มิถุนายน 2561

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
28
29
30
 
<บันทึกชีวิตมนุษย์อิ๊ง มข.> ตอนที่ 3 "This Too Shall Pass: แด่เทอม 2 ที่ผ่านไป"


ความเดิมตอนที่แล้ว
หลังจากที่ผ่านเทอม 1 อันสุดสุขสันต์ได้เพียง 2 สัปดาห์
เข้าปีใหม่ ไปๆ มาๆ เปิดเทอม 2 แล้วนี่นา

(For wasted past - เพื่อนถ่ายให้ช่วงปลายเดือนมกราคม)

ตลอดช่วงเทอม 2 ที่ผ่านมา ผมลงเรียนถึง 7 วิชา และแต่ละวิชา ท้าทายมากๆ เลย

-------

*ผมจำแนกประเภทวิชาต่างๆ เอาไว้เพื่อให้เข้าใจง่าย อธิบายพอสังเขป และที่สำคัญ เซกใครเซกมัน วันและเวลาต่างกันตามตารางเรียนที่เราเลือกไว้เอง*

*

1. วิชาศึกษาทั่วไป

1.1 การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา (CRITICAL THINKING AND PROBLEM SOLVING / ชื่อเล่น: Critical)

เนื้อหาที่ต้องเจอ: Critical thinking คืออะไร ข้อเท็จจริง-ความจริง-ข้อคิดเห็น-ความเชื่อ-ข้อกล่าวอ้าง สุนทรียสนทนา การโต้ตอบเมื่อถูกวิจารณ์ จำได้แค่นี้

ภาระงาน: 6 สัปดาห์แรกให้ทำชีทเป็นงานเดี่ยวบ้างกลุ่มบ้าง 
จากนั้นก็ลุยโครงงานตลอดเทอม (กลุ่มผมทำเรื่องวิธีการทำผัดหมี่ซั่วเจให้อร่อย)

สอบ: มีแต่ไฟนอลอย่างเดียว

ความในใจ: อาจารย์ที่มาสอนเซกผม ถึงแม้จะดุด้วยน้ำเสียงหวานๆ แต่ก็ให้แนวคิดในการใช้ชีวิตแก่เราๆ นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตามข่าวสารในปัจจุบัน ชัวร์ก่อนแชร์ และอีกมากมายเลย

ถ้ามองแบบมุมแคบๆ ผมคงเป็นกบในกะลา
แต่ถ้ามองมุมกว้างๆ "ขอบคุณที่อบรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเรา" คือความคิดนั้นของผม

"ฟังทันหรือเปล่า" คือ Catchphrase ของอาจารย์ประจำเซคผม

ขอบคุณทุกๆ อย่างที่อาจารย์มอบให้ผมและเพื่อนๆ
รวมไปถึงคำแซะเมื่อตอนนั้น (ตอนที่เผลอหลับในห้องเรียนขณะเรียนคาบชดเชยอยู่ และตอนเดินเล่นมือถือในวันสุดท้ายของคลาส) 

และสิ่งต่างๆ จากอาจารย์ครั้งนั้น ทำให้วิชานี้มีความหมายไม่แพ้รายละเอียดรายวิชาและเนื้อหาต่างๆ ที่สอนไป

กล่าวคือ "จำฝังใจ" ไม่ลืม (เพลงมา...)

**

2. วิชาภาษาที่สาม

2.1 ภาษาญี่ปุ่นขั้นต้น 2

เนื้อหาที่ต้องเจอ: เนื้อหา 5 บทหลัง (คือ 6-10 มีบทสนทนาและไวยากรณ์) ที่เพิ่มเติมมาคือ "คันจิ"

ภาระงานและสอบ: เหมือนกับเทอม 1 แต่ไม่มีสอบเก็บคะแนน และสอบคันจิ คือสิ่งที่เพิ่มเข้ามา (ส่วนนี้ไม่สปอยล์ดีกว่า)

***

3. วิชาเสรี

3.1 การพูดในที่ชุมชน

เนื้อหาที่ต้องเจอ: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการพูดในที่ชุมชน การพูดแนะนำตัว การพูดแบบฉับพลัน การพูดแบบโน้มน้าวใจ การพูดสุนทรพจน์ การพูดพิธีกร การโต้วาที และการพูดวิทยากร

ภาระงาน: เน้นสอบเก็บคะแนน "แบบปฏิบัติ" เป็นหลัก

สอบ: มีแค่ปลายภาคอย่างเดียว เขียนล้วนๆ กับความรู้ที่เราเรียนมา

ความในใจ: เป็นวิชาเสรีที่ผมหวังเล็กว่า "จะช่วยปรับบุคลิกตัวเองให้เข้าท่ากว่า" เพราะผมชอบที่จะพูดให้คนอื่นฟัง แต่กลัวว่ามันจะออกมาดีไหม จึงทำให้วิชานี้คือตัวเลือกที่ผมต้องการเรียนมากที่สุด 
(อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร...ติดตามต่อบล็อกหน้า)

ผมเป็นน้องเล็กสุดในบรรดานักศึกษา 13 คน (นอกนั้นเป็นนักศึกษารุ่นพี่คณะเดียวกัน เป็นเอกจีนและไทย และเป็นปี 2 และ 3 คละกันไป)
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ผลงานที่ออกมาตลอด 1 เทอมที่ผ่านมา ดีบ้างไม่ดีบ้าง
"เปล่งเสียงไม่สุด" คือจุดอ่อนที่อาจารย์บ่งชี้แก่ผม

ส่วนจุดอ่อนอื่นๆ ก็มี "ปั้นเสียง" "พูดเร็วไป" 
จากสิ่งเหล่านี้ "ผมรู้อยู่แก่ใจว่าควรทำอย่างไร"

"การพูดวิทยากร" คือบทเรียนที่ชอบมากที่สุด เพราะได้มีโอกาสนำเสนอสิ่งที่ถนัดให้คนอื่นๆ งานนี้เป็นงานกลุ่มๆ ละ 3-4 คน รูปแบบการฝึกจะเป็นแบบทอล์กโชว์เล็กๆ (มีพิธีกรคนเดียว นอกนั้นเป็นวิทยากร)  

แต่ละกลุ่มได้เรื่อง เตรียมตัวเป็นแอร์, ออกกำลังกาย และ เขียนพู่กันจีน กลุ่มของผมได้เรื่อง "เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย" 

เพื่อนๆ แต่ละกลุ่มทำผลงานได้ดี แม้จะมีจุดอ่อนบ้าง "รวมทั้งผมด้วย"
ช่างเป็นความทรงจำที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ

ผมขอบคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำด้านการพูดที่ดี และรุ่นพี่อีก 12 คนมากครับ 
ผมจะไม่ลืมวิชานี้ไปจากใจเลย

****

4. วิชาเอกบังคับ

4.1 การสนทนาภาษาอังกฤษในสถานการณ์เฉพาะ (ENGLISH CONVERSATION IN SPECIFIC SITUATIONS / ชื่อเล่น: คอนเวอร์)

เนื้อหาที่ต้องเจอ: เป็นภาคต่อของ SPEAKING โดยเน้นเหตุการณ์ต่างประเทศเป็นหลัก (เนื้อหาที่เจอก็มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข่าวสิ่งแวดล้อม ประมาณนั้น)

ภาระงาน: เน้นการพูดเป็นหลัก (มักเป็นงานกลุ่ม) และอาจารย์ที่สอนเซคผมยังเป็นคนเดิมจาก SPEAKING ด้วย

สอบ: มีทั้งกลางภาคและปลายภาค (พูดเป็นกลุ่มเช่นกัน)

ความในใจ: ท้าทายกว่า SPEAKING เพราะต้องเตรียมเนื้อหาที่ไม่คุ้นเคยไว้ให้แน่นพอสมควร งานกลุ่มซะด้วย อธิบายไม่ถูกอีกแล้ว

4.2 การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ (ENGLISH READING COMPREHESION / ชื่อเล่น: Reading)

เนื้อหาที่ต้องเจอ: Scanning, Topic - Main Idea, Skimming, Making Inferences, Etc. (คำนี้แปลว่า "เป็นต้น')
"Context Clues" are the lifelines (แปลว่า ตัวช่วย; คำนี้ชอบใช้ในรายการ Who Wants to Be a Millionaire?) in this course.

ภาระงาน: เป็น Reading portfolio ของแต่ละบท ให้เราหาบทความมาเองแล้วทำตามคำสั่งของแต่ละบทนั้นๆ
มีงานใหญ่แค่งานเดียว "เป็นงานกลุ่ม" คือ อ่านเรื่องสั้นในหนังสือ Tasty Tales Level 4 Intermediate (ของ Cambridge) แล้วสรุปความเนื้อหา อ่านแล้วได้อะไร คิดอย่างไรกับเรื่องนี้

สอบ: กลางภาคและปลายภาคอีกแล้ว "มีทั้งแบบ Multiple choices และ Written format"

ความในใจ: ตอนสอบนี่เขียนจนมือหงิกมืองอเลย

4.3 การวิเคราะห์โครงสร้างภาษาอังกฤษ (ENGLISH SYNTACTIC ANALYSIS / ชื่อเล่น: Syntax)

เนื้อหาที่ต้องเจอ: เป็นภาคต่อของ English Structures แต่จะเป็นเรื่อง Subject - Predicate, Part of Speech,Type of Phrases and Sentences, และ Syntax Tree (แตกกันมันเชียว)

ภาระงาน: แจกชีทให้ทำเป็นงานเดี่ยว ก่อนสอบให้แตก Part of Speech และ Syntax Tree ในคำคมคนดัง 20 คำคม

สอบ: มีสอบเก็บคะแนน (Quiz) ในแต่ละบท และมาจบที่ปลายภาค

ความในใจ: อาจารย์ใจดีมาก เรียนแล้วชิลพอๆ กับ Structure เลยทีเดียว

...และแล้วก็มาถึงพระเอก (หนังชีวิต) ประจำบล็อกนี้...
4.4 ภาษาศาสตร์ภาษาอังกฤษขั้นแนะนำ (INTRODUCTION TO ENGLISH LINGUISTICS / ชื่อเล่น: ลิง, ลิงกวิซ, ลิงกวิซติกส์)

เนื้อหาที่ต้องเจอ: ธรรมชาติของภาษา, Phonetics (แบบเล็กๆ แค่อวัยวะที่เอี่ยวกับการออกเสียง และตัวอักษร IPA), Morphology, Syntax (แบบซับซ้อนนิดๆ), และ Semantics

ภาระงาน: ไม่มีเลยครับพี่น้อง

สอบ: "Quiz ไม่แจ้งล่วงหน้า (แต่หลังๆ บอกเป็นนัยๆ ว่าจะสอบวันไหน)" แล้วก็กลางภาค - ปลายภาค (เขียนหมดเลย)

ความในใจ: ช่วงแรกๆ ของวิชานี้ ผมไม่ตั้งใจเรียน อ่านเนื้อหาแบบก้อมแก้ม เล่นมือถือบ่อย พอทำ Quiz ก็เลยเป๋ จนทำให้ quiz แรกได้คะแนนเกินครึ่งเพียงนิดเดียว โดยผลออกมาไม่น่าพอใจ

Quiz ครั้งที่สอง (อยู่ในบท Phonetics เรื่องเสียงก้องไม่ก้อง) ผมตั้งใจเตรียมสอบเต็มที่กว่าครั้งแรก แต่ตอนทำจริงกลับลังเลและเกร็งเสียงั้น 
สุดท้าย...ได้คะแนนเกือบเกินครึ่ง

Quiz สองครั้งแรกทำให้ผมเสียสติ เครียด และกลัวติด F วิชานี้อย่างจัง
อาการเหล่านี้หายได้ไปในช่วงสามสัปดาห์ต่อมา เพราะกำลังใจจากพ่อแม่และเพื่อนๆ รวมถึงตัวเอง

จนกระทั่งช่วงก่อน Quiz ครั้งที่สาม คราวนี้ปรับรูปแบบการเรียนใหม่ จะเล่นมือถือต้องใช้ Appdetox คุมวินัย และท่องจำในแบบของเรา
ในที่สุด เมื่อมาถึงเวลาจริง ได้คะแนนเกือบเต็มเพียง 3-4 คะแนน
ผมพอใจและได้พลังใจมากขึ้น

ทำให้ Quiz ครั้งหลังๆ (ที่อยู่ในช่วงครึ่งเทอมหลังเป็นต้นมา) ผมเตรียมตัวและตั้งใจทำอย่างเต็มที่ "โดยไม่เกร็ง" และหลังจากนั้นไม่มีการบอกคะแนนเลย ทำให้รู้สึกเบาใจไประดับหนึ่ง

ทั้งการสอบกลางภาคและปลายภาค ต้องดึงความรู้ที่เรียนมา (จากการอ่านเองและให้เพื่อนช่วยสรุปให้) เพื่อใช้ตอบคำถามทั้งแบบเติมช่องว่างและเขียนบรรยาย แน่นอนผมเขียนจนมือหงิกอีกแล้ว

ผมฝ่าฟันวิชานี้จนแทบบ้าในช่วงครึ่งเทอมหลังเป็นต้นมา เตรียมตัวสอบประสาม้าตีนปลาย

สุดท้าย...ได้ "C+" โล่งอกไปทันใด

ก่อนจบบล็อกนี้ ผมขอบคุณอาจารย์ประจำวิชานี้ที่ทำให้ผมรู้ว่า
- จะอ่านเนื้อหาที่ยากมาก "อย่าอ่านก้อมแก้มและต้องจำให้ดี"
- Cambridge Dictionary มีประโยชน์เพียงใด
- การเตรียมใจแบบไม่ทันตั้งตัว มีความหมายมากเพียงใด


สรุปสั้นๆ "ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องทำ" คือสิ่งที่ผมได้จากวิชานี้
และจะไม่มีวันลืมวิชานี้เลย "ทั้งเนื้อหาวิชาการและวิชาชีวิต"

-------

สำหรับเทอมสองที่ผ่านมานั้น...
ผมผ่าฟันเรื่องราวต่างๆ อย่างทุลักทุเล จนเป๋ไปบ้างบางครา
แล้วก็สบายใจเมื่อสอบปลายภาคเสร็จ

นึกถึงคำคมของอาจารย์ที่สอน Syntax คำหนึ่ง ที่ผมยังจำจนถึงวันนี้ นั่นคือ...

"This too shall pass" แปลว่า "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"

และในที่สุด...ก็เป็นจริงตามนั้น ไปพร้อมกับการสิ้นสุดชีวิตปี 1 อันหวานและขมปะปนกันไป

พักเรื่องเรียนมาเข้าเรื่องกิจกรรมที่ผ่านกันไหม
"แต่เป็นบล็อกหน้านะ"

<---To Be Continued-----||/





Create Date : 27 มิถุนายน 2561
Last Update : 11 กรกฎาคม 2561 16:17:59 น.
Counter : 1963 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrTreeT-28
Location :
นครราชสีมา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



"The Mr.Tree T-28's blog"
By Design for the Best"
A Fan-art Lover
Since April 29, 2017
Renovated on June 28, 2017
(All blogs are entertainment and education purpose only)
Enjoy The Blog ^_^