<บันทึกชีวิตมนุษย์อิ๊ง มข.> ตอนที่ 3 "This Too Shall Pass: แด่เทอม 2 ที่ผ่านไป" ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากที่ผ่านเทอม 1 อันสุดสุขสันต์ได้เพียง 2 สัปดาห์ เข้าปีใหม่ ไปๆ มาๆ เปิดเทอม 2 แล้วนี่นา (For wasted past - เพื่อนถ่ายให้ช่วงปลายเดือนมกราคม) ตลอดช่วงเทอม 2 ที่ผ่านมา ผมลงเรียนถึง 7 วิชา และแต่ละวิชา ท้าทายมากๆ เลย ------- *ผมจำแนกประเภทวิชาต่างๆ เอาไว้เพื่อให้เข้าใจง่าย อธิบายพอสังเขป และที่สำคัญ เซกใครเซกมัน วันและเวลาต่างกันตามตารางเรียนที่เราเลือกไว้เอง* * 1. วิชาศึกษาทั่วไป 1.1 การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหา (CRITICAL THINKING AND PROBLEM SOLVING / ชื่อเล่น: Critical) เนื้อหาที่ต้องเจอ: Critical thinking คืออะไร ข้อเท็จจริง-ความจริง-ข้อคิดเห็น-ความเชื่อ-ข้อกล่าวอ้าง สุนทรียสนทนา การโต้ตอบเมื่อถูกวิจารณ์ จำได้แค่นี้ ภาระงาน: 6 สัปดาห์แรกให้ทำชีทเป็นงานเดี่ยวบ้างกลุ่มบ้าง จากนั้นก็ลุยโครงงานตลอดเทอม (กลุ่มผมทำเรื่องวิธีการทำผัดหมี่ซั่วเจให้อร่อย) สอบ: มีแต่ไฟนอลอย่างเดียว ความในใจ: อาจารย์ที่มาสอนเซกผม ถึงแม้จะดุด้วยน้ำเสียงหวานๆ แต่ก็ให้แนวคิดในการใช้ชีวิตแก่เราๆ นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการติดตามข่าวสารในปัจจุบัน ชัวร์ก่อนแชร์ และอีกมากมายเลย ถ้ามองแบบมุมแคบๆ ผมคงเป็นกบในกะลา แต่ถ้ามองมุมกว้างๆ "ขอบคุณที่อบรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของเรา" คือความคิดนั้นของผม "ฟังทันหรือเปล่า" คือ Catchphrase ของอาจารย์ประจำเซคผม ขอบคุณทุกๆ อย่างที่อาจารย์มอบให้ผมและเพื่อนๆ รวมไปถึงคำแซะเมื่อตอนนั้น (ตอนที่เผลอหลับในห้องเรียนขณะเรียนคาบชดเชยอยู่ และตอนเดินเล่นมือถือในวันสุดท้ายของคลาส) และสิ่งต่างๆ จากอาจารย์ครั้งนั้น ทำให้วิชานี้มีความหมายไม่แพ้รายละเอียดรายวิชาและเนื้อหาต่างๆ ที่สอนไป กล่าวคือ "จำฝังใจ" ไม่ลืม (เพลงมา...) ** 2. วิชาภาษาที่สาม 2.1 ภาษาญี่ปุ่นขั้นต้น 2 เนื้อหาที่ต้องเจอ: เนื้อหา 5 บทหลัง (คือ 6-10 มีบทสนทนาและไวยากรณ์) ที่เพิ่มเติมมาคือ "คันจิ" ภาระงานและสอบ: เหมือนกับเทอม 1 แต่ไม่มีสอบเก็บคะแนน และสอบคันจิ คือสิ่งที่เพิ่มเข้ามา (ส่วนนี้ไม่สปอยล์ดีกว่า) *** 3. วิชาเสรี 3.1 การพูดในที่ชุมชน เนื้อหาที่ต้องเจอ: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการพูดในที่ชุมชน การพูดแนะนำตัว การพูดแบบฉับพลัน การพูดแบบโน้มน้าวใจ การพูดสุนทรพจน์ การพูดพิธีกร การโต้วาที และการพูดวิทยากร ภาระงาน: เน้นสอบเก็บคะแนน "แบบปฏิบัติ" เป็นหลัก สอบ: มีแค่ปลายภาคอย่างเดียว เขียนล้วนๆ กับความรู้ที่เราเรียนมา ความในใจ: เป็นวิชาเสรีที่ผมหวังเล็กว่า "จะช่วยปรับบุคลิกตัวเองให้เข้าท่ากว่า" เพราะผมชอบที่จะพูดให้คนอื่นฟัง แต่กลัวว่ามันจะออกมาดีไหม จึงทำให้วิชานี้คือตัวเลือกที่ผมต้องการเรียนมากที่สุด (อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร...ติดตามต่อบล็อกหน้า) ผมเป็นน้องเล็กสุดในบรรดานักศึกษา 13 คน (นอกนั้นเป็นนักศึกษารุ่นพี่คณะเดียวกัน เป็นเอกจีนและไทย และเป็นปี 2 และ 3 คละกันไป) ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผลงานที่ออกมาตลอด 1 เทอมที่ผ่านมา ดีบ้างไม่ดีบ้าง "เปล่งเสียงไม่สุด" คือจุดอ่อนที่อาจารย์บ่งชี้แก่ผม ส่วนจุดอ่อนอื่นๆ ก็มี "ปั้นเสียง" "พูดเร็วไป" จากสิ่งเหล่านี้ "ผมรู้อยู่แก่ใจว่าควรทำอย่างไร" "การพูดวิทยากร" คือบทเรียนที่ชอบมากที่สุด เพราะได้มีโอกาสนำเสนอสิ่งที่ถนัดให้คนอื่นๆ งานนี้เป็นงานกลุ่มๆ ละ 3-4 คน รูปแบบการฝึกจะเป็นแบบทอล์กโชว์เล็กๆ (มีพิธีกรคนเดียว นอกนั้นเป็นวิทยากร) แต่ละกลุ่มได้เรื่อง เตรียมตัวเป็นแอร์, ออกกำลังกาย และ เขียนพู่กันจีน กลุ่มของผมได้เรื่อง "เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย" เพื่อนๆ แต่ละกลุ่มทำผลงานได้ดี แม้จะมีจุดอ่อนบ้าง "รวมทั้งผมด้วย" ช่างเป็นความทรงจำที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ ผมขอบคุณอาจารย์สำหรับคำแนะนำด้านการพูดที่ดี และรุ่นพี่อีก 12 คนมากครับ ผมจะไม่ลืมวิชานี้ไปจากใจเลย **** 4. วิชาเอกบังคับ 4.1 การสนทนาภาษาอังกฤษในสถานการณ์เฉพาะ (ENGLISH CONVERSATION IN SPECIFIC SITUATIONS / ชื่อเล่น: คอนเวอร์) เนื้อหาที่ต้องเจอ: เป็นภาคต่อของ SPEAKING โดยเน้นเหตุการณ์ต่างประเทศเป็นหลัก (เนื้อหาที่เจอก็มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข่าวสิ่งแวดล้อม ประมาณนั้น) ภาระงาน: เน้นการพูดเป็นหลัก (มักเป็นงานกลุ่ม) และอาจารย์ที่สอนเซคผมยังเป็นคนเดิมจาก SPEAKING ด้วย สอบ: มีทั้งกลางภาคและปลายภาค (พูดเป็นกลุ่มเช่นกัน) ความในใจ: ท้าทายกว่า SPEAKING เพราะต้องเตรียมเนื้อหาที่ไม่คุ้นเคยไว้ให้แน่นพอสมควร งานกลุ่มซะด้วย อธิบายไม่ถูกอีกแล้ว 4.2 การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ (ENGLISH READING COMPREHESION / ชื่อเล่น: Reading) เนื้อหาที่ต้องเจอ: Scanning, Topic - Main Idea, Skimming, Making Inferences, Etc. (คำนี้แปลว่า "เป็นต้น') "Context Clues" are the lifelines (แปลว่า ตัวช่วย; คำนี้ชอบใช้ในรายการ Who Wants to Be a Millionaire?) in this course. ภาระงาน: เป็น Reading portfolio ของแต่ละบท ให้เราหาบทความมาเองแล้วทำตามคำสั่งของแต่ละบทนั้นๆ มีงานใหญ่แค่งานเดียว "เป็นงานกลุ่ม" คือ อ่านเรื่องสั้นในหนังสือ Tasty Tales Level 4 Intermediate (ของ Cambridge) แล้วสรุปความเนื้อหา อ่านแล้วได้อะไร คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ สอบ: กลางภาคและปลายภาคอีกแล้ว "มีทั้งแบบ Multiple choices และ Written format" ความในใจ: ตอนสอบนี่เขียนจนมือหงิกมืองอเลย 4.3 การวิเคราะห์โครงสร้างภาษาอังกฤษ (ENGLISH SYNTACTIC ANALYSIS / ชื่อเล่น: Syntax) เนื้อหาที่ต้องเจอ: เป็นภาคต่อของ English Structures แต่จะเป็นเรื่อง Subject - Predicate, Part of Speech,Type of Phrases and Sentences, และ Syntax Tree (แตกกันมันเชียว) ภาระงาน: แจกชีทให้ทำเป็นงานเดี่ยว ก่อนสอบให้แตก Part of Speech และ Syntax Tree ในคำคมคนดัง 20 คำคม สอบ: มีสอบเก็บคะแนน (Quiz) ในแต่ละบท และมาจบที่ปลายภาค ความในใจ: อาจารย์ใจดีมาก เรียนแล้วชิลพอๆ กับ Structure เลยทีเดียว ...และแล้วก็มาถึงพระเอก (หนังชีวิต) ประจำบล็อกนี้... 4.4 ภาษาศาสตร์ภาษาอังกฤษขั้นแนะนำ (INTRODUCTION TO ENGLISH LINGUISTICS / ชื่อเล่น: ลิง, ลิงกวิซ, ลิงกวิซติกส์) เนื้อหาที่ต้องเจอ: ธรรมชาติของภาษา, Phonetics (แบบเล็กๆ แค่อวัยวะที่เอี่ยวกับการออกเสียง และตัวอักษร IPA), Morphology, Syntax (แบบซับซ้อนนิดๆ), และ Semantics ภาระงาน: ไม่มีเลยครับพี่น้อง สอบ: "Quiz ไม่แจ้งล่วงหน้า (แต่หลังๆ บอกเป็นนัยๆ ว่าจะสอบวันไหน)" แล้วก็กลางภาค - ปลายภาค (เขียนหมดเลย) ความในใจ: ช่วงแรกๆ ของวิชานี้ ผมไม่ตั้งใจเรียน อ่านเนื้อหาแบบก้อมแก้ม เล่นมือถือบ่อย พอทำ Quiz ก็เลยเป๋ จนทำให้ quiz แรกได้คะแนนเกินครึ่งเพียงนิดเดียว โดยผลออกมาไม่น่าพอใจ Quiz ครั้งที่สอง (อยู่ในบท Phonetics เรื่องเสียงก้องไม่ก้อง) ผมตั้งใจเตรียมสอบเต็มที่กว่าครั้งแรก แต่ตอนทำจริงกลับลังเลและเกร็งเสียงั้น สุดท้าย...ได้คะแนนเกือบเกินครึ่ง Quiz สองครั้งแรกทำให้ผมเสียสติ เครียด และกลัวติด F วิชานี้อย่างจัง อาการเหล่านี้หายได้ไปในช่วงสามสัปดาห์ต่อมา เพราะกำลังใจจากพ่อแม่และเพื่อนๆ รวมถึงตัวเอง จนกระทั่งช่วงก่อน Quiz ครั้งที่สาม คราวนี้ปรับรูปแบบการเรียนใหม่ จะเล่นมือถือต้องใช้ Appdetox คุมวินัย และท่องจำในแบบของเรา ในที่สุด เมื่อมาถึงเวลาจริง ได้คะแนนเกือบเต็มเพียง 3-4 คะแนน ผมพอใจและได้พลังใจมากขึ้น ทำให้ Quiz ครั้งหลังๆ (ที่อยู่ในช่วงครึ่งเทอมหลังเป็นต้นมา) ผมเตรียมตัวและตั้งใจทำอย่างเต็มที่ "โดยไม่เกร็ง" และหลังจากนั้นไม่มีการบอกคะแนนเลย ทำให้รู้สึกเบาใจไประดับหนึ่ง ทั้งการสอบกลางภาคและปลายภาค ต้องดึงความรู้ที่เรียนมา (จากการอ่านเองและให้เพื่อนช่วยสรุปให้) เพื่อใช้ตอบคำถามทั้งแบบเติมช่องว่างและเขียนบรรยาย แน่นอนผมเขียนจนมือหงิกอีกแล้ว ผมฝ่าฟันวิชานี้จนแทบบ้าในช่วงครึ่งเทอมหลังเป็นต้นมา เตรียมตัวสอบประสาม้าตีนปลาย สุดท้าย...ได้ "C+" โล่งอกไปทันใด ก่อนจบบล็อกนี้ ผมขอบคุณอาจารย์ประจำวิชานี้ที่ทำให้ผมรู้ว่า - จะอ่านเนื้อหาที่ยากมาก "อย่าอ่านก้อมแก้มและต้องจำให้ดี" - Cambridge Dictionary มีประโยชน์เพียงใด - การเตรียมใจแบบไม่ทันตั้งตัว มีความหมายมากเพียงใด สรุปสั้นๆ "ยิ่งไม่รู้ ยิ่งต้องทำ" คือสิ่งที่ผมได้จากวิชานี้ และจะไม่มีวันลืมวิชานี้เลย "ทั้งเนื้อหาวิชาการและวิชาชีวิต" ------- สำหรับเทอมสองที่ผ่านมานั้น... ผมผ่าฟันเรื่องราวต่างๆ อย่างทุลักทุเล จนเป๋ไปบ้างบางครา แล้วก็สบายใจเมื่อสอบปลายภาคเสร็จ นึกถึงคำคมของอาจารย์ที่สอน Syntax คำหนึ่ง ที่ผมยังจำจนถึงวันนี้ นั่นคือ... "This too shall pass" แปลว่า "เดี๋ยวมันก็ผ่านไป" และในที่สุด...ก็เป็นจริงตามนั้น ไปพร้อมกับการสิ้นสุดชีวิตปี 1 อันหวานและขมปะปนกันไป พักเรื่องเรียนมาเข้าเรื่องกิจกรรมที่ผ่านกันไหม "แต่เป็นบล็อกหน้านะ" <---To Be Continued-----||/ |
MrTreeT-28
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] "The Mr.Tree T-28's blog" By Design for the Best" A Fan-art Lover Since April 29, 2017 Renovated on June 28, 2017 (All blogs are entertainment and education purpose only) Enjoy The Blog ^_^ Link |