4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 กันยายน 2557
 
All Blogs
 

ศพที่ (ยัง) เป็นปริศนา





จอห์น วิลกีส์ บูธ คือนักแสดงโนเนม ผู้หาเลี้ยงชีพโดยการแสดงละครในรัฐเวอร์จิเนีย และแมสซาชูเซ็ตส์ ในปี ค.ศ. 1865 ในขณะที่ บูธมีอายุ 22 ปีนั้น เขาได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ไม่ใช่ในฐานะนักแสดงละครผู้สามารถ แต่ในฐานะฆาตกรผู้สังหารประธานาธิบดี "อับราฮัม ลินคอล์น" วัย 56 ปี ของสหรัฐฯ ที่โรงละครฟอร์ด ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1865 ขณะที่ลินคอล์นกำลังดูละครเรื่อง "Our American Cousin" กระสุนได้ทะลุผ่านท้ายทอยทำให้ลินคอล์นล้มลงและขาดใจตาย เมื่อการสังหารประสบความสำเร็จ บูธได้กระโจนขึ้นบนเวทีละคร แล้วตะโกนเป็นภาษาละตินว่า "Sic semper tyrannisŽ" ซึ่งแปลว่า "คนที่ปกครองโดยการกดขี่ก็ต้องจบชีวิตเยี่ยงนี้" จากนั้นบูธได้หลบหนีออกทางหลังโรงละคร ขึ้นม้าที่คอยอยู่แล้วขี่หายไปในความมืด


การสังหารประธานาธิบดีลินคอล์น ในโรงละครฟอร์ดเมื่อ 145 ปีก่อน



อีก 10 วันต่อมา หัวหน้าครอบครัวการ์เน็ตต์ ซึ่งทำงานที่ไร่ในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งอยู่ห่างจากวอชิงตันประมาณ 100 กิโลเมตร ได้รายงานตำรวจว่าเห็นบูธทันทีที่ได้ข่าว ตำรวจได้ระดมกำลังล้อมจับตัวบูธซึ่งหลบซ่อนอยู่ในยุ้งฉาง โดยใช้วิธีวางเพลิงเผายุ้ง ทำให้บูธต้องวิ่งออกมาและถูกตำรวจยิงที่คอจนเสียชีวิต

ภาพวาดขบวนบรรทุกศพของลินคอล์น ไปผังที่สุสานโอ็ค ริดจ์ ในสพริงฟิลด์
รัฐอิลลินอยส์ คำจารึกบนหลุมฝังศพมีว่า "Now he belongs to the ages"



ตำรวจจึงนำศพฆาตกรบันลือโลก ห่อด้วยผ้าห่ม นำขึ้นรถและเรือเดินทางสู่วอชิงตัน หลังจากที่ทันตแพทย์ประจำตัวของบูธตรวจดูฟันของศพ และยืนยันว่านี่คือศพของบูธจริง ศัลยแพทย์จอห์น เมย์ ผู้เคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่คอของบูธ เมื่อได้ดูรอยผ่าตัดที่คอ ก็บอกว่านี่คือศพของบูธเช่นกัน ดังนั้นคณะแพทย์ที่ชันสูตรจึงลงมติว่าบูธเสียชีวิตด้วยพิษกระสุนปืน จากนั้นได้ตัดเนื้อที่คอส่วนหนึ่งใส่ขวดโหลมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์มุตเตอร์ ที่เมืองฟิลาเดลเฟียเพื่อเก็บแล้ว ศพก็ถูกนำไปฝังที่วอชิงตัน อาร์เซนอล และถูกย้ายไปฝังที่สุสานอื่นอีกรวมทั้งสิ้น 3 ครั้ง

หลังจากเวลาผ่านไป 4 ปี รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งมอบศพของบูธแก่ครอบครัว เพื่อนำไปฝังที่สุสานกรีนเม้าท์ ในเมืองบัลติมอร์และนั่นก็คือสิ่งที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้เป็นการสรุปเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก เมื่อ 145 ปีก่อนนี้

การเสียชีวิตของลินคอล์น ลักษณะนี้ได้ทำให้นักประวัติศาสตร์และคนที่สนใจเรื่องการลอบสังหารทางการเมืองตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นการกระทำของบูธเพียงคนเดียว หรือของกลุ่มคนหัวรุนแรง หรือของคนต่างชาติ หลายคนเชื่อว่า "เอ็ดวิน สแตนตัน" ผู้ดำรงดำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ประสงค์จะจับตัวฆาตกรให้ได้เร็วที่สุด จึงวางแผนให้เอาศพใครก็ได้มาอุปโลกน์เป็นศพของบูธ เพื่อเรื่องจะได้จบ ในขณะที่บางคนก็อ้างว่า ศพนั้นมิใช่ของบูธ เพราะหลักฐานที่แพทย์อ้างไม่ตรงกับความจริง เช่น เกรทเชน วอร์เดน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์มุตเลอร์ที่เก็บเนื้อเยื่อของบูธได้ชี้ให้เห็นว่า บูธสักชื่อเป็นอักษรที่มือขวา แต่คนที่เห็นศพ บอกรอยสักอยู่ที่มือซ้าย และแม้แต่ศัลยแพทย์จอห์น เมย์ก็ไม่มั่นใจ 100% ว่าเจ้าของศพนั้นคือบูธ วิธีหนึ่งที่จะสามารถตัดสินการเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมได้ คือตำรวจต้องขุดศพที่ฝังอยู่ที่สุสานกรีนเม้าท์มาตรวจ DNA ใหม่

ในอดีตเมื่อ 16 ปีก่อน เมื่อบรรดาญาติ ๆ ของบูธได้เรียกร้องให้มีการขุดศพมาตรวจศพอีกครั้งหนึ่ง ศาลแห่งบัลติมอร์ได้ปฏิเสธคำร้อง เพราะได้รับคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญเรื่อง DNA ว่า DNA ไม่สามารถใช้ระบุได้ว่าศพเป็นของบูธ ทั้งนี้เพราะญาติของบูธที่มีในขณะนี้เป็นญาติห่าง ๆ ไม่ใช่ญาติตรง ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ DNA ระบุตัวบูธได้

ในปี ค.ศ. 1995 เจมส์ สแตร์ส แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ผู้เคยวิเคราะห์ศพของเจสซี่ เจมส์ ได้แถลงในศาลว่า สิ่งที่ต้องการไม่ใช่ DNA ทั่วไป แต่ต้องเป็น mitochondrial DNA (mt DNA) ของญาติ ๆ ที่เป็นหญิงแห่งตระกูลบูธ เช่น ยายทวด ยาย แม่ หรือลูกสาว แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ตระกูลนี้ไม่มีญาติทางแม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว ครั้นจะขุดศพแม่ของบูธขึ้นมา นั่นก็หมายความว่าตำรวจต้องขุดศพถึง 2 ศพ หรืออาจจะขุดมากกว่านั้นถ้าข้อมูลที่มีไม่ดีพอ ด้วยเหตุนี้ เพื่อป้องกันความโกลาหล ศพของบูธจึงยังคงฝังที่กรีนเม้าท์ต่อไปโดยไม่มีใครรบกวน

นอกจากประเด็นตัวจริงและตัวปลอมแล้วนักประวัติศาสตร์ก็ยังได้ตั้งข้อกังขาเรื่องการวางแผนสังหารว่า ดำเนินการโดยคนคนเดียว หรือหลายคนด้วย ในการตอบข้อสงสัยนี้ แพทริค เลแมน แห่งรอยัล ฮัลโลเวย์ ของมหาวิทยาลัยลอนดอนได้เสนอผลการวิจัยเรื่อง ความเชื่อและความไม่เชื่อในทฤษฎีการสมคบกันก่อการร้าย ในที่ประชุมของ Psychological Society ของอังกฤษเมื่อ 7 ปีก่อน ซึ่งได้ข้อสรุปว่าคนทั่วไปมักเชื่อว่า ถ้าผู้ที่ถูกยิงเป็นคนสำคัญ สาเหตุการยิงก็จะซับซ้อนและไม่ธรรมดา โดยเลแมนได้ใช้นิสิต 64 คน และให้ทดสอบอ่านบทความ ซึ่งกล่าวถึง ประธานาธิบดีของประเทศหนึ่งถูกคนร้ายลอบยิง เลแมนเขียนบทความเป็น 4 รูปแบบ คือ

- แบบที่ 1 ประธานาธิบดีถูกยิง และเสียชีวิต
- แบบที่ 2 ประธานาธิบดีถูกยิง แต่รอดชีวิต
- แบบที่ 3 กระสุนที่ใช้ยิงพลาดเป้า แต่ประธานาธิบดีตายในเวลาต่อมาด้วยสาเหตุอื่น 
- แบบที่ 4 กระสุนพลาดเป้า และประธานาธิบดียังมีชีวิตต่อไป

จากนั้นเลแมนให้นิสิตอ่านบทความเพียงคนละ 1 ชิ้น แล้วตั้งคำถาม 6 ข้อ เช่นว่า นิสิตเชื่อว่าการยิงทำโดยคนคนเดียว หรือเป็นแผนของคนหลายคน และนิสิตเชื่อในบทความที่อ่านมากหรือน้อยเพียงใด เป็นต้น ผลที่ได้รับจากการวิจัยแสดงว่า นิสิตที่เชื่อว่าแผนสังหารเกิดจากคณะบุคคลมักสงสัยในบทความที่อ่านมากกว่า นิสิตที่เชื่อว่าคนคนเดียวยิง และแม้แต่กรณีที่ประธานาธิบดีเสียชีวิตหลังจากการยิง นิสิตส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่า การตายเป็นส่วนหนึ่งของแผนสังหาร

ดังนั้นในภาพรวมเลแมนจึงสรุปว่าผู้คนทั่วไปมักคิดว่า การเสียชีวิตของบุคคลสำคัญของประเทศ เช่น ลินคอล์น, เคนเนดี้ กษัตริย์ และนักการเมืองมักเกิดจากการวางแผนของบุคคลหลายคน มิใช่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของคนคนเดียว พูดง่าย ๆ คือถ้าผลที่เกิดขึ้นยิ่งใหญ่ คนทั่วไปก็คิดว่าสาเหตุก็ยิ่งใหญ่ด้วย

ส่วนการสังหารนายกรัฐมนตรีโซรัน ดจินดจิค แห่งประเทศเซอร์เบีย ที่กรุงเบลเกรด เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2003 นั้นก็เช่นกัน รัฐบาลเซอร์เบียได้ออกแถลงการณ์ว่า การลอบสังหารเป็นผลงานของมาเฟียภายใต้การนำโดยประธานาธิบดีสโลบอดัน มีโลเซวิค ซึ่งก็ตรงกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ทั้งโลก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า นี่คือผลงานของคนคนเดียว ดังเช่น บูธในกรณีลินคอล์น หรือลี ฮาร์วี่ย์ ออสวอด์ล ในกรณีเคนเนดี้









 

Create Date : 23 กันยายน 2557
0 comments
Last Update : 23 กันยายน 2557 14:37:13 น.
Counter : 1520 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.