โตเดี่ยว ... แล้วแต่อิสระจะพาไป
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

สิ่งดีๆ เกิดขึ้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน II : ไทยไปลาว

เข้าเรื่องดีกว่า … ลาว ที่ๆชั้นเดินทางไปกับเพื่อนคนนี้ เค้าน่ะเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ชั้นก็บินตามไปเจอที่นั่น บินคนเดียวนี่ก็เสียวท้องเหมือนกันนะ มีเเต่สายตาเเปลกๆ อาจจะนึกว่ากำลังกลับประเทศหรืออะไรซักอย่าง ก่อนไป ก็หาข้อมูลไว้ซะดิบดี เดี๋ยวไปนั่น เดี๋ยวไปนี่ เเต่สุดท้าย กระดาษเเผ่นนั้นก็ต้องถูกขยำทิ้งอย่างไม่รู้ตัว … เพื่อนคนนี้ทำให้ชั้นรู้จักคำว่า “อิสระ” มากขึ้น ขนาดมาเที่ยว ยังจะกำหนดกฎเกณฑ์ให้ตายตัวอีกว่าจะต้องไปไหนบ้างอีกเหรอ ไม่เอา โยนมันทิ้งไปเลย เเล้วใช้ใจเที่ยว นิ่งๆเเล้วฟังเสียงลม … มันจะกระซิบบอกเราเองว่าวันนี้มันจะพาเราไปไหน ….

ได้ผล .. เเฮะ

สำหรับเมืองไทย เเทบไม่มีโอกาสที่เราจะโบกรถท่องเที่ยวไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ น้ำใจคนไทยมี เเต่ความปลอดภัยสำคัญกว่า จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีการปล้น จี้ ฆ่ากันตายไม่เว้นเเต่ละวัน เเละคนทำผิดก็ไม่ได้รับการลงโทษที่สาสม ทำให้เราเริ่มไม่ไว้ใจกันเเละกัน อันนี้ … น่าสะเทือนใจมากสำหรับคนชาติเดียวกันเอง ยังช่วยเหลือกันเองลำบาก …. คนขับใจดีอยากจอด เเต่ไม่กล้าจอด คนโบกอยากไป เเต่โบกเเล้วไม่กล้าขึ้น … สับสนนะเนี่ย ทำให้ชั้นไม่เคยมีโอกาสได้โบกรถเที่ยวเหมือนใครๆเค้าเลย เเต่เมื่อมาที่ลาว เราไปเมืองต่างๆด้วยการโบกรถ ที่ลาว รถไม่เยอะเหมือนกรุงเทพฯ นานนาน จะมีรถผ่านมาซักที เราโบกหมดเลย รถยนต์ กะบะ รถบรรทุกน้ำมัน รถบรรทุกฟืน เค้าเองก็คงหวาดระเเวงเราเหมือนกัน ผ่านไปสิบคัน ไม่จอดซักคัน จนเรามองหน้ากันเเละคิดเหมือนกัน เเละพูดออกมาพร้อมๆกันว่า เชื่อสิ อีกไม่นานหรอก คันของเราก็จะมา

เเล้วโชคก็เป็นของเรา มีคนใจดีรับเราไปจนได้ เราใช้วิธีนี้ในการเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง บางที่ให้นั่งฟรี เเต่บางคันก็ขอค่าน้ำมันติดรถบ้าง เราก็ไม่รังเกียจ เเต่เราก็ยังสนับสนุนการขนส่งของเขาด้วยการนั่งรถบัสเสียตังด้วยนะ ไม่ใช่โบกอย่างเดียว เเต่นี่ก็ถือเป็นอีกประสบการณ์หนึ่ง ที่เพื่อนคนนี้ได้หยิบยื่นให้ชั้นได้ร่วมสัมผัสมันอีกเเล้ว

จากกรุงเทพฯ ชั้นนั่งเครื่องไปลงเชียงใหม่ เเล้วต่อเครื่องจากเชียงใหม่ไปหลวงพระบาง .. สนามบินที่นี่น่ารักมาก จุ๋มจิ๋มกะทัดรัด เหมือนไปห้องธุรการของมหา’ลัยมากกว่าไปสนามบิน … ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง ก็เดินออกมาด้านนอก .. ไม่ได้มีเเท็กซี่จอดเหมือนสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเราหรอก ออกมาก็เหมือนเจอบ้านยาย บรรยากาศเเบบต่างจังหวัดๆ เเต่ที่ไม่เจอ คือ “เพื่อน” …. อ้าว เอาล่ะสิ นัดกันไว้เเล้วนี่ อย่ามาเบี้ยวตอนนี้นา …. เพื่อนร่วมชะตากรรมบนเครื่องบินเล็กจากเชียงใหม่มาหลวงพระบาง ต่างก็ทะยอยกันออกไป ทีละคน สองคน สามคน สุดท้าย เหลือชั้นคนเดียว สนามบินจะปิดแล้ว เพราะว่าเที่ยวบินนี้เป็นรอบสุดท้าย เลยหาร้านเช็คเมล์ ทำไงดี ร้านมี เเต่เมล์ใช้ไม่ได้ (แล้วจะเปิดเป็นร้านเน็ตทำไมเล่า) กำลังครุ่นคิด เครียด งง ตายละ จะใช้ชีวิตที่หลวงพระบางคนเดียวไปตลอด 4-5 วันนี้เหรอ …. เอาไงดีโว้ยยย

ยังไม่ทันได้ไปเเจ้งตำรวจข้อหาเพื่อนหาย ก็เห็นเงาตะคุ่มๆ .. โอย โล่งใจ
เเล้วเราก็นั่งสองเเถวไปตลาดหลวงพระบางกัน ชั้นชอบหลวงพระบางนะ เเต่เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวเยอะมาก เราเเทบสัมผัสชีวิตชาวลาวที่เเท้จริงไม่ได้เลย เหมือนเวียงจันทร์และวังเวียง ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ชั้นสืบมาคร่าวๆว่า ค่าห้องพักที่หลวงพระบางไม่ควรเกิน 200 บาท เเต่เพื่อนชาวสวิสคนนี้ หาที่พักให้ชั้นได้ในราคาเพียง 160 บาท เท่านั้น ชั้นชอบนะ อยู่ห่างจากตลาดประมาณ 500 เมตร เงียบๆ เรือนไม้ เจ้าของบ้าน เเบ่งห้องชั้นบนเป็น 3 ห้องให้เเขกได้มาพักกัน ตอนชั้นไปถึง มีเพียงเราสองคนเท่านั้น เเต่ก่อนออกไปหาข้าวกิน ก็มีเพื่อนต่างชาติมาพักจนเต็ม ราคาถูก ห้องก็สวย เเถมมีระเบียงให้พวกเราได้ออกมานั่งคุยกันได้อีกด้วย … เยี่ยมจริงๆ
เช้าวันใหม่ เราออกเดินทางไปเชียงขวาง (ตอนเเรกสับสนนึกว่าอยู่เมืองไทย ที่ไหนได้ ไอ้ที่อยู่เมืองไทยน่ะมัน “เชียงของ จ.เชียงราย” ชื่อดันคล้ายกันซะงั้น ทำเอาเกือบงง เถียงกับเพื่อนอยู่นาน ฝรั่งพูดไทยก็ไม่ค่อยชัดซะด้วย ถ้าไม่เปิดเเผนที่ เป็นได้อดไปเเน่ๆ เพราะมัวเเต่เถียงกัน) เชียงขวางอยู่ห่างจากหลวงพระบางประมาณ 10 ชั่วโมง เราเดินไป 3 กิโลเเล้วถึงได้ตั้งหลักโบกรถ ไม่นานนักก็มีพี่ชายใจดีมาจอด คนไทยกับคนลาวภาษาจะคล้ายๆกัน พวกเขาฟังไทยออกเหมือนที่ชั้นฟังลาวออก เเต่บางคำยากๆเเละหากเขาพูดเร็วๆ ชั้นก็จับใจความไม่ทันเหมือนกัน พี่เจ้าของรถใจดี เห็นชั้นเป็นคนไทย เปิดเพลงเจให้ชั้นฟังอีกเเน่ะ มันส์เป็นบ้า …. ฝาก ให้เธอเลี้ยงดู ให้อยู่กับเธอแล้วกัน …. เก่าโคตรรรรรร

เค้ามาส่งชั้นสองคนที่พูคูน ทางเเยกระหว่างไปเชียงขวางกับเวียงจันทร์ พี่เค้าเดินทางไปเวียงจันทร์ต่อ ร่ำลาด้วยคำพูดเเละเงินสดอีกเล็กน้อย เป็นสินน้ำใจที่เค้าก็ไม่ปฏิเสธ … เรากะว่าหาที่พักเอาที่นี่ เพราะว่ามันเริ่มจะค่ำเเล้ว เเต่เพราะพูคูนไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ร้านข้าวมีเพียงร้านเดียวที่เราฝากท้องไว้ในค่ำนั้น อาหารที่ชั้นกินได้ ก็มีเพียงไข่เจียวเเละเฝอมังสวิรัติ เราเลือกที่จะไม่กินเนื้อสัตว์ที่นี่ หลังจากที่เราไปสำรวจตลาดเเละได้เห็นวิธีการชำเเหละเเละการวางขายที่ …. ไม่น่าจะส่งผลดีต่อท้องไส้เท่าไหร่ อาจตายก่อนได้เที่ยว เราเลยเลือก ผัก ผัก เเละผัก ทั้งๆที่ชั้นเป็นคนที่ไม่ชอบผักเลยเเม้เเต่นิดเดียว เเต่วันนี้ ต้องหันหน้ามาเป็นมิตรกับมันเเละบอกตัวเองว่า มังสวิรัติ….ทริปนี้ชั้นจะรักเธอ







 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2550
0 comments
Last Update : 3 กรกฎาคม 2550 0:25:46 น.
Counter : 481 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


doggieyanky
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




โตเดี่ยว เที่ยวหมด
I'm not rich but people who i have met have made my heart so rich!!!
Friends' blogs
[Add doggieyanky's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.