๆ ที่ปรกติใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับเคเบิ้ลทีวียี่ห้อหนึ่ง ข่าวทีวีทำให้ผมเห็นภาพที่แท้จริงของเหตุการณ์ และได้รู้ว่ามันไม่ได้ใหญ่โตอย่างที่ผมคิดไว้เลย ระเบิดที่เกิดขึ้นแต่ล่ะจุดนั้นมีรัศมีแคบๆ แต่ถึงอย่างไรก็มีความเสียหายเกิดขึ้น และสุดท้ายก็ยังมีผู้บริสุทธิ์ต้องบาดเจ็บและล้มตายทันที
ผมค่อยๆ ลดความกังวลต่างๆ ที่มีไป เหลือก็แต่ความเศร้า ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำ เขาช่างไม่คิดถึงค่าของชีวิตผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย แถมยังได้ทำร้ายความรู้สึกของผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกเป็นจำนวนมาก คนที่ก่อเรื่องนี้จะรู้สึกยังไงที่มีผู้ต้องมาสังเวยชีวิตให้แก่การก่อการของเขา หรือเขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
จนถึงทุกวันนี้ ผ่านมา 2 เดือนได้ ดูเหมือนความคืบหน้าเรื่องการจับคนร้ายได้ยังจะมีไม่ค่อยมาก มีเพียงแต่การนำผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำ หรือการพยายามจะสืบหาคนลงมือ เราจะไปตำหนิความสามารถของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็คงจะไม่ได้ เพราะผมเชื่อว่าพวกเขาได้ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่คำว่าเต็มที่ในที่นี้ อาจจะไม่ได้หมายถึงดีที่สุด
ในฐานะประชาชนธรรมดาคนหนึ่ง เราอาจจะแค่ได้แต่จับตาดูอย่างเงียบๆ และได้แต่หวังว่า ตำรวจจะนับความจริงและความยุติธรรมมาให้ประจักษ์แก่สายตาของคนไทยทุกคน
ไม่เช่นนั้นแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจว่า วันสุดท้ายของปี พ.ศ.2550 เราจะคิดถึงอะไรเป็นลำดับแรก ระหว่างปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง หรือหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันสิ้นปีของปี พ.ศ.2549
Create Date : 18 กันยายน 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 18 กันยายน 2550 0:13:02 น. |
Counter : 1064 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|