|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โอกาสพิเศษ!!! ความงามของหลักคิดชีวิต
หลักคิดจากคอลัมน์ Life Advice โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุตจากหนังสือ Lisa vol.10 no.16*29.4.09 ในหัวข้อ
"ทำอย่างไรดี คุณพ่อเป็นอัลไซเมอร์ จำดิฉันซึ่งเป็นลูกคนเดียวไม่ได้"
เรื่องราวของเจ้าของบล็อค
หลักคิดของแม่ชีศันสนีย์ที่บังเอิญดิฉันได้ไปอ่านเจอ กลับสอนใจดิฉันได้เป็นอย่างดี อ่านแล้วทำให้ใจเป็นสุข และเป็นกำลังใจให้ดิฉันคิดต่างได้อย่างมีความสุข
ในภาวะที่ครอบครัวของสามีดิฉันกำลังเผชิญกับปัญหาที่คุณแม่ป่วยจากโรคพาร์กินสัน อายุที่ยิ่งมากขึ้นในวัยใกล้ 70 ทำให้ระบบของสมองเกิดปัญหา เป็นภาวะสมองเสื่อม หรือที่เรียกว่าอัลไซเมอร์
ปัญหาที่เกิดขึ้นเริ่มทวีคูณ จนคุณแม่เริ่มดูแลตัวเองไม่ได้ หลงลืมกับกิจวัตรประจำวันในบางอย่าง บางครั้งมีอาการสั่นจนเดินล้มอยู่บ่อยๆ เนื้อตัวมีแต่รอยแผลถลอก ถึงแม้จะพยายามดูแลท่านไม่ห่างแล้วแต่ก็ไม่วายที่ท่านจะเผลอลุกขึ้นเดินตามความเคยชิน จนเป็นเหตุให้ล้มกระแทกพื้น กระแทกขอบประตู แผลถลอกที่ใบหน้า ตามร่ายกายมากมาย ดิฉันใจเสียกับภาพที่เห็น และแอบร้องไห้อยู่บ่อยๆ เพราะไม่รู้จะทำเช่นไร ครอบครัวในขณะนี้เกิดภาวะกดดัน และเคร่งเครียด แต่ก็ไม่มีใครยอมแพ้
ดิฉันซึ่งเป็นภรรยา แต่งงานและได้มาอยู่กับครอบครัวสามี มากว่า 5 ปี ครอบครัวมีอยู่ด้วยกัน 3 คน คือดิฉัน สามี และคุณแม่สามี มีความรัก ความผูกพันเป็นทุนเดิมและมองท่านเหมือนเป็นคุณแม่แท้ๆของดิฉัน เวลาที่เห็นท่านล้ม ดิฉันจะรีบวิ่งไปรับท่าน น้ำหนักของท่านมากกว่าของดิฉันมากโข บางทีก็ล้มไปพร้อมๆกับท่าน... ดิฉันเองตั้งรับทัน รู้ทันว่าล้ม...เจ็บเป็นเช่นไร จึงเป็นสาเหตุให้ดิฉันจำใจต้องส่งท่านไปกายภาพบำบัดที่ศูนย์ดูแลคนชรา และให้ทางศูนย์ดูแลตลอด 1 เดือน จะได้เจอคุณแม่แต่ละทีก็เดือนละ 2-3 ครั้ง
จากตอนนี้อาการทางร่างกายของท่านดีขึ้นมาก เดินไม่ล้ม กายของท่านสดชื่นแจ่มใส
แต่สมองของท่านกลับค่อยๆลืมเลือนคนในบ้านอย่างน่าใจหาย
ครั้งแรกที่คุยกับท่าน ท่านจำคนในบ้านไม่ได้เลย จำลูกตัวเองไม่ได้ ดิฉันเผลอร้องไห้ โผกอดท่าน และท่านก็ร้องไห้ออกมา โดยดิฉันก็ไม่รู้ว่าท่านร้องไห้ทำไม บางทีท่านมองดิฉันแล้วก็ยิ้มให้....แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน ดิฉันคงได้แต่พยายามถามและพูดคุยกับท่านให้มากขึ้น..มากขึ้น เผื่อจะทำให้ท่านจดจำอะไรได้บ้าง จนบางครั้งท่านบอกว่าดิฉันบ้าเหรอ ดิฉันแอบขำปนเอ็นดูท่าน เหมือนเห็นท่านกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง...
ข้อมูลที่ได้อ่านจากหนังสือ Lisa vol.10 no.16*29.4.09หลักคิดจากคอลัมน์ Life Advice โดยแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต เรื่อง "ทำอย่างไรดี คุณพ่อเป็นอัลไซเมอร์ จำดิฉันซึ่งเป็นลูกคนเดียวไม่ได้" คุณพ่อจำคุณไม่ได้...ไม่เป็นไรค่ะ แต่คุณจำคุณพ่อของคุณได้ แล้วคุณก็รู้ว่าคุณมีอิทธิพลต่อจิตใจของคุณพ่อ ถึงแม้ว่าปัจจุบันท่านจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่พ่ออย่างที่เคยเป็นไม่ได้ แต่ในฐานะที่คุณเป็นลูก...และเป็นลูกที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ คุณจงปฏิบัติต่อคุณพ่ออย่างคนที่ใช้โอกาสนี้เป็นการภาวนาของตัวคุณเอง
การได้เยียวยาคุณพ่อที่กำลังป่วยนั้น ... ถือเป็นโอกาสที่คุณได้ทำกุศลอย่างสูงสุด สมดังที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยตรัสสอนเราเสมอว่า การได้ดูแลผู้ป่วยไข้เปรียบเสมือนได้ดูแลพระองค์
กุศลอันยิ่งใหญ่ที่คุณจะได้ปฏิบัติต่อคุณพ่อของคุณนั้น ถือเป็นโอกาสที่คุณจะได้แสดงกตัญญูและเพราะการที่คุณพ่อให้โอกาสคุณในครั้งนี้ จึงทำให้รู้ว่าสายสัมพันธ์ของการได้ดูแลกันและกันในฐานะของเพื่อนร่วมทุกข์นั้น เป็นการเจริญสติที่ดียิ่ง
เวลาที่คุณจับตัวคุณพ่อของคุณ หรือคุณมองไปที่คุณพ่อของคุณ จงอย่ามีความสงสัยใดๆ ว่าสิ่งที่คุณทำนี้คุณพ่อจะรู้ หรือจะจำคุณได้หรือไม่ แต่ให้คุณจดจำสิ่งดีงามที่คุณได้สัมผัสคุณพ่อของคุณไว้เสมอว่า ในวันที่คุณยังจับท่านได้นี้ คุณได้จับท่านด้วยหัวใจที่กตัญญูที่สุด
คุณรู้ ตื่น และเบิกบานทุกครั้งที่ได้เยียวยาท่าน เพราะถ้าวันหนึ่งท่านไม่ได้นั่งอยู่ในที่ที่คุณจะเยียวยาท่านได้อีกแล้ว แต่ความสุขที่คุณได้ทำให้ท่านจะอยู่ในตัวคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่
ถ้าคุณรู้สึกอัดอัดอยู่บ้าง ในเวลาที่คุณเห็นคุณพ่อไม่ได้ทำอะไรๆ ที่ท่านเคยทำได้ หรือท่านควรจะทำได้ ก็ขอให้คุณกลับไปดูความอึดอัดในหัวใจของคุณทันที เพราะความอึดอัดนั้นจะเป็นอกุศลที่ขวางกั้นสิ่งอันเป็นกุศล ที่คุณจะทำในเวลาที่คุณมีอยู่น้อยลง...น้อยลง
คนที่คุณรักจะอยู่กับคุณน้อยลงทุกที
ขอให้คุณใช้โอกาสแต่ละขณะอย่างซ้ำและสดที่สุด ที่จะมีผลแห่งการกระทำในวันนี้เพื่อระลึกถึงวันข้างหน้าที่คุณจะไม่พูดคำว่า "ถ้าอยู่อย่างนี้..."
คุณควรจะดีกับคุณพ่อคุณให้ถึงที่สุด
เพราะตอนนี้คุณมีกตัญญูที่รู้ ตื่น ที่จะกระทำกับท่านอย่างเป็นเพื่อนที่เข้าใจในความทุกข์ของคุณพ่ออย่างดีที่สุด
ถึงแม้ว่าสัญญาที่เป็นความจำได้ หมายรู้จะเสื่อมไปบ้าง...แต่ความรักไม่มีวันเสื่อม
ความรักในตัวของคุณพ่อไม่เคยเสื่อมไป ...ขอให้คุณมั่นใจ
เหมือนกับความรักของคุณเองที่ไม่เคยเสื่อมไป กับการที่จะได้ดูแลคุณพ่อ และมันจะยิ่งมีมากขึ้นๆ ในเวลาที่น้อยลงทุกที
อย่ามัวแต่กังวลว่าท่านจะจำคุณได้หรือไม่ แต่โปรดลงมือปฏิบัติกับคุณพ่อของคุณให้เต็มที่เพื่อจะมีควาทรงจำที่ดีในวันที่ไม่มีท่าน เพราะได้ลงทุนอย่างเต็มที่แล้วในวันนี้
นั่นเองคือโอกาสพิเศษของคุณจริงๆ
ความรู้สึกของเจ้าของบล็อค....อีกครั้ง ความทรงจำดีดีเก่าๆ ระหว่างดิฉันกับคุณแม่ของดิฉันเอง ผุดขึ้นมากลางใจ เป็นความสุข ความอิ่มเอม ที่ดิฉันกระทำให้กับท่านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ภาพของคุณแม่ของดิฉันยังฉายซ้ำๆในใจที่เป็นภาพรอยยิ้มของท่าน จนถึงประโยค และลมหายใจสุดท้ายของท่านที่ว่า..
"แม่ไม่เป็นไร" พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้ดิฉันในวาระสุดท้าย ดิฉันเข้าใจแล้วว่า นั่นเองที่เป็นโอกาสพิเศษสำหรับดิฉัน ให้ดิฉันได้จดจำสิ่งดีงาม ความสุขที่ได้สัมผัสคุณแม่ ด้วยหัวใจที่กตัญญูที่สุดในชีวิต
หม่ามี๊... รักและคิดถึงหม่ามี๊มากๆเลย นานแค่ไหนก็ยังคิดถึงเหลือเกิน
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 16:14:04 น. |
Counter : 801 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: LoveToBeLoved IP: 125.25.5.176 21 พฤษภาคม 2552 1:39:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: nadtha 29 พฤษภาคม 2552 11:18:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แล้วก็ ชอบประโยคเตือนใจประโยคนี้มากที่สุดเลยค่ะ ..จงอย่ามีความสงสัยใดๆ ว่าสิ่งที่คุณทำนี้คุณพ่อจะรู้ หรือจะจำคุณได้หรือไม่..