ให้ปากกามันพาไป ให้หัวใจมันขีดเขียน
Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
13 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
เธอคนนั้น ภาค3

สายลมยังคงพัดผ่านทุ่งองครักษ์เหมือนเคย ดอกหญ้าริมถนนไกวน้อยๆตามแรงลมอ่อนโยน ตัวผมอยู่บนอานจักรยานคู่ใจ เตรียมออกไปขี่จักรยานเล่นเหมือนเคย "ไอติม ไปด้วยได้ไหม" เสียงคุ้นหูดังขึ้น เธอนั่นเอง ผมไม่ได้เจอเธอมาพักใหญ่แล้ว "ก็เอาสิ" ผมว่า เธอยิ้ม เป็นยิ้มที่ดูสดใส นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้ยิ้มแบบนี้เธอซ้อนจักรยานผม เหมือนเคย เราขี่จักรยานกันไปเงียบๆ บางครั้งผมก็ชี้ให้เธอดูนู่นดูนี่ไปตามเรื่อง แกล้งขี่จักรยานให้ตกหลุมตกหล่มแกล้งเธอเล่น เธอยิ้ม แล้วก็หัวเราะ คงมีไม่กี่ครั้งที่จะเธอหัวเราะออกมาจริงๆแบบนี้

นับจากวันนั้น ดูเหมือนเธอจะมาหาผมบ่อยขึ้น ทุกเวลาที่เธอเห็นผมอยู่คนเดียว แรกๆผมก็ดีใจที่เธอกลับมาหา แต่นานวันเข้า ผมก็รู้ว่าผมอยู่กับเธอตลอดเวลาไม่ได้ ผมไม่อยากบอกเธอตรงๆว่าหลายครั้งที่ผมอึดอัดแล้วก็ลำบากใจ เวลาเธออยู่ใกล้ๆผมจึงเริ่มตีตัวออกห่างเธอ ไม่ชวนเธอเข้ามาเหมือนเก่า ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆมากกว่าเดิม บางครั้ง ผมถึงกับทิ้งเธอเอาไว้แล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ แม้จะรู้ว่านั่นทำร้ายจิตใจเธอมากขนาดไหน ถึงเธอไม่เคยเอ่ยปาก แต่ผมก็รู้ ในเมื่อสายตาเธอมันฟ้องตัวมันเอง แววตาที่เคยแฝงความเศร้าโศกเอาไว้ลึกๆ นับวันยิ่งส่อแววเจ็บปวดชัดเจนขึ้น แต่ผมก็ยังดึงดันจะทำร้ายเธอต่อไป

แต่ถึงผมจะทำตัวเลวร้ายขนาดไหน เธอไม่เคยโกรธผม ไม่เคยว่าผมเลยซักคำ เธอยังคงยิ้มทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ถึงแม้จะเป็นยิ้มเศร้าๆและหลายครั้งดูฝืนเต็มทน แต่เธอก็ยังคงยิ้ม ถ้ามีน้ำตาเธอจะรีบปาดมันออกไปแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ยามที่ผมอยู่กับเพื่อนๆ เธอก็จะรอ รออยู่ห่างๆเสมอ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่รับรู้หรอกว่าเธอเจ็บปวดขนาดไหน แต่ตอนนี้ แค่คำตัดพ้อของเธอไม่กี่คำก็ทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก ถึงกระนั้น ผมไม่สามารถให้เธอเข้าใกล้ผมมากกว่านี้ได้

วันเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมทะเลาะกับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมน้อยใจแล้วก็เสียใจที่เพื่อนไม่เข้าใจความรู้สึกผมเลย แต่เพื่อนก็ดูเหมือนจะโกรธผมจนเหมือนจะเลิกคบกัน ผมเครียดจนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นั่งถอนใจอยู่คนเดียว แล้วผมก็นึกถึงเธอ
ผมตามหาเธออยู่ไม่นานนักก็พบเธอนั่งอยู่คนเดียว เงียบๆที่ม้านั่งใต้ต้นตะขบ เมื่อเห็นผมเธอดูดีใจเหมือนเด็กๆได้ขนม "ไอติม มาหาเราเหรอ" ผมเดินตรงไปยังม้านั่งแล้วนั่งลงข้างๆเธอ แล้วผมก็ร้องไห้ "ไอติม นี่ไอติมเป็นอะไร ใครทำร้ายอะไรไอติมเหรอ" เธอละล่ำละลักถามผม ยังคงเป็นห่วงผมเหมือนเดิม ผมค่อยๆเล่าให้เธอฟังทั้งๆที่ยังสะอื้นไม่หาย ว่าเพื่อนคนนี้สำคัญกับผมมากแค่ไหน และทำไมผมถึงไม่อยากเสียเขาไป เธอพยักหน้ารับรู้ น้ำตาคลอเบ้า "ฟังนะ ไอติม ไปขอโทษเพื่อนไอติมซะ เค้าสำคัญกับไอติมมากไม่ใช่หรือ" เธอพูดเสียงเครือ "เรา...ก็จะคอยเอาใจช่วยไอติมนะ ถ้าอยากให้เราทำอะไรก็บอกนะ"
แล้วผมก็เพียรพยายามคืนดีกับเจ้าเพื่อนหัวแข็งคนนั้น เธอคอยอยู่ข้างผมเสมอ ไม่ว่าผมจะโดนอะไรมา หลายครั้งที่ผมถูกเพื่อนว่าเอาจนร้องไห้ เธอก็จะอยู่ตรงนั้นคอยปลอบผมและร้องไห้ไปด้วยกัน ทุกครั้งที่รู้สึกว่าไม่มีใคร เธอก็จะมาหาผม ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆ ผมก็เข้าใจได้ว่าเธอเป็นห่วงผมมากแค่ไหน
และแล้ว ความพยายามของผมก็ประสบความสำเร็จ ไอ้เพื่อนบ้าในที่สุดก็ยอมเข้าใจและเลิกโกรธผมสักที ไม่ใช่แค่หายโกรธ แต่เรายังสนิทกันมากขึ้นด้วย ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับเพื่อนคนนี้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมสังเกตเห็นใครบางคนคอยยืนดูผมอยู่ไกลๆแล้วก็แอบน้ำตาไหลอยู่คนเดียว เธอนั่นเอง ระยะหลังๆนี้เธอไม่ค่อยได้มาหาผมแล้ว ผมนึกอยากขอบคุณเธอขึ้นมา ก็เลยกะว่าจะพาเพื่อนไปเจอเธอสักครั้ง

วันหนึ่ง ผมนัดเพื่อนให้ไปที่ม้านั่งใต้ต้นตะขบนั้นหวังว่าเธอจะอยู่ที่นั่น แล้วเราสามคนก็จะได้คุยกัน ผมล่วงหน้าไปก่อน เห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นผมเธอยิ้มน้อยๆแล้วขยับให้ผมนั่ง "ไอติม มาหาเรามีเรื่องอะไรหรือเปล่า" "ฮื่อ อยากให้เจอเพื่อนเราน่ะ" รอยยิ้มหายไป มีแต่เค้าแห่งความยุ่งยากใจอยู่บนใบหน้านั้น หากผมจะสังเกตสักนิดก็คงเห็นน้ำตาเอ่ออยู่ในสายตาเศร้าๆคู่นั้น เพื่อนผมเดินมาโน่นแล้ว "ไอติม...เรา...อยู่ไม่ได้" เธอพูดพร้อมกับเบือนหน้าหนี และก่อนที่ผมจะทันได้รั้งตัวเธอไว้ เธอก็หายไปไหนแล้วไม่รู้
"ไอติมโว้ย จะให้เรามาเจอใครน่ะ เห็นมีใครเลย" "อ๋อ..ก็ไม่มีอะไร ไม่มีใครหรอก แค่อยากให้นายลองกินตะขบนี่ดู" ผมโกหก นึกแปลกใจอยู่ว่าเธอหายไปไหนเร็วขนาดนี้ "โธ่ ไอ้บ้า เรียกเรามากินตะขบ พิลึกสมเป็นแกจริงๆ" ว่าแล้วผมก็โดนเพ่นกบาลหนึ่งที โทษฐานทำให้เพื่อนเสียเวลา

ค่ำแล้ว ผมเพิ่งเสร็จจากงานที่คณะ กำลังจะเดินกลับหอ แล้วผมก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย เธอนั่นเอง เธอมายืนรอผมนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ คราบน้ำตาฟ้องว่าเธอเพิ่งจะร้องไห้มาหยกๆ "ไอติม คุยด้วยได้ไหม" "ได้สิ เดินไปคุยไปนะ ลมเย็นๆแบบนี้บรรยากาศดีออก" เธอไม่พูดอะไร ท่าทางของเธอแปลกไปกว่าทุกครั้งที่เจอกัน
เธอค่อยๆนั่งลงริมฟุตบาท ลมพัดผมเธอปลิวไปสามสายลมแผ่วเบา ฟ้าคืนเดือนเพ็ญสว่างจนกลบแสงดาว พระจันทร์สว่างอบอุ่นและอ่อนโยน "เราขอนั่งนะไอติม เรายืนหรือเดินไม่ไหวแล้ว" ผมพยักหน้าเข้าใจ "ไอติม เรารู้นะว่าทำไมไอติมถึงทำแบบนั้นกับเรา แล้วเราก็รู้ด้วยว่าไอติมต้องการจะให้เราทำยังไง" เธอถอนหายใจ "แต่ว่า ไอติมรู้หรือเปล่า บางครั้งการที่คนเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะทำมันได้นี่นะ บางครั้งความถูกต้องมันก็เจ็บปวดเกินไป" "แต่สิ่งที่ต้องทำก็ต้องทำ ถ้ามันเป็นหน้าที่" ผมแย้ง "อย่างตอนนี้ เราว่าเราควรที่จะทำอะไรซักอย่างเพื่อนขอบคุณกับสิ่งที่เธอทำให้กับเรา"
เธอหันมามองผมแล้วส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้มใต้แสงจันทร์ของเธอเป็นยิ้มที่อ้างว้างและเจ็บปวด "ถ้าไอติมต้องการให้เราทำอะไร เราก็ยินดีจะทำให้อยู่แล้ว แต่ไม่ต้องทำอะไรเพื่อขอบคุณเราหรอกนะ มันไม่จำเป็น....ไม่จำเป็นเลยจริงๆ" ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ "แต่....เราก็แค่..แค่อยากตอบแทนเธอบ้าง" เธอก้มหน้า ถอนหายใจ "ถ้าอย่างนั้น ช่วยอยู่กับเราอย่างนี้ซักพักจะได้ไหม"

ผมนั่งลงริมฟุตบาท เธอแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ผมนึกว่าเธอแค่อยากนั่งกับผมเงียบๆอย่างทุกครั้งที่เราพบกัน แต่เธอก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน "เราชอบมองพระจันทร์นะ ไอติมรู้หรือเปล่าว่าทำไม" ผมขมวดคิ้วแทนคำตอบ "ไอติมเคยเล่าเรื่องตั้งมากมายเกี่ยวกับพระจันทร์ให้เราฟัง" แล้วเธอก็ค่อยๆเล่าทุกเรื่องที่ผมเคยเล่าให้เธอฟัง ทีละเรื่อง ทีละเรื่อง บางเรื่องผมเองก็จำไม่ได้แล้วว่าพูดไปตอนไหน นี่อาจเป็นครั้งที่เธอพูดมากที่สุดตั้งแต่เรารู้จักกันมาเลยก็ได้ เธอเล่าไปด้วยพร้อมๆกับที่สายตาของเธอจับอยู่ที่พระจันทร์เหลืองนวลสวยเย็นตา แววตาเธอซุกซนเหมือนเด็กน้อย หากแต่เป็นเด็กน้อยที่แบกความขมขื่นผิดหวังของคนทั้งโลกหรือย่างน้อย ก็ครึ่งโลกเอาไว้บนบ่า
"แต่ว่าไอติมรู้หรือเปล่า เราน่ะรู้สึกว่า.." เธอยังคงพูดต่อไปโดยไม่ละสายตาจากที่เดิม "พระจันทร์เนี่ยนะ เค้าเป็นคนใจดีมากๆเลย" "เหรอ..ยังไงล่ะ" "ก็เค้าเป็นคนที่อยู่บนฟ้าตรงนั้นเสมอ ถึงไม่เห็นเค้า ก็รู้ว่าเค้าจะต้องขึ้นมาแน่ๆ วันนี้ พรุ่งนี้....วันไหนซักวัน คอยแทนที่เวลาที่พระอาทิตย์ไม่อยู่ คอยให้แสงสว่างเรา คอยเป็นเพื่อนเรายามค่ำคืน ไม่ให้เราต้องอยู่ในความมืดมน แล้ว...เค้าก็สวยมากๆเลยล่ะ แสงนวลเย็นตาแล้วก็ยิ้มอยู่เสมอ ดูแล้วสบายตาสบายใจบอกไม่ถูก" เธอลุกขึ้นยืน "แล้วก็อยู่ใกล้มาก.. ใกล้จนบางครั้งเราเหมือนกับว่าเราจะเอื้อมมือคว้าลงมาได้ แต่พอเผลอตัว ยื่นมือออกไปจริงๆ เรากลับคว้ามันเอาไว้ไม่ได้ แล้วฝ่ามือเราก็มีแต่ความว่างเปล่า"
เธอยื่นมือไปบนท้องฟ้าแล้วกำมือราวจะคว้าจันทร์เอาไว้ได้ ค่อยๆดึงมันลงมาแล้วแบมือ เธอจ้องมือที่ว่างเปล่าของเธอ แววตาซุกซนหายไปนานแล้ว เหลือแต่ความโศกซึ้งที่ทอประกายกับแสงจันทร์ เธอส่ายหน้าช้าๆ ถอนหายใจยาวแล้วพึมพำเบาๆ "..สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อาจคว้าจันทร์มาได้" "เราก็ปล่อยให้เค้าอยู่บนฟ้าต่อไปนั่นแหละดีแล้ว"ผมเสริม เธอหันมามองผม ยิ้มน้อยๆ "ใช่...ให้เค้าอยู่บนฟ้าต่อไป"

ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก ผมกับเธอเดินไป...ช้าๆ เป็นความเงียบที่คุ้นเคย หากแต่ว่าคราวนี้ความเงียบนั้นอ้างว้างเดียวดายไม่อบอุ่นอย่างที่แล้วมา เหมือนกับเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน วันนี้เธอดูแปลกไปมากจริงๆ เธอหยุดที่หน้าทางเข้าหอ "ไอติม เจอกันครั้งหน้าเราสองคนคงไม่เหมือนเดิมแล้วใช่ไหม" ผมไม่อาจเข้าที่ที่เธอพูด "หมายความว่ายังไง" "ไอติม สิ่งที่เกิดขึ้น...เราสองคนรู้จักกันดีเกินไป ไอติมดีกับเรามาก มากจริงๆและเราก็ซาบซึ้งในทุกๆสิ่งที่ไอติมทำให้เรานะ" ผมงงหนักขึ้นไปอีก "แล้วยังไง ในเมื่อสิ่งที่เราทำให้เธอ เราว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอทำเพื่อเรา"
ตอนนี้ น้ำตาอาบแก้มเธอแล้ว "ฟังนะ.. ตอนนี้ ไอติมมีชีวิตที่ดีพอ มีผู้คนมากมายอยู่รอบๆ มีความสุขกับสิ่งต่างๆรอบตัว แล้วที่สำคัญ ตอนนี้ไอติมมีเพื่อน เพื่อนที่จะคอยดูแลไอติมได้ แล้วเรา..เราคงไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก" ผมได้แต่ถอนหายใจ ในที่สุดผมก็เข้าใจได้ว่าเธอหมายถึงอะไร ผมสงสารเธอจับใจ "แล้วเธอ..ไม่เป็นไรแน่นะ" เธอเช็ดน้ำตาแล้วก็ฝืนยิ้ม "ไอติมไม่จำเป็นต้องรู้...แค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข เราจะคอยดูอยู่ห่างๆ..ตลอดไป" "แล้วเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้วจริงๆเหรอ" ผมถาม
เธอยิ้มแห้ง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าระคนขมขื่นจนล้นออกมาเป็นน้ำใสๆ เธอปาดมันทิ้งไป แต่มันก็ไม่ยอมหมดง่ายๆ "ได้สิ ถ้าไอติมต้องการเจอเรา หรือต้องการความช่วยเหลือจากเราจริงๆ เรายินดีทำเพื่อไอติมเสมอ... เราสัญญา" เสียงเธอแผ่วเบาราวกับจะขาดหาย เธอค่อยๆหันหลังเดินจากไป ผมรู้สึกใจหายจริงๆ อยากจะรั้งตัวเธอเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้ เธออยู่ไกลเกินไปแล้ว ไกลเหมือนดวงจันทร์

นับแต่วันนั้น ผมไม่ได้คุยกับเธอเหมือนเดิมอีก แม้ว่าจะแอบดูเธอบ่อยๆ เธอยังคงชอบยืนอยู่คนเดียวตามมุมเงียบๆ บางครั้งผมเห็นเธอเดินเล่นอยู่ท่ามกลางดอกชมพูพันทิพย์ที่ลอยมาตามลม เธอดูโดดเดี่ยวเหมือนเคย บางครั้งผมเห็นเธอแวะทักทายคนนู้นคนนี้ หลายคนไม่เคยสนใจแม้แต่จะมองเธอ บางคนก็คุยด้วยแค่นิดหน่อย แล้วเธอก็จะยิ้มเศร้าๆ เหมือนทุกครั้ง ผมว่าหลายครั้งเธอสังเกตเห็นผม แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะแวะเข้ามาทักทายเหมือนก่อน ถึงแม้เราสองคนจะไม่ได้คุยกัน ผมก็ยังรู้สึกได้ว่าเธอยังคงเป็นห่วงผมเหมือนเดิม ก็ทุกครั้ง เวลาผมอยู่คนเดียว ผมยังรู้สึกเหมือนกับว่าเธอยังคงเฝ้าดูผมอยู่ห่างๆ และบางครั้งผมได้ยินเสียงเธอจากที่ไกลๆ ราวกับว่าเธอฝากมันมากับสายลม "เรายินดีทำเพื่อไอติมเสมอ...เราสัญญา"

ถ้าเธอเข้ามาทักทายคุณ อย่างน้อยก็ยิ้มให้เธอบ้าง แล้วฝากบอกเธอด้วยว่าว่า ผมเชื่อใจเธอและคำสัญญาของเธอ ฝากบอกเธอว่าผมรับรู้ และซาบซึ้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเฝ้าทำเพื่อผมตลอดมา ผมติดค้างเธออย่างที่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนได้อย่างไร ฝากบอกเธอด้วยว่าผมขอบคุณเธอมาก

เธอ...ความเหงา



Create Date : 13 กันยายน 2550
Last Update : 13 กันยายน 2550 15:48:28 น. 10 comments
Counter : 520 Pageviews.

 
ก้อดีนะ


โดย: นูยะห์ IP: 222.123.225.55 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:11:04:14 น.  

 


โดย: อวดดี (auwddee ) วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:21:37:17 น.  

 


โดย: อภิญญา ธานี IP: 203.113.107.96 วันที่: 20 กันยายน 2550 เวลา:14:24:44 น.  

 
เราชอบเรื่องนี้มากเลย
เราชอบคำบรรยายที่บอกถึงอารมณ์นุ่มนวลและความอ่อนโยนของผู้เขียนที่บรรยายสภาพแวดล้อมเช่น

"ดอกหญ้าริมถนนไกวน้อยๆตามแรงลม"
"ลมพัดผมเธอปลิวไปสามสายลมแผ่วเบา ฟ้าคืนเดือนเพ็ญสว่างจนกลบแสงดาว พระจันทร์สว่างอบอุ่นและอ่อนโยน"

ความโศกซึ้งที่ทอประกายกับแสงจันทร์

คุณเป็นนักเขียนนิยายที่ถูกใจผู้อ่านได้เลย
ที่พูดเช่นนี้เพราะอ่านนิยายมาหลายเรื่องมากมาก


โดย: botanichuman วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:17:02:27 น.  

 
ชอบมากๆเลยนะ


โดย: Jimen4 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:02:23 น.  

 
เราพิ่งจะมาอ่าน เขาพิม มาตั้งนานล่ะ แต่ก้อน่ะ เรา ว่า อ่านแล้วมันสุดๆเลยอ่ะ เมื่อ ไรจะพิมอีกอ่ะ


แล้วเราจะรอ น่า


โดย: ชาญ IP: 222.123.169.92 วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:21:29:30 น.  

 
ขอแค่ได้เป็นเพื่อนก็พอเพราะผมมีแฟนแล้ว


โดย: แฟรงค์ IP: 203.156.41.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:45:23 น.  

 
แต่ก็เอานะเป็นกิ๊กก็ได้นะ


โดย: แฟรงค์ IP: 203.156.41.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:46:35 น.  

 
อืมๆๆๆๆๆ


ทราบคะ


โดย: FoMe IP: 222.123.238.45 วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:54:35 น.  

 
ชอบมากเลย


โดย: อ่อนโยน IP: 115.87.35.209 วันที่: 12 มิถุนายน 2554 เวลา:7:26:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน
ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี
ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี
ดูอีกทีดู"................"

เติมเองตามใจชอบเลยครับ
Friends' blogs
[Add คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.