มิถุนายน 2561

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
28
29
30
 
<บันทึกชีวิตมนุษย์อิ๊ง มข.> ตอนที่ 1 "The prologue ปราการด่านแรก"



 According to my freshman and university bitter-sweet life for a year, I want to share something good for the next generation who want to admit this choice.
This is my life in More-Core "HUSO English Major"

(ภาพนี้...ผมถ่ายวันนี้)

จะหนึ่งปีแล้วนะเนี่ย ที่ได้มาอยู่ในรั้วสีอิฐ บ้านสีขาว ห้องเอกภาษาอังกฤษแห่งนี้
ต้องผ่านอะไรมาบ้าง
"การสอบคัดเลือก" คือปราการด่านแรกของสมรภูมิชีวิตนักศึกษาทุกคน รมทั้งผม
นี่คือที่มาของบล็อกนี้และตอนนี้

-

ย้อนกลับไปเมื่อเทอม 1 ปีการศึกษา 2559
ช่วงนั้นที่ผมเป็น #Dek60 คนหนึ่ง

ผมเรียนอยู่ ม.6 ที่โคราช เรียนและเล่นเหมือนนักเรียนทั่วๆ ไป แต่ที่เพิ่มเติมมาคือเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าเรียนต่อ และใช้จริงในชีวิตประจำวัน
แม้ว่าช่วงนั้นผมดูหนังอย่างบ้าคลั่งและติดมือถือหนักพอสมควร แต่ก็ยังห่วงการเรียนอยู่เป็นอย่างนี้จนถึงช่วงสอบปลายภาค

ตั้งแต่ระหว่างเทอม 1 จนถึงปิดเทอมเล็ก (ปิดเทอมครั้งนั้น ตรงกับช่วงเวลาที่ผมและคนไทยทั้งประเทศไม่เคยลืม...ชั่วชีวิต)
ผมก็ฝึกโจทย์ GAT (ทั้งเชื่อมโยงและอังกฤษ) PAT5 (วิชาชีพครู) และ วิชาสามัญ ไทย-สังคม-อังกฤษ (สามวิชานี้สำคัญมาก สำหรับใครที่อยากเข้าคณะสายศิลป์) ไปด้วย โดยจับเวลาจริง (ส่วนใหญ่จับเวลาสอบ 90 นาที ต่อครั้ง) ผมทำอย่างนี้หลายๆ ชุด หลายๆ รอบ หมายจะได้คะแนนที่พอจะสอบติดคณะในฝัน
มนุษย์อิ๊ง มข. คือหนึ่งในทางเลือกนั้น

หมายเหตุ: แม้ว่าตอนนั้นผมจะมีหลายเป้าหมาย (แต่ไม่ใช่คณะสายวิทย์แน่นอน)
ผมจะขอพูดถึงการเตรียมตัวสอบเข้ามนุษย์อิ๊ง มข. เพียงอย่างเดียว

ผมสนใจคณะและสาขานี้ เพราะมีหลักสูตรที่ตอบโจทย์คนชอบภาษาอังกฤษได้อย่างดี โดยเฉพาะการแปลที่ผมเริ่มสนใจอย่างสุดๆ (มาเรียนอยู่ที่นี่ต้องเจอวิชาอะไร To be continued นะจ๊ะ)

และอีกอย่าง มข.จัดสอบเอง ไทย-สังคม-อังกฤษ คือวิชาที่ใช้สอบคัดเลือก

ผมจึงเบนเข็มเลือกคณะนี้เป็นเป้าหมายในการสอบติด และเลือกสอบโควตาภาคอีสานรอบแรก เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ในชีวิตของผม

ระหว่างช่วงนั้น ผมอ่านหลักสูตรของสาขานี้ว่าเรียนอะไรบ้าง เพื่อเป็นแรงจูงใจในการเตรียมตัวสอบครั้งสำคัญ

ผมเลือกที่จะลุยสอบ GAT-PAT รอบ 1/2560 (สอบช่วงวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน ปีนั้น - "กลัวตั้งใจแต่ไปไม่ถึง" คือความรู้สึก ณ ตอนนหลังสอบเสร็จ ผมจึงไม่อยากรู้เฉลยคำตอบใดๆ นอกจากคะแนนสอบ) ให้เสร็จทั้งหมดก่อน แล้วค่อยลุยสอบโควตา มข. เพื่อไม่ให้ความรู้ที่มีสำหรับสนามสอบต่างๆ (9 วิชาสามัญและ ONET) ตีรวนกัน

เข้าเดือนพฤศจิกายน (ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแผ่นดินอยู่) ผมตะลุยโจทย์แบบจับเวลาและทวบทวนเนื้อหาที่ใช้สอบ รวมไปถึงเรียนพิเศษเหมือนเคย เพิ่มเติมคือทำพอร์ต จนวันนั้นมาถึง...

--

(ถ่ายเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2559 - วันสอบโควตา ณ โรงเรียนมารีย์วิทยา)

26 พฤศจิกายน 2559 - วันสอบโควตา ณ โรงเรียนมารีย์วิทยา

ผมได้เจอเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนร่วมโรงเรียนและเพื่อนเก่าอยู่จำนวนหนึ่ง คุยกันเล็กๆ น้อยๆ

พอถึงเวลาสอบก็ลุยตามหน้าที่

ภาษาไทย: ออกสไตล์ ONET คือ หลักภาษา (คำสมาส-สนธิ, คำเป็น-คำตาย, อักษรนำ, ฉันทลักษณ์, เป็นต้น) และการใช้ภาษา (ส่วนหลังนี้เป็นตัวเก็บคะแนนชั้นดีเลย เนื้อหาที่ออกเท่าที่จำได้ก็มี การอ่านจับใจความ, ระดับภาษา, เป็นต้น)

สังคมศึกษา: วิชานี้มีข้อสอบเก่าอยู่ 2-3 ข้อ และทั้ง 5 สาระ (ศาสนา, หน้าที่พลเมือง, เศรษฐศาสตร์, ประวัติศาสตร์, และภูมิศาสตร์) เป็นยาหม้อใหญ่ที่ไม่ยากเกินไป

ภาษาอังกฤษ: ออกสไตล์ ONET ง่ายปนยาก โดย Reading คือเนื้อหาที่ปาบเซียนทุกสนามสอบ

---

หลังจากสอบโควตาเสร็จ ก็เข้าเดือนธันวาคม (เริ่มต้นแผ่นดินใหม่) 

ผมกลับมาเตรียมรบกับ 9 วิชาสามัญ "สนามสอบที่ยากที่สุด" คราวนี้ไม่เรียนพิเศษแล้ว
ระหว่างนั้นผมก็ได้รู้คะแนนสอบโควตา ปรากฏว่า

ไทยและสังคมได้  64 คะแนน ส่วนภาษาอังกฤษ ได้ 70 คะแนน
"ข้าเกลียดท่าน (เสียงชาคริต)" คือความรู้สึกที่ออกมาหลังคะแนนสอบ เพราะผมตั้งเป้าไว้ทั้ง 3 วิชา ต้องได้วิชาละ 70 คะแนน จึงจะสอบติด
รวมคะแนนจริงที่ได้ (จากการใช้โปรแกรมคำนวณ) คือ 67.0 คะแนน (สูงกว่าปี 2559 2 คะแนน)
ยังลุ้นอยู่นะ

ในเวลาต่อมา คะแนน GAT-PAT ก็ออกมา ปรากฏว่า...
เจ็บมากๆ โดยเฉพาะ GAT ได้คะแนนรวม 212.51 (GAT อิ๊ง ได้ 105 GAT เชื่อมโยงที่ผมหวังจะได้เต็ม กลับได้เพียง 107.51 เจ็บใจแฮง) และ PAT 5 ที่ผมหวังไว้ 180 คะแนน กลับได้เพียง 165 ซะงั้น
----

เที่ยงคืนของวันใหม่ วันที่ 22 ธันวาคม (ก่อนสอบ 9 วิชาสามัญ เพียง 2 วัน)
เพื่อนที่สอบโควตา มข. ด้วยกัน ทักแชท "ยินดีด้วยนะ"
ผมงงอยู่สักพัก แล้วเข้าไปดูประกาศผลสอบ ปรากฏว่า "มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์" ผมดีใจมากเลย
หลังจากที่ดูรายละเอียดต่างๆ อย่างถ่องแท้ "ตรวจร่างกายตามแบบฟอร์มที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน" คือสิ่งแรกที่ผมทำในเช้าวันนั้น

พอตกบ่ายๆ ก็ได้เข้าติว Final Countdown 9วิชาสามัญ (อังกฤษ ไทย สังคมฯ) ที่ Enconcept โคราช การติวครั้งสำคัญนี้กินเวลาถึงเกือบห้าทุ่มกว่าๆ จึงให้พ่อแม่มารับกลับบ้านในคืนนั้น เพื่อเข้าสู่สนามสอบจริงทั้ง 2 วัน (การสอบครั้งนั้นจัดขึ้นที่ โรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์) 
สำหรับการสอบครั้งนั้น ภาษาไทยง่ายที่สุดแล้ว (เน้นการใช้ภาษาอย่างเดียว) อังกฤษง่ายยากรองลงมา และสังคมศึกษาหินมากที่สุด (โดยเฉพาะเนื้อหาหน้าที่พลเมือง "ออกเรื่องกฎหมาย')

ช่วงที่ผมสนามนี้ ผมก็เป็นหวัดระคายคอ หมดสนุกเสียจริง

-----

คืนก่อนสอบสัมภาษณ์ (27 ธันวาคม)

ผมและแม่รอพ่อเพื่อไปค้างคืนที่ขอนแก่น (ที่แห่งนั้นคือ โรงแรมขวัญมอ) พ่อมาถึงบ้านช่วงสี่ทุ่มกว่าๆ จึงออกเดินทางจากโคราชไปขอนแก่น กินเวลาถึงเที่ยงคืนของวันใหม่ คือ 28 ธันวาคม
ซึ่งวันนั้น คือวันสอบสัมภาษณ์ โควตา มข. ภาคอีสานรอบแรก

เมื่อวันนั้นมาถึง พ่อก็พาผมไปยังคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ตึก HS05 คือตึกแรกที่ผมผ่านมาเห็น พอเข้าไปตึกนั้นก็จะเห็นรายชื่อนักศึกษาเกียรตินิยมอันดับ 1 เป็นเรียงราย
"เอ๊ะ ชื่อนี่ช่างคุ้นๆ" ผมมองชื่อของคนๆ หนึ่ง แล้วก็นึกออกในเวลาต่อมา
เขาคนนั้นก็คือ "สมชาย ตรุพิมาย" ศิษย์เก่าคณะนี้นี่นา เขาแต่งเพลงลูกดังปังๆ ไว้หลายเพลงนะ อย่างเพลงเมื่อไหร่จะพอ (ของเดือนเพ็ญ อำนวยพร) ก็เป็นฝีมือการแต่งของเขา

เอ่อ...เรื่องนั้นช่างมันเถอะขอรับ (ทำเสียงเคโรโระ)

-------

เข้าสู่สนามสอบสัมภาษณ์ ที่ตึกรัตนพิทยา
พอทุกอย่าง (เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอบสัมภาษณ์) พร้อม ก็เข้าตึกนี้ทันที

การสอบสัมภาษณ์ครั้งนั้น สอบเป็นคู่ อาจารย์คุมสอบก็เป็นคู่เช่นกัน
ผมคู่กับเด็กลูกครึ่งไทย-ฟิลิปปินส์

พอเข้าห้องสอบก็ให้แนะนำตัว และตอบคำถามทำไมอยากเรียนคณะและสาขานี้ "ตอบเป็นอิ๊งแน่นอน"

หลังจากจบคำถามนี้ ก็ให้สนทนาในหัวข้อ "คุณและโทษของสื่อออนไลน์"

เขาเปิดก่อนพร้อมการพูอังกฤษที่ดีอยู่ ผมก็พูดนะ แต่คิดนานไปหน่อย จึงทำให้บางจังหวะไม่ลื่นใหลเท่าที่ควร แต่ก็พูดคุยได้นะ

สนทนาจบ ก็เข้าคำถามสุดท้าย "มีอะไรจะถามอีกไหม"
ผมก็ถามไปเป็นอิ๊งว่า "มีวิชาแปลบทหนังไหมครับ"
อาจารย์ที่คุมสอบตอบว่า "ไม่เชิงนะ น่าจะอยู่ในวิชาการแปลเฉพาะด้าน ซึ่งจะเจอตอนปี 4"
คู่สนทนาผม ไม่มีคำถาม แล้วก็สอบสัมภาษณ์เสร็จ

ทั้งครอบครัวกลับโคราช รอวันชี้ชะตาต่อไป

-------

ตอนค่ำของวันที่ 30 ธันวาคม 2559
ผมเข้าเว็บดูรายชื่อผู้ผ่านสัมภาษณ์มีสิทธิ์เข้าศึกษา ปรากฎว่ามีชื่อผมอยู่ด้วย
ผมดีใจมากที่สอบติดคณะที่เป็นตัวเองมากที่สุด
จากนั้นก็ฉลองปีใหม่ไปแบบเบาๆ (อันเนื่องมาจากช่วงไว้ทุกข์ในหลวงรัชกาลที่ 9)

--------

มกราคม 2560
เมื่อถึงเวลายืนยันสิทธิ์ก็ยืนยันในเว็บ กรอกข้อมูลต่างๆ และจ่ายค่าเทอมไป 10,000.- (ค่าเทอมของคณะมนุษยศาสตร์ฯ) เป็นอันปิดเกมชีวิต #Dek60 อย่างสมบูรณ์
รวมไปถึงจองหอพักด้วยแหละ

จากนั้นก็กลับมาสู่วงเวียน เรียนและเล่นตามเดิม เพิ่มเติมคือเตรียม ONET

กุมภาพันธ์ 2560
โค้งสุดท้ายของ ONET แล้วลงสนามจริง
จากนั้น นับถอยหลังวันจบ ม.6

มีนาคม - ต้นเดือนกรกฎาคม 2560
หลังสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายในชีวิตนักเรียน...ในที่สุดก็จบ ม.6 แล้ว
ตลอด 4 เดือนกว่าๆ ผมผ่อนคลายตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง แปลเพลงฝรั่ง วาดรูป เล่นอินเทอร์เน็ต และอีกเพียบ

ช่วงสงกรานต์เดือนเมษาก็ได้ไปแอ่วเหนือ (ลำปาง เชียงใหม่ และลำพูน) ไปทั้งครอบครัวและญาติๆ เลย จากนั้นก็ได้เข้าไปกราบสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยทริปนั้น ผมไปกับยาย ป้า ลุง และลูกพี่ลูกน้อง พักที่กรุงเทพ 3 วัน 2 คืน แล้วค่อยกลับบ้าน
ผมเริ่มเขียนบล็อกเมื่อปลายเดือนนี้ และเขียนมาเรื่อยๆ

พฤษภาก็เตรียมสอบ TOFEL-ITP เข้าเดือนมิถุนายนก็ลงสนามจริงที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้คะแนน 470 กว่าๆ
(ผมสอบครั้งแรกสุดตอน ม.5 ได้ 500 แต้ม และคะแนนี้มีอายุ 2 ปี นับจากวันสอบ)
หนทางยังอีกยาวไกล ย้อมใจด้วยมิสเตอร์แสบฯ 3 ในโรงฯ

จากนั้นก็พักเรื่อยๆ จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม
ผมลาโคราชไปอยู่ขอนแก่น เตรียมความพร้อมเข้าสู่ชีวิตนักศึกษาอย่างเต็มตัว

ผม...จะมาเล่าถึงช่วงชีวิตน้องใหม่ตลอด 1 ปีการศึกษา ในโอกาสต่อไป

<---To Be Continued-----||/



Create Date : 25 มิถุนายน 2561
Last Update : 25 มิถุนายน 2561 19:27:32 น.
Counter : 11289 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrTreeT-28
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



"The Mr.Tree T-28's blog"
By Design for the Best"
A Fan-art Lover
Since April 29, 2017
Renovated on June 28, 2017
(All blogs are entertainment and education purpose only)
Enjoy The Blog ^_^