|
 |
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
 |
8 เมษายน 2550
|
|
|
|
+++ ดองบล็อกมานานจนได้ที่แล้วครับ +++
สวัสดีครับ
สองเดือนกว่าๆ แล้วที่ไม่ได้อัพเดทบล็อกเลย ด้วยภารกิจยุ่งๆ หลายเรื่อง แต่ถึงแม้มีเวลาว่างพอจะเขียน อารมณ์มันก็ไม่ทอดความคิดให้สุกพอทีจะการกลั่นกรองเรื่องราวออกมาได้
แต่วันนี้ได้สัญญาเอาไว้ว่าจะต้องลงเรื่องใหม่ให้ได้อ่านกัน ก็นั่งนึกทั้งวันว่าจะเขียนอะไรดีหนอ มันยากเหมือนกันครับ การเขียนประจานตัวเองให้คนอื่นได้บันเทิงเนี่ย อิอิ เหมือนกับการทำข้อสอบวิชายากๆ วิชานึงเลยครับ
เรื่องของเรื่องคือ
หลังจากที่ประจานความเปิ่นของตัวเองไปเมื่อโดน tag ครั้งแรกจากพี่กะไดและคุณตู่ Maihom แล้ว เรื่องที่ 1-5 ใครยังไม่ได้อ่านลองไปดูครับ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=misterton&month=01-2007&date=27&group=6&gblog=2
ผมก็โดนอิทธิพลรุกเร้า คุกคาม ข่มขู่โดยการกระตุ้นเตือนให้มี tag รอบสองอีกครั้งจากหลายท่าน (จะมีตำรวจมาอ่านไหมครับ ถ้ามีจะให้จับเสียเลย ผมมีรายชื่อเตรียมไว้พร้อมเลยครับคุณตำรวจ) โทษฐานที่ทำให้ผมต้องมานั่งหัวผุอีกรอบ อิอิ
นั่งนึกๆ อยู่นาน เอาเรื่องอะไรดี เอ้า ตัดสินใจ เอาก็เอา 4 เรื่องนี้ล่ะ (วะ) ขอต่อรองเหลือ 4 เรื่องพอนะครับ
****หมายเหตุ “หลังจากเขียนคราวนี้แล้วไม่รับ tag แล้วนะคร้าบบบบ” ขอเขียนตามใจตัวเองบ้างครับ
     
เรื่องที่ 6 ตามล่าหากระเป๋าตังค์ (สุดขอบโลก)
เชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์ทำกระเป๋าตังค์หล่นหาย
ลำบากนะครับ ชีวิตนึง ต้องมาทำเอกสารต่างๆ ใหม่ เงินก็หาย
ใครมีแฟน แฟนก็ด่า 555
ผมก็เคยทำกระเป๋าตังค์หล่นหายครับ
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อตอนผมอยู่ ม.5 เมื่อเด็ก ตจว. คนนึงเดินทางหอบกระเป๋าขึ้นกรุงเทพฯ มาเพื่อเรียนพิเศษ มาพร้อมเพื่อนๆ หลายคนเลยครับ ด้วยสมมติฐานของเด็ก ตจว.ว่ามันคงทำให้การเรียนเราดีขึ้น และสร้างโอกาสการศึกษาของตัวเองให้พอสู้กับเด็กกรุงฯ ได้บ้าง (สอง จ. ทางการศึกษาที่แตกต่างกันสุดขั้ว จ.เจริญกระจุกในเมืองหลวง แต่จ.จน (ตรอก) ชอบกระจุกอยู่ต่างจังหวัด หากพูดเรื่องนี้คงต้องต่อกันอีกยาวครับ)
จำได้ว่ามาหาหอพักอยู่แถวถนนเพชรบุรีซอย 5
แต่ละวันก็เดินสยามเป็นว่าเล่น ก็ที่เรียนพิเศษอยู่แถวนั้นนี่ครับ
วันนึงเจ้าเพื่อนสองคน (ที่พักอยู่ด้วยกัน) ดันเกิดอยากจะไปดูงานแสตมป์ที่จัดที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ขึ้นมา
เราก็เออออไปด้วย เอ้า ไปก็ไป
จากสยามไปยังไง ไปไหนไม่ค่อยถูก อาศัย 184 ครับ โทรไปถามเส้นทาง
ระหว่างทางนั่งรถเมล์ (สายอะไรจำไม่ได้) กระเป๋ารถเมล์เดินมาเก็บตังค์ ก็จ่ายเรียบร้อย (สมัยนั้นยังสามบาทห้าสิบตังค์อยู่)
จังหวะเดียวกัน เพื่อนก็ยื่นหมากฝรั่งมาให้
ผมยื่นมือไปรับ เลยลืมกระเป๋าตังค์ที่ถืออยู่ในมือไปเลย (ตะกละเนอะ อิอิ) มันคงเป็นจังหวะเดียวกันที่กระเป๋าตังค์ตกไปอยู่บนพื้นน่ะครับ
เมื่อรถเมล์มาถึงป้ายที่จะต้องต่อรถ เราก็ลง พอรถเมล์เริ่มออกตัว ผมก็คลำที่กระเป๋ากางเกงเพื่อเตรียมเศษตังค์ไว้ขึ้นรถเมล์คันต่อไป
อ้าว กระเป๋าตังค์ตูไปไหนหว่า
เฮ้ย หล่นอยู่บนรถเมล์ !! (หน้าตาตื่น)
ทำไงดี รถเมล์ไปโน่นแล้ว เพื่อนก็จัดการจดหมายเลข (เลขอะไรไม่ทราบที่ติดที่กระจกด้านหลังรถเมล์น่ะครับ)
ราวปาฏิหาริย์มีแท็กซี่ปราดเข้ามาอย่างว่องไวราวกับนัดไว้ อิอิ ผมจัดการโบกแท๊กซี่ (ตังค์ก็ไม่มี ดูสิครับคนเรา อิอิ ความงกทำให้คนหน้ามืด)
"ตามรถเมล์คันนั้นไปเลยครับเพ่ !!!" อารมณ์เหมือนในหนังเนอะครับ ไปช่วยนางเอกประมาณนั้น 55
เขียนให้หรู ดูดีไปอย่างนั้นแหละครับ จริงๆ ตอนนั้นใจเสียแล้ว ทำไงดีหว่าตู เอทีเอ็ม เงินเกือบพันบาท บัตรต่างๆ กุญแจห้องพัก ฯลฯ

ปรากฏว่าเจ้ารถแท็กซี่ดันเลี้ยวผิด ตามรถเมล์ไม่ทันเลย
พี่คนขับแท็กซี่เลยแนะนำให้ไปที่อู่รถเมล์ รู้สึกจะเป็นแถวๆ หมอชิตใหม่ เราก็ตัดสินใจว่าไปก็ไป
ไปถึงเขาก็บอกว่าไม่เห็นมีแจ้งนี่ครับ แล้วเขาก็แนะนำให้ ไปอีกที่หนึ่งที่อยู่อีกฟากนึงเลยล่ะ (จำไม่ได้ว่าที่ไหน ไม่คุ้นเคยกรุงเทพฯ ครับ ถึงตอนนี้ก็ไม่คุ้นเคย กลัวครับ 555)
เราก็ไปอีกที่หนึ่ง (ระหว่างทางสายตาผมก็ดูมิเตอร์แท็กซี่ ราคาขึ้นเรื่อยๆ เลยนะเนี่ย T_T ท่านๆ เป็นไหมครับ นั่งแท็กซี่แล้วชอบทำฟอร์มดูถนนข้างหน้า แต่ตาเหลือบดูมิเตอร์ ว่ากี่ตังค์แล้ว อิอิ)
พอเราไปถึง เขาบอกว่าเพิ่งมีแจ้งว่าเก็บกระเป๋าตังค์ได้
เพื่อนอีก 2 คนเลยให้ผมรอเอากระเป๋าคืน พร้อมกับทิ้งเงินให้ยืม 100 บาทครับ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไปงานแสตมป์กันต่อ อ้อ ผมยืมตังค์เพื่อนเสียค่าแท็กซี่ด้วย เกือบ 300 บาทครับ
พอกระเป๋ามาถึงมือ ผมละล่ำละลักรีบเปิดดู
ลุ้นเนอะ เหมือนดูผลสอบเอ็นสะท้าน
มาดูผลสอบเอ้ย ผลงานของคุณโจรดีกว่าครับว่าเขาทำปู้ยี่ปู้ยำอะไรในกระเป๋าตังค์ผมบ้าง มาดูเป็นข้อๆ นะครับ
ข้อที่ 1 ตังค์หายไปเกือบหมด เหลืออยู่ 20 บาท (อุตส่าห์ทิ้งไว้ให้เป็นค่ารถเมล์กลับบ้าน ขอบใจนะครับคุณโจร)
ข้อที่ 2 กุญแจห้องพักก็หายไป (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามัน จะเอาไปไขที่บ้านแม่ยายมันหรืออย่างไร อิอิ ตอนนั้นคิดว่าขโมยเป็นผู้ชาย)
ข้อที่ 3 เหมือนเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส บัตรเอทีเอ็มยังอยู่ครับ !!!! พอจะยิ้มได้บ้าง
คนขับรถเมล์บอกว่ามีผู้หญิงคนนึงเก็บได้ และพอจะลงก็เอามาวางไว้ให้แล้วลงจากรถไปเลยคาดว่าผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละที่เป็นคนเอาเงินไป ผมก็คิด ช่างเถอะ ถือว่าฟาดเคราะห์ไป ตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซค์กลับที่พัก เพราะผมไม่อยากนั่งรถเมล์อีกแล้ว ค่ามอเตอร์ไซค์ก็ร้อยนึงพอดี เพราะผมยกมือไหว้ขอต่อราคา บอกว่าผมมีเท่านี้ นั่งซ้อนท้ายอยู่ไกลเหมือนกันครับ
เรื่องก็จบลงแค่นี้ล่ะครับ หลังจากนั้นก็ผวาการขึ้นรถเมล์นิดหน่อย คลำกระเป๋าดูบ่อยๆ ว่ากระเป๋ายังอยู่หรือเปล่า และแยกบัตรประชาชนกับเอทีเอ็มเก็บไว้ที่ที่พักครับ
เป็นประสบการณ์ที่สอนให้รู้ว่าไม่ควรตะกละรับหมากฝรั่งในขณะที่ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าตังค์ให้เรียบร้อย อิอิ
     
เรื่องที่ 7 ไม่ต้องหรอกน้อง กองไว้ตรงนั้นแหละ
มีใครเคยทำของแตกในห้างบ้างไหมครับ ช่วยยกมือสูงๆ หน่อยครับ ผมสายตาสั้นมองไม่เห็นครับ

ไม่ต้องคิดให้มากหรอก ผมถามอย่างนี้ ในใจของท่านก็คิดอยู่แล้ว ไอ้นี่มันกำลังจะเล่าว่าเคยทำของแตกในห้างแหงๆ
วันนั้นเป็นวันเกิด อายุประมาณ 13-14 มั้งครับ
ผมกับพี่สาวไปเดินที่ห้างเพื่อซื้อขนมมาทานกันที่บ้าน
ระหว่างที่เลือกขนมนั้น ตาเหลือบไปเห็นน้ำหวานเฮลล์บลูบอย ก็เลยคิดว่าน่าจะซื้อมาทานกับขนม
เอื้อมมือไปหยิบ ผีสางที่สิงสถิตในห้างตนใดบันดาลให้ขวดมันลื่น
เพล้ง!!!!!
เสียงดังไปทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ต
คราวนี้คนจากไหนไม่รู้ แห่กันมาดู (ปรากฏการณ์ไทยมุงก็เพิ่งจะซึ้งคราวนี้แหละ)

กลางซุปเปอร์มาร์เก็ตของห้างใหญ่ในต่างจังหวัด มีเด็กชายเด็กหญิงสองคนพี่น้องยืนอึ้งกิมกี่กับเศษแก้วจากขวดน้ำหวานเฮลล์บลูบอยที่กระจัดกระจายและไหลเยิ้ม
ทำยังไงดีหว่า ???
ผมกับพี่สาวไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน เราตัดสินใจด้วยความชาญฉลาดและมีไหวพริบครับ อิอิ เอาสองมือเด็กๆ ช่วยกันเก็บขึ้นมา (ทั้งที่ไม่รู้จริงๆ ว่าเก็บมาแล้วจะไปทิ้งที่ไหน ถังขยะในซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตรงไหนหว่า และมานั่งคิดตอนนี้ ชั่วชีวิตผมแม้จะบกพร่องเรื่องต่อมสังเกตไปบ้าง แต่เหมือนจะไม่เคยเห็นถังขยะวางในซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย)
ลองนึกภาพเด็กน้อยสองคนกำลังหยิบเศษแก้วที่มีน้ำหวานสีเขียวกำลังหยดย้อยติ๋งๆ ท่ามกลางสายตาประชาชีที่รอดูการตัดสินใจของเรา
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากทิศไหนก็ไม่รู้ ออกมาบอกว่า “น้องๆ ไม่ต้องเก็บหรอก กองไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวมีคนทำความสะอาดเอง”
ผมก็ค่อยๆ วางเศษแก้วที่หยิบขึ้นเมื่อกี้ลงกับพื้น (ตอนนั้นไทยมุงค่อยๆ ซาแล้วครับ คงนึกผิดหวังเล็กน้อย กะรอดูว่าจะเอาไปทิ้งที่ไหน อิอิ) แล้วก็เอามือเลอะน้ำหวาน หิ้วตระกร้าไปจ่ายค่าขนมและค่าน้ำหวานครับ
พี่ที่เป็นแคชเชียร์ก็ใจดี พูดว่า “น้องๆ นี่น่าสงสารจัง”
กลับมาเล่าให้ที่บ้านฟังถึงความหน้าแตกของตนเองครับ อิอิ
ลืมบอกไป วันนั้นซื้อน้ำหวานขวดใหม่ไปขวดหนึ่งด้วยครับ ตั้งแต่นั้นชอบน้ำหวานสีเขียว เพราะทำให้ตัวเองดัง 5555
คราวนี้เดินถือประคับประคองราวกับเดินถือแผ่นสำลีในขณะที่มีพายุไต้ฝุ่นเลยทีเดียว
      เรื่องที่ 8 พ่อค้าน้อย
ผมเป็นคนชอบให้บริการครับ แต่ไม่ได้ขายบริการ อิอิ
ไม่รู้เป็นไง ชอบเอาของไปขาย ช่วงชีวิตนี้ก็เคยขายของหลายครั้งแล้วครับ

ตอนเด็กๆ ที่แถวบ้านมีงานเดือนสิบ คุณย่าทำขนมโค (ไม่ค่อยเห็นแล้วนะสมัยนี้ ที่เอาแป้งใส่ไส้น้ำตาลเป็นก้อนๆ ปั้นให้กลม แล้วไปหย่อนในน้ำเดือด จนมันลอยขึ้นมาแล้วก็ตัก จากนั้นเอาไปคลุกกับมะพร้าวและถั่วสีเหลืองๆ น่ะครับ) เอาไปขายสมัยก่อน 10 ลูก 2 หรือ 3 บาทมั้ง ไปกับพี่สาวครับ ถือถาดขนมโคไปเดินขายในงานเลย คนก็ซื้อเยอะเหมือนกัน สงสัยจะสงสารเด็ก
ตอนย้ายบ้าน เราสามคนพี่น้องนึกสนุก เห็นคนขายวุ้น น่าจะทำง่าย ก็เลยลองทำวุ้นกันเล่นๆ ครับ ขายเอาแถวบ้าน ไม่อร่อยเลยครับ เป็นวุ้นไข่ จืดชืดสิ้นดี แต่อุตส่าห์มีคนซื้ออีกแน่ะ แถมยังเรียกผมคนไปขายว่า “พ่อค้าน้อย” อีกด้วย
ตอนผมเรียนม. 1 พี่ชายปิ๊งไอเดีย ฝากลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ กทม. ซื้อของเล่นมาครับ เป็นหุ่นไดโนเสาร์ต่างๆ ที่ไขลานแล้ววิ่งได้ ให้ผมเอาไปแอบขายที่โรงเรียน (ครูบาอาจารย์มาอ่าน อย่ายึดเอาใบสุทธิผมกลับไปนะครับ อิอิ) ก็ขายดีเหมือนกัน ขายอยู่ 3 วัน ต้องเอากระเป๋าใบย่อมๆ ใส่ของเล่น กับกระเป๋านักเรียนใบโตไปโรงเรียน (ผมมานั่งคิด เมื่อก่อนผมนี่ก็เป็นโดเรมอนเชียว กระเป๋านักเรียนมีทุกอย่าง ครูไม่สั่งยังเอาไปเลย วงเวียนเอย สีน้ำ สีไม้ อิอิ ขนกันเข้าไปจนตัวแอ่นไปข้างนึง) ช่วงพักเที่ยงหรือคาบว่าง มือก็จะหมุนไขลานให้เจ้าหุ่นมันวิ่งให้เพื่อนดู พร้อมป่าวประกาศราคา อิอิ
ตอนผมอยู่มหาวิทยาลัย ก็ได้หุ้นกับเพื่อนขายของน้องใหม่ปี 1 ที่เข้ามาอยู่หอพักเสียอีก ของจิปาถะทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นในหอพัก พัดลม หมอน หมอนข้าง ไม้แขวนเสื้อ ที่รองรีดผ้า ตระกร้าทุกขนาด แก้วน้ำ กล่องใส่ทิชชู่ ฯลฯ เป็นร้านใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลย
แต่พอรู้ราคาต้นทุนชักจะอายไม่กล้าขาย ทั้งที่เราขายตามราคาท้องตลาด แต่ต้นทุนสินค้าที่รับมา ทำให้ได้กำไรค่อนข้างสูงครับ ของใหญ่ๆ เช่น กระติกไฟฟ้า พัดลม เลยให้เพื่อนเป็นคนไปขาย เพราะตัวเองพูดไม่เก่ง กลัวจะลดให้เขาเยอะไป (จะว่าไปมโนธรรมมันกินไม่ได้เนอะ) อิอิ แต่สนุกมากๆ ครับ
พอมาเรียน ป.โท เคยไปขายต้นไม้ในเจเจครับ มีลุงกับป้าสองคน ผมเป็นลูกค้าประจำของแกเลยล่ะ ไปทีนึงแถมโน่นแถมนี่ เป็นร้านใหญ่ด้วยครับ วันนึงคุณลุงไม่อยู่ ผมก็เลยไปช่วยขายคุณป้า สนุกดีครับ เราพอจะรู้เรื่องต้นไม้บ้างก็บอกลูกค้าไป จนหลังๆ เราไปซื้อต้นไม้ร้านนี้ทีไร บางทีก็ลดเยอะ บางทีก็แถม บางทีก็ไม่เอาตังค์ครับ ที่เล่ามาในเรื่องที่ 8 ก็เป็นความประทับใจในเรื่องคนค้าคนขายครับ
รออยู่ว่าหากมีทรัพย์เกินกำลัง ประกอบกับจิตวิญญาณแห่งพ่อค้าน้อยที่กำลังเต้นเร่าๆ ในตัว คงได้มีร้านรวงซักร้าน (ขายอะไรไม่รู้) ไว้ขายเล่นสนุกๆ ครับ โฆษณาหาลูกค้าไว้เลย อิอิ ผมเชื่อแน่ว่าถ้าผมเปิดร้านซักร้าน ผมจะได้ลูกค้าประจำจากรายชื่อที่เข้ามาชมข้างล่างนี่แหละครับ
หรือท่านคิดจะไม่ซื้อของหรือรับบริการจากผม !!! ฮึ่ม 
    
เรื่องที่ 9 เด็กหอและผีในหอ หึหึ
ใครเลยจะคิดว่าเด็กติดบ้าน ไปไหนไปกันทั้งครอบครัวอย่างผม วันนึงจะได้เป็นเด็กหอ
ใช่ครับ ผมเคยเป็นเด็กหอพักในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ตอนปี 1 ครับ
ประสบการณ์ในหอมีมากมายเหลือเกิน เพราะเป็นที่รวมของร้อยพ่อพันธุ์แม่ บ้างก็ดี บ้างก็ร้าย บ้างก็แปลก แถมรูมเมทเป็นใครก็ไม่รู้ที่เราไม่รู้จักมาก่อน
รูมเมทห้องเพื่อนผม เวลาอาบน้ำทีนึง จะทาแป้งแทบหมดกระป๋อง ไม่รู้กันผดผื่นอะไรนักหนา เสร็จแล้วก็จะเอากระป๋องแป้งที่ใช้หมดแล้ว (ผมคิดว่าซัก 3 วันต่อหนึ่งกระป๋องมั้ง) เอามาวางเรียงกันบนขื่อประตูทางเข้าออก (สงสัยจะสะสมกระป๋องแป้ง)
รูมเมทผมอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย ผมตื่นมากลางดึกทีไร มันก็ยังอยู่ในสภาพเดิม มุ่งมั่นอ่านหนังสือมาก (ทำเอาเรารู้สึกผิดชะมัด)
วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของเด็กวิศวะที่ไม่สามารถเข้าใจตำราอันลึกซึ้งได้ และเสียงฉีกทึ้งหนังสือ
ในเครื่องทำน้ำเย็นประจำชั้นมักมีเบียร์แอบซ่อนอยู่ข้างใน แถมครั้งนึง มีใครไม่รู้เอารองเท้าใส่เข้าไป (ช่วงนั้นตูต้องกินน้ำจากรองเท้ามันเหรอเนี่ย)
เยอะแยะจิปาถะครับ ฯลฯ
มีหอก็ต้องมีผี ใครไม่รู้เคยพูดไว้
หอกับผีเป็นสิ่งที่คู่กันมานานในสังคมไทย ไม่งั้นจะมีหนังเรื่อง “เด็กหอ” หรือครับ เราเข้าอยู่ในหอใหม่ๆ ก็จะมีรุ่นพี่เล่ากันต่อๆ กันมา ห้องนั้นห้องนี้มีผีดุ เล่ากันน่ากลัวขนาดอาบน้ำอยู่มีมือมาช่วยสระผมให้ เหอๆ (ช่างเหมาะกับผมเหลือเกิน เพราะผมจะตื่นเช้าที่สุดของปีกอาคารเพื่อมาอาบน้ำก่อนใคร เบื่อบรรยากาศการรออาบน้ำครับ หากตื่นสายอย่าคาดหวังว่าจะได้อาบน้ำอย่างสบายใจ)
ช่วงนึง ผมตื่นมาอาบน้ำ ผมพบว่ามีคนมาอาบก่อนผมเสมอ แถมอยู่เงียบๆ เป็นพักๆ สลับกับเสียงไอ เสียงกระแอมในลำคอตลอดเวลา บรรยากาศตีห้า มืดๆ ค่อนข้างน่ากลัวครับ แต่ไม่กี่วันพี่แกก็หายไป หมายถึง ไม่เห็นมาอาบน้ำตอนเช้าเป็นเพื่อนผมอีกแล้ว เลยไม่รู้กันเลยว่าคนหรือผี

ในห้อง D302 กระมังถ้าจำไม่ผิด เพื่อนผมพักอยู่ รูมเมทกลับบ้านหมด อยู่คนเดียว นอนกลางวัน พอตื่นขึ้นมากลับมีรอยเท้าเด็กปรากฏบนพื้นห้อง เป็นรอยที่เหยียบน้ำน่ะครับ (ตอนนี้เที่ยงคืนกว่า ผมเริ่มเล่าไม่เป็นสุข) มันก็ไม่สบายใจ พอตกกลางคืน มีรุ่นพี่ข้างห้อง นอนคนเดียวเหมือนกัน เลยชวยกันมานอนสองคน
สมัยนั้น (หมายถึง 6 ปีที่แล้ว เดี๋ยวหาว่าเราแก่) มือถือยังแพงครับ นิยมใช้เพจเจอร์ เด็กสมัยใหม่ไม่รู้รู้จักหรือเปล่า จู่ๆ เพจที่ปิดเครื่องแล้วดังขึ้นมา ปรากฎข้อความว่า
“A”
เพื่อนผมก็งงๆ ตูปิดเครื่องแล้วนี่หว่า เลยลองปิดเครื่องใหม่แล้วนอนอีกที จู่ๆ เพจก็ดังขึ้นมารัวๆ อีก ปรากฎข้อความว่า
“B”
ถึงตอนนี้เพื่อนผมและพี่ข้างห้องเริ่มกอดกันกลม ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงเพจเจ้ากรรมดังขึ้นมาอีก
“C”
เพื่อนตัดสินใจโยนถ่านทิ้งและไม่นอนทั้งคืน จับไข้ไม่มาเรียนไป 2 วัน ผมทราบเรื่องตอนที่เขามาเรียนนี่แหละครับ ดูเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่ถ้าเป็นผมเองผมก็คงกลัวครับ ไปถามแม่บ้านว่ามีอะไรหรือเปล่าห้องนี้น่ะ
แม่บ้านบอก “อ๋อ มีคนเลี้ยงกุมารแล้วไม่เอากลับน่ะซี”
แหม กุมารตนนี้อินเตอร์จริงๆ นี่ถ้าถอดถ่านออกมาแล้วเพจเจอร์ยังดังอีก สงสัยจะนับให้ถึง Z เลยนะเนี่ย
หากดูเหมือน 4 เรื่องจะไม่เข้มข้นเท่า 5 เรื่องแรก ยังไงฝีมือการร่ายภาษาตกไปบ้างก็ขออภัยนะครับ ขอให้มีความสุขและปลอดภัยในเทศกาลสงกรานต์ทุกท่านเลยครับ
เรื่องที่ 1-5 //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=misterton&month=01-2007&date=27&group=6&gblog=2
ที่มาภาพประกอบเรื่องราว จาก //www.alcarter.net/mechanicalspectre //gettle.org/gallery/d/314-1
Create Date : 08 เมษายน 2550 |
Last Update : 23 มกราคม 2553 19:18:36 น. |
|
45 comments
|
Counter : 6928 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: verdancy วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:0:54:30 น. |
|
|
|
โดย: apower IP: 61.47.15.133 วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:10:26:51 น. |
|
|
|
โดย: ต้น IP: 58.8.104.189 วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:15:29:04 น. |
|
|
|
โดย: frank3119 วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:19:42:41 น. |
|
|
|
โดย: KungGuenter วันที่: 8 เมษายน 2550 เวลา:20:08:38 น. |
|
|
|
โดย: พี่แมวอ้วน IP: 58.8.155.197 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:4:07:27 น. |
|
|
|
โดย: ป้าแจ๋วแหวว วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:10:41:46 น. |
|
|
|
โดย: noonuit วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:10:56:32 น. |
|
|
|
โดย: Dok Kaew IP: 222.123.42.29 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:18:39:57 น. |
|
|
|
โดย: ไม้หอม (Maihom ) วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:0:15:43 น. |
|
|
|
โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:0:43:01 น. |
|
|
|
โดย: กะได วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:22:40:07 น. |
|
|
|
โดย: ผึ้งทะเล IP: 203.146.11.154 วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:9:31:39 น. |
|
|
|
โดย: พี่แมวอ้วน (A Little Catz ) วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:20:54:23 น. |
|
|
|
โดย: tugkae IP: 203.146.63.184 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:22:50:32 น. |
|
|
|
โดย: พี่อู้ค่ะ IP: 58.9.184.46 วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:15:35:52 น. |
|
|
|
โดย: DAN_KRAB วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:0:15:40 น. |
|
|
|
โดย: กะได วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:47:24 น. |
|
|
|
โดย: p nuch เอง IP: 203.151.15.242 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:57:15 น. |
|
|
|
โดย: น้ำ (ข้าวพอง ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:48:00 น. |
|
|
|
โดย: DAN_KRAB วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:15:43 น. |
|
|
|
โดย: ข้าวพอง วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:51:03 น. |
|
|
|
โดย: YingPla IP: 203.113.32.12 วันที่: 24 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:43:16 น. |
|
|
|
โดย: กะได วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:13:10 น. |
|
|
|
โดย: ต้น IP: 161.200.255.162 วันที่: 30 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:54:30 น. |
|
|
|
โดย: น้ำ (ข้าวพอง ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:17:20 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:28:43 น. |
|
|
|
โดย: honeybfit(ผึ้ง) IP: 58.8.60.132 วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:15:04 น. |
|
|
|
โดย: เงือกลม วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:00:05 น. |
|
|
|
โดย: apower IP: 222.123.41.1 วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:58:08 น. |
|
|
|
โดย: june (bunika23 ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:21:21 น. |
|
|
|
โดย: กะได วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:21:13:20 น. |
|
|
|
โดย: ดา ดา วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:13:55:53 น. |
|
|
|
โดย: Aisha วันที่: 7 มกราคม 2555 เวลา:14:38:07 น. |
|
|
|
โดย: อุมาวดี วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:17:51:00 น. |
|
|
|
โดย: ดอกแก้ว (อุมาวดี ) วันที่: 3 ธันวาคม 2559 เวลา:17:07:20 น. |
|
|
|
โดย: Mariomab IP: 190.2.133.230 วันที่: 12 มิถุนายน 2564 เวลา:11:01:10 น. |
|
|
|
โดย: BennieRar IP: 190.2.130.167 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2564 เวลา:13:04:01 น. |
|
|
|
โดย: Louisunalo IP: 89.38.97.125 วันที่: 10 ธันวาคม 2564 เวลา:14:34:58 น. |
|
|
|
โดย: DJCharlesSyday IP: 46.166.182.65 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:8:26:05 น. |
|
|
|
โดย: Richardsaisa IP: 213.159.38.90 วันที่: 13 พฤษภาคม 2565 เวลา:14:37:23 น. |
|
|
|
โดย: EdwardLeape IP: 37.46.113.236 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2566 เวลา:4:25:07 น. |
|
|
|
โดย: Cherietousy IP: 95.55.88.51 วันที่: 26 สิงหาคม 2567 เวลา:11:02:02 น. |
|
|
|
โดย: Jamesdob IP: 79.137.89.102 วันที่: 20 ธันวาคม 2567 เวลา:11:03:51 น. |
|
|
|
| |
|
 |
MisterTon |
|
 |
|
|