Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ความจริงของสิ่งแวดล้อม

ผม:พี่ๆศาลยาก่อน 9 โมงทันป่ะ (แยกมอเกษตร)
พี่:ไม่แน่ใจครับนี่มันก็ 7 โมงแล้วด้วย ไปพระราม 5 หรือ 7 ดี
เดี๋ยวถ้าว่างพี่จะเร่งให้ล่ะกัน
ผม:7 ดีกว่าช่วยหน่อยนะพี่


        ไม่บ่อยนักหรอกที่คนเลือกเรียนด้านการวางแผนสิ่งแวดล้อมอย่างผมจะคิดนั่งแท็กซี่ (การเดินทางคนเดียวระยะทางมากกว่า 30 กิโลเมตรซึ่งเป็นรถเครื่องยนต์ขนาด 1400-2100cc มีการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 47 กิโลกรัมคาร์บอนไม่ใช่ว่ามีอคติหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ประเด็นโลกร้อนที่ชาวบ้านเรียกติดปากนั้นมันกำลังทวีความรุนแรงและไม่สามารถที่จะบรรเทาลงได้ในทศวรรษนี้ ก็เพราะความรุนแรงของภาวะเรือนกระจกที่เราเผชิญอยู่ในทุกวันนี้เกิดจากการปล่อยคาร์บอนขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศเมื่อประมาณ 10 - 15 ปีก่อนกว่าจะลอยขึ้นไปในชั้นโทรโพสเฟียร์ และก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก โดยมีระยะที่สูงจากพื้นโลกประมาณ 7 - 17 กิโลเมตรซึงกว่าจะได้รายงานทางวิทยาศาสตร์มา 1 ฉบับเพื่อยืนยันว่าคาร์บอนได้ออกไซด์นั้นเป็นก๊าซตัวการสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็ทำให้มาตราการในการป้องกันเกิดความล่าช้าไปอย่างน้อย 20 ปี และความล่าช้านี้เองทำให้ในทุกปี เราจะปล่อยคาร์บอนได้ออกไซด์ขึ้นไปโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 2-3 ppm หรือ 2-3 ในล้านส่วน ทำให้ปัจจุบันความเข้มข้นของ คาร์บอนไดออกไซด์ ในชั้นบรรยากาศมากถึง 388 ppm เพิ่มจากเดิมเกือบ 2 เท่าในรอบ 10 ปีนับว่าเป็นแนวโน้มที่น่ากลัวแม้ในปัจจุบันอัตราการปลดปล่อยจะลดน้อยลงแล้วก็ตามแต่ก็สายเกินไป สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้คือ การปรับตัวและเตรียมรับกับปรากฎการณ์ธรรมชาติในช่วง 8 ปีหลังสุดที่เปลี่บนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็ นในบ้านเราหรือต่างประเทศ ที่ลืมไม่ลงคือ สึนามิ ตามมาติดๆด้วยแผ่นดินไหวที่จีน ไซโคลนนากีสเข้าพม่าและล่าสุดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ที่เฮติ คนตายนับแสน
        การใช้ฐานทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของวิถีการบริโภคแบบทุนนิยมเป็นการฆ่าสิ่งแวดล้อมอย่างเลือดเย็น และก็ไม่แปลกอะไรที่ธรรมชาติจะเอาคืนบ้างเพราะเขาทนกับการถูกรังแกมาหลายสิบปี เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เขาไม่สามารถพูด ไทย อังกฤษ หรือภาษาจีนได้ ไม่งั้นเสียงร้องขอความช่วยเหลือคงดังโหยหวนระงมไปทั้วทั้งโลก ซึ่งการแก้แค้นนี้แท้จริงคือการแก้คืนนั้นเอง พวกเราเองทำให้สมดุลทางธรรมชาติเสียไป โลกเองก็พยามที่จะปรับตัวให้เข้าสู่สมดุล เราเองที่แยกตัวออกจากธรรมชาติ ออกจากสิ่งแวดล้อม ทั้งที่จริงแล้วไม่สามารถแยกกันออกได้ทั้งหมดคือระบบธรรมชาติ และเมื่อเราลืมเขา เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะลืมเรามิใช่หรือ ตอนนี้เขากำลังปรับตัวให้เข้าสมดุลแต่เขาลืมไปว่ามีเรา พวกมนุษย์อยู่บนโลกด้วย หายนะจึงเกิดขึ้นและนับจากนี้จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรงมากมายกว่าเดิมหลายร้อยเท่า แน่นอนโลกยังไม่แตกเพราะเรามีเวลาถึง 5000 ปีในโลก 1 ใบแต่ใครจะรู้เมื่อขั้นปีที่ 4999 จะเหลือมนุษย์อยู่บนโลกนี้อีกกี่ชีวิตกัน
        เป็นเรื่องยากที่จะบอกถึงแนวทางการแก้ไขเพราะเราไม่สามารถสร้างแบบจำลองการปลดปล่อยมีเทนที่เกิดขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือที่น่าเชื้อถือได้แต่สิ่งที่ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำได้ก็คือคำนวณการปลดปล่อยของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในปัจจุบันจากการดำเนินกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมขนส่ง เกษตรกรรม อุตสาหกรรมหรือแม้แต่การตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งผลที่ได้จากการคำนวณคือคาดว่าเมื่อสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2643) อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.1 องศาเซลเซียส ถึง 6.4 องศาเซลเซียส และถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้น ถึง 6 องศาจริงสิ่งมีชีวิตในโลกทั้งหมดคงตายหมด ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นเวลากว่าอีก 100 ปี ถึงตอนนั้นทั้งผู้เขียนและ(ผู้อ่านซึ่งคิดว่ามีนะ)ก็คงไม่อยู่กันแล้ว แต่อย่าลืมนะว่านี่ยังไม่ได้รวมการปลดปล่อยมีเทน ซึ่งมีอานุภาพในการเก็บกักความร้อนได้ดีกว่า คาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 21 เท่า เอาง่ายๆ ไม่ต้องคิดมากให้เด็กคิดยังรู้เลยว่าแท้จริงแล้วพวกเราเหลือเวลากันอีกเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคงไม่ถึง 100 ปี ไม่ร้อนตาย ก็คงน้ำท่วมโลกซึ่งก็อาจจะตาย มี 2 ตัวเลือก อันไหนดีละ......


พี่:จะให้จอดตรงไหนครับ
ผม:หน้าคณะนี้แหละครับ
ผม:ขอบใจมากพี่ที่เร่งให้ (8.57 นาที,ในใจคิดเกือบมาสอนไม่ทัน)
ครั้งที่ 2 นะเนี้ยที่นั้งแท็กซี่มาคนเดียว
เงินจ่ายไปแล้ว แท็กซี่เหลืองเขียวก็วิ่งออกไปแล้ว เหลือไว้เพียงความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง


บ่ายแก่ๆของวันอังคารที่บ้านศาลายา
19-01-09





คำคมคม ของคนบนโลก
"You cannot escape the responsibility of tomorrow by evading
it today"
คุณไม่อาจหนีความรับผิดชอบของวันพรุ่งนี้โดยการหลีกเลี่ยงมันในวันนี้
Abraham Lincoln
(1809 - 1865)



Create Date : 24 มกราคม 2553
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 10:38:21 น. 5 comments
Counter : 366 Pageviews.

 
ไทยช่วยไทย ไทยเข้มแข็ง
รบกวนช่วยตอบแบบสอบถาม เพื่อการศึกษา ของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หน่อยค่ะ

ตาม links
//spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dFBZSVJOeks5QUJxeHVGNy1ISlplMnc6MA

หรือ เข้าไป blog gang
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thaiherbservey&month=12-01-2010&group=1&gblog=1

ปล. ถ้าเคยตอบแล้ว รบกวนตอบอีกครั้ง
ขอบคุณค่ะ


โดย: kaewnumsai วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:19:29:01 น.  

 
ผู้ชายที่เขียนบทความคนนี้ดูมีเสน่ห์มากเลยอ่ะ ภายนอกเค้าดูขี้เก็ก แต่ข้างในเต็มไปด้วยแง่คิดในสิ่งที่พบเห็นนี่ถ้าไม่ติดเจ้าชู้ป่านนี้นะ....ไม่ถึงมือทรายแน่ๆ ..อิอิ (อยากบอกทรายนะ เดี๋ยวทรายโกรธ)

พอและ..เอาจริงๆ บทความนี้ยังออกแนววิชาการไปนิดนึงอ่ะ แต่มันก็เป็นบทความที่ให้ความรู้ดีนะ เหมาะกับเป็นบทความทางสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ค่อยสนใจบทความทางสิ่งแวดล้อมล่ะ จะเขียนยังไงให้มันน่าอ่าน และก็ไม่ดูเป็นวิชาการมากเกิน เข้าใจง่ายสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับอัน เราให้ 9 เต็ม 10 นะ ชอบเป็นส่วนตัวอ่ะ

แต่..ควรจะย่อหน้าบ้างนะ เวลาเขียนบทความน่ะ มันจะได้ไม่ดูเป็นพืดขนาดนี้ และมันจะทำให้บทความน่าอ่านมากขึ้น ถ้าแทรกรูปได้บ้างก็จะดีมากเลยนะ อิอิ

หัวข้อทุกบทความมีความน่าสนใจดีอยู่แล้วนะ
สุดท้ายนี้..ขอให้สร้างสรรบทความดีดีแบบนี้ต่อไปอีกนะคะ


โดย: Ole.. IP: 222.123.169.247 วันที่: 24 มกราคม 2553 เวลา:20:50:47 น.  

 
บางแห่ง บางที่ที่เผชิญปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งมีความเข้มข้น และความถี่แตกต่างกัน การรับรู้ถึงการเชื่อมโยงเชิงระบบนิเวศ ก็ย่อมแตกต่างกัน ตราบเท่าที่ภัยพิบัติธรรมชาตินั้นๆ มาถึงตัว จึงจะรู้สึก เหมือนกบที่ถูกต้มในหม้อน้ำร้อน ย่อมมีการปรับตัวไปเรื่อยๆ จนปรับไม่ได้...นั่นคือความตายเพราะกระโดดออกจากหม้อไม่ทัน...บางแห่งบนโลกเรา ยังมีความเขียวชะอุ่มอยู่ .. เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงคำว่า โลกร้อนหรอก เขาแค่รับรู้ว่ามีข้อมูลนี้อยู่ แต่การปรับพฤติกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วชีวิต มันไม่ได้ปรับกันง่ายๆ ยิ่งในสังคมแบบ Throw away society แล้ว มันติดหนึบพฤติกรรมนี้อยู่ในกมลสันดาน มันปรับยาก พอคิดจะปรับพฤติกรรม ก็เล่นคำพวกนี้หละมาเป็นจุดขาย หรือจุดปรับพฤติกรรม ... อันได้แก่ ตัวเลข โมเดลภาพอนาคต แบบจำลององศาเพิ่ม ณ อุณหภูมิต่างๆ หรือแม้แต่ทางธุรกิจการค้า ก็ยังนำคำเกี่ยวกับโลกร้อนมารณรงค์ อย่าง อีโค+ หรือ CO2 มาใช้ในการตลาด การพัฒนา การทำ propaganda หรืออื่นๆ เป็นต้น เพราะคำเหล่านี้ มันติดตลาดในช่วง วิกฤตโลกร้อน มักใช้ได้ผล แต่คนเสพข้อมูล ต้องมองให้ลึกถึงที่มาด้วย ว่ามันเป็นข้อเท็จ-จริง ประการใด...


โดย: จิจ๊ะ IP: 202.29.22.249 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:8:54:36 น.  

 
มุมมองที่แตกต่าง
ดีครับ


โดย: N.W. IP: 119.42.124.179 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:11:04:40 น.  

 
เป็นบทความที่ค่อนข้างเข้ายากซักหน่อยนะ สำหรับคนทั่วไป แม้แต่คนอ่านเองก็เถอะ (อิอิ) แต่ก็เป็นบทความที่สื่อให้เป็นในอีกแง่มุมนึงของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตกเป็นกระแสกันมานาน (และยังเป็นกระแสอยู่ และยากจะแก้ไข) ถึงแม้ว่าหลายคน หลายประเทศ หลายหน่วยงานจะตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครให้ความสนใจที่จะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง (ได้แต่พูดไปต่างๆ นาๆ) และที่สำคัญเรา หรือเขา จะแก้ไขกันทันจริงเหรอ???? (คิดอย่างงี้คงไม่แปลกใช่ไม๊)
ความจริงของปัญหาสิ่งแวดล้อมทุกวันนี้ คงจะโทษใคร และหาใคร รับผิดชอบคนใดคนหนึ่งไม่ได้ และเป็นการยากที่จะให้ใครเหล่านั้นมาช่วยการแก้ปัญหา เพราะทุกวันนี้ทุกคนล้วนแต่ที่จะแสวงหาความสุข ความสบายทั้งนั้น แถมยังต้องแข่งขันกันตลอดเวลาอีกต่างหาก (ไม่ทำงานก็ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ได้ประมานั้น) แล้วยังงี้ยังจะมีใครมาใส่ใจกับปัญหาที่ไม่ได้เกิดโดยตรงกับตัวเขาหรือเปล่า.......

.......ตราบใดที่ยังมีการแข่งขัน ยังมีการแก่งแย่ง.........
คงจะเป็นการยากที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลจากการกระทำของคนเรานั่นเอง......


โดย: compel IP: 124.157.152.245 วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:22:17:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

fordnakrub
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




cursor
Friends' blogs
[Add fordnakrub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.