เดินบนดิน กินเพียงอิ่ม ส่งยิ้มให้กัน แบ่งปันสู่มวลชน
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 

ความขัดแย้งที่ผิดธรรมชาติ

อิสระ เสรี ในฐานะปัจเจกบางครั้ง ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ บิดเบี้ยว ผิดพลาด
เพราะหากบังเอิญไปยืนอยู่ ณ จุดซึ่งข้อมูลและข่าวสารไหลบ่าเข้าหา
ไม่ต่างจากน้ำเชี่ยวที่พร้อมจะพัดพาเราไปอย่างไร้ทิศทาง
แต่อีกด้านหนึ่งพลังแห่งอิสรภาพซึ่งฝังในส่วนลึก ก็สามารถทำให้เราก้าวพ้นจากความคิดความเห็นเดิม แล้วเหวี่ยงเราสู่สภาวะความจริงแท้ได้เช่นกัน
คงไม่มีความจริงไหนมีคุณค่าเท่ากับความจริงที่มองเห็นได้ด้วยตัวของตัวเอง
หรือกรอบประสบการณ์อันเต็มไปด้วยโคลนตม พรรคพวก สิ่งแวดล้อมทำให้เราไม่กล้าสลัดแว่นทางความคิดอันเก่าให้พ้นจากตัวเราไปเสียที
โดยเฉพาะในท่ามกลางความขัดแย้งของบ้านเมืองเรา ที่นับวันจะกระชับความรุนแรง
หรือหลายๆ ท่านมิอาจทราบว่าปลายทางสุดท้ายของมันคือ “สงคราม”
เรา-ท่านจึงไม่อาจละเลยเฉยเมยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้เลย หากยังเป็นพลเมืองของประเทศ กระทั่งประชากรโลก
เพราะผลกระทบและแรงเหวี่ยงจะย้อนกลับกระหน่ำกลับหาเราอย่างคาดไม่ถึง
ในฐานะมนุษยซึ่งสร้าง “อารยธรรม” และ “สังคม” จนได้ชื่อว่าเป็นสัตว์สังคม เราก็มีหน้าที่ที่จะรักษา ดูแลสังคม ไม่ให้มันย้อนกลับไปเป็นดินแดนอนารยะ ที่แก้ปัญหาความขัดกันด้วยความป่าเถื่อนและโหดร้ายเช่นในอดีต
โดยสำนึกลึกๆ เรายังอยากมีส่วนขัดเกลา เสริมสร้างสังคมเราให้เป็นอู่อุ่น เปลหวาน อันน่าอยู่ของลูกหลานเราในวันข้างหน้า
การแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธีแม้ว่าจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง
เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่เพียงบรรลุธรรม รู้ภาวะอิสระ พ้นจากทุกข์โดยสิ้น กลับไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว นำความจริงนั้นเผยแผ่ กระทั่งกลายเป็นหลักธรรมให้กับสังคมที่เราท่านเห็นและจับต้องได้
มีเหรียญสองด้านที่น่ามองสำหรับเรื่องนี้
ด้านแรกเรื่องของตัวตนหรือปัจเจก
อีกด้าน คือ สิ่งมิไม่ใช่ตัวตน
แม้ว่าจะหากมองโดยผิวเผินจะเห็นว่า มันมีอยู่และเป็นไปโดยอิสระต่อกัน
แต่หากมองอย่างลึกซึ้ง เรื่องซึ่งยิ่งใหญ่และยากอธิบาย ไม่ว่าจะเป็นตัวตนและไม่ใช่ตัวตน กลับเป็นแค่เหรียญ ๆ เดียว ที่ซึ่งเป็นองค์รวมแห่งเหตุและปัจจัยต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
กวีเพื่อนผมเคยเขียนไว้ว่า ที่สุดของความหวานคือความขม ที่สุดความหวานกลับเป็นขม ซึ่งก็คือยึดมั่นถือมั่นไม่ได้เลย
เช่นเดียวกับปัญหาความเห็น หรือปัญหาทิฐิที่กำลังพร่าเลือน หรือถูกทำให้พร่าเลือนด้วยอวิชชาในทุกวันนี้ หากเรายึดและเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดพลวัต มันก็จะทำให้เรา สิ้นชีพ สิ้นชาติกันได้เช่นกัน
บ้านเมืองเราจำเป็นต้องเปลี่ยนและไม่ใช่การเปลี่ยนแบบปฏิรูป หรือเอานักกฎหมายมานั่งร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งลอก ทั้งตัด ทั้งแปะ ระบายสี โฆษณากันเป็นหนังขายยา หรือคิดกันแทบเป็นแทบตาย แต่ฉีกทิ้งกันเป็นของเล่น กระทำรัฐประหารสลับเลือกตั้งจนนับไม่ถ้วนแล้วเช่นนี้
คุณภาพใหม่ของสังคมมิใช่หรือคือสิ่งที่เราต้องการ
จะใหม่อย่างไร มีคุณค่า เป็นอู่อุ่น เปลหวานให้ลูกหลานเราได้ดีเพียงใด เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันคิดและทำ
จุดยืนเราแต่ละคนตอนนี้เป็นภาวะที่เรียกว่าน้ำเชี่ยว มีข่าวสาร ไหลบ่าเข้าหาเราอยู่ไม่ขาด จนบางครั้งยากที่จะเป็นอิสระได้ แต่ลึก ๆ ก็เชื่อว่าพลังที่จะเข้าถึงมรรควิธีมีกันได้ในทุกคน เอาแค่มรรควิธีที่จะหลีกหนีจากความเป็นความตายที่จะเกิดขึ้นในทางข้างหน้าอันใกล้นี้
แค่มองให้ห่างจากตัวตนออกมา ห่างจากขบวนการที่จัดตั้งคุณมา จะเริ่มเห็นเพื่อนร่วมชาติ เห็นประเทศชาติ เห็นมนุษยชาติ เห็นสิ่งยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่มิใช่ตัวตน ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ดำรงอยู่
คุณถูกจัดตั้งหรือเปล่า?
โดยธรรมชาติ ตั้งแต่เป็นตัวเป็นตน ปฏิสนธิขึ้นมาก็เรียกว่าจัดตั้งได้
เป็นความขัดแย้งขั้นพื้นฐาน หากแต่เป็นไปตามธรรมชาติ
โดยปัจเจกชนดำรงอยู่และเป็นไปในความขัดแย้ง ทั้งความขัดแย้งในตัวตนเองและความขัดแย้งกับสิ่งแวดล้อม หรือสิ่งไม่ใช่ตัวตน ที่สำคัญคือแต่ละคนเห็นและเข้าใจความขัดแย้งในระดับที่แตกต่างกัน จึงจัดการความขัดแย้งได้ไม่เหมือนกัน
หากควบคุมหรือจัดการความขัดแย้งไม่ได้คน ๆ นั้น ก็คือคนบ้า
ในทางสังคม หากสังคมแก้ไขความขัดแย้งไม่ได้สังคมนั้นก็พัง สิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน
แท้ที่จริงเราหลีกเลี่ยงการจัดตั้งชนิดใดชนิดหนึ่งไม่ได้เลย แต่เรายอมรับและเต็มใจเดินไปกับมันหรือยัง
การเมืองการปกครองในระบอบเดิม ซึ่งก็คือเผด็จการรัฐสภา (ไม่ใช่ระบอบทักษิณอย่างที่นักเคลื่อนไหวพยายามสร้างเป้าให้เราเห็น) ทั้งยังมีองค์กร สถาบัน ต่างๆ ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง
ความเห็นที่มีต่อการเมืองไทยในภาวะที่เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงเช่นนี้ หากไม่ทบทวน โดยใช้ความรู้ หลักวิชา ที่ผู้รู้ค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมหรือหลักวิทยาศาสตร์ มาเป็นเงื่อนไขให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดไม่ว่าจะเป็นกรณีตุลา16 ตุลา19 และพฤษภา35 จะต้องซ้ำรอยเราอีกให้จนได้
ธรรมมาธิปไตยเป็นอุดมคติ
“ระบอบประชาธิปไตย” เป็นแนวโน้มการเมืองแห่งยุคสมัย ซึ่งบ้านเรายังไม่มีและไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เลยด้วยซ้ำ
เมื่อการเมืองล้าหลังแต่เศรษฐกิจก้าวหน้า หรือการเมืองเผด็จการแต่ วิถีเศรษฐกิจทุนนิยมที่เป็นกงล้อธรรมชาติสังคมเคลื่อนผ่าน ไม่ว่าสังคมไหน ยุคใด ย่อมเกิดการแรงเสียดทานและเกิดการกระชับการผูกขาด ไม่เพียงเฉพาะทุนชาติ ยังมีทุนข้ามชาติที่พร้อมจะบีบเราให้เข้าสู่ลู่ทางที่เสียประโยชน์
มวลชนซึ่งรวมพลังขับไล่ทักษิณหรือสร้างเป้า “ระบอบทักษิณ” ขึ้นมาจึงได้ชื่อว่าเป็นพลังแห่งเจตนารมณ์ประชาธิปไตย
แต่เป้าหมายช่างลางเลือนหรือเกิน ตุ๊กตาแบบทักษิณมีอีกมากมายในประเทศเรานี้ และยิ่งมากมายในโลกใบนี้
เบื้องหลังการเมืองแบบทักษิณ ชนชั้นระดับนำอีกหลายพวกเหล่า ก็เคยได้หรือใช้ประโยชน์ร่วมกันด้วยทั้งนั้น
ด้วยเหตุเพียงแค่ต้องการมวลชนสร้างพลังกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ซ้ำยังต้องเผชิญหน้ากับหุบเหวหายนะ หากความขัดแย้งนั้นยกระดับเป็นสงครามกลางเมือง
ที่น่าสงสัยยิ่งกว่าก็คือ ข้างหลังภาพหลังล้มสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ” แล้ว มันคือ ระบอบอะไร การเมืองแบบภาคประชาชน มันคืออะไรกันแน่?

วรานันต์




 

Create Date : 25 มิถุนายน 2551
1 comments
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 13:22:36 น.
Counter : 792 Pageviews.

 

น่าเศร้าใจนะคะ

ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ กลัว "สงครามกลางเมือง" นี่แหละค่ะ

แวะมาทักทาย พร้อมของฝากค่ะ


ชาอุ่นๆ เพื่อสุขภาพค่ะ งุงิ fr.Butterflyblog

 

โดย: Butterflyblog 25 มิถุนายน 2551 15:48:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sarntee
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add sarntee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.