ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน ดัชนีดาวน์โจนส.. [มุมมองส่วนตัว]

ใจจริงๆ มีหลายเรื่องที่อยากจะอ้างอิงกระทู้เก่าที่ห้องสินธร
..เผอิญว่า พอไปหาดูกระทู้เก่า เนื้อหามันก็หายไปหมดแล้ว



กระทู้นี้เป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เป็นมุมมองระยะกลางถึงยาว
คืออาจจะต้องใช้เวลา 3-6 เดือน(กลาง) ถึง 1 ปีขึ้นไป(ยาว)


มุมมองหลักๆ มี 3 ส่วน

1. มองว่า ราคาทองน่าจะลงมา ในช่วงราคา 820-780 เหรียญ

2. มองว่า ราคาน้ำมันอาจจะใกล้จุดพีคในระยะสั้นๆ นี้
(และจะพักตัวไปอย่างน้อย 3-6 เดือน)
..โดยมีจุดสังเกตุ เผื่อกรณีที่ผิดพลาดไว้ด้วย (จะได้กลับตัวทัน หากมองผิด)

3. มองว่า ดัชนีดาวน์โจนส์ เป็นรีบาวน์ดใหญ่
(ทำคลื่น B ใหญ่ระดับ week-มุมมองทางเทคนิค)




1. ราคาทอง..

ภาพแรก ราคาล่าสุด ณ วันที่ 18 เมษายน


ภาพเดิม เท่าที่พอหาได้ ช่วงแรกที่เค้าเริ่มลง


มุมมองเรื่องราคาทองเหมือนเดิมเป๊ะ..

"แนวรับทองที่น่าสนใจ
อยู่ที่แนวเส้น 50 สัปดาห์
และฐานของคลื่น 4

ช่วงราคา 820 และ 780+-10 เหรียญ ตามลำดับ.. "





2. ราคาน้ำมัน..

ภาพแรก ราคาล่าสุด ณ วันนี้


ภาพที่สองนี้ เป็นภาพที่ทำเมื่อ ต้นสัปดาห์นี้

ส่วนข้างล่างเป็นมุมมองเมื่อโพภาพนี้..

"ตอนนี้ผมมองกราฟน้ำมันประมาณนี้ครับ..

เพียงแต่ 5 ย่อย (สีน้ำเงินนี้)
อาจจะมีการยืดตัว เป็น 1-2-3-4-5 ย่อยๆลงไปอีกที
(ในกรณีนี้ ตอนนี้ เราอาจจะอยู่ใน 3 ย่อยๆ ของ 5 ย่อย-งงป่ะ)

บอกตรงๆ ว่า อ่านกราฟมาแบบนี้
แต่ผมก็ไม่ประมาท ..ความเป็นไปได้ที่จะเป็นรอบใหม่
(ให้โอกาสไว้ 20-30% ซึ่งไม่ถือว่าน้อยนัก) "


จุดสังเกตุสำคัญ คือ ให้ดู indicator ไว้
คือให้ดูที่ RSI ก่อน ถ้าราคายังคงสูงอยู่ แต่ rsi ไม่มี newhigh ด้วย
ก็ยังจะคงมุมมองว่า ราคาน้ำมัน กำลังจะเข้าสู่จุด พีค ในเร็วๆ นี้
และหลังจากนั้น จะมีการพักตัว 3-6 เดือน

แต่ถ้า indicator สามารถทำ newhigh ได้
โดยให้ดูที่ macd เป็นสำคัญ , ถ้า macd เป็น newhigh ได้ จึงจะยอมเชื่อว่าราคาน้ำมันเป็นรอบขาขึ้นรอบใหม่แล้ว..

..แต่ผมเชื่อ 80% ว่า จะไม่มี newhigh แน่ๆ ครับ
เชื่อว่า ราคาน้ำมันกำลังจะพีค และจะต้องพักตัว ไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน
โดยมองเป้าหมายราคาน้ำมันจะลงมา 2 แนว
แนวแรก กรณีลงไม่แรง ซึ่งมีโอกาสสูงกว่า ก็จะลงมาแค่ 90-85 เหรียญ
กรณีลงแรง จะลงมาได้ถึง 75-70 เหรียญ ซึ่งมีโอกาสน้อยกว่า..


ข้างล่างนี่เป็นมุมมอง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม..
ตอนนั้นกระแสน้ำมัน 200 เหรียญ ถูก รมต. บ้างคนไปฟังฝรั่งมาพูด

"ส่วนที่ว่า น้ำมันจะไป 200 เหรียญนั้นโอเว่อร์เกินไป
1-2 ปีก่อน ที่เค้าว่า 100 เหรียญนั้นเป็นไปได้(ไม่เคยแย้ง)

แต่ปีนี้ มีการขู่ว่าจะเห็น 200 เหรียญ นั่น ผมว่าโอเวอร์เกินไป
ในระยะยาว ถ้ามนุษย์โลก ยังหาพลังงานอื่นมาทดแทนนำมันไม่ได้
หรือยังไม่มีเครืองยนต์ หรือเครื่องมืออื่นๆ มาลดการเผาพลานน้ำมัน
..ในระยะยาวเป็นไปได้อยู่ ที่จะเห็นราคาน้ำมัน 200 เหรียญ

ก็ของมันใช้แล้วหมดไป หาของมาทดแทนไม่ได้
และความจำเป็นในการใช้ก็ยังมหาศาลอยู่

แต่ 200 เหรียญ ผมเชื่อว่า มันจะมีความเป็นไปได้
ก็ต้องแนวโน้มระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป หรือนานกว่านั้น



แล้วถ้า น้ำมันราคา 200 เหรียญจริงๆ ในเร็วๆ นี้
ผมว่า เศรษฐกิจโลกหดตัวลงอย่างรุนแรงแน่นอน

เนื่องจากน้ำมัน มันเป็นต้นทุนของทุกประเทศทั่วโลก


และหากแม้จะอิงกับราคา usd
หากราคาน้ำมัน 200 เหรียญ จริง
เท่ากับว่า ค่าเงิน usd เทียบ yen ญี่ปุ่น
แบบบรรญัตยางค์ ก็ต้องเท่ากับว่า 1 usd = 50 yen = 15 thb
ถ้าเป็นอย่างงี้จริง ผมว่าเศรษฐกิจพังทั่วโลก


แม้ว่าโดยส่วนตัว ตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจ ว่าที่เฟดพยายามพยุงเศรษฐกิจบ้านเค้า
ด้วยการลดดอกเบี้ย และอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า??
..ยอมรับว่า ผมยังจิตนาการผลจากนโยบายแกไข้ต่างๆ ของเฟดไปได้ไม่ถึงไหน
ยังงงๆ อยู่ , ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจอเมริกานั้นมีความพิเศษอยู่มาก

ความพิเศษในด้านค่าเงิน usd ที่มาของมัน และคุณค่าของมัน
ความพิเศษในด้านที่อเมริกาเป็นตลาดเงิน-ตลาดทุนหลักของโลก
ความพิเศษในด้านที่อเมริกาเป็นตลาดบริโภคที่ฟุ่มเฟื่อยที่สุดของโลก "





3. ดัชนีตลาดหุ้นดาวน์โจนส..

ภาพแรก ดัชนีดาวน์โจนส์ล่าสุด



ช่วงนี้ ตลาดหุ้นดาวน์โจนส และตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มกระเตื้องขึ้นมา
เราก็เริ่มได้ยินกระแสเสียงว่า ซับไพรม์ สิ้นสุดแล้วๆๆ

สำหรับผม ณ นาทีนี้..
ซับไพรม์ จะสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ
แต่ที่แน่ใจ คือผลของซับไพร์มนั้นยังไม่สิ้นสุดแน่ๆ
..ผลจากวิกฤติซับไพร์ม ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว คงจะต้องมีต่อไป
อีกอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี (หรือมากกว่า)

หลักการไม่มีอะไรมาก..
ไม่ต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้ง เมดอินไทยแลนด์ ของเราในอดีต
วิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ พวกนี้ จะส่งผลกระทบกับภาค ตลาดเงิน-ตลาดทุน ก่อนเป็นอันดับแรก
ก่อนที่จะขยายลงไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ..ซึ่งต้องใช้เวลา
ทั้งเวลาที่จะรับผลกระทบ และเวลาที่จะเยียวยาปัญหา


..เรื่องวิกฤตซับไพรม์ ผมจำได้ว่า ผมมาเตือนๆ ถึงความน่าเป็นห่วงของปัญหานี้ ที่ห้องสินธร
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2007 แล้ว หลังจากเห็นสัญญาณจากข่าวสารหลายๆ อย่าง
(ฟังทั้งข่าวสาร และฟังทั้งมุมมองจากคนที่เก่งๆ เค้าพูดเข้าที)

ตอนนั้น ผมพูดในหลายกระทู้ว่า ..
เศรษฐกิจอเมริกา และอาจจะถึงเศรษฐกิจโลก จะถดถอย
..แต่เศรษฐกิจไทย จะแค่ชะลอตัว
(ตอนนั้น มีหลายคนมาโต้แย้ง ต่างๆ นานา ไม่เชื่อ.. เพราะปัญหายังเป็นแค่จุดเล็กๆ อยู่)


พอวิกฤตซับไพรม์ เริ่มปะทุขึ้นมา
จนกระทบกับดัชนีตลาดหุ้นดาวน์โจนสรุนแรง
หลายคนก็เริ่มตระหนกตกใจ โวยวายขึ้นมา..

ผมเองก็ต๊กกะใจตามไปเหมือนกัน กลัวว่า มันจะรุนแรงจนฉุดไม่อยู่..
..แต่ก็ยังดี ที่งานนี้ ต้องชมฝีมือเฟด ที่อุด(เงิน)จนอยู่ขึ้นมา

ทำให้ตลาดหุ้นอเมริการ หยุดความกระหนกได้ เร็วเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย..


ภาพล่าง ที่กราฟที่ผมประเมินไว้ ในช่วงที่วิกฤตซับไพร์มกำลังเป็นที่ฮือฮาโอดครวญ


ตอนนั้น มองว่า ดัชนีเดาวน์โจนส์ จะมีแพ็ทเทิ่นการปรับตัวเป็น รูปแบบ 5-3-5
แต่เฟดก็อุดเงิน จนดัชนีดาวน์โจนส จบไปได้ ก่อนครบ 5 คลื่น
..อย่างไรก็ตาม รูปแบบหลักๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
จบไปที่ 3 คลื่น รูปแบบก็เปลี่ยนมาเป็น 3-3-5 เท่านั้น..

ข้างล่างนี้ เป็นมุมมองที่โพสวันนั้น


"อีกสาเหตุหนึ่ง นอกจากกราฟเราแล้ว ก็เป็นเรื่องของปัจจัยต่างประเทศ

คืนนี้ มีข่าวออกมาว่า เฟด จะลดดอกเบี้ย 1% ในคราวเดียว
ซึ่ง มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆ

แม้ว่า ด้านหนึ่ง จะแสดงให้เห็นว่า ปัญหาอเมริกานั่นใหญ่มากๆ จริงๆ
แต่อีกด้านหนึ่ง มันน่าจะส่งผลกระทบใหญ่ กับตลาดทุน ตลาดเงินด้วย

และมาคิดดู เป็นไปได้มั้ย ที่ ตลาดอเมริกา จะยังไม่มี newlow ในระยะสั้นๆ นี้ ต่ำกว่า 11500 จุด
อย่างที่ผมแอบลุ้น แอบรออยู่ คำตอบคือเป็นไปได้ครับ..

และรูปแบบของเค้าก็จะยังไม่เปลี่ยนด้วย..

เพียงแต่ ขาลงใหญ่ของเค้า จาก A-B-C ในแพ็ทเทิ่น 5-3-5 (ตามภาพข้างบน)
ก็เพียงแค่ เปลี่ยนเป็น แพ็ทเทิ่น 3-3-5 เท่านั้น..


โดยนัยยะ ภาพกราฟใหญ่ จึงไม่ได้แตกต่างไป หรือเปลี่ยนไปในระยะกลาง-ยาว "

(อยู่ในกระทู้นี้)
//www.bbznet.com/scripts/view.php?user=futures&board=1&id=24&c=1&order=numtopic


สรุป เรื่องดัชนีดาวน์โจนส์ ตอนนี้ผมมองว่า เป็น รีบาวน์ด B ใหญ่ตามภาพ
ซึ่งการรีบาวน์ดนี้ อาจจะกินเวลา ได้นานก็ได้

..เหมือนดังตอนที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ตกมาจาก 1700 จุด
มาแก่วงตัวที่ 1200 จุด อยู่ตั้ง 2 ปี ก่อนที่จะหลุดลงดิ่งมาเหลือ 200 จุด

แต่กรณีของดาวน์โจนคงไม่รุนแรงขนาดนั้น
และก็ต้องยอมรับว่า ทั้งธนาคารกลาง และภาครัฐของเค้าทำงานได้ดีกว่าเรามาก

หากมองจากภาพ จะเห็นดาวน์โจนส ทำคลื่น A
โดยลงมาจาก 14000 จุด ลงมา low แถวๆ 11500-12000 จุด
โดยลงมาราวๆ 2000-2500 จุด
..ดังนั้น คลื่น C สามารถคาดหมายคราวๆ ว่า จะลงจากจุดจบ B
มาในราวๆ 100-162% ของ A หรือประมาณ 2000-3500 จุด

ซึ่งจุดจบ B เมื่อคราวที่โพสภาพนี้คราวแรก ผมมองไว้ราวๆ 13000 จุด
..แต่เมื่อ A จบได้สูงกว่าที่คาดไว้ตอนนั้น , จุด B ก็อาจจะสูงเกินคาดด้วยเช่นกัน
ยังไงก็ตาม จุดจบ C ผมก็มองว่า มีความเป็นไปได้สูง ..
ที่ดาวน์โจนส จะจบ C ใหญ่ ในเขตแดน 11,000-10,000 จุด ครับ





*******************ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ*******************



ปล. ยาวมาเลยนะครับ..
..ใครอ่านจบเอาไป 2 จุ๊บ (เฉพาะสาวๆ เท่านั้น)
ส่วนหนุ่มท่านไหนอ่านจบ ขอชมว่าคุณมีความอดทนเป็นเยี่ยม เรื่องบนเตียงต้องเก่งแน่ๆ 555

Create Date : 19 เมษายน 2551		7 comments
Last Update : 19 เมษายน 2551 7:40:36 น.
Counter : 992 Pageviews.
Share Tweet